Home / วาย / ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า / บทที่ 18 มิอาจมองแต่เพียงภายนอก

Share

บทที่ 18 มิอาจมองแต่เพียงภายนอก

last update Last Updated: 2025-03-10 02:21:55
ต่อจากนั้นไม่นานคนสองคนก็มาถึงชานเมือง ว่านฟู่เฉิงยังคิดว่ากู่ซิงอีจะไปที่กระท่อมไม้ไผ่หลังเดิมเสียอีก แต่เส้นทางกลับอยู่คนละทิศคนละทาง

“คุณชายว่านเมื่อยล้าหรือไม่” กู่ซิงอีลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ปกติคุณชายว่านมักจะมีเบาะรองนั่งที่เก้าอี้รถเข็นของตนเสมอเพราะต้องนั่งทั้งวัน แต่วันนี้ตนรีบมาปล้นคนจนเกินไป เตรียมได้แค่ทำความสะอาดรถขนของกับทำอาหารมาเล็กน้อยไว้กินระหว่างทางเท่านั้น

“ตอนนี้ยังไม่” ว่านฟู่เฉิงหัวใจอุ่นวาบ ตอบตามความจริง หลายวันที่ผ่านมากู่ซิงอีมักจะสังเกตเสมอว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร อย่างตอนกินข้าวก็จะจำได้ว่าเขาไม่กินของมันหรือหนังหมู อาหารวันก่อนที่แม่ครัวเตรียมให้ก็มีหมูสามชั้นตุ๋นสมุนไพรสีน้ำตาลชิ้นพอดีคำมาด้วย แต่หนังหมูกับชั้นไขมันก็ถูกตัดออกไปจนหมด หากมองผ่านก็ดูเหมือนมีคนแอบกินเพราะมีฝั่งหนึ่งที่สีแตกต่างจากส่วนที่เหลืออย่างชัดเจนทำให้มองดูก็รู้ว่าไม่ได้ถูกตุ๋นด้วยเนื้อล้วน ๆ ตั้งแต่แรก แน่นอนว่าว่านฟู่เฉิงรู้ว่าเป็นฝีมือใคร ตอนนั้นเขาถึงขั้นหลุดขำออกมาเพราะรอยตัดเหมือนรอยคนแอบกินจริง ๆ ราวกับได้มีเจ้าหนูตัวน้อยมาอยู่ดูแลข้างกายเขา คอยแอบทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบให้
เสี่ยวเทีย

....นี่คือเหตุผลนึงที่พ่อว่านเขาของจ้องเขม็งน้อง เพราะคิดว่าน้องเป็นจอมเสเพล 5555 แต่ก็เนอะคนมันว่างเลยมาตามตื้อเขาขนาดนั้นเพื่อเพื่อนตัวเอง จนถูกเข้าใจผิดไปหมด

| 1
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 18 (บทท้าย) ต่อแต่นี้ ข้าจะเป็นขาให้ท่านเอง

    ตอนนี้ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว ดูเหมือนคนที่เขาคิดว่าเป็นจอมเสเพลผู้นี้ก็คล้ายจะคำนวณเวลาได้แม่นยำ ในทุกเจ็ดวันมักจะทำให้ตัวเขาไม่มีงานทำไปหนึ่งวัน กลายเป็นว่าวันที่ว่างก็จะถูกกู่ซิงอีปล้นคนออกมาอีกตามเคย ในรอบที่สองนั้นเขามีเบาะนั่งส่วนตัวแล้ว แถมลาตัวอ้วนก็ถูกหลี่เซียวเปลี่ยนเป็นม้าให้แทน ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เขารอคอยมาตลอดก็คือคำว่า ‘ข้ามาปล้นคนแล้ว!’ ของกู่ซิงอีเท่านั้น ครั้งนี้ก็เป็นรอบที่สี่ที่กู่ซิงอีแบกเขาขึ้นบนหลัง พามาเที่ยวเขตนอกเมืองอีกตามเคย สายลมวันนี้เย็นสบายไม่หนาวมากนัก แต่สารทฤดูกำลังผ่านพ้นไปแล้ว เหมันต์ฤดูใกล้เข้ามาเยือน อีกไม่นานคงไม่ได้ออกมาเที่ยวอีก ว่านฟู่เฉิงขยับแขนกระชับตัวกู่ซิงอีแน่นขึ้นอีกนิด ด้วยกลัวว่าหากอากาศเย็นลงมากกว่านี้กู่ซิงอีคงไม่มาปล้นคนอีกแล้วจึงกังวลใจเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา และกำลังคิดว่าหากถึงวันที่ไม่มีงานต้องสะสางอีกฝ่ายจะไปไหนบ้างในวันนั้น “ถ้าหากขาของข้าเป็นปกติ ข้าคงไปเที่ยวเล่นไกล ๆ กว่านี้กับเจ้าได้” ว่านฟู่เฉิงโน้มตัวไปด้านหน้าเอาคางพิงไหล่ของกู่ซิงอีด้วยความเคยชิน กล่าวเสียงเบาข้างใบหูของอีกฝ่าย ยาม

