บทที่5.สะพานอธิษฐานบนแม่น้ำแซน
วันนี้เมรีเลิกเรียนเร็ว เธอเลยมีเวลามาเดินเล่นที่สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์สะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เป็นที่เฉพาะของหนุ่มสาวที่เริ่มเป็นคบหากัน พวกเขามักจะมาอธิษฐานขอพร และคล้องแม่กุญแจที่ราวสะพาน เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาว เมรีทรุดนั่งที่เก้าอี้บริเวณนั้น เธอเหม่อมองคู่รักที่มาพร้อมกัน ก่อนจะไปยืนอธิษฐานของพรด้วยกันที่ริมสะพานคล้องแม่กุญแจเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งสองคน ลมเย็นๆ ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายเมรีอบอุ่นขึ้น เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนหวานจนลืมเวลา
ผิวน้ำเรียบไร้คลื่น กระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่ควรเป็น เมรีคิดถึงฟรองซัวร์ขึ้นมา เธอนึกอยากจะเห็นคนที่ฟรองซัวร์รักและคอยดูแลเขาเหมือนคู่รักหลายคู่ที่เมรีนั่งดูอยู่ในตอนนี้
“อยากเห็นจังเลยนะคะ คนที่คุณฟรองซัวร์รักจะเป็นคนแบบไหน คงมีเกียรติน่ายกย่อง เพราะคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณฟรองซัวร์มีแต่คนสวยทั้งนั้น” เมรีรำพึงแผ่วๆ
“เธอนินทาอะไรฉันเมรี…ฉันได้ยินชื่อของฉันหลุดออกมาจากปากเธอนะ และฉันคงฟังไม่ผิด” เมรีสะดุ้ง! เธอเงยหน้ามาคนพูด เขายืนกอดอกก้มหน้ามองเธอด้วยประกายตาสีเขียวขุ่น
“เพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เลย หูก็คงเพี้ยนด้วย เธอจะละเมอได้ยินเสียงคุณฟรองซัวร์ตอนนี้ไม่ได้” เมรียกมือขยี้เปลือกตาบ่นอุบอิบ เธอต้องเลอะเลือนขนาดไหนถึงได้ตาฝาดแบบนี้ได้
“เธอสิเพี้ยน ฉันยืนอยู่ตรงนี้ชัดๆ” ฟรองซัวร์กระซิบดุ เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับเมรี หญิงสาวผวา เธอมองคนด้านข้างตาโต
เมรียิ้มแหยๆ ให้ฟรองซัวร์ ชายตรงหน้าเธองานยุ่ง เขากลับบ้านดึกๆ เป็นประจำ แต่วันนี้มีเวลามาเที่ยวเล่นแถวนี้...เธอจึงอดแปลกใจไม่ได้
“ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่า ฉันมาทำงานน่ะ บังเอิญเห็นเธอนั่งเหม่อๆ อยู่ก็เลยแวะมาดู” ฟรองซัวร์เปรบลอยๆ เขากวาดมองไปทั่วๆ อย่างสนใจ
“ทำไมแถวนี้คนเยอะจัง เขามาทำอะไรกันน่ะ เอาแม่กุญแจไปคล้องราวสะพานกันทำไมให้รกเกะกะเปล่าๆ” ฟรองซัวร์สังเกตเห็นคนที่เดินมาที่นี่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกันหมด คือมาถึงก็เอากุญแจไปคล้องที่ราวสะพาน ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่าง แล้วก็หันไปจูบคนข้างๆ ชายหนุ่มบ่นอย่างรำคาญ เมื่อมองเห็นความไม่เป็นระเบียบบนราวสะพานที่เต็มไปด้วยแม่กุญแจเล็กใหญ่
