แชร์

บทที่ 148

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
องค์จักรพรรดิเดินเข้ามา สวมชุดมังกรทอง และมงกุฎประดับลูกปัด รูปร่างของบุตรแห่งสวรรค์ มีความน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

ทุกคนในตำหนักก็เริ่มคุกเข่าทำความเคารพ จนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว

หลังจากที่องค์จักรพรรดิโบกไม้โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นแล้ว ก็เลิกชุดมังกรขึ้นแล้วนั่งบนเก้าอี้มังกร

จะเห็นได้ว่า วันนี้องค์จักรพรรดิอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก พระองค์กวาดสายตามองไปทั่วทั้งงานเลี้ยง ก็เห็นว่าทุกคนมากันครบแล้ว จึงพยักหน้า และส่งสัญญาณให้เริ่มงานเลี้ยงได้

ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ในตำหนักก็เต็มไปด้วยการร้องเล่นเต้นรำ ผู้คนต่างก็ดื่มเฉลิมฉลอง ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผลัดเปลี่ยนกันดื่ม บรรยากาศก็ดูคึกคักเป็นอย่างมาก

เมื่องานเลี้ยงเฉลิมฉลองไปได้ครึ่งทาง ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างสง่างาม

นางแต่งกายด้วยชุดสีแดงเข้ม ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ทุกการเคลื่อนไหวเผยความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวออกมา

ทุกคนสังเกตเห็นร่างในชุดสีแดงเข้มอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใกล้ ถึงได้รู้ว่า สตรีผู้นี้มิใช่คนอื่นไกล แต่เป็นองค์หญิงฮุ่ยอี๋

องค์หญิงฮุ่ยอี๋เป็นพระธิดาของพระสนมเอกเซียว ระสนมเอกเซียวเป็นที่โปรดปรา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 149

    ทุกคนต่างก็รอดูว่าฉีหมิงจะเลือกอย่างไร แต่กลับเห็นว่าเขามีสีหน้าที่เคร่งขรึม และไม่มีความยินดีเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นว่า: "กระหม่อมต้องการรางวัลจริงๆ แต่สิ่งที่องค์จักรพรรดิมอบให้ไม่ใช่สิ่งที่กระหม่อมต้องการ"ทันทีที่พูดนี้คำเหล่านี้ออกมา ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงเขายังเด็กเกินไปจริงๆ แม้แต่คำพูดขององค์จักรพรรดิก็กล้าปฏิเสธ แถมยังปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ทำให้องค์จักรพรรดิเสียพระพักตร์ต่อหน้าเหล่าขุนนาง!ทุกคนต่างก็พากันรอดูความอัปยศของเขา บรรยากาศในงานเลี้ยงของพระราชวังก็ผิดแปลกไปทันทีใบหน้าขององค์หญิงฮุ่ยอี๋เปลี่ยนไปเป็นสีเขียวและสีแดงเขาพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?หรือว่า องค์หญิงผู้สง่างามอย่างนางจะไม่คู่ควรกับเขา?ถ้าข่าวแพร่สะพัดออกไป นางจะเอาหน้าไปไว้ไปไหน?เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สีหน้าขององค์หญิงฮุ่ยอี๋ก็บูดบึ้งมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อขององค์จักรพรรดิ และทำท่าทางเหมือนว่ากำลังจะร้องไห้เยี่ยเป่ยเฉิงยังคงเฝ้าดูจากฝั่งตรงข้าม โดยที่ไม่พูดอะไรเลยจักรพรรดิชะงักไปเล

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 150

    หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในจวนโหวเป็นเวลานาน จนกระทั่งตีหนึ่ง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังไม่ได้กลับมานางถามตงเหมย ว่า: "เหตุใดท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีก?"วันนี้ผิดปกติไปเล็กน้อยจริงๆ ตามปกติแล้ว ในเวลานี้เขาน่าจะกลับมาตั้งนานแล้วนางคิดอย่างรอบคอบแล้วว่า นางไม่อยากเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกต่อไปแล้ว เขาเคยสัญญากับนางว่า ถ้าหาสาวใช้ที่พึงพอใจได้ก็จะเปลี่ยนตัวนางทันทีแต่เขามักจะไม่รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้แก่นาง ท่านป้าจ้าวบอกว่า ท่านอ๋องไม่ได้เลือกสาวใช้เลย!ในเวลานี้นางแทบจะรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เมื่อนึกถึงวันนั้น วันที่เยี่ยเป่ยเฉิงมอบนางให้กับขันทีคนนั้น นางก็รู้สึกหวาดกลัว และคิดว่าถ้าอยู่ข้างกายเขาต่อไปก็คงจะปรนนิบัติได้ไม่ดีนัก สู้จากไปเองไม่ได้ตงเหมยกล่าวว่า: "ท่านอ๋องไปร่วมงานเลี้ยง คงจะล่าช้าเพราะเรื่องอะไรบางอย่าง บางครั้งงานราชการยุ่งมาก ไม่กลับจวนสองสามวันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจ: "เคยเกิดขึ้นหรือ?"ตงเหมยกล่าวว่า "แต่ก่อนเคยเกิดขึ้น แต่ว่า ตั้งแต่ที่เจ้าเริ่มรับใช้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็กลับจวนทุกวัน และไม่เคยค้างคืนอยู่ข้างนอกเลย"หลินซวงเอ๋อร์นั่งบ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 151

