บทนำ
รักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาล
ฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตรา
เมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลาย
บทที่1.เมรี ประภาเกียรติกุล
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศส เมรี เดินเหม่ออยู่บริเวณด้านหน้าหอไอเฟล ดวงตากลมโตแดงก่ำ มีหยาดน้ำตาไหลนองหน้า เธอทรุดนั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบ ก่อนจะร่ำไห้ออกมาจนสุดเสียง จนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยความสนใจ ต่างพากันรับรู้ความหดหู่ที่กระจายโอบล้อมเธอเอาไว้ ความหมองหม่นแสดงออกผ่านม่านน้ำตาที่หลั่งไหลเต็มใบหน้า
เมรีเพิ่งจะย่าง23 ปีได้เพียงแค่ไม่กี่วัน แต่จำต้องหยุดพักการเรียนที่ใกล้จะจบลงไว้ ทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะสามารถคว้าใบปริญญามาครอบครองได้ สาเหตุเป็นเพราะมารดาของเธอเสียชีวิตลงกะทันหัน เพราะการหักโหมทำงานหนัก ส่งเสียลูกน้อยให้ร่ำเรียน สุพรรณษาเสียชีวิตหลังโหมฝืนร่างกายทำงานหนักมานานจนเป็นลม อาการป่วยเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา มาทรุดฮวบถึงขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน อาการป่วยทรุดลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิตในที่สุด เมรีรีบเดินทางไปโรงพยาบาล เพื่อไปรับร่างอันปราศจากวิญญาณของผู้เป็นแม่
มารดาของเมรีทำงานเป็นคนใช้ที่คฤหาสน์มาร์เซย์ ครอบครัวมั่งคั่งในฝรั่งเศส เจ้านายของสุพรรณษาก็แสนจะใจดีอนุญาตให้เมรีอาศัยอยู่กับมารดาได้
มารดาของเธอเสียชีวิตไปแล้ว เมรีเหลือแค่ตัวคนเดียวท่ามกลางผู้คนแปลกหน้า แถมยังต่างบ้านต่างเมือง ถึงเธอจะกลับไปยังบ้านเกิด ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนทางนั้นยินดีต้อนรับตนเองหรือไม่ เธอมีแค่แม่ ส่วนบิดาเสียชีวิตก่อนที่เมรีจะเดินทางมายังประเทศฝรั่งเศสเสียอีก
หลังจากทำบุญในวัดไทย จัดการตามพิธีทางศาสนา บรรจุอัฐิของมารดาลงโกศเรียบร้อย เมรีจึงเดินเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าบริเวณหอไอเฟล เธอเหม่อมองไปสุดสายตา จากนี้ไปต้องผจญโลกกว้างเพียงลำพัง เพราะเมื่อสิ้นมารดาเมรีก็ไม่เหลือใครที่เป็นคนใกล้ชิดพอจะให้พึ่งพาอีกแล้ว เธอร่ำไห้ รู้สึกเคว้งคว้าง ทดท้อในโชคชะตาของตนเอง พระเจ้าไม่เมตตาเธอเลย พรากบุคคลอันเป็นที่รักไปจากชีวิตเธอจนหมด ตั้งแต่บิดาผู้ให้กำเนิด ตามด้วยมารดาผู้แสนดี เธอยกมือกอดตัวเองแน่น ปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจให้ไหลออกมา
เวลาผ่านไปนานพอดู จนผู้คนเริ่มบางตา เพราะอากาศยามค่ำเริ่มทวีความเย็นมากขึ้น เมรีหยัดกายขึ้นยืน เธอรู้สึกอ่อนแรง เธอยื้อเวลาไว้ไม่ได้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริง ที่คฤหาสน์มาร์เซย์
เมรีหยุดยืนเบื้องหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เธอแหงนหน้ามองยอดตึกสูงสุด ด้วยดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา วันพรุ่งนี้โซเฟีย ประมุขแห่งตระกูลมาร์เซย์เรียกเธอเข้าพบ หญิงสาวไม่ต้องเดา กาฝากอย่างเธอจะมีใครยินดีให้พึ่งพิง เขาคงต้องการเชิญให้เธอ ออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ หญิงสาวถอนใจแรงๆ หนทางข้างหน้าดูจะมืดมน...จนเมรีรู้สึกหวาดกลัว
วันรุ่งขึ้น...
เมรีนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นพรม ใบหน้าก้มต่ำ เพราะยังจมอยู่ในห้วงความทุกข์ เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินมาหยุดอยู่ไม่ไกล พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ที่ดังขึ้น
“เธอเป็นลูกสาวซาร่าเหรอ อายุเท่าไหร่ล่ะ” เสียทุ้มเป็นกังวานถาม และมีท่าทีรอคอยคำตอบ
แรกพบ...ยามสบนัยน์ตากับฟรองซัวร์ บุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลมาร์เซย์ ซึ่งเมรีได้ยินชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน จากคนรับใช้ในคฤหาสน์นั่นแหละ เขาเป็นผู้ชายที่มีรูปโฉมงดงามประหนึ่ง เปี่ยมล้ำไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม เพียงแค่สบนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้น ดวงตาสีเขียวมรกตจัดจ้า สะกดให้เมรีหลงวนอยู่ในบ่วงมนตรา ยอมสยบอยู่ในอุ้งมือของจอมมารอย่างฟรองซัวร์ แค่ชายหนุมปรายตามอง เมรีรู้สึกร้อนรุ่มตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายนิ้วเท้า รู้สึกหวิววูบในอก ร่างกายเบาหวิวลอยคว้าง ตกอยู่ในมนต์สะกดของผู้ชายสมบรูณ์แบบอย่างฟรองซัวร์นั่นเอง
ฟรองซัวร์ ตกตะลึงในความเย้ายวน ของสาวแรกแย้มเขามองเห็นเส้นเลือดฝาดบริเวณแก้มสีชมพูระเรื่อ เขาได้กลิ่นความบริสุทธิ์โชยเข้าจมูก จนอยากดมพิสูจน์ความหอมจากกายสาว หัวใจสั่นกระตุก มองริมฝีปากอิ่มสีแดงสดตาปรอย เมรีตัวบางเมื่อเทียบกับร่างกายใหญ่โตของตนเอง ชายหนุ่มกวาดตาตั้งแต่เรือนผมดำสนิทยาวคลอเคลียไหล่พวงผมเรียบลื่นนุ่มนวลเป็นประกายเงางามน่าลูบไล้ ลำคอเรียวระหงกับอกอวบอิ่มที่ดูจะใหญ่เกินตัว เมื่ออยู่บนเรือนกายโปร่งบาง เอวคอดกิ่วกับสะโพกผายที่ทำให้ฟรองซัวร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีแค่เพียงปรายตามอง เปลือกตาหลุบลงปิดประกายตาที่ร้อนแรงขึ้นมา เขาผ่อนลมหายใจช้า รับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่พ่นออกทางปลายจมูก หญิงตรงหน้าเรียกเลือดหนุ่มให้ลุกโพล่งขึ้นมาได้ง่ายๆ แล้วถ้า…ฟรองซัวร์ถอนใจแรงๆ เขาขยับตัวผ่อนคลายความอึดอัด
แค่คิดว่าได้ครอบครองหญิงตรงหน้า ฟรองซัวร์ก็แทบสำลักความสุขเสียแล้ว
“เมรีอายุ23 ปีค่ะ” เมรีตอบและก้มหน้าหลบสายตาคมดุ
เธอเคยแต่ได้ยินชื่อของฟรองซัวร์ เขาเป็นทายาทมาร์เซย์ แต่เมรียังไม่เคยเห็นตัวจริงตัวเป็นๆ เธอได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ ด้วยความเจียมตัว ตระกูลมาร์เซย์เป็นเจ้าของแบรนด์เนมเสื้อชื่อดังติดอันดับต้นๆ ในวงการแฟชั่น ผู้กุมบังเหียนคือฟรองซัวร์ หนุ่มรูปงาม ผู้มากความสามารถคนนี้เอง
“เรียนจบแล้วหรือยังล่ะ ซาร่าเคยบอกไว้น่ะว่าเธอกำลังเรียนอยู่” ฟรองซัวร์กลั้นใจถาม เขาข่มความรู้สึกรุ่มร้อน และเริ่มคิดหาวิธีครอบครองหญิงตรงหน้า
“ยังค่ะ เหลืออีกสองเดือนเมรีก็จะจบแล้วค่ะ” เมรีตอบเสียงสั่นพร่า
“งั้นรึ แล้วเธอจะทำไงต่อล่ะ ซาร่าไม่อยู่แล้วแบบนี้” ฟรองซัวร์กระหยิ่มในใจ เขาเห็นความเศร้าในดวงตาสาวน้อย ช่องทางที่จะได้ครอบครองสาวน้อยตรงหน้า ไม่น่าจะยาก… เมื่อเมรีไร้คนดูแล และคงไม่น่าจะรอดมือเขาไปได้ เมื่อนั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการ ตาสีเขียวมรกตเปล่งประกายแรงโลด มีรอยยิ้มสมใจแต้มมุมปาก
“…” เมรีไม่ได้ตอบคำถาม น้ำตาไหลพรูหล่นลงหลังมือจนเปียกชุ่ม ชายหนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“เช็ดซะ ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง เธออยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะเรียนจบก็ได้ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่เหลือให้เอง ถือว่าตอบแทนซาร่า ที่คอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด” เมรีเงยหน้ามองชายสูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ชื่นชม“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เมรียกมือไหว้ปรกๆ เอ่ยขอบคุณเสียงพร่า ยกผ้าเช็ดหน้าหอมอ่อนๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างยินดี เธอฝืนยิ้มให้เจ้านายของแม่ ทั้งที่ริมฝีปากอิ่มยังสั่นระริกเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ มันเป็นน้ำตาแห่งความยินดี ยังมีคนใจดีเมตตาตนเอง“ฉันหมดธุระกับเธอแล้วล่ะ เธอกลับไปเถอะ ไว้เธอเรียนจบเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที” ฟรองซัวร์อนุญาตให้เมรีกลับไปพัก เขาหลุบเปลือกตาลงปิดบังประกายตาร้อนแรงเมรีทรงตัวลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่เขาคิด คงเป็นชาติกำเนิดและเชื้อพันธุ์ชีวิต เธอเลยดูตัวเล็กบอบบาง เมื่อเทียบกับผู้หญิงในฝั่งยุโรป เรือนกายอรชรทูกใจฟรองซัวร์ เขาแอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากคนตรงหน้า เมื่อเมรีขยับตัวเบาๆ เขาชอบกลิ่นแบบนี้มากกว่ากลิ่นน้ำหอมชั้นนำที่มีเกลื่อนเมือง และสาวๆ นิยมใช้เมรีเดินออกไปจากห้อง ฟรองซัวร์มองตามเขาถอนใจแรงๆ แปลกใจนิดๆ กับควา
บทที่2.คำสัญญา เมรีเดินเข้าไปในห้องสมุดด้วยกริยาสำรวม โซเฟียจิบน้ำชาระหว่างรอ “นั่งสิ ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอ” โซเฟียกล่าวเสียงเคร่ง เมรี จึงทรุดนั่งบนพื้น เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาดุดันของโซเฟีย “เธอมีคู่รักหรือยัง?” โซเฟียถามใจความสำคัญที่นางต้องการรู้ เมรีเงยหน้ามองสบตาโซเฟีย “เมรีไม่มีคู่รักค่ะ” ภาพฟรองซัวร์ผุดขึ้นมาในใจผิวแก้มร้อนวูบ ก่อนจะสลดลง เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง เธอทำได้แค่แอบมองฟรองซัวร์อยู่ห่างๆ มันเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง “ลูกชายฉันเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขามีสาวๆ ไม่เคยขาด ฉันไม่ต้องการให้เชื้อสายของมาร์เซย์ไปเกิดในเชื้อสายต่ำต้อย จนทำให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน ถ้าแค่เป็นของขบเคี้ยวเล่นๆ ยามว่างน่ะไม่เป็นไร ที่สำคัญเธออย่าได้เผยอ หรือบังอาจ อย่าได้คิดว่าฉันจะยอมรับเธอ อย่าคิดกอบโกยอะไรจากมาร์เซย์เลย จงรับไว้เท่าที่ฉันให้ได้เถอะ ที่สำคัญเธอควรอยู่ห่างๆ ฟรองซัวร์ไว้” โซเฟียกำชับ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาดูแคลน “หรือถ้าลูกชายของฉันต้องการเธอขึ้นมาจริงๆ อย่าได้คิดจับเขาเป็นอันขาด ฉันได้แต่หวังว่าข้า
บทที่3.หน้าที่ใหม่ที่ทำให้ใจแกว่ง ฟรองซัวร์เดินหน้าตึงออกมาจากห้องสมุด บัตเลอร์วัยชราเดินผ่านเข้ามาในสายตาพอดี ชายหนุ่มจึงเรียกไว้ พร้อมกับสั่งงานบาง เมื่อความปรารถนาตี้ขึ้นมาจนจุกอกเขาต้องการปลดปล่อยความร้อนในกายที่กำลังแผดเผาตนเองจนปวดร้าวไปตลอดทั้งหน้าขา “ตามเมรีให้ฉันหน่อย ฉันจะขึ้นไปรอบนห้อง” ฟรองซัวร์เดินขึ้นไปรอบนห้องนอน บัตเลอร์วัยชราถอนใจดังเฮือก!! เขามองตามเจ้านายหนุ่มด้วยความหนักใจ หนุ่มวัยฉกรรจ์กับสาวไร้เดียงสา เหมือนน้ำมันกับไฟที่พร้อมจะลุกไหม้โดยไม่สนใจผลลัพธ์ บัตเลอร์ผู้เฒ่ารีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่กำลังหนักใจ กับอนาคตของผู้เป็นเจ้านาย เขาใคร่ครวยอย่างหนักในที่สุดบัตเลอร์ผู้ภักดีก็ตัดสินใจขัดคำสั่งเจ้านายหนุ่ม เขาเดินขึ้นไปชั้นบน โดยไร้เงาของเมรีอย่างที่ฟรองซัวร์ต้องการ ก็อกๆเสียงเคาะประตูดังแผ่วๆ ฟรองซัวร์ที่กำลังรอกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่...เมื่อบัตเลอร์วัยชราเปิดประตูเข้า ชายหนุ่มตาลุกวาบ!! สีหน้าเดือดดาลแบบเห็นได้ชัด ชายสูงวัยก้มหน้าหลบเขาถอนใจแรงๆ ตอนที่ตัดสินใจพูดเตือนสติเจ้านาย “กระผมคิดว่ามันไม่สมควร ที่นายท่านจะพ
บทที่4.กลิ่นหอมที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก กลิ่นสบู่ระเหยขึ้นมาจนหอมฟุ้ง เมรีเดินเลี่ยงชายร่างใหญ่ที่ยืนกอดขวางทางออกของเธอ แววตาเขาแปลกๆ จนเธอแอบผวา เมรีกำลังจะเดินผ่านเขา แต่ต้องชะงักเพราะฟรองซัวร์รั้งแขนเธอไว้ “ถูหลังให้หน่อยฉันเอื้อมไม่ถึง” เมรีกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอขัดคำสั่งคนตรงหน้าได้ด้วยหรือไง เธอพยักรับ แม้จะรู้สึกอึดอัด ชายหนุ่มสลัดชุดคลุมอย่างรวดเร็ว เขาหย่อนกายลงนั่งในอ่างน้ำอุ่นท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสาวตัวเล็ก ผิวขาวเรียบลื่นเปียกน้ำเป็นมันวาว เมรีมือสั่นฟองน้ำนุ่มๆ ในมือหนักอึ้ง เธอพยายามไม่มองผิวกายตึงแน่นตอนที่ลากฟองน้ำไปทั่วแผ่นหลังของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมรีโชยมาเข้าจมูก ฟรองซัวร์หลับตาพลิ้ม เขามีความสุขแทบล้นอก เมรีทำงานด้วยความตั้งใจ ปลายจมูกของเธอมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว พราะความรุ่มร้อนในกาย บวกกับไอระเหยของน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ ฟรองซัวร์ชำเลืองมองเมรีด้วยหางตา เขาถอนใจแรงๆ นึกเซ็งในใจ กายใหญ่โตขยายใหญ่มันทะลึงตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา จนฟรองซัวร์นึกโกรธตัวเอง เขากำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมรีผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอตั้งใจถูผิวกายขาวผ