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 19 กลมกลืนไปกับเจ้า หวังเพียงปลอบใจตนเอง

    วันเวลาล่วงเลยจนเข้าสู่เหมันต์ฤดู อากาศเริ่มหนาวขึ้นมาเล็กน้อย หลี่เซียวรู้สึกแปลกใจยิ่งนักที่คุณชายนัดเขาตั้งแต่เมื่อวานว่าวันนี้ให้มาปลุกตนไวขึ้นอีกหน่อย แถมยังเร่งเขาให้รีบช่วยแต่งตัวให้ ทั้งที่ปกติคุณชายมักจะคำนวณเวลาได้ดี ออกจากบ้านตรงเวลาและกลับบ้านตรงเวลาไม่เคยช้าเลยสักครั้ง แต่วันนี้กลับดูรีบร้อนผิดแผกไปจากเดิม แถมชุดปกติที่เขาเคยเลือกให้ก็บอกว่าไม่ชอบแล้ว อาภรณ์สีเขียวที่มักใส่เป็นประจำถูกเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีฟ้าผสมเขียวซึ่งค่อนข้างเน้นไปทางสีฟ้ามากกว่า พอแต่งตัวเสร็จคุณชายก็มานั่งรออยู่ที่ข้างรถม้าไม่ยอมให้เขาพาขึ้นไปเสียที ข้างนอกอากาศไม่เย็นมากนักแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่หนาวเลย เกรงว่าหากรั้งจะอยู่ต่ออีกสักพักคุณชายกับเขาได้จับไข้แน่ ๆ กระทั่งใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา สายตาที่เคยมองคนอื่นด้วยความเรียบเฉยราวกับมดตัวหนึ่งก็เปลี่ยนไป หลี่เซียวจำได้ว่าครั้งแรกที่คุณชายพบเจอคู่หมั้นของตนเองยังไม่เป็นเช่นนี้เลย เอ่อ...แม้ตอนนี้คู่หมั้นคนนั้นจะไม่ใช่คู่หมั้นอีกต่อไปแล้วก็ตาม และกล่าวตามจริง หลี่เซียวคิดว่าควรเปรียบเทียบว่าไม่เคยเห็นคุณชายมองคนอื่นเช่นนี้ม

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 19 (ท้าย) ไม่รูปงามหรือ

    ว่านฟู่เฉิงพอผ่านประตูแรกเข้ามาได้แล้วก็ขยับมือเข็นเก้าอี้รถเข็นไปด้านหน้าด้วยตนเอง เพราะช่วงเช้าเขามักจะออกแรงเสมอเพื่อไม่ให้แขนพิการเพิ่มไปด้วย ที่ต่างไปจากเดิมก็คือมีกู่ซิงอีมาเดินเชื่องช้าอย่างผิดวิสัยอยู่ด้านข้างด้วยกัน อดีตโจรถ่อยผู้นี้ปกติเดินเหินว่องไวปานสายลม บางครั้งก็เหมือนลอยตัวได้ ปีนกำแพงปีนหน้าต่างจวนผู้อื่นดุจแมวน้อยตัวหนึ่ง มีบางครั้งเขายังเคยคิดไปว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับวรยุทธในการเหาะเหินเดินบนอากาศเป็นเรื่องจริงด้วยซ้ำเมื่อได้เห็นกู่ซิงอีขยับกายแต่ละที แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่อยู่กับเขาคนผู้นี้จะเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เดินอยู่ข้างกายไม่ช้าเกินหนึ่งก้าว ไม่เร็วเกินหนึ่งก้าวตลอด จนหลัง ๆ มาเขาก็เริ่มชินไปเสียแล้วที่มีกู่ซิงอีมาเดินประกบด้านข้างอยู่แบบนี้ จู่ ๆ กู่ซิงอีก็ร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ!” ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าสิ่งที่ตนรู้สึกแปลกไปนั้นคือสิ่งใด “คุณชายว่านไม่สวมอาภรณ์สีเขียวแบบเดิมแล้ว ข้าเกือบจำไม่ได้แน่ะ” ปกติในตู้เสื้อผ้าคุณชายว่านที่กู่ซิงอีเจออยู่ทุกวันก็มีเพียงอาภรณ์สีเขียวอยู่เต็มตู้ไปหมด เป็นสีเขียวที่ไม่ได้ซ้ำกัน เข้มบ้างอ่อนบ้าง

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 20 ตอนต้น สิ่งที่คิดมาตลอดมันแน่ชัดเสียจนเริ่มหวาดกลัว

    “แม่นางเป็นอะไรหรือไม่” แม้นใบหน้าของกู่ซิงอีจะเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่ในน้ำเสียงก็แฝงความอ่อนโยนไว้เล็กน้อย บวกกับความเยาว์วัยและรูปงามต่อให้หน้าบึ้งตึงกว่านี้ก็ทำให้ผู้คนอยากเข้าหาอยู่ดี “ข้าไม่เป็นอะไรมากเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายที่ช่วยข้าไว้” สตรีนางนั้นไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ การแต่งตัวดูมีฐานะอยู่บ้าง แถมยังเอวบางร่างน้อย สาบเสื้อแหวกออกจนเห็นเนื้อหนังตรงอกอย่างชัดเจน น้ำเสียงก็หวานไพเราะน่าฟัง ทว่าว่านฟู่เฉิงกลับรู้สึกรังเกียจน้ำเสียงออดอ้อนเช่นนั้นยิ่งนัก ถึงขั้นกำพัดแน่นขึ้นจนเส้นเลือดที่มือนูนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เขาปิดม่านลงพยายามไม่สนใจว่าสองคนนั้นสนทนาอะไรกันต่อ ถึงจะมองออกว่าสตรีนางนั้นจงใจยั่วยวน ส่วนกู่ซิงอีก็ทึ่มทื่อไม่รู้เรื่องราว แต่อย่างไรก็ยังคงหงุดหงิดไม่เลิก ไฟกองเล็กที่สุมมาสักพักเริ่มเผาไหม้ลามเลียจนใหญ่โต มิอาจห้ามให้ตนเองไม่คิดมากได้อีก ไม่นานต่อจากนั้นเมื่อคิดว่ารถม้าจะออกตัวแล้วกลับพบว่ากู่ซิงอีเปิดประตูรถม้าด้านข้างออกแทน ใบหน้าของกู่ซิงอีไม่เย็นชาแบบเมื่อครู่แล้ว แต่กลับเจือแววอ่อนโยนแต่งแต้มรอยยิ้มละมุนไปให้คนในรถม้า เขาขยับตัวก้าวขึ้นมา

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 20 ตอนปลาย เมื่อมิได้พบเจ้า

    จนกระทั่งครั้งนี้เป็นรอบที่สี่แล้วที่ว่านฟู่เฉิงยกแขนข้างเดิมขึ้นมาอีก กู่ซิงอีก็ยกมือตัวเองลูบ ๆ ให้ “คุณชายว่านแขนเสื้อไม่ได้เปื้อนแล้ว” เขาอดกล่าวอย่างเหลืออดมิได้ คนผู้นี้เมามายเกินไปแล้วใช่หรือไม่! “อืม” ว่านฟู่เฉิงรับคำเสียงเบาวางแขนลงที่เดิม ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ ยังคงตอบคำถามของเหล่าพ่อค้าได้ปกติ ทว่าอีกสักพักเขาก็ยกแขนข้างเดิมขึ้นมาอีกก่อนจะเงยหน้าหันไปมองกู่ซิงอีด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง “คุณชายว่าน...” กู่ซิงอีย่อตัวลงไปนั่งชันเข่าข้างหนึ่งข้างเก้าอี้รถเข็นของว่านฟู่เฉิง แล้วกัดฟันกล่าวเสียงเบากับเขา “แขนเสื้อไม่ได้เปื้อนแล้ว!” กระนั้นก็ยังยกมือขึ้นลูบแขนให้เขาเหมือนเดิม การกระทำของสองคนนี้อยู่ในสายตาหลี่เซียวมาสักพักแล้ว เจ้าตัวเม้มปากแน่น ไม่กล้าเดาว่าจะเป็นอย่างที่ตนคิด เขากวาดตามองรอบห้องดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจคนหน้าโต๊ะทั้งสองคนเท่าไรเพราะเริ่มเมามายกันมากแล้ว หลี่เซียวจึงพรูลมหายใจด้วยความโล่งอกอยู่เงียบ ๆ เพียงคนเดียวที่มุมห้อง ไม่นานต่อจากนั้นกู่ซิงอีก็รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลขอกล่าวจบงานเพื่อพาคุณชายว่านกลับไปพัก หลี่เซียวต้องยอมรับว่

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 21 เยือนบ้านเจ้าเพียงหวังได้พบหน้า

