แต่ทว่า หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ออกจากจวนมานานแล้วเช่นกัน นัยน์ตาคู่หนึ่งมองไปรอบๆอย่างสงสัย เมื่อเห็นร้านขายขนมมนุษย์น้ำตาลริมถนน จู่ๆนางก็หยุดเดินทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงเดินไปข้างหน้า สังเกตมองเห็นที่อยู่ข้างๆเป็นครั้งคราวเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็หยุดเดินชั่วคราว หันกลับมาจูงมือของหลินซวงเอ๋อร์ แล้วพูดว่า "เพิ่งจะออกมาได้ไม่นาน? ก็เดินไม่ไหวแล้วหรือ?"ออกมาครั้งนอกครั้งนี้ หลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะออกมาเป็นเพื่อนนางด้วยตนเองนางเลียริมฝีปาก กล่าวกับเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างระมัดระวังว่า: "สวามี ซื้อขนมถังเหรินได้ไหม?"นับจากครั้งที่แล้วที่เป็นร้อนในแล้วปวดฟัน เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่ยอมให้นางกินขนมหวานอีก ในมื้ออาหารประจำวันก็พยายามเลือกอาหารที่มีน้ำตาลน้อยให้นางกินแต่หลินซวงเอ๋อร์อยากกินมาก ตอนนี้พอนางเห็นขนมถังเหรินจึงหยุดเดิน และนึกถึงรสชาติที่หวานเลี่ยนนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: " ซวงเอ๋อร์คนดี อย่ากินขนมหวานมากเกินไป"“กินสักหน่อยก็ไม่ได้หรือ? แค่นิดเดียวเอง…” หลินซวงเอ๋อร์อ้อนวอนอย่างจริงใจเยี่ยเป่ยเฉิงแสร้งทำเป็นกล่าวอย่างจริงจังว่า: "ไม่ได้ ซวงเอ๋อร์ต้
เยี่ยเป่ยเฉิงจูงมือหลินซวงเอ๋อร์ไปที่ร้านขายขนมถังเหริน“ ซวงเอ๋อร์อยากกินขนมถังเหรินใช่ไหม? เดี๋ยวสวามีจะเลือกให้เจ้าอันหนึ่ง”เมื่อเจ้าของร้านเห็นว่าจะมีคนซื้อของ ก็รีบทักทายอย่างอบอุ่น“นายท่าน จะซื้อขนมถังเหรินหรือ? สองสามอันนี้เป็นขนมมนุษย์น้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดเลย นายท่านดูสิว่ามีอันที่ชอบไหม”สีหน้าท่าทางของหลินซวงเอ๋อร์ดูอ่อนลงทันที นางกำลังจะบอกว่าอยากได้นกฟีนิกซ์ที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่า ในวินาทีต่อมา สีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงพูดกับเจ้าของร้านว่า "รบกวนเถ้าแก่เอาขนมถังเหรินที่อยู่ตรงมุมอันนั้นมาให้หน่อย เอาอันนั้นก็พอแล้ว"เยี่ยเป่ยเฉิงเลือกไปเลือกมา สุดท้ายก็เลือกอันที่เล็กที่สุดและน่าเกลียดที่สุดให้นาง...หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอีกครั้ง นางอยากได้นกฟีนิกซ์ที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุด ไม่ได้อยากได้หัวหมูอันนี้...เยี่ยเป่ยเฉิงยื่นขนมถังเหรินให้หลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า "กินอันนี้เถิด สวามีเห็นว่ามันน่ารักที่สุด"หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ขนมถังเหรินแค่นี้นางกินคำเดียวก็หมดละ! แต่เงินที่เยี่ยเป่ยเฉิงจ่ายให้กับเจ้าของร้
ก็เห็นชายคนนี้สวมชุดผ้าลินินเนื้อหยาบ อาจจะเป็นเพราะใส่มานานแล้ว บนเสื้อจึงเต็มไปด้วยรอยเปื้อน ดูไปแล้วทรุดโทรมและสกปรกมากสิ่งที่แปลกที่สุดก็คือ ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ใบหน้าของเขาพันด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น ทั้งหน้าเหลือไว้แค่ดวงตาครู่หนึ่งและจมูกไว้หายใจเท่านั้น ส่วนที่เหลือถูกห่อด้วยผ้าพันแผลอย่างแน่นหนา ทำให้ยากต่อการแยกแยะรูปลักษณ์ได้ จึงทำได้แค่มองรูปร่างและการแต่งกาย ถึงจะสามารถระบุได้คร่าวๆว่าเป็นผู้ชาย“เจ้านี่เดินอย่างไรกัน? เหตุใดถึงไม่ดูทางเอาเสียเลย? ” ฮุ่ยอี๋มองไปที่ชายที่นอนอยู่บนพื้น และอดไม่ได้ที่จะขนลุกชูชันไปทั้งตัวแค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ทั้งสกปรกทั้งมอมแมม มองแวบแรกก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากฮุ่ยอี๋มองดูเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนของตนเอง ดูเหมือนว่าบนนั้นจะเปื้อนสิ่งสกปรกบางอย่าง จู่ๆก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมาเล็กน้อย“ขอ..ขอโทษ...” ชายคนนั้นมีท่าทีที่สงบเสงี่ยม แววตาเหม่อลอย น้ำเสียงแหบแห้งสุดขีด ราวกับว่าคอเคยถูกไฟแผดเผามากก่อน ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากดวงตาเยี่ยเป่ยเฉิงเฉียบคม และสังเกตเห็นนัยน์ตาของชายคนนั้นอย่างรวดเร็วแตกต่างจากนัยน์ตาของคนทั่วไ