    เยี่ยเป่ยเฉิงในยามราตรี ใรใบหน้าที่คมเข้ม ในนัยน์ตาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนรุนแรง จากนั้นดวงตาคู่นั้นก็จับจ้องมาที่นางเมื่อถูกนัยน์ตาที่ดุร้ายราวกับพยัคฆ์หมาป่าคู่หนึ่งจับจ้อง หลินซวงเอ๋อร์ก็หายใจไม่เป็นจังหวะทันทีนางต้องการหลบหนี แต่เขาถูกเขาคุมตัวเอาไว้แน่น จากนั้นก็กดไหล่ของนางไว้เหมือนไม่ได้ออกแรง แต่กลับเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งนางคิดที่จะดิ้นรน แต่พอนางเหลือบไปเห็นมือที่เพิ่งจะพันแผลเสร็จ เริ่มเปียกโชกไปด้วยเลือดเล็กน้อยก็กลัวว่าจะไปสัมผัสมือที่ได้รับบาดเจ็บของเขา หลินซวงเอ๋อร์จึงไม่กล้าขยับอีกต่อไป จึงทำได้แค่มองเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างขี้ขลาดด้วยดวงตาใสซื่อไร้เดียงสา ราวกับว่ากวางน้อยที่ตื่นตระหนก และตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาเยี่ยเป่ยเฉิงระงับไฟชั่วร้ายที่อยู่ในใจ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนอยู่ครู่หนึ่งใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์จมอยู่ในแสงไฟอันสลัว ราวกับว่าเป็นหยกงามที่โปร่งแสง และนัยน์ตาที่เหมือนน้ำในสารทฤดูในเวลานี้เพ่งมองมาที่ตน ทำให้มีเสน่ห์เย้ายวนมากดวงตาของเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆเลื่อนลงมาที่คอเสื้ออันงดงามของนาง ภายใต้ปกเสื้อที่กว้างของนาง เขาก็เหลือบไปเห็น

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 152

    คำพูดของเยี่ยเป่ยเฉิง เหมือนกับการเปิดสวิตช์ความทรงจำ ทำให้เศษฝันร้ายที่กระจัดกระจายในคืนนั้นกลับมารวมกันต่อหน้านางอีกครั้งคราวนี้ เขาอยากจะลงโทษนางแบบนี้อีกหรือ?อยากจะมอบนางให้แก่ขันทีผู้นั้นอีก หรือว่าจะทำเหมือนคืนนั้น ที่ข่มเหงนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า?ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากสัมผัสมันอีกต่อไปแล้วเพราะว่ามันเจ็บเหลือเกิน เจ็บมากเกินไปแล้ว...“ไม่นะ อย่า...ได้โปรด...”รอบๆร่างกายเขาถูกปกคลุมไปด้วยอากาศเย็น ความกดดันที่เกิดจากตัวเขากระจายไปทั่วทุกมุมห้องหลินซวงเอ๋อร์หวาดกลัวจริงๆ และยอมรับผิดครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา“ซวงเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ซวงเอ๋อร์จะเชื่อฟังท่าน ท่านอ๋องได้โปรดอย่าลงโทษข้าเลย…”“ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านอ๋องโกรธอีกต่อไปแล้ว…”นางร้องไห้ขอความเมตตา ยอมรับผิด อะไรก็ได้ทั้งนั้น ก็แค่ให้ความโกรธของเขาทุเลาลงไปได้ท่านแม่เคยสอนนางว่า ถ้าทำอะไรผิดจะต้องยอมรับผิดก่อน ถ้ายอมรับผิด ก็จะทุกข์น้อยลงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิดกันแน่ เยี่ยเป่ยเฉิงถึงได้เกรี้ยวโกรธนางขนาดนี้แต่...แต่นางคิดว่า การที่ตนยอมรับผิดด้วย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 153

