แชร์

บทที่ 453

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-07 18:00:00
ซี่โครงของเหลิ่งเยวี่ยหักจนหมด นอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับได้

ทั่วป๋าจิ่นกำหมัดแน่น จนมีเสียงดังกรอบแกรบ

ทั่วป๋าจิ่นคิดไม่ถึงว่า เยี่ยเป่ยเฉิงจะกล้าทำร้ายนางกำนัลส่วนตัวของเขาจนพิการไปต่อหน้าต่อตา! ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว!

เขายังไม่ทันได้ซักไซ้เอาความ เยี่ยเป่ยเฉิงก็เริ่มพูดก่อน ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: " ปกติแล้วฝ่าบาทอบรมสี่งสอนทาสรับใช้เช่นนี้หรือ? โอหังอวดดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! หากมีครั้งต่อไป ข้าจะไม่หักแค่เพียงซี่โครงของนางแน่! "

ทั่วป๋าจิ่นอยากจะสับเยี่ยเป่ยเฉิงออกเป็นชิ้นๆใจจะขาด! แต่ไม่กล้าขัดแย้งหมางใจกับเขาซึ่งๆหน้า จึงทำได้แค่กระตุกมุมปากอย่างแข็งทื่อ กัดฟันแล้วกล่าวว่า: " ท่านลุงสั่งสอนถูกต้องแล้ว ข้ากลับไปแล้วจะอบรมสั่งสอนให้ดี ท่านลุงจะได้ไม่ต้องลำบาก! "

เยี่ยเป่ยเฉิงหันหลังกลับ และกำลังจะพาหลินซวงเอ๋อร์จากไป คิดไม่ถึงว่า เสียงของทั่วป๋าจิ่นจะดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง: " ข้าว่าบาดแผลตรงไหล่ของท่านลุงหนักเอาการอยู่นะ หวังว่าท่านลุงจะรักษาเนื้อรักษาตัวของตนเองเป็นอย่างดี... "

เยี่ยเป่ยเฉิงหยุดเดิน จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่มาจากบาดแผลบนไหล่

หลินซวงเอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 454

    ทั่วป๋าจิ่นหัวเราะ: "คนนับร้อยฆ่าตัวตายหมดเลยหรือ? เจ้าคิดว่าคนอื่นจะไร้สมองเหมือนเจ้าหรือ?"องครักษ์ลับคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเสียงดัง "พลั่ก" และมีสีหน้าซีดเผือดทั่วป๋าจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า: "เห็นได้ชัดว่านายอำเภอคนนั้นพยายามปกปิด เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ดังนั้นจึงเผาสังหาร ราษฎรที่ติดเชื้อทั้งหมด... "องครักษ์ลับ: "ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!"……บรรยากาศในรถม้าอึมครึมมาก ทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรพอปิดม่านรถม้า ก็บดบังแสงจากภายนอก ทำให้ภายในรถม้ามืดเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่ในรถม้า เหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิงที่อยู่ข้างๆเป็นครั้งคราวเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จากมุมของหลินซวงเอ๋อร์ จะมองเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมของเขาเท่้านั้นดูเหมือนเขาจะยังโกรธอยู่ จึงหลับตาลงเล็กน้อยและไม่ยอมมองนาง ริมฝีปากอันเรียวบางเม้มจนเป็นเส้น คิ้วที่โฉบเฉี่ยวขมวดกันเล็กน้อย เค้าโครงหน้าที่คมเข้ม บุคลิกที่โดดเดี่ยวเย็นชาทำให้คนรู้สึกยำเกรง ในขณะที่ทำให้ผู้คนหวาดเกรงโดยไม่มีเหตุผลก็สามารถทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เช่นกันในที่สุดหลินซวงเอ๋อร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-07
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 455

    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปอย่างยากลำบากในที่สุด ประตูที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก แพทย์เดินออกมาด้วยสีหน้าที่หนักใจ“ท่านหมอ ลูกชายของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” บนใบหน้าของกงชิงเยวี่ยมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้ง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านป้าจ้าวช่วยพยุงนางไว้ตลอดเวลา แม้แต่จะยืนให้มั่นคงก็ทำไม่ได้แพทย์ส่ายหัวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า: " ท่านอ๋องโดนพิษประหลาด บาดแผลที่ไหล่กลายเป็นสีดำ พิษนี้รุนแรงมาก ดูเหมือนจะเป็นพิษที่พบเห็นได้เฉพาะหนานเจียงเท่านั้น ถ้าหายาแก้พิษ ไม่ได้ ภายในสามวัน พิษก็จะเข้าสู่ไขกระดูก แม้ว่าแพทย์หัวถัวจะยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่อาจช่วยเขาได้… "จำไม่ได้ว่าเป็นแพทย์คนที่เท่าไหร่แล้วที่พูดแบบนี้สีหน้าของกงชิงเยวี่ยซีดเผือด ร่างกายโซเซกลับไปสองสามก้าวท่านป้าจ้าวรีบพยุงนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว และปลอบโยนทั้งน้ำตาว่า: " นายหญิง ต้องดูแลตนเองให้ดีๆ บางทีอาจจะมีวิธีอื่นก็ได้... "กงชิงเยวี่ยกล่าวอย่างโศรกเศร้าว่า: "เชิญแพทย์มานับไม่ถ้วนแล้ว แต่พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน... แพทย์เสิ่นไม่ได้อยู่ในวัง ลูกชายของข้าอยู่ได้แค่เพียงสามวันเท่านั้น เขาจะรอได้อย่างไร?"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 456

    หลินซวงเอ๋อร์กล่าวพร้อมสะอื้นไห้ว่า "แต่ข้าได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนส่งเสริมและยับยั้งกัน ไม่ว่าจะเป็นพิษชนิดใด ล้วนมียาที่สามารถแก้พิษได้... "แพทย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่าง จึงพูดกับหลินซวงเอ๋อร์ว่า: " สิ่งที่แม่นางพูด ทำให้ข้านึกอะไรออก ว่ากันว่า บนโลกใบนี้มีงูประเภทหนึ่ง เรียกว่างูทองดำหางแดง ถ้าสามารถจับงูตัวนี้ได้ ให้เอาดีงูออกมาลอกหนังงูออกแล้ว แล้วนำมาต้มกับเลือดงู สามารถแก้สารพัดพิษ และรักษาโรคได้ทุกชนิด "หลินซวงเอ๋อร์ค่อยๆหายใจถี่ขึ้น: "ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็มีวิธีแก้พิษให้สวามีของข้าแล้วน่ะสิ?"“เพียงแต่ว่า…” แพทย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์ก็เต้นแรงทันที“เพียงแต่ว่าอะไร?” หลินซวงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะถามแพทย์กล่าวต่อว่า " งูนั้นดุร้ายสุดขีด และมีพิษร้ายแรงมาก ถ้าไม่ทันได้ระวังตัวแล้วถูกมันกัด จะต้องตายอย่างแน่นอน... ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยของงูชนิดนั้นยากที่จะคาดเดาได้ และจับยากมาก แม้แต่ร้านขายยาทั่วทั้งเมืองฉางอาน ตลอดครึ่งชีวิตของข้า ไม่เคยเห็นงูชนิดนี้มาก่อนเลย... "“ข้าได้ยินมาว่า งูตัวนี้มีสีทอง สีทองอันแวววาวนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 457

    งูทองดำหางแดงหาได้ยากมากในเมือง และจะต้องไปหาในภูเขาลึกที่อยู่นอกเมืองหลินซวงเอ๋อร์ขี่ม้า มุ่งไปทางเหนือของเมือง นางจำได้ว่ามีภูเขาป่าทางตอนเหนือของเมืองอยู่ลูกหนึ่ง ป่าเต็มไปด้วยหนาม เปียกชื้นเดินลำบาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ย่างกรายเข้าไปแต่พวกเขาไม่รู้ว่า งูทองดำหางแดง ชอบสิ่งแวดล้อมที่เปียกชื้นที่สุด และชอบหลบอยู่ใต้หนามการเดินทางในครั้งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ได้เตรียมตัวมาอย่างดี นางรวบผมอันยาวสลวยขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าธรรมดา ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่นางเคยใส่ตอนทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป แม้ว่าเนื้อผ้าจะหยาบ และไม่พอดีตัวเล็กน้อย แต่สามารถทำให้ตนเองเดินเข้าป่าหนามได้สะดวกมาก นางพกยาไปอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นยาทา ยากิน เอาไปทั้งหมดดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า หลินซวงเอ๋อร์สวมหมวกไม้ไผ่บนศีรษะ ไม่เพียงแต่ปกปิดแสงแดดเท่านั้นยังปกปิดใบหน้าอีกด้วย ดูไปแล้วช่ำชองเล็กน้อยลูกม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จับสายบังเหียนไว้แน่น ไม่กล้าที่ผ่อนคลายเลยแม้แต่เพียงครู่เดียวนางจำเป็นต้องไปหางูทองดำหางแดง ก่อนพระอาทิตย์ตกดินให้ได้ มิฉะนั้น ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน ตามนิสัยของงูทองดำหางแดงแล้ว พวกมัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 458