“มันเป็นแค่อาการป่วยเล็กๆน้อยๆ ท่านหมออย่ากังวลไปเลย…” ชายคนนั้นรีบอธิบาย ขณะที่พูด ผ้าคลุมที่อยู่บนใบหน้าก็หลุดออกพอแพทย์เฉินเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน ก็ตกใจมากจนทรุดตัวลงกับพื้นใบหน้าของชายคนนั้นมีบาดแผลที่เน่าเปื่อย เลือดหนองยังคงไหลออกมาจากบาดแผล แม้แต่ดวงตาคู่นั้นของเขาก็ไม่ละเว้น รูม่านตาที่แดงก่ำดูเหมือนสัตว์ร้ายที่กระหายเลือดจนไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมเลย!“เจ้า...เจ้าไปหาแพทย์ฝีมือดีคนอื่นเถิด ข้าไม่สามารถรักษาได้…” ในเวลานี้ แพทย์เฉินเสียใจว่าเหตุใดถึงเปิดประตูให้เขา แถมยังยินดีต้อนรับเขาเข้ามาด้วย!นี่ไม่ใช่อาการป่วยเล็กๆน้อยๆ แต่เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายอย่างเห็นได้ชัด! ดูจากโรคแล้ว อาจจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้แพทย์เฉินไม่กล้าให้เขาอยู่ที่นี่อีกต่อไป อยากจะรีบขับไล่เขาออกไปใจจะขาดแต่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ยอมจากไป ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเข้ามาในเมืองหลวงได้ จะจากไปง่ายๆได้อย่างไร?เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วกุมมือของแพทย์เฉินเอาไว้ วิงวอนว่า: "ท่านหมอ ได้โปรดเมตตา ช่วยชีวิตข้าด้วย ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ถ้าท่านไม่ช่วยชีวิตข้า ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน ... "หมอเฉ
“นายท่าน ท่านนาย ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เขาเป็นคนบุกเข้ามาเอง นายท่านรีบจับเขาเร็ว…” แพทย์เฉินรีบอธิบาย อยากจะอยู่ห่างจากชายคนนั้นให้มากที่สุด และก้าวเท้าเข้าไปที่หาเยี่ยเป่ยเฉิงโดยที่ไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว องครักษ์ลับก็ชักดาบอันคมกริบออกมา แล้วจ่อที่คอของเขาทันทีแพทย์เฉินจึงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น“นายท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยนะ…”“เขาเคยสัมผัสตัวเจ้า” เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองแพทย์เฉินเบาๆ น้ำเสียงเบามาก แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันแพทย์เฉินพูดไม่ออกเมื่อสักครู่นี้ เขาได้สัมผัสตัวชายหนุ่มคนนี้จริงๆแต่ทว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะติดเชื้อหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นแพทย์ เขาก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า ตนเองจะรอดพ้น และจะไม่ติดเชื้อจากโรคนี้...“นายท่านหมายความว่า…” น้ำเสียงของแพทย์เฉินสั่นเทาเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเสวียนอู่ แล้วกล่าวว่า "เอาทั้งสองคนจำคุกแยกกันก่อน หลังจากตรวจพบอาการแล้ว ค่อยจัดการ!"เสวียนอู่รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากหน้าอกแล้วปิดปากปิดจมูกเอาไว้ องครักษ์ลับทั้งสองที่อยู่ข้างหลังก็ป้องกันเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ก้าวไปข้า
หลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเหยาซื่อจะมาหาตนเองนางยืนอยู่นอกประตูจวน รอเป็นเวลานานถึงจะเห็นหลินซวงเอ๋อร์ออกมาหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหยาซื่อถึงมาหานาง เพราะอย่างไรเสีย นางก็เคยสัญญากับเหยาซื่อแล้วว่า จะไม่รบกวนฉีหมิงอีกต่อไป อีกอย่างช่วงนี้ นางไม่ได้พบกับเขาเป็นการส่วนตัวเลยทันทีที่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ เหยาซื่อก็รีบเข้าไปทักทาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ซึ่งแตกต่างจากท่าทีที่ห่างเหินเย็นชาในอดีตเป็นอย่างอย่างมากแต่เหยาซื่อยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูด หลินซวงเอ๋อร์ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: "ท่านป้า ช่วงเวลานี้ ข้าไม่ได้พบกับพี่ฉีเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปข้องแวะกับเขา ไม่ทราบว่าท่านป้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาซื่อแข็งทื่อเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานก็กล่าวอย่างกระอึกกระอักว่าว่า: " ซวงเอ๋อร์...ครั้งที่แล้วป้าไม่ได้คิดให้รอบคอบเอง เจ้ารู้ไหมว่า ป้าเป็นคนที่สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด เจ้าอย่าไปใส่ใจเลยนะ… "สักแต่พูดแต่ใจไม่ได้คิด?ตอนนั้นตอนที่นางพูดคำเหล่านี้พูดมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เพื่อไม่ให้นางไปเกาะแกฉีหมิงอีก คำพูดรุนแรงทุกประเภทก็พูดออกมาจนหมด แถม
หลินซวงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยขอร้องเยี่ยเป่ยเฉิง?เขาจะเห็นด้วยหรือ?ท้ายที่สุดแล้ว เขาเกลียดฉีหมิงมาก ไม่ต้องพูดถึงการช่วยชีวิตเขา เขาอาจจะฆ่าเขาด้วยมือของตนเองก็ได้...เมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ลังเลใจ เหยาซื่อก็โกรธ และชี้ไปที่จมูกของหลินซวงเอ๋อร์แล้วด่าทอทันที: " หลินซวงเอ๋อร์ตัวดี!เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าลูกชายของข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร? "“ตอนที่เกิดน้ำท่วมที่เมืองชิงเหอ ยุ้งฉางของบ้านเจ้าถูกน้ำท่วม ทั้งครอบครัวของพวกเจ้าแทบจะอดอยากตาย! ฉีหมิงลูกชายของข้าเอาข้าวครึ่งถุงจากที่บ้านไปช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเจ้าเอาไว้!”“ตอนนี้ ลูกชายของข้ากำลังเดือดร้อน แต่เจ้ากลับเลือกที่จะนิ่งดูดาย!”“ดังคำกล่าวที่ว่า แม้บุญคุณเท่าน้ำหยดเดียว ก็จะตอบแทนดุจสายธาร ! แต่เจ้าล่ะ? เจ้าเป็นคนอกตัญญูที่ไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณคน! ถึงปฏิเสธที่จะช่วย! และเฝ้าดูลูกชายของข้าตาย!”“ หลินซวงเอ๋อร์ หัวใจของเข้าทำจากเหล็กหรือ? ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเจ้าถูกสุนัขกัดกินไปแล้วใช่หรือไม่? เสียแรงที่ลูกชายของข้าต้องการจะสมรสกับเจ้า! แต่เจ้ากลับอกตัญญูเช่นนี้! มันช่างทำให้คนช้ำใจจริงๆ…”เหยาซื่อนั่งลงบนพื้น และเริ่
ในคุกที่ร้อนชื้น ราวเหล็กที่มีรอยด่างตรงตระหง่าน ภายใต้แสงไฟ ราวเหล็กทอดเงาตัดกันบนพื้น น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากฉีหมิงถูกมัดไว้กับไม้กางเขน มือและเท้าทั้งสองข้างขถูกล่ามโซ่เอาไว้ผู้คุมขังจะเฆี่ยนตีเขายี่สิบครั้งทุกๆหนึ่งชั่วโมง ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้บนตัวของเขาทิ้งเต็มไปด้วยคราบเลือด ทุกรอยแส้ลึกจนสามารถเห็นกระดูกเหงื่อเย็นปกคลุมหน้าผาก ทำให้เส้นผมที่ขมับเปียกชื้น เลือดฝาดที่อยู่บนใบหน้าของฉีหมิงหมดไป และมีกลิ่นเน่าเหม็นก็ตลบอบอวลไปทั่วทั้งคุกผู้คุมขังเหวี่ยงแส้ที่อยู่ในมือ ฟาดแส้ลงไปที่บนตัวของฉีหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า แส้ตีไปที่เนื้อของเขา และได้ยินเสียงแส้แต่ละอันได้อย่างชัดเจนการเฆี่ยนตียี่สิบครั้งเสร็จอย่างรวดเร็ว ผู้คุมขังโยนแส้เปื้อนเลือดไปที่มุมห้องด้วยความเซ็ง พลางเดินออกไปข้างนอก พลางพูดกับผู้คุมขังอีกคนว่า: " หรือว่าแส้อันนี้ฟาดไปบนร่างกายของคนแล้วไม่เจ็บ?ข่าเฆี่ยนเขานานขนาดนั้น! ไม่เห็นเขาร้องสักแอะ! องค์ชายใหญ่ให้พวกเราจัดการเขาเป็นพิเศษ แค่เฆี่ยนตีเขาแบบนี้ มันง่ายเกินไปไหม? "รู้ไหมว่า แส้นี้แช่ในน้ำพริกและน้ำเกลือเป็นพิเศษ เป็นการลงโทษที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