Share

บทที่ 340

Penulis: พิณเคล้าสายฝน
หลินซวงเอ๋อร์ตอบว่า: "ท่านย่าหลิว นี่คือสวามีของข้าเอง"

ทุกคนต่างก็พากันประหลาดใจอีกครั้ง

ทันใดนั้นท่านย่าหลิวก็นึกขึ้นได้แล้วกล่าวว่า: "โอ้~ ที่แท้ก็คือฉีหมิงนี่เอง?"

มือที่จับมือนางเอาไว้แข็งทื่อ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นระรัวทันที

นางยังไม่ทันจะได้อธิบาย ท่านย่าหลิวก็พูดเองเออเองไม่สนใจใครว่า: "ได้ยินมาว่า เจ้าไปเมืองหลวงเพื่อสอบขุนนางแล้วได้อันดับที่หนึ่งไม่ใช่หรือ? ทำให้เมืองชิงเหอของพวกเราพลอยได้หน้าได้ตาไปด้วย"

“แม้ว่าย่าหลิวจะแก่แล้ว แต่ย่าหลิวไม่ได้ตาบอดนะ ย่าสังเกตเห็นมานานแล้วว่าเจ้าชอบซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์มีรูปลักษณ์หน้าตาที่สะสวย เจ้าก็เป็นจ้วงหยวนผู้มีความสามารถ ช่างเหมาะสมกันจริงๆ”

แรงที่บีบมือของนางค่อยๆเพิ่มมากขึ้น ทำให้หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเจ็บ พอนางหันหน้า ก็เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เคร่งขรึม

หลินซวงเอ๋อร์รีบเอ่ยปากขัดจังหวะท่านย่าหลิว: "ท่านย่าหลิว นี่ไม่ใช่พี่ฉี ท่านเข้าใจผิดแล้ว"

ป้าสองกล่าวอธิบายจากด้านข้างว่า: "พี่สะใภ้หลิว ท่านเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่ฉีหมิงจริงๆ "

พอท่านย่าหลิวตอบสนองได้ ก็มีใบหน้าที่เสียใจ: " ฮะ? ไม่ใช่ฉีหมิงหรอกหรือ? ซวงเอ๋อร์เหตุใดเจ้
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 341

    หลินซวงเอ๋อร์รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงโกรธ ดังนั้นจึงรีบไปง้อ: "สวามี ท่านอย่าไปฟังพวกนางพูดเรื่องไร้สาระเลย พวกนางแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ"เยี่ยเป่ยเฉิงพูดด้วยความโกรธว่า: " หืม? แต่พวกนางบอกว่าข้าดูเหมือนจะนิสัยไม่ดี และมักจะด่าว่าทุบตีเจ้า!" เขายื่นมือออกไปหยิกแก้มอันอวบอ้วนของหลินซวงเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า: "ข้าเคยด่าว่าทุบตีเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?หืม? "หลินซวงเอ๋อร์ครวญครางอยู่ครู่หนึ่ง ผลักตัวออกจากมือของเขา แล้วกล่าวว่า "สวามีแค่ดูดุร้ายเฉยๆ แต่สวามีไม่เคยทุบตีซวงเอ๋อร์เลย"คำพูดนี้ ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ บีบคางของนางอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า "ข้าดูดุมากเลยหรือ? ดุร้ายตรงไหน?"หลินซวงเอ๋อร์ถูกบีบบังคับให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานนุ่มนวลว่า: "ถ้าอย่างนั้นสวามีก็ยิ้มแย้มสิคะ พอสวามียิ้มก็ไม่ดุร้ายแล้ว"เยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยนาง ก้าวไปข้างหน้า แล้วกล่าวว่า "ข้าไม่ใช่คนขายยิ้มเสียหน่อย! เหตุใดต้องยิ้มให้พวกนางด้วย?"หลินซวงเอ๋อร์วิ่งเหยาะๆตามเขาไป มือเล็กๆจับมือของเขาเอาไว้ ง้อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: "ได้ได้ได้ สวามีไม่ชอบยิ้มก็ไม่ต้องยิ้ม กล่าวโ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 342

    เดิมทีเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เคร่งขรึม เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็มีใบหน้าที่อ่อนโยนลงแม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะดูไม่ฉลาด แต่เขากลับก็มีวิสัยทัศน์ที่ดีหวังเถี่ยหนิวถามอีกครั้งว่า: "พวกเจ้าจะไปไหนหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ข้ากลับมาดูบ้านน่ะ"หวังเถี่ยหนิวกล่าวว่า: "ทางผ่านพอดีเลย ให้ข้าจะไปส่งพวกเจ้าเถิด"หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ครุ่นคิดอะไร ก็กล่าวว่า"ดีเลยดีเลย" ขณะที่พูดก็ปีนขึ้นไปบนเกวียนวัวอย่างชำนาญปีนไปได้ครึ่งหนึ่งก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงหันกลับไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง และถามลองเชิงว่า: " สวามี... ท่านนั่งเกวียนวัวได้หรือไม่? "หลินซวงเอ๋อร์เติบโตในชนบท จึงคุ้นเคยกับการนั่งเกวียนวัว แต่เยี่ยเป่ยเฉิงเกิดมาในตระกูลที่สูงศักดิ์ คงจะไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจะไปนั่งเกวียนวัวที่โกโรโกโสเช่นนี้ได้อย่างไร?เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ เยี่ยเป่ยเฉิงมองไปที่เกวียนวัวที่อยู่ตรงหน้า แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ขึ้นมา วัวตัวใหญ่ก็เคี้ยวหญ้าในปาก สะบัดหางแล้วมองย้อนกลับมาที่เขาเยี่ยเป่ยเฉิง: "ต้องนั่งบนสิ่งนี้จริงๆหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์ปีนขึ้นไปบนเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว และหาที่นั่งดี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 343

    สายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงดูรุกรานมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงนั่งอยู่บนเกวียนวัวอย่างสงบและไม่กล้าขยับเลยหวังเถี่ยหนิวยกแส้ขึ้น วัวตัวใหญ่สะบัดหาง ล้อรถก็หมุนไปตามบนถนนในชนบทเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน สองข้างทางเป็นนาข้าวสีเหลืองทองอร่าม เวลาที่มีสายลมพัดผ่านมา นาข้าวเหลืองอร่ามก็เกิดเป็นคลื่นสีทองนาข้าวที่อยู่ทั้งสองด้าน นอกจากจะมีพืชผลที่ปลูกกระจัดกระจายแล้ว ยังมีผักผลไม้ที่อวบใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ป่าหลากสีสันบานสะพรั่งไปทั่วทุกแห่งหนเกวียนวัววิ่งผ่านเส้นทางเล็กๆระหว่างนาข้าว ถัดจากนาข้าวสีทองอร่าม ก็จะสามารถมองเห็นควันลอยขึ้นมาจากเตาปรุงอาหาร เด็กๆวิ่งไล่เล่นกันตามสันคูนา กลิ่นหอมของข้าวจากบ้านสวนลอยคลุ้งอยู่ในอากาศจางๆแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะแร้นแค้น แต่ผู้คนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข อยู่อย่างพอเพียง ไม่โกลาหลวุ่นวาย ถือได้ว่าเป็นดินแดนที่บริสุทธิ์ดินแดนหนึ่งเห็นความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงมาจนชินแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกว่า เพลิดเพลินกับชีวิตปุถุชนคนธรรมดาเป็นครั้งคราวก็ดีเหมือนกันกลิ่นในอากาศช่างน่าชื่นใจยิ่งนัก นอกจากจะมีกลิ่นหอมของข้าวแล้ว ยังมีกลิ่นหอมขอ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 344

    ทันใดนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็มองหลินซวงเอ๋อร์ ด้วยสายตาที่ลึกล้ำ: " ถ้าวันหนึ่ง ข้ากลายเป็นคนทำธุรกิจเล็กๆคนหนึ่งจริงๆ เจ้าจะยังชอบข้าอยู่หรือไม่? "หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ชอบสิคะ อย่างน้อยท่านก็ยังสามารถหาเงินมาเลี้ยงข้าได้ "เยี่ยเป่ยเฉิงอดที่จะหัวเราะไม่ได้: " แต่ข้าไม่มีหัวทางด้านการทำธุรกิจเลย ถ้าข้าหาเงินไม่ได้ล่ะ? เจ้าจะต้องยากลำบากไปพร้อมกับข้า เจ้ายังเต็มใจที่จะติดตามข้าหรือไม่? "หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างจริงจังว่า: "ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงจะทำได้แค่เลี้ยงท่านแล้ว"เยี่ยเป่ยเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ: "เลี้ยงข้า? เจ้าจะเลี้ยงข้าอย่างไร?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ข้าเย็บปักถักร้อยได้ แถมยังทำงานเป็น ถ้าไม่ได้ผลจริงๆ ฉันจะขายตนเองให้กับตระกูลที่ร่ำรวยในฐานะสาวใช้ พอถึงตอนนั้นก็คงจะเลี้ยงท่านได้ "เยี่ยเป่ยเฉิงกระชับนิ้วมือ กุมมือหลินซวงเอ๋อร์เอาไว้แน่น และรู้สึกอบอุ่นในใจดูเหมือนว่าจะมีแต่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ที่สามารถทำให้หัวใจของเขาผ่อนคลายได้อย่างแท้จริงก็คงจะมีแต่ตอนที่อยู่ต่อหน้านางเท่านั้น ที่เขาจะเผยอารมณ์ที่แท้จริงออกมาได้ซวงเอ๋อร์ของเขาดีม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 345

    สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่อายุสิบขวบ?เยี่ยเป่ยเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง“ตอนอายุสิบขวบ เจ้าอายุยังน้อย มีชีวิตรอดมาได้อย่างไร?” เยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ หลินซวงเอ๋อร์ในวัยสิบขวบที่มีกำลังอันน้อยนิด หยิบจับอะไรก็ไม่เป็น ในที่ที่ยากจนข้นแค้นเช่นนี้ สามารถมีชีวิตรอดมาได้อย่างไรหลินซวงเอ๋อร์ยักไหล่ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆว่า: " จะทำอย่างไรได้อีกล่ะ? ที่บ้านไม่มีอาหาร พี่ชายของข้าก็ไปยืมเพื่อนบ้าน พี่ฉีมักจะช่วยเหลือพวกข้าโดยไม่บอกแม่ของเขา ทำให้โดนดุด่าต่อว่าไม่น้อย "“ครอบครัวของพี่เถี่ยหนิวก็ยากจนมากเช่นกัน แต่ก็ให้อาหารพวกข้ากินเสมอ”“ปีนั้นเกิดทุพภิกขภัย ไม่มีใครมีอาหารมากนัก พี่ชายจึงพาข้าไปขอทานบนถนนที่ไกลออกไปอีกนิดหน่อย แต่ว่า ในหมู่ขอทานก็มีคนเลวปะปนอยู่ด้วย พวกเขาจะแย่งอาหารของพวกข้า แย่งเหรียญที่พวกเราขอทานมาไปจนหมดเกลี้ยงเลย…”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว รู้สึกเจ็บปวดหัวใจในสมอง ก็มีร่างที่ผอมบางคนนั้นปรากฏขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว กำลังคุกเข่าขอทานในวันที่หิมะตกหนัก ร่างกายเขียวช้ำจากความหนาวเย็น นัยน์ตาที่สดใสกลับเศร้าหมองสิ้นหวัง...“แล้วควรทำอย่างไร?” น้ำเสียงของเยี่ยเป

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 346

    เยี่ยเป่ยเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่หลังจากนั้นความรู้สึกแปลกๆ ก็ค่อยๆเกิดขึ้นในใจอีกครั้งตอนที่ซวงเอ๋อร์ของเขาทุกข์ระทม คนที่อยู่ข้างกายนางกลับไม่ใช่เขา แต่เป็นฉีหมิง...ดังนั้น ตอนนั้นที่ฉีหมิงกักขังหน่วงเหนี่ยวนาง ทรมานนาง นางจึงยืนอยู่เคียงข้างฉีหมิงเพื่อต่อต้านเขาอย่างไม่ลังเลใจ...ถ้าหาก ให้โอกาสนางเลือกอีกครั้งหนึ่งนางจะยังเลือกตนเองอยู่ไหม? หรือว่าจะเลือกฉีหมิงโดยที่ไม่ลังเลใจ?เยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล้าถาม เพราะคำตอบนี้ ดูเหมือนเขาจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วเขาซ่อนอารมณ์เอาไว้ และถามอย่างสงบนิ่งว่า : "ดังนั้น พวกเจ้าอยู่ด้วยกันนานมากเลยหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า " ก็ไม่ได้นานนัก เมื่อคำนวณเวลาแล้ว น่าจะประมาณหนึ่งเดือน ต่อมา เนื่องจากเขาต้องไปร่ำเรียนหนังสือ แม่ของเขาจึงพาเขาไปที่เมืองหลวง พวกเราจึงไม่ได้พบกันอีกเลย "เมื่อได้ยินดังนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกโกรธเล็กน้อยนางยังเด็ก ไร้ที่พักพิง เหตุใดฉีหมิงถึงทิ้งนางไว้ตามลำพัง แล้วไปโรงเรียนอะไรนั่น!ดูเหมือนว่า ในสายตของฉีหมิง เกียรติยศชื่อเสียงมีความสำคัญกว่าเยี่ยเป่ยเฉิงถามอีกครั้งว่า: "เขาทิ้งเจ้าไว้ตามลำพังแล้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 347

    แม้ว่าหลินซวงเอ๋อร์จะยิ้มแย้ม แต่ในนัยน์ตากลับเต็มไปด้วยน้ำตาเยี่ยเป่ยเฉิงเอื้อมมือไปลูบผมอันอ่อนนุ่มของนาง และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: "ตั้งแต่นี้ไป สวามีจะไม่ให้เจ้าต้องลำบากอีกต่อไปแล้ว"หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าสบตากับเขา เบือนหน้าหนีด้วยความไม่เอาไหน แล้วปาดน้ำตาจากหางตา แสร้งทำเป็นผ่อนคลายแล้วกล่าวว่า: "ข้ารู้ สวามีดีกับข้าที่สุด"“ ต่อไปข้าจะดีกับเจ้ามากขึ้น ” เยี่ยเป่ยเฉิงมองนางอย่างลึกซึ้ง น้ำเสียงของเขาต่ำทุ้ม และมีเวทย์มนตร์ที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกดีขึ้นมาก และยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ: "สวามีรักษาคำหรือเปล่า?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: " แน่นอน สวามีเคยผิดสัญญากับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? "หลินซวงเอ๋อร์ยื่นมือออกมา แล้วกล่าวว่า "เกี่ยวก้อยสัญญา"เยี่ยเป่ยเฉิงยิ้มเบา แล้วกล่าวว่า "ปัญญาอ่อน"มีรอยยิ้มที่รักใคร่อยู่ในคำพูดของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงยื่นนิ้วก้อยไปหานางดวงตาของหลินซวงเอ๋อร์ยิ้มจนเป็นพระจันทร์เสี้ยว เกี่ยวนิ้วก้อยของเขา แล้วพึมพำอะไรบางอย่างเยี่ยเป่ยเฉิงไม่เข้าใจ เห็นแต่มุมปากของนางขยับ จึงถามว่า "เจ้ากำลังพึมพำอะไรอยู่หรือ?

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 348

    เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนที่ไม่ชอบยิ้มแย้มมาโดยตลอด พยักหน้าให้หยวนซื่อเล็กน้อย ด้วยใบหน้าที่ยังคงเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ไม่เปลี่ยนแปลงมานานนับพันปีหลินซวงเอ๋อร์แอบดึงชายแขนเสื้อของเยี่ยเป่ยเฉิง หันหน้าแล้วมองเขาด้วยรอยยิ้ม การแสดงออกนั้นมีเพียงคำว่า "ท่านยิ้มหน่อย" อยู่บนใบหน้าของนางจากนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยิ้มให้กับหยวนซื่อเบาๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: "สวัสดีครับคุณป้า"หยวนซื่อพยักหน้าตอบรับอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า: "ดีดีดี อาหารพร้อมแล้ว พวกเจ้าล้างมือแล้วไปทานข้าวกันเถิด"ขณะที่พูด ก็หันกลับไปเอาอาหารมาวางลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเดินทางมาตลอดทั้งวัน คงจะเหนื่อยมาก ที่บ้านป้าไม่มีอะไรที่นำมาต้อนรับได้เลย พวกเจ้าอย่ารังเกียจเลยนะ”หลินซวงเอ๋อร์รีบกล่าวว่า: "จะรังเกียจได้อย่างไร? ซวงเอ๋อร์คิดถึงรสมือของท่านป้ามากที่สุด ตอนที่ยังเป็นเด็กมักจะมาขออาหารที่บ้านท่านป้ากินอยู่บ่อยๆ อาหารที่ท่านป้าทำอร่อยที่สุดเลย"หยวนซื่อยิ้มไม่หุบ: "เจ้าปากหวานที่สุดเลย"อาหารวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ครอบครัวของหยวนซื่อไม่ได้ร่ำรวย สิ่งเดียวที่มีอยู่คือแม่ไก่แก่ที่วางไข่กับเนื้อ

Bab terbaru

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status