    หลินซวงเอ๋อร์กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น อารมณ์ของนางมาถึงจุดที่ใกล้จะแตกสลายแล้ว ราวกับว่าเป็นเชือกที่รัดแน่น เพราะพร้อมที่ขาดได้ทุกเมื่อเมื่อเห็นว่านางยังคงลังเล เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: "พูดมา! เจ้ากำลังลังเลเรื่องอะไรอยู่? ความอดทนของข้าถึงขีดจำกัดแล้วนะ!"“ตึ๊ง~”ในที่สุดเชือกเส้นนั้นก็ขาดน้ำตาไหลทะลักออกมาจากนัยน์ตาของหลินซวงเอ๋อร์ นางพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า: "ท่านอ๋องได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด"ใบหน้าอันหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า โกรธมากยิ่งขึ้น มือที่บีบคางของนางก็ขยับไปที่ลำคอของนาง นัยน์ตาสีดำของเขาเย็นชาลง นิ้วมือของเขาก็เริ่มออกแรง และความรู้สึกที่หายใจไม่ออกก็ล้อมรอบนางทันที"ปล่อยเจ้าไป?"จะไปหาฉีหมิงหรือ? คนรักในวัยเด็กที่เป็นเพื่อนเล่นกันโดยไม่ได้คิดอะไร ที่ผูกสมัครรักใครกันคนนั้น?ความรู้สึกหายใจไม่คลืบคลานเข้ามาทีละน้อย หลินซวงเอ๋อร์ค่อยๆหายใจไม่ออก และเลือดบนใบหน้าของนางก็ค่อยๆจางลง...เมื่อเห็นใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ใต้ฝ่ามือของเขาค่อยๆซีดลงทีละน้อย เยี่ยเป่ยเฉิงก็ขมวดคิ้วลึก ความรู้สึกแปลกๆในใจทะลักขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 154

    หลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยความสับสน ความใคร่ที่เขาปลุกเร้าในนยัน์ตาของนางเห็นได้ชัดว่ายังไม่หายไปแต่จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็ถอยห่างจากตัวนางเมื่อแสงสาดส่อง ใบหน้าที่ประณีตงดงามของเขาไม่มีใครเทียบได้ โครงหน้าเหมือนถูกแกะสลักเอาไว้อย่างประณีต ในความเย็นชาเผยความสูงศักดิ์ที่ทำให้คนไม่อาจเมินเฉยได้เพียงแต่ว่า ในขณะนี้คิ้วของเขาขมวดกัน สีหน้าเย็นชาราวกับว่าเป็นน้ำแข็ง และมีร่องรอยแห่งความโกรธในดวงตาอันลึกล้ำของเขาหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกงุนงง เมื่อกี้เขาหลงใหลในตัวนางมาก เหตุใดถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในชั่วพริบตาเดียวสติของนางค่อยๆฟื้นคืนมา หลินซวงเอ๋อร์ก็พบว่าเสื้อผ้าของนางถูกเขาถอดออกไปหมดแล้วใบหน้าของนางแดงระเรื่อ และรีบจัดเสื้อผ้าที่กระเซอะกระเซิงของตนเองเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ตรงหน้าของนาง ในมือถือบีบถุงเงินเอาไว้แน่น เลิกตาขึ้นเล็กน้อยแล้วมองพินิจดูมัน เมื่อเห็นลวดลายบนถุงเงินได้อย่างชัดเจน เขาหัวเราะด้วยความโกรธเขาเห็นบนถุงเงินปักมังกรนกฟีนิกซ์คู่หนึ่งอยู่ ใต้ลวดลายปักคำว่า "เยี่ย" เอาไว้“นี่เจ้าทำให้ข้าหรือ?”ริมฝีปากที่เรียวบางของเขาแยกออกจากกันเล็กน้อย แต่สีหน้าท่าทางของเขาเย็นชา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 155