“...” เมรีกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอพยายามทำความเข้าใจ เธอเป็นคนต่างถิ่นยังรู้ความหมายของการคล้องกุญแจกับราวสะพานนั่นเป็นอย่างดี แต่คนพื้นที่อย่างชายตรงหน้ากับไม่รู้ทำเนียมปฏิบัติของคนส่วนมากเลยเหรอ... สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เกี่ยวกับตำนานรักอันลือลั่นที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ
“คุณฟรองซัวร์ไม่รู้จัก สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์หรือคะ?” เมรีเอียงคอถาม
“ฉันไม่รู้จริงๆ นะ” ฟรองซัวร์บ่นพึมพำ
สีหน้าเมรีเหลอหลา...เธอเกือบหัวเราะ
“รู้จะถามไง?” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง
“คุณฟรองซัวร์เป็นคนฝรั่งเศสแท้ๆ แน่ใช่ไหมคะ ทำไมไม่รู้จักสะพานอธิษฐานล่ะคะ” เมรีตอบแบบมึนๆ ชายตรงหน้าเกิดและโตที่นี่ แต่กลับไม่รู้จักสถานที่สำคัญ
“สะพานอธิษฐาน?!!” ชายหนุ่มมึน เขาวุ่นวายกับงาน การบริหารแบรนด์มาร์เซย์ให้โด่งดังไม่ใช่เรื่องง่าย ความสนใจเรื่องอื่นเลยไม่ค่อยมีความหมาย
“สะพานที่ใครๆ มาขอพรให้สมหวังในความรักไงคะ” เมรีอธิบายน้ำเสียงมีความหวัง ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ เธอก็เหมือนสาวๆ ทั่วไปที่ปรารถนาอยากให้มีผู้ชายสักคนมารักและปรารถนาในตัวเอง
“เธอเคยขอหรือยัง?” ฟรองซัวร์ถามและกลั้นใจรอคำตอบ
เมรีไม่ได้ตอบ เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย ฟรองซัวร์อมยิ้ม เขาใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าเมรีให้อย่างลืมตัว เมรีนั่งตัวแข็งทื่อ แววตาสั่นไหว เงยหน้ามองสบนัยน์คมดุของฟรองซัวร์ รอบๆ ตัวเวลาเหมือนจะหยุดนิ่ง มีแค่เพียงฟรองซัวร์และเมรีที่นั่งสบตากันกลางแสงแดดอ่อนๆ ตอนบ่ายๆ บนสะพานปงต์ เด ซาร์ตส์ ‘พรึ่บๆ’ เสียงขยับปีกของนกพิราบฝูงใหญ่ที่บินผ่าน ปลุกสติที่กำลังกระเจิงไปไกลของเมรีให้กลับคืนมา ผิวแก้มใสแดงจัด เธอเสก้มหน้าหลบจากสายตาคมดุของฟรองซัวร์ ก่อนจะเอ่ยชวนคุยให้พ้นไปจากเรื่องที่ชวนให้หัวใจเต้นระรัว
“คุณฟรองซัวร์หายมานานแบบนี้ คนที่มาด้วยไม่คอยแย่แล้วหรือคะ” เสียงหวานสั่นนิดๆ
“ฉันเลิกงานแล้ว พวกนั้นน่าจะกลับไปกันหมดแล้วล่ะ” ฟรองซัวร์กล่าวสบายๆ เขาวางมือบนพนักเก้าอี้เหมือนโอบเมรีไว้กลายๆ
เมรีบีบตัวให้เล็กลง พยายามไม่สนใจปลายนิ้วแข็งแรงที่ม้วนปลายผมตัวเองเล่นอย่างเพลิดเพลิน ฟรองซัวร์ปล่อยอารมณ์ตามสบาย สายลมที่พัดโชยนำพาความเย็นมาโอบล้อมรอบๆ ตัว เขารู้สึกผ่อนคลายบ่าทั้งสองข้างเบาลง เขาเคร่งเครียดอยู่กับงานและต้องปรับตัวตามกระแสสังคม ไม่เคยมีเวลาส่วนตัว ไม่น่าเชื่อ...สิ่งที่ผ่อนคลายความเครียดได้ง่ายๆ ก็คือเมรี แค่นั่งนิ่งๆ มีหล่อนอยู่ข้างกาย
“เธอกินอะไรหรือยังเมรี ฉันชักหิวแล้วสิ” ฟรองซัวร์เปรยลอยๆ นิ้วของเขายังม้วนผมนุ่มสลวยด้านหลังของเมรีเล่นไม่ยอมปล่อย
“ยังเลยค่ะ ทำไงดีคะ?” เมรียิ้มกร่อยๆ
“ฉันเลี้ยงเธอเอง ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน นานๆ จะได้ผ่อนคลายแบบนี้ ขออยู่แบบนี้อีกสักหน่อยเถอะนะ” น้ำเสียงทุ้มที่แฝงความเหนื่อยล้า ทำให้เมรีไม่กล้าค้าน เธอเงยหน้ามองฟรองซัวร์ ริ้วรอยย่นๆ เหนือระหว่างคิ้วคงเป็นเพราะชายหนุ่มทำหน้าเคร่งบ่อยๆ แต่ริ้วรอยเช่นนั้นกลับเพิ่มเสน่ห์ให้กับฟรองซัวร์มากขึ้น เมรีไม่แปลกใจเลยที่ชายหนุ่มติดอันดับท็อปเท็น
“คุณจะทานอะไรล่ะคะ แถวนี้มีแต่อาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วๆ ไปคุณฟรองซัวร์ทานได้หรือคะ” เมรีขมวดคิ้วแน่นพลางนึกถึงอาหารที่วางขายอยู่แถวนี้ซึ่งฟรองซัวร์คงไม่เคยรับประทาน
“อะไรก็ได้ ฉันกินได้หมดนั่นแหละ ฉันไม่ได้เปราะบางอย่างที่เธอเข้าใจหรอกนะ ส่วนร้ายๆ ในตัวฉันมีเยอะ และเธอไม่เคยเห็น” ฟรองซัวร์พูดยิ้มๆ เป็นครั้งแรกที่เมรีเห็นชายหนุ่มยิ้ม หัวใจเธอสั่นไหว เกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่อธิบายไม่ถูก
“เมรีเลี้ยงคุณฟรองซัวร์เองค่ะ ราคาไม่เท่าไหร่หรอก คุณฟรองซัวร์รออยู่ตรงนี้แหละค่ะ” เมรีรีบลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้น เธอยิ้มสดใสฟรองซัวร์มองเพลินจนลืมท้วง
เมรีกวาดตามองหาร้านขายแฮมเบอร์เกอร์อาหารที่หากินง่าย ทมีขายอยู่ทั่วไป เธอรีบเข้าไปเลือกซื้อมาหลายอย่าง พร้อมกับน้ำสะอาดอีกสองขวดที่เมรีหอบหิ้วกลับมา
ฟรองซัวร์มองร่างเล็กๆ ที่เดินตรงมาด้วยสายตาที่อ่อนลง แววตาเมรีเป็นประกายสุกใส จนฟรองซัวร์ไม่สามารถถอนสายตาออกมาได้ ทุกอิริยาบถของเธอเต็มไปด้วยความใสซื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงที่ฟรองซัวร์เคยพบบ่อยๆ ในสังคม เขาเบื่อที่ต้องสวมหน้ากาก ความเคร่งเครียดสะสมมาเนิ่นนาน แต่มันกลับจางหายไปจนหมดเมื่อได้อยู่กับเมรีในบรรยากาศแสนสงบ เมรีทรุดนั่ง เธอส่งแฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ให้ฟรองซัวร์ ไอร้อนยังระเหยเป็นไอให้เห็น มันเป็นอาหารที่หาได้ง่ายๆ และเร็วที่สุดชายหนุ่มรับมาถือไว้ เขาแกะพลาสติกหุ้มยัดแฮมเบอร์เกอร์ใส่ปาก กัดกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอส โดยมีเมรีเฝ้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีพอใจ ชิ้นต่อไปเมรีฉีกกระดