บทที่7.อิสระครั้งแรก
การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวัน
ถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ
เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
บทนำรักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาลฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตราเมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลายบทที่1.เมรี ประภาเกียรติกุล ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศส เมรี เดินเหม่ออยู่บริเวณด้านหน้าหอไอเ
“เช็ดซะ ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง เธออยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะเรียนจบก็ได้ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่เหลือให้เอง ถือว่าตอบแทนซาร่า ที่คอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด” เมรีเงยหน้ามองชายสูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ชื่นชม“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เมรียกมือไหว้ปรกๆ เอ่ยขอบคุณเสียงพร่า ยกผ้าเช็ดหน้าหอมอ่อนๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างยินดี เธอฝืนยิ้มให้เจ้านายของแม่ ทั้งที่ริมฝีปากอิ่มยังสั่นระริกเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ มันเป็นน้ำตาแห่งความยินดี ยังมีคนใจดีเมตตาตนเอง“ฉันหมดธุระกับเธอแล้วล่ะ เธอกลับไปเถอะ ไว้เธอเรียนจบเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที” ฟรองซัวร์อนุญาตให้เมรีกลับไปพัก เขาหลุบเปลือกตาลงปิดบังประกายตาร้อนแรงเมรีทรงตัวลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่เขาคิด คงเป็นชาติกำเนิดและเชื้อพันธุ์ชีวิต เธอเลยดูตัวเล็กบอบบาง เมื่อเทียบกับผู้หญิงในฝั่งยุโรป เรือนกายอรชรทูกใจฟรองซัวร์ เขาแอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากคนตรงหน้า เมื่อเมรีขยับตัวเบาๆ เขาชอบกลิ่นแบบนี้มากกว่ากลิ่นน้ำหอมชั้นนำที่มีเกลื่อนเมือง และสาวๆ นิยมใช้เมรีเดินออกไปจากห้อง ฟรองซัวร์มองตามเขาถอนใจแรงๆ แปลกใจนิดๆ กับควา
บทที่2.คำสัญญา เมรีเดินเข้าไปในห้องสมุดด้วยกริยาสำรวม โซเฟียจิบน้ำชาระหว่างรอ “นั่งสิ ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอ” โซเฟียกล่าวเสียงเคร่ง เมรี จึงทรุดนั่งบนพื้น เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาดุดันของโซเฟีย “เธอมีคู่รักหรือยัง?” โซเฟียถามใจความสำคัญที่นางต้องการรู้ เมรีเงยหน้ามองสบตาโซเฟีย “เมรีไม่มีคู่รักค่ะ” ภาพฟรองซัวร์ผุดขึ้นมาในใจผิวแก้มร้อนวูบ ก่อนจะสลดลง เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง เธอทำได้แค่แอบมองฟรองซัวร์อยู่ห่างๆ มันเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง “ลูกชายฉันเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขามีสาวๆ ไม่เคยขาด ฉันไม่ต้องการให้เชื้อสายของมาร์เซย์ไปเกิดในเชื้อสายต่ำต้อย จนทำให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน ถ้าแค่เป็นของขบเคี้ยวเล่นๆ ยามว่างน่ะไม่เป็นไร ที่สำคัญเธออย่าได้เผยอ หรือบังอาจ อย่าได้คิดว่าฉันจะยอมรับเธอ อย่าคิดกอบโกยอะไรจากมาร์เซย์เลย จงรับไว้เท่าที่ฉันให้ได้เถอะ ที่สำคัญเธอควรอยู่ห่างๆ ฟรองซัวร์ไว้” โซเฟียกำชับ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาดูแคลน “หรือถ้าลูกชายของฉันต้องการเธอขึ้นมาจริงๆ อย่าได้คิดจับเขาเป็นอันขาด ฉันได้แต่หวังว่าข้า