    ดึกดื่นเที่ยงคืนเสิ่นป๋อเหลียงถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูอย่างรวดเร็วการรบกวนใจการนอนของผู้อื่น เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง !เสิ่นป๋อเหลียงอดทนต่อความโกรธแล้วลุกขึ้นมาจากเตียง และต้องการที่จะสอนบทเรียนแก่คนไม่รู้จักชั่วดีที่อยู่ข้างนอกพอเขาเปิดประตูก็เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างนอกประตูเสิ่นป๋อเหลียงตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ๆ และคิดว่าเขาคงมีเรื่องอะไรที่สำคัญมากๆ ถึงได้มาหาเขาดึกดื่นขนาดนี้ จึงรีบกล่าวว่า: "ท่านอ๋อง... เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือ?"จากนั้นก็กวาดสายตาไปที่บนตัวของเขา และเห็นว่าไม่มีรอยเลือดอยู่บนตัวเขาเลย และดูไม่เหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเสิ่นป๋อเหลียงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้นเรื่องสำคัญอะไร ถึงต้องมาหาเขากลางค่ำกลางคืน?“ข้าป่วย!”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักเสิ่นป๋อเหลียงออกไป ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม และเดินตรงเข้าไปในเรือนเสิ่นป๋อเหลียงตกตะลึง และรีบเดินตามเขาเข้าไปในเรือนทันทีหลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในเรือนแล้ว เสิ่นป๋อเหลียงก็ปิดประตู ในเวลานั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็ได้หาเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลงไป เพื่อให้เสิ่นป๋อเหลียงตรวจชีพจรให้เขาเมื

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 156

    แต่ว่า เขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาของเขาเอง แย่างไรเสีย ตั้งแต่คืนนั้นที่เขาได้สัมผัสกับหลินซวงเอ๋อร์ เขาก็ฝันร้ายทุกคืน ตอนที่ไม่มีใคร เขาจะไปที่ห้องทำสะอาดเพื่อสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองอยู่หลายครั้ง แต่เวลาไม่เคยสั้นแบบนั้นแต่พอจะสัมผัสนางจริงๆ กลับทำไม่ได้!เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรเลย เสิ่นป๋อเหลียงก็ถามเขไปตามตรงว่า: "ตอนที่กำลังจะร่วมหลับนอน เจอปัญหาอะไรหรือไม่?"เยี่ยเป่ยเฉิงพยักหน้าอย่างสงบนิ่งเสิ่นป๋อเหลียงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งเขามาหาเขาตอนกลางค่ำกลางคืน เพราะเรื่องนี้จริงๆหรือ?เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้แม้ว่าเสิ่นป๋อเหลียงจะเกรี้ยวโกรธอยู่ในใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยเป่ยเฉิง เขาก็ต้องระงับความโกรธแล้วพูดอย่างสงบนิ่งว่า: "ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล ตอนที่ข้าแต่งงานกับภรรยา ในคืนที่แต่งงานก็เจอเรื่องแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะธาตุไฟในร่างกายเยอะจนเกินไป และเร่งรัดที่จะร่วมหลับนอน ร่างกายจึงไม่พร้อม…"เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงได้ยินดังนี้ นัยน์ตาที่หม่นหมองของเขาก็สว่างขึ้นมาทันที: "ข้าไม่ได้ป่วยหรือ?"เสิ่นป๋อเหลียงอดไม่ได้ที่จะหัวเ

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 628

    นางกล่าวตอบ “สูญเสียคนที่รัก อยู่อย่างโดดดายชั่วชีวิต...”เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเวลานี้ จึงจดจำคำพูดที่กล่าวอย่างเลื่อนลอยในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด รู้เพียงว่า หัวใจกำลังทวีความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ“ซวงเอ๋อร์ รอข้าด้วย เจ้าจะต้องรอข้า...” เขารีบเฆี่ยนแส้อย่างแรง ห้อตะบึงต่อไปอีกในที่สุดก็มาถึงอำเภออวิ๋นซีเหตุเพราะหน้าดินถล่ม จึงทำให้เส้นทางราบเรียบแต่เดิมกลายเป็นเขาสูงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้อีก เมื่อขบวนเดินทางต่อไม่ได้ จึงต้องใช้ทางอ้อมไปเยี่ยเป่ยเฉิงติดตามคนของตระกูลไป๋เดินอ้อมภูเขาสูง มาถึงปากทางหมู่บ้าน อยู่ไกลๆ ก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งถือพลั่วพร้อมตั้งหน้าตั้งตาขุดดินอยู่ และหนึ่งในนั้นมีรูปกายที่คุ้นตายิ่งเขาคือไป๋อวี้ถัง...ยังจำได้ดีว่า ไป๋อวี้ถังเป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีความสำอางตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่วันนี้ ตัวเขากลับเลอะด้วยดินโคลน ผมเผ้ากระเซิงยังพอว่า สองมือยังเปื้อนเลือด แลดูมอมแมมเป็นอย่างมากแตกต่างจากบุคลิกสง่างามสูงส่งที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงความรู้สึกกังวลใจของเยี่ยเป่ยเฉิง มาถึงยามนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาพลิกตัวลงจากหลังม้า ก้าวเท้าหนักตรงไปหาไป๋อวี้ถัง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 627

    เยี่ยเป่ยเฉิงขี่ม้าออกนอกเมือง ไม่นานก็ไล่ตามคนของตระกูลไป๋จนทัน คนของตระกูลไป๋คล้ายจะออกมาทั้งหมด ทั้งบ่าวไพร่และคนงานรับใช้ทั่วไปที่น่าแปลกก็คือ แต่ละคนมิได้พกอาวุธติดตัว เพียงถือจอบเสียมหรือพลั่วคนละอันเท่านั้นทุกคนคล้ายจะเร่งรีบมาก ควบม้าอยู่ตลอดแทบไม่ได้หยุดพัก หากไม่เพราะเยี่ยเป่ยเฉิงเร่งขี่ม้าให้เร็วขึ้น คงไม่อาจตามทันในเวลาอันสั้นแน่เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงตามไปถึง ก็ได้รั้งตัวทหารผู้หนึ่งไว้ พร้อมกับซักถาม “ใต้เท้าของเจ้าอยู่ที่ใด?”ทหารของตระกูลไป๋ล้วนรู้จักเยี่ยเป่ยเฉิงดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นเขามาขวางทาง จึงรีบดึงเชือกให้หยุด พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ“ใต้เท้าออกไปแต่เช้าตรู่ขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงจึงกล่าวต่อ “เขาไปที่ใด? มีผู้ติดตามหรือไม่?”ทหารตอบตามความจริง “ใต้เท้าออกไปเพียงลำพัง ส่วนจะไปที่ใดนั้น ข้าน้อยไม่ทราบได้”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้ว่าทหารคงไม่พูดโกหก จึงได้ถามต่อ “แล้วพวกเจ้าจะไปที่ใด? เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ทหารกล่าวตอบ “ได้รับคำสั่งด่วน ให้คนตระกูลไป๋ออกเดินทางทั้งหมด ไปช่วยเหลือที่อำเภออวิ๋นซีขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเบาๆ เกิดลางสังหรณ์ไม่สู้ดีในใจ “ช่วย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 626

    เยี่ยเป่ยเฉิงติดตามเสิ่นป๋อเหลียงเข้าไปในเรือนอวิ๋นซวนก่อนหลินซวงเอ๋อร์จะจากไป นางเก็บไปเพียงเสื้อผ้าชุดเก่าบางตัวเท่านั้น ยาที่เจียงหว่านจัดเตรียมไว้ให้ นางไม่ได้เอาไปด้วย และตอนนี้ก็วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเสิ่นป๋อเหลียงเดินเข้าไป นำยามามอบให้เยี่ยเป่ยเฉิง พลางกล่าว “ข้าน้อยเดาว่า ที่พระชายาตกโลหิต สาเหตุเพราะเกิดจากยาตัวนี้”เยี่ยเป่ยเฉิงมองดูยาในมือเสิ่นป๋อเหลียง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยคราวก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์ขึ้นเขาไปจับงูให้เขา เดินทางเพียงลำพัง กลับมามีบาดแผลทั่วร่าง ยาตัวนี้เจียงหว่านเป็นคนปรุงให้นาง บอกว่ามีสรรพคุณในการรักษาแผลเป็นได้ดี ให้หลินซวงเอ๋อร์ใช้อย่างต่อเนื่อง...ถ้าหากว่ายาตัวนี้มีปัญหาจริง มิเท่ากับเจียงหว่านคิดร้ายต่อหลินซวงเอ๋อร์ตั้งแต่แรกพบหน้าแล้วรึ?มิหนำซ้ำ ยังอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาด้วย!เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร ยาตัวนี้ข้าได้ส่งให้หมอหลวงตรวจถึงสองครั้ง หมอหลวงก็บอกว่าไม่มีปัญหา...”แรกเริ่มนั้น เขาก็เคยสงสัยเจียงหว่านเช่นกัน จึงนำยาที่นางปรุงให้หลินซวงเอ๋อร์ไปให้หมอหลวงตรวจดู แต่หมอหลวงหลายคนต่างบอกว่าไม่มีปัญหา เขาจึงไม่ได้สงสัยนางอีก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

DMCA.com Protection Status