    กระทั่งยามโหย่วมาเยือน (17.00 – 18.59 น.) ว่านฟู่เฉิงก็เริ่มนั่งไม่ติดกลัวกู่ซิงอีจะหนีหายไป และอีกใจก็กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับกู่ซิงอี เขารีบเรียกหลี่เซียวเข้ามาหา วันนั้นหลังจากที่กู่ซิงอีลักพาตัวเขาไปครั้งแรก เขาก็สั่งหลี่เซียวให้ส่งคนไปตามสืบเรื่องคุณหนูรองตระกูลเซี่ยและสืบที่อยู่ของกู่ซิงอีมาด้วย ถึงได้รู้ว่าบ้านของกู่ซิงอีตั้งอยู่เขตชานเมือง “เตรียมรถม้า ไปบ้านกู่ซิงอี” ว่านฟู่เฉิงกล่าวเสียงเรียบกลบเกลื่อนความรู้สึก หลี่เซียวไม่ถามมากความด้วยความอยู่เป็นก็ขานรับหนึ่งทีแล้วรีบจากไปเตรียมรถม้าตามที่เจ้านายสั่ง กู่ซิงอีที่เตรียมรอหมักสุราจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะที่ประตูรั้ว เขารีบวางของในมือลง คิดว่าเป็นเซี่ยลู่หลินที่ขาดการติดต่อไปนานเดินทางมาหาตน ในใจที่หนักอึ้งมาทั้งวันก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาย่องไปหาเซี่ยลู่หลินแล้วไม่เจอ จึงจำต้องบากหน้าไปขอพบตามตรง ทว่านายท่านเซี่ยก็สั่งคนในบ้านกันเขาไว้ ยามนี้พอได้ยินเสียงเคาะประตูรั้วจึงคิดว่าสหายของตนหนีออกมาได้แล้ว เพราะบ้านของเขาอยู่เขตที่ไม่ค่อยมีบ้านคนมากนัก และไม่มีใครรู้จัก ดังนั

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 21 บทท้าย ความทุกข์มลาย เพียงแย้มยลหน้าท่าน

    ใบหน้าของว่านฟู่เฉิงเริ่มขึ้นสีชมพูอ่อนจางลามไปยังใบหูแล้ว ปกติต่อให้เขาจะดื่มสุราไปหลายกาแต่ใบหน้าก็ยังคงขาวกระจ่างดังเดิม ทว่าบัดนี้กลับเรืองสีชมพูอ่อนขึ้นมาอย่างง่ายดายเพียงเพราะถูกคนทึ่มทื่อผู้หนึ่งสัมผัสมือไปมาเท่านั้นเอง เขาแอบมองรอยยิ้มด้านข้างที่ดูแปลกพิลึกของกู่ซิงอีด้วยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหลงใหลอะไรในมือของเขาจนยิ้มแบบนั้นออกมา ตบท้ายด้วยการกระทำที่แปลกประหลาดนั้นกู่ซิงอีก็ยังส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมาอีกด้วย! ว่านฟู่เฉิงครั้นถูกปล่อยมือแล้วก็ยังปรับสภาพหัวใจที่เต้นผิดจังหวะได้ไม่ดีนัก เขาบรรจงผสมข้าวหลายอย่างและสมุนไพรที่กู่ซิงอีเตรียมไว้ให้เข้าด้วยกันตามที่อีกฝ่ายบอก เมื่อผสมเสร็จแล้วก็นำไปใส่ในไหใบใหญ่ข้างขาที่กู่ซิงอีนำมาวางไว้ให้ ว่านฟู่เฉิงยังคงนั่งทำด้วยความนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่พักใหญ่เพราะกำลังพยายามปรับอารมณ์ของตนเองให้มั่นคงอยู่ ฝั่งกู่ซิงอีก็ยกไหสุรามาเตรียมรอบนโต๊ะ เดินหยิบของมาวางไว้ใกล้ลูกมือคนใหม่ของตนไม่พัก “ผู้เฒ่าเว่ยเป็นคนสอนเจ้า?” “เป็นเขา” กู่ซิงอีที่กำลังสอนวิธีการมัดไหสุราเพื่อปิดผนึกให้แน่นก็ตอบกลับ แววตามีทั้งรอยยิ้มและความค

    Last Updated : 2025-03-11
  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   บทที่ 22 คนพูดคิด แต่คนฟังไม่ทันสังเกต

    “เหมือนจะยากไป ช่วยสอนอีกครั้งเถอะ” ว่านฟู่เฉิงเอ่ยเนิบนาบอย่างเคย คนฟังก็คิดว่าเขาพูดจริงเสียอย่างนั้น ลงมือสอนเขาอีกรอบอย่างช้า ๆ ด้วยความตั้งใจ ว่านฟู่เฉิงแอบมองใบหน้าด้านข้างที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเขามากนัก ไม่ได้สนใจว่ากู่ซิงอีพูดเรื่องอะไร หรือต้องกรองสุราอย่างไร เรื่องนี้คุณชายอย่างเขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าทำอย่างไรให้ได้สุราออกมาโดยไม่เปลืองแรงกรองหลายรอบ แต่เพราะอยากให้กู่ซิงอีจับมือสอนอีกรอบจึงพูดปดออกไปก็เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่ากู่ซิงอีที่ฉลาดและรอบคอบกลับโดนใบหน้าไร้อารมณ์ของเขาหลอกเอาได้ ในตอนนั้นกู่ซิงอีร้อง ‘เอ๊ะ!’ ด้วยน้ำเสียงประหลาดใจหนึ่งครั้งเหมือนเพิ่งจะตระหนักได้หลังจากที่หันมาสบตากับว่านฟู่เฉิงซึ่งกำลังหันหน้ามาสบตามองกับตนอยู่ก่อนแล้ว บนใบหน้าไร้อารมณ์เมื่อครู่ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากทั้งสองข้าง “ท่านแกล้งข้ารึ!” เขาผละออกมาเท้าสะเอวจ้องมองอีกฝ่าย “หรือเพียงแค่ถ่วงเวลาเพราะเริ่มเบื่อแล้วกันแน่” ว่านฟู่เฉิงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเผลอยิ้มออกไปจนความแตก จึงรีบตีหน้านิ่ง หันหน้ากลับไปมองตรง หลุบตาลงต่ำมองไหสุราข้างขา แล้วทำทีเป็นสะบัดม

    Last Updated : 2025-03-11

Latest chapter

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ตราบจนนิรันดร์

    ค่ำคืนวันนี้ไร้ดวงจันทร์คอยส่องแสงอย่างเคย ทางเบื้องหน้ามืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน แต่กู่‍ซิง‍อีกลับไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะยามนี้เขาได้ขี่อยู่บนหลังผู้อื่น ลำตัวแนบชิดกับคนที่กำลังเดินอยู่จนไร้ช่องว่างระหว่างกาย รับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่สั่นไหวเบา ‍ๆ‍ ทำให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่กับตนเสมอ กู่‍ซิง‍อีกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวคอคนออกแรงอยู่เพิ่มขึ้นอีกนิด “อีกนานหรือไม่” เขาเอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกว่าตนถูกแบกมาไกลมากแล้ว กระนั้นว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดิน “เสี่ยว‍อี เหนื่อยแล้วหรือ” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเดินช้าลงและย่ำเท้าด้วยความเบา ด้วยเกรงว่าตนอาจจะเดินเร็วไปจนตัวสะเทือนทำให้คนที่อยู่บนหลังรู้สึกไม่สบายตัว “ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ท่านเป็นคนแบกข้าอยู่นะ” กู่‍ซิง‍อีซบคางลงที่ไหล่ของว่าน‍ฟู่‍เฉิง ใจจริงแล้วเขาอยากให้เวลาหยุดอยู่เช่นนี้ตลอดไปเลยต่างหาก ถึงได้กำลังกลัวว่าจุดหมายปลายทางจะมาถึงเร็วเกินไป กระนั้นก็ยังอดห่วงว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงจะหนักอยู่ดีเลยไม่ได้บอกความในใจออกไป กู่‍ซิง‍อีเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงถูกเขาแบกขึ้นบนหลังเดินไ

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 10 กาลก่อนท่านเป็นคนเอ่ย ว่าข้าไร้มารยาท

    หลี่เซียวที่กำลังเดินอยู่ในจวนก็พบกับคุณชายของตนกำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาไม่ได้เดินไปหาอย่างที่ควรจะเป็น กลับรอคุณชายเดินเข้ามาหาตนที่หยุดรออยู่ก่อนแล้วแทน พลางคิดในใจว่า เอาอีกแล้ว ‍!‍ “เห็นเสี่ยว‍อีของข้าหรือไม่” นั่นไง จะมีสิ่งใดที่เขาเดาผิดไปจากท่าทางเร่งรีบของคุณชายได้อีก ‍!‍ “เมื่อ‍ครู่พอคุณชายกู่เตรียมรากบัวต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเสร็จแล้วคิดจะถือนำไปให้คุณชายด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันระวังเผลอสะดุดจนของในมือหกรดตัวเอง ตอนนี้น่าจะกำลังไปเปลี่ยนชุดขอรับ” “สะดุดหรือ ‍!‍ แล้วเสี่ยว‍อีบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงพูดค่อนข้างเร็วอย่างหาได้อยาก แทบจะยืนไม่ติดที่อยู่แล้ว ตอนนี้ร่างกายอยู่ตรงนี้แต่หัวใจกลับลอยไปไกลแล้ว “ไม่เป็นอะไรมากขอรับ คุณชายกู่ทรงตัวได้ทันจึงไม่ได้ล้มพับไปกับพื้น แถมรากบัวก็มิได้ร้อนมากและก็เพียงเปื้อนโดนปลายอาภรณ์เล็กน้อยเท่านั้น” สิ่งที่หลี่เซียวไม่ได้กล่าวจนหมดก็คือกู่‍ซิง‍อีนั้นร้อนรนขนาดไหนหลังจากทำขนมหกใส่ตัวเอง เอ่ยปากบ่นอยู่หลายประโยคว่าชุดนั้นคุณชายเป็นคนเลือกให้ตนเองกับมือแถมยังแพงมากด้วย ครั้นบ่นเสร็จก็รีบจาก

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 9 ถูกจับได้เสียแล้ว

    ด้วยเพราะรู้ว่ากู่‍ซิง‍อีหลับลึกขนาดไหน ว่าน‍ฟู่‍เฉิงจึงใช้เรื่องนี้ในการแอบเอาเปรียบกู่‍ซิง‍อีอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมื่อคืนที่เขาตื่นมากลางดึกและพบว่ามีใครแอบขยับมาซุกกายแนบชิดตนอยู่ แบบนั้นมีหรือจะอดใจไหว เผลอกัดกู่‍ซิง‍อีไปหลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนจะรู้สึกตัวเขาถึงได้แสร้งหลับลงไปตามเดิม แต่กลับไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เมื่อก่อนจะแอบทำทีไรต้องหักห้ามใจตลอด แต่บัดนี้ทั้งคู่ตบแต่งกันแล้ว เขาขอเชยชมสักนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง แต่อาจเพราะเผลอตัวมากไป กลับกระทำการไม่แนบเนียน โดนจับได้ตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมา “คุณ‍ชาย‍ว่าน เมื่อคืนทำอะไรแปลก ‍ๆ‍ หรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงหันมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เพราะกู่‍ซิง‍อีขี้ร้อนเป็นทุนเดิมเวลาสวมเสื้อผ้านอนมักจะมัดหลวม ‍ๆ‍ พอตื่นนอนมาทีไรเสื้อผ้าที่มัดไม่แน่นก็จะหลุดลุ่ยอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบางส่วนที่มีรอยช้ำจาง ‍ๆ‍ ผมดำเงาชี้ฟูเล็กน้อย ดวงตาก็หรี่เล็กลงยังไม่ทันลืมตาได้เต็มที่ แต่กลับถามเหมือนรู้บางอย่างเช่นนี้ เล่นเอาคนที่กำลังยกน้ำชาไปให้รู้สึกร

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.2 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา

    รุ่งอรุณก่อนวันงานเทศกาลฉีเฉียว “เสี่ยว‍อี เจ้ากำลังจะไปที่ใด” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังลุกขึ้นนั่งก็ทันได้เห็นกู่‍ซิง‍อีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเข้าพอดี แถมดูท่าทางรีบร้อนเหมือนจะออกไปจากห้อง เมื่อถามเสร็จเขาก็เบนสายตามองดูท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ฟ้ายังไม่ทันสว่างเท่าไรนักน่าจะเลยยามเฉิน[1]มาเพียงไม่นาน ([1] ยามเฉิน คือ 07.00 – 08.59 น. ) แน่นอนว่าปกติทั้งสองคนต่างพากันตื่นเช้ากว่านี้นัก แต่เมื่อวานคุยกันแล้วว่าจะหยุดทำงานสามวัน เหตุใดกู่‍ซิง‍อีถึงลุกมาแต่งตัวคล้ายจะไปทำงานอีก ต่อให้ปกติพวกเขาจะสลับทำงานที่จวนและที่ร้านว่าน และวันนี้คือวันที่ต้องทำงานที่จวน ทว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยากให้ดูไม่มีความน่าสงสัยจึงเปลี่ยนเป็นหยุดงานทั้งหมดแทน คำกล่าวเช่นนั้นก็รวมถึงงานที่จวนก็ไม่ต้องทำมิใช่หรือ หยุดก็คือหยุด ไหนเลยกลับคาดไม่ถึงว่ากู่‍ซิง‍อีจะไม่เข้าใจสิ่งที่หมายถึงให้หยุดอยู่จวนจริง ‍ๆ‍ ครั้นพอได้เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวก็คิดว่าจะออกไปที่ห้องทำงาน “ไปร้านขนมไฉ่ที่ข้าชอบอย่างไรเล่า นานครั้งเราถึงจะว่างในช่วงเช้าแบบนี้ รอบนี้ก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นไปต่อแถวแทน ได้

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (4.4)

    อีกทั้งด้ายแดงที่เด่นชัดแม้อยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้จากข้อมือแต่ละข้างของว่าน‍ฟู่‍เฉิงและกู่‍ซิง‍อีก็ดูคล้ายกันยิ่งนัก คนแอบมองจิตใจลนลานรีบหันกลับไปด้วยดวงตาเบิกโพลง ก้าวเดินตามหลังคนนำทางไปติด ‍ๆ‍ ด้วยท่าทางที่เร่งรีบขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังโดนไฟไล่เผาก้นมา สิ่งที่คนภายนอกกล่าวมาเรื่องฮูหยินของตระ‍กูล‍ว่านไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัดหลอมรวมกับการกระทำของคนทั้งสองด้านหลัง และยังบวกกับก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับกู่‍ซิง‍อีก็คล้ายว่างานทั้งหมดของตระ‍กูล‍ว่านได้ตกอยู่ในมือกู่‍ซิง‍อีแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่นึกขึ้นได้จึงไม่ใช่ตนคิดไปเองแน่ ‍ๆ‍ ทว่าเซี่ย‍หลี่‍จวินแม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้เข้าแต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้หรอก เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก เนื่องจากตระ‍กูล‍ว่านเป็นคนเปิดเส้นทางหลายสายให้เขา ดังนั้นนอกจากแตะว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งห้ามทำให้กู่‍ซิง‍อีไม่พอใจอีกด้วย ‍!‍ ถ้าล่วงรู้อนาคตได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นแบบนี้เขาคงจะเห็นใจกู่‍ซิง‍อีอีกสักหน่อย บางทีตัวเขาอาจได้ผลประโยชน์มากกว่าให้บุตรสาวของตนตบแต่งกับน้องชายบุญธรรมของว่าน‍ฟู่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (3+4.)

    “ขอรับ ‍!‍” หลี่เซียวรีบร้อนรับคำก่อนจากไป ฉี‍หย่าหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ นางจะถูกปฏิบัติอย่างนี้จริง ‍ๆ‍ หรือ นางไม่งดงามหรือไรทำไมคุณ‍ชาย‍ว่านถึงไม่คิดจะสนใจหรือเมตตานางสักนิด แม้จะต้องยอมรับว่าสองคนตรงหน้านางรูปงามไร้ที่ติ แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะด้อยค่าถึงเพียงนี้ ‍!‍ จังหวะนั้นเองประตูห้องบานเดิมพลันเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นนาย‍ท่าน‍เซี่ยเดินออกมา พอเห็นบ่าวในจวนของตนที่นั่งกองกับพื้นก็ฉงน ที่แท้คนที่ส่งเสียงดังเมื่อ‍ครู่ก็คือฉี‍หย่าสาวรับใช้ที่บุตรสาวทิ้งไว้ที่จวนเมื่อสองปีก่อน สตรีนางนี้แม้หน้าตาจะงดงามแต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีดีแค่ดนตรีกับร่ายรำ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการทำงานในจวนได้เล่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้วนางแทบไม่มีสิ่งใดให้ใช้งานได้เลย ตัวเขาแทบไม่อยากพามาทว่านางก็ดื้อดึงขอตามมาจนได้ เขายังกลัวว่าฮูหยินของตนจะเข้าใจผิดด้วยซ้ำ บัดนี้ยังจะมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก ช่างน่าขายหน้าจริง ‍ๆ‍ เซี่ย‍หลี่‍จวินหันมองว่าน‍ฟู่‍เฉิงด้วยความระวัง กลัวว่าสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะถูกยกเลิกเพียงเพราะบ่าวรับใช้ในจวนของตนเอง “คุณ‍ชาย‍ว่าน เป็นข้าไม่อบรมบ่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (2.4)

    แล้วนางไหนเลยจะคาดเดาอนาคตได้ ตนย้ายไปอยู่ตระ‍กูล‍เซี่ยเพียงไม่นานยังไม่มีโอกาสได้มาพบคุณ‍ชาย‍ว่านเลยสักครั้ง คุณชายผู้นี้ก็ตบแต่งภรรยาเสียแล้ว แต่นางยินยอม ยินยอมเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่งของเขาก็ได้ การค้าของตระ‍กูล‍ว่านเติบโตในชั่วข้ามคืนแค่ไหน ใครในเมือง‍จางไม่รู้บ้างเล่า ดังนั้นทุกวันนางจึงตั้งตารอคอยมาโดยตลอด กาลก่อนแม้คุณ‍ชาย‍ว่านจะนั่งเก้าอี้รถเข็นแต่อย่างไรก็ยังรูปงามมากนัก บัดนี้พอเดินเหินได้ปกติด้วยใบหน้าสง่างามเป็นทุนเดิมก็ไม่ต่างอะไรกับเทพเซียนลงมาเดินบนดิน พอได้พบเห็นคนที่ตนคะนึงหาอีกคราก็พาให้หัวใจนางเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “คุณ‍ชาย‍ว่าน...” นางเอ่ยเรียกเสียงหวาน “...เจ้ามาทำไม” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงกลับไม่สบอารมณ์ทันทีที่ได้เจอนาง นึกรังเกียจสายตาเช่นนี้ยิ่งนัก หากเป็นกู่‍ซิง‍อีมองเขาด้วยสายตาแบบนี้เจ้าตัวคงไม่อาจหนีรอดเขาไปได้ แต่พอเป็นสตรีตรงหน้าส่งสายตาเฉกเช่นนี้มาให้เขากลับรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา ถึงขั้นดึงหลี่เซียวมาบังตัวเองไว้ครึ่งหนึ่ง “คุณ‍ชาย‍ว่านถามเช่นนี้ ข้าเสียใจยิ่งนัก” ฉี‍หย่าตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เดินก้าว

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (1.4)

    วันนี้หลี่เซียวรอจังหวะที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยู่ตัวคนเดียวถึงได้มีโอกาสเข้ามาเตือนอะไรบางอย่าง “คุณชาย ไม่รู้ว่าสองสามวันที่ผ่านมาคุณชายเห็นรายงานร้านค้าที่เพิ่มขึ้นมาในถนนสายฝนแล้วหรือยังขอรับ” “มีงานเทศกาลหรือ ‍?‍” ช่วงนี้งานปกติที่เขาเคยทำล้วนส่งมอบให้ฮูหยินของตนเกือบทั้งหมด ส่วนตัวเองไปมองหาลู่ทางการขยายกิจการแทน ขณะนี้เองก็กำลังดูเครื่องประดับที่ส่งมาจากแคว้นอื่นด้วยความตั้งใจ พอถูกถามจึงไม่ได้ทันคิดถึงว่าวันนี้คือวันที่เท่าไร มีงานอะไรสำคัญหรือไม่ เพราะนอกจากจะนับวันรอที่จะได้หยุดเพื่อออกไปชมต้นไม้ใบหญ้าลำธารกับคนของใจแล้ว วันเวลาอย่างอื่นล้วนไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่ที่ถามออกไปได้อย่างแม่นยำและถูกถึงเก้าส่วนก็เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาล้วน ‍ๆ‍ เนื่องจากถนนสายฝนเป็นหนึ่งในกิจการร้านค้าที่เขามีมากที่สุดในเมือง‍จาง หากมีร้านค้าเพิ่มขึ้นมาก็หมายถึงมีการแบ่งพื้นที่หน้าร้านแต่เดิมจากหนึ่งเป็นสองร้าน หรือก็คืออาจมีงานเทศกาลยามค่ำคืนร่วมด้วย แถมบางครั้งยังเป็นตระ‍กูล‍ว่านที่ต้องออกหน้ารับจัดงานด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าในส่วนนี้เขาย่อมมีผู้ดูแลแทนอยู่แล้วเลยไม่ค่อยสนใจที่หลี่เซี

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 7 ตกถังข้าวสารแล้ว งานไม่ต้องทำก็ได้

    ใกล้เข้าเหมันตฤดูแล้ว ว่าน‍ฟู่‍เฉิงยืนกอดอกมองคนขนของเข้ามาในจวน เขาสั่งไหมาเยอะมาก เอามาทุกขนาดที่หาได้ หากคำนวณผ่านตาคร่าว ‍ๆ‍ ตั้งแต่ครึ่งก้านธูปที่แล้วไหที่ถูกขนเข้าไปก็ปาไปหลายร้อยใบแล้ว กู่‍ซิง‍อีที่เดินหาวหวอดออกมาก็มองตามกลุ่มคนมากมายซึ่งกำลังพากันขนไหเข้าไปด้านหลังจวน “ท่านสั่งไหมาทำไมเยอะแยะ” เมื่อเดินเข้ามาใกล้ถึงคนรักของตนก็เอ่ยถามออกไป “ไว้ให้เจ้าหมักสุรา” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงกล่าวแย้มยิ้ม ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาจนถึงตนเอง ว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ก้าวยาว ‍ๆ‍ เดินไปหยุดยืนข้างกายดวงใจของตนแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจมองมาทางนี้จึงขยับหอมแก้มกู่‍ซิง‍อีด้วยความรวดเร็วไปหนึ่งที กู่‍ซิง‍อีตกใจจนตัวแข็ง รีบหันมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครก็โล่งใจ แต่อดที่จะมองค้อนเขาไปทีหนึ่งมิได้ “เหอะ ท่านยังคิดจะใช้ข้าทำงานอีก ‍!‍ ข้าตกถังข้าวสารแล้ว ไหนเลยจะไปทำงานให้เหนื่อย” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้เสียใจหรือน้อยใจกลับยกยิ้มมองกู่‍ซิง‍อีและพูดเสริมว่า “ข้าสั่งทำห้องหมักสุราโดยเฉพาะไว้ให้เจ้าแล้วไม่ต้องรวมกับครัวของจวนแบบครั้งก่อนอีก และทั้งข้าว ไห เชือก ผ้ากรองก็มีให้ใช้ไม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status