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่7.อิสระครั้งแรก การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวันถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่6.หอมกลิ่นความรัก เมรียังตกอยู่ในภวังค์หวาน กลิ่นความรักลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้จะแค่เป็นเพียงความรักข้างเดียว แต่เธอก็รู้สึกสุขใจ เกินกว่าจะบรรยายให้ใครฟัง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง จนลืมไปว่าฟรองซัวร์เองก็เพิ่งกลับมาถึงพร้อมกับเธอนั่นแหละ เมรีรีบไปที่ห้องนอนของฟรองซัวร์ เธอควรทำความสะอาดตามหน้าที่ สองมือหิ้วถังน้ำกับผ้าสะอาดหลายผืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปได้ สิ่งแรกที่เมรีทำคือวางถังผ้าเอาไว้ข้างประตู เธอตรงไปยังเตียงกว้างเริ่มพับผ้าห่มและตบหมอนจนนุ่มฟู เตียงใหญ่เสร็จเรียบร้อย เธอก็เก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของฟรองซัวร์เอาไปวางหน้าห้อง อีกสักพักก็จะมีคนรับใช้มาเก็บไปทำการซักรีด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะรู้สึกสะกิดใจ เธอออกแรงทำงานมาตั้งนานแต่เหงื่อไม่ออกเลยซักหยด อากาศเย็นฉ่ำจนน่าตกใจ เธอมองเห็นสัญญาณไฟการทำงานของแอร์คอนนิชั่น พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา
ฟรองซัวร์มองร่างเล็กๆ ที่เดินตรงมาด้วยสายตาที่อ่อนลง แววตาเมรีเป็นประกายสุกใส จนฟรองซัวร์ไม่สามารถถอนสายตาออกมาได้ ทุกอิริยาบถของเธอเต็มไปด้วยความใสซื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงที่ฟรองซัวร์เคยพบบ่อยๆ ในสังคม เขาเบื่อที่ต้องสวมหน้ากาก ความเคร่งเครียดสะสมมาเนิ่นนาน แต่มันกลับจางหายไปจนหมดเมื่อได้อยู่กับเมรีในบรรยากาศแสนสงบ เมรีทรุดนั่ง เธอส่งแฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ให้ฟรองซัวร์ ไอร้อนยังระเหยเป็นไอให้เห็น มันเป็นอาหารที่หาได้ง่ายๆ และเร็วที่สุดชายหนุ่มรับมาถือไว้ เขาแกะพลาสติกหุ้มยัดแฮมเบอร์เกอร์ใส่ปาก กัดกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอส โดยมีเมรีเฝ้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีพอใจ ชิ้นต่อไปเมรีฉีกกระดาษที่ห่อไว้รอ ส่งให้ฟรองซัวร์เงียบๆ และชายหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ได้พูดอะไร“เธอไม่หิวเหรอเมรี ทำไมไม่กินล่ะ?” เมรียิ้มรับ เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาแกะกระดาษห่อเพื่อรับประทานตามฟรองซัวร์ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง กับเสียงพุดคุยรอบตัว มีผู้คนไม่น้อยเลยที่กำลังชมความสวยของแม่น
บทที่5.สะพานอธิษฐานบนแม่น้ำแซน วันนี้เมรีเลิกเรียนเร็ว เธอเลยมีเวลามาเดินเล่นที่สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์สะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เป็นที่เฉพาะของหนุ่มสาวที่เริ่มเป็นคบหากัน พวกเขามักจะมาอธิษฐานขอพร และคล้องแม่กุญแจที่ราวสะพาน เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาว เมรีทรุดนั่งที่เก้าอี้บริเวณนั้น เธอเหม่อมองคู่รักที่มาพร้อมกัน ก่อนจะไปยืนอธิษฐานของพรด้วยกันที่ริมสะพานคล้องแม่กุญแจเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งสองคน ลมเย็นๆ ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายเมรีอบอุ่นขึ้น เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนหวานจนลืมเวลา ผิวน้ำเรียบไร้คลื่น กระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่ควรเป็น เมรีคิดถึงฟรองซัวร์ขึ้นมา เธอนึกอยากจะเห็นคนที่ฟรองซัวร์รักและคอยดูแลเขาเหมือนคู่รักหลายคู่ที่เมรีนั่งดูอยู่ในตอนนี้ “อยากเห็นจังเลยนะคะ คนที่คุณฟรองซัวร์รัก