บทที่4.กลิ่นหอมที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก กลิ่นสบู่ระเหยขึ้นมาจนหอมฟุ้ง เมรีเดินเลี่ยงชายร่างใหญ่ที่ยืนกอดขวางทางออกของเธอ แววตาเขาแปลกๆ จนเธอแอบผวา เมรีกำลังจะเดินผ่านเขา แต่ต้องชะงักเพราะฟรองซัวร์รั้งแขนเธอไว้ “ถูหลังให้หน่อยฉันเอื้อมไม่ถึง” เมรีกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอขัดคำสั่งคนตรงหน้าได้ด้วยหรือไง เธอพยักรับ แม้จะรู้สึกอึดอัด ชายหนุ่มสลัดชุดคลุมอย่างรวดเร็ว เขาหย่อนกายลงนั่งในอ่างน้ำอุ่นท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสาวตัวเล็ก ผิวขาวเรียบลื่นเปียกน้ำเป็นมันวาว เมรีมือสั่นฟองน้ำนุ่มๆ ในมือหนักอึ้ง เธอพยายามไม่มองผิวกายตึงแน่นตอนที่ลากฟองน้ำไปทั่วแผ่นหลังของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมรีโชยมาเข้าจมูก ฟรองซัวร์หลับตาพลิ้ม เขามีความสุขแทบล้นอก เมรีทำงานด้วยความตั้งใจ ปลายจมูกของเธอมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว พราะความรุ่มร้อนในกาย บวกกับไอระเหยของน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ ฟรองซัวร์ชำเลืองมองเมรีด้วยหางตา เขาถอนใจแรงๆ นึกเซ็งในใจ กายใหญ่โตขยายใหญ่มันทะลึงตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา จนฟรองซัวร์นึกโกรธตัวเอง เขากำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมรีผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอตั้งใจถูผิวกายขาวผ
บทที่3.หน้าที่ใหม่ที่ทำให้ใจแกว่ง ฟรองซัวร์เดินหน้าตึงออกมาจากห้องสมุด บัตเลอร์วัยชราเดินผ่านเข้ามาในสายตาพอดี ชายหนุ่มจึงเรียกไว้ พร้อมกับสั่งงานบาง เมื่อความปรารถนาตี้ขึ้นมาจนจุกอกเขาต้องการปลดปล่อยความร้อนในกายที่กำลังแผดเผาตนเองจนปวดร้าวไปตลอดทั้งหน้าขา “ตามเมรีให้ฉันหน่อย ฉันจะขึ้นไปรอบนห้อง” ฟรองซัวร์เดินขึ้นไปรอบนห้องนอน บัตเลอร์วัยชราถอนใจดังเฮือก!! เขามองตามเจ้านายหนุ่มด้วยความหนักใจ หนุ่มวัยฉกรรจ์กับสาวไร้เดียงสา เหมือนน้ำมันกับไฟที่พร้อมจะลุกไหม้โดยไม่สนใจผลลัพธ์ บัตเลอร์ผู้เฒ่ารีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่กำลังหนักใจ กับอนาคตของผู้เป็นเจ้านาย เขาใคร่ครวยอย่างหนักในที่สุดบัตเลอร์ผู้ภักดีก็ตัดสินใจขัดคำสั่งเจ้านายหนุ่ม เขาเดินขึ้นไปชั้นบน โดยไร้เงาของเมรีอย่างที่ฟรองซัวร์ต้องการ ก็อกๆเสียงเคาะประตูดังแผ่วๆ ฟรองซัวร์ที่กำลังรอกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่...เมื่อบัตเลอร์วัยชราเปิดประตูเข้า ชายหนุ่มตาลุกวาบ!! สีหน้าเดือดดาลแบบเห็นได้ชัด ชายสูงวัยก้มหน้าหลบเขาถอนใจแรงๆ ตอนที่ตัดสินใจพูดเตือนสติเจ้านาย “กระผมคิดว่ามันไม่สมควร ที่นายท่านจะพ
บทที่2.คำสัญญา เมรีเดินเข้าไปในห้องสมุดด้วยกริยาสำรวม โซเฟียจิบน้ำชาระหว่างรอ “นั่งสิ ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอ” โซเฟียกล่าวเสียงเคร่ง เมรี จึงทรุดนั่งบนพื้น เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาดุดันของโซเฟีย “เธอมีคู่รักหรือยัง?” โซเฟียถามใจความสำคัญที่นางต้องการรู้ เมรีเงยหน้ามองสบตาโซเฟีย “เมรีไม่มีคู่รักค่ะ” ภาพฟรองซัวร์ผุดขึ้นมาในใจผิวแก้มร้อนวูบ ก่อนจะสลดลง เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง เธอทำได้แค่แอบมองฟรองซัวร์อยู่ห่างๆ มันเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง “ลูกชายฉันเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขามีสาวๆ ไม่เคยขาด ฉันไม่ต้องการให้เชื้อสายของมาร์เซย์ไปเกิดในเชื้อสายต่ำต้อย จนทำให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน ถ้าแค่เป็นของขบเคี้ยวเล่นๆ ยามว่างน่ะไม่เป็นไร ที่สำคัญเธออย่าได้เผยอ หรือบังอาจ อย่าได้คิดว่าฉันจะยอมรับเธอ อย่าคิดกอบโกยอะไรจากมาร์เซย์เลย จงรับไว้เท่าที่ฉันให้ได้เถอะ ที่สำคัญเธอควรอยู่ห่างๆ ฟรองซัวร์ไว้” โซเฟียกำชับ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาดูแคลน “หรือถ้าลูกชายของฉันต้องการเธอขึ้นมาจริงๆ อย่าได้คิดจับเขาเป็นอันขาด ฉันได้แต่หวังว่าข้า
“เช็ดซะ ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง เธออยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะเรียนจบก็ได้ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่เหลือให้เอง ถือว่าตอบแทนซาร่า ที่คอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด” เมรีเงยหน้ามองชายสูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ชื่นชม“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เมรียกมือไหว้ปรกๆ เอ่ยขอบคุณเสียงพร่า ยกผ้าเช็ดหน้าหอมอ่อนๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างยินดี เธอฝืนยิ้มให้เจ้านายของแม่ ทั้งที่ริมฝีปากอิ่มยังสั่นระริกเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ มันเป็นน้ำตาแห่งความยินดี ยังมีคนใจดีเมตตาตนเอง“ฉันหมดธุระกับเธอแล้วล่ะ เธอกลับไปเถอะ ไว้เธอเรียนจบเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที” ฟรองซัวร์อนุญาตให้เมรีกลับไปพัก เขาหลุบเปลือกตาลงปิดบังประกายตาร้อนแรงเมรีทรงตัวลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่เขาคิด คงเป็นชาติกำเนิดและเชื้อพันธุ์ชีวิต เธอเลยดูตัวเล็กบอบบาง เมื่อเทียบกับผู้หญิงในฝั่งยุโรป เรือนกายอรชรทูกใจฟรองซัวร์ เขาแอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากคนตรงหน้า เมื่อเมรีขยับตัวเบาๆ เขาชอบกลิ่นแบบนี้มากกว่ากลิ่นน้ำหอมชั้นนำที่มีเกลื่อนเมือง และสาวๆ นิยมใช้เมรีเดินออกไปจากห้อง ฟรองซัวร์มองตามเขาถอนใจแรงๆ แปลกใจนิดๆ กับควา
บทนำรักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาลฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตราเมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลายบทที่1.เมรี ประภาเกียรติกุล ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศส เมรี เดินเหม่ออยู่บริเวณด้านหน้าหอไอเ