    หลินซวงเอ๋อร์มีกำลังใจขึ้นมาทันที ค่อยๆนั่งยองลงทีละน้อย กลั้นลมหายใจ สายตาจับจ้องไปยังทิศทางของเสียงครู่หนึ่ง...เสียงค่อยๆเข้ามาใกล้ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น และมือที่ถือเคียวไว้แน่นสั่นเล็กน้อยนางกลัวมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ กลัวลึกจนไปถึงกระดูก...ทันใดนั้น งูเหลือมตัวใหญ่เท่าแขนตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากป่าหนาม...“อร๊าย!!!” หลินซวงเอ๋อร์ตกใจมากจนล้มลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้งูตัวนั้นพ่นลิ้นออกมา ยกหัวขึ้นสูง และส่งเสียงอันแหลมคมออกมาจากในปาก เมื่อมันอ้าปาก ก็เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมทั้งสี่เล่มของมันภาพเหตุการณ์ที่ถูกงูกัดในวัยเด็กผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกหนาวซู่ตั้งแต่ฝ่าเท้าไปจนทั่วร่างกาย แม้แต่ฝ่ามือก็มีเหงื่อออกหลินซวงเอ๋อร์พยายามอย่างเต็มที่จะระงับความหวาดกลัวที่มีต่องู และรวบรวมความกล้าที่จะสบตามัน“ก็แค่งูเหลือมตัวเดียวเท่านั้น มันไม่เป็นพิษ และไม่กัดคน…” หลินซวงเอ๋อร์ปลอบใจตนเองอยู่ในใจอย่างต่อเนื่อง แต่คำพูดที่พูดออกมากลับแฝงไปด้วยความสั่นเครือเหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผาก และหยดลงมาตามแก้มหลินซวงเอ๋อร์พบว่าตนเองไม่อาจควบคุม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-08
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 459

    ฝนตกหนักมากป่าเริ่มเปียกชื้นและหนาวเย็นมากยิ่งขึ้นใบไม้ที่ประปรายเหนือศีรษะไม่สามารถกำบังฝนได้อีก น้ำฝนที่สะสมบนใบไม้ก็ไหลลงมา และรดไปที่บนตัวของหลินซวงเอ๋อร์หลินซวงเอ๋อร์ไม่สามารถหาที่ซ่อนได้ ร่างที่ผอมบางขดอยู่ในโพรงไม้ที่ทรุดโทรมโพรงต้นไม้มีลมพัดเข้ามาทั่วทุกสารทิศ ต้านทานฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ได้เลยแม้แต่น้อยมีฟ้าแลบฟ้าร้องเหนือศีรษะ ฝนตกลงมาหนักมาก ทำให้นางไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ จึงกอดเข่านั่งยองๆอยู่ใต้โพรงไม้ ทำให้นางดูโดดเดี่ยวเดียวดาย และน่าสงสารไร้ที่พึ่งพิงมากขึ้นเมื่อมองดูภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า นางหวนนึกถึงค่ำคืนที่ฝนตกหนักอย่างเหม่อลอยคืนที่พี่ชายกกระแสน้ำพัดพาไปในคืนนั้น ก็มีฝนตกหนักมาจากบนท้องฟ้า และมีฟ้าร้องฟ้าผ่าเหมือนกับวันนี้ ฝนซัดสาดลงมาเหนือศีรษะ หลังคาที่ทรุดโทรมไม่สามารถต้านทานได้ฝนที่ตกหนักได้ เม็ดฝนค่อยๆไหลมารวมกัน ไหลเข้ามาตามรูที่ทรุดโทรมของบ้าน หยดลงมาบนร่างกายของนางทีละหยด...ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็กลัวค่ำคืนที่ฝนตก กลัวฝนที่ตกหนักเช่นนี้ และกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังกึกก้องเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์ขดตัว ก้มศีรษะลง เขาคางวางไว้บนเข่า ฝนตกลงม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-09
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 460

    นางจับมันเอาไว้แน่นไม่ยอมคลายมือ งูก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้นาง อ้ากว้างปากกัดลงบนหลังมือของนาง ไม่ยอมปล่อยพิษแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกเวียนศีรษะทันที นางกลัวว่าตนเองจะทนไม่ได้นาน จึงโยนงูใส่ลงในกระบุงที่อยู่บนหลังงูที่ถูกโยนลงไปในกระบุงยังคงกัดหลังมือของนางอยู่ หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว จนทำให้เนื้อหย่อมเล็กๆหลุดออกไปจากหลังมือถึงแม้ว่ามันจะกัดไม่ยอมปล่อย แต่ใช่ว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของมันในขณะที่บาดแผลที่หลังมือเปิดออก เลือดก็เป็นสีดำ และไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่องหลินซวงเอ๋อร์ใช้ของปิดกระบุงเอาไว้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้งูเลื้อยหนีออกมาจากด้านในนางเริ่มวิงเวียนศีรษะมากขึ้น พร้อมด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน หลินซวงเอ๋อร์หยิบยาแก้พิษที่แพทย์มอบให้ออกมาจากในอ้อมแขน แล้วกลืนมันลงไปภายในรวดเดียว จากนั้นก็ทายาแก้พิษลงไปบนบาดแผลนางนั่งยองๆอยู่บนพื้น บาดแผลยังคงเจ็บมากอยู่ อาการวิงเวียนศีรษะไม่ได้ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรุนแรงมากยิ่งขึ้นอาจจะเป็นเพราะว่างูตัวนั้นกัดลึกจนเกินไป พิษจึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-09
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 461

    จี๋เฟิงเร่งรีบเดินทาง ขี่ม้าพาหลินซวงเอ๋อร์ฝ่ายามวิกาลกลับมาถึงจวนหย่งอันเมื่อมาถึงหน้าจวน ไม่รอให้จี๋เฟิงได้หยุดก่อน หลินซวงเอ๋อร์พลันพลิกตัวลงจากหลังม้าในทันใดขณะเท้าเหยียบลงพื้น นางยืนไม่มั่น ร่างกายจึงเซล้มฟาดลงพื้นไปตงเหมยเห็นเข้าก็รีบวิ่งมาพยุง“ตายจริง พระชายา เนื้อตัวไฉนมีบาดแผลมากมายเช่นนี้เจ้าคะ?” ตงเหมยเพ่งดูสภาพของหลินซวงเอ๋อร์ เห็นนางสะบักสะบอมไปเกือบทั้งตัว ขากางเกงยังเปื้อนด้วยโลหิต ก็ให้รู้สึกตกใจยิ่งหลินซวงเอ๋อร์ไม่สนใจความเจ็บตามร่างกาย ภายใต้การประคองของตงเหมย นางฝืนยืนมั่นคง เดินไปปลดเอาชะลอมใส่งูดำหางไหม้ที่อยู่หลังม้า พลางยื่นส่งให้ตงเหมยและกล่าวต่อ “งูดำหางไหม้ข้าหาพบแล้ว เจ้ารีบนำไปช่วยท่านอ๋อง...”ขณะที่พูด นางรู้สึกอ่อนแรงเต็มที ร่างกายฝืนทนจนถึงขีดสุดแล้วตงเหมยรีบประคองร่างโงนเงนของหลินซวงเอ๋อร์ให้ยืนมั่นคงไว้ พร้อมเรียกเสวียนอู่ให้ช่วยเอางูเข้าไปในจวนเสวียนอู่รับเอาชะลอมใส่งูไป แล้วรีบเดินเข้าด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านบาดเจ็บไม่น้อย บ่าวจะตามหมอมาดูก่อนนะเจ้าคะ”หลินซวงเอ๋อร์รีบจับมือตงเหมยไว้ กล่าวด้วยความร้อนใจ “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-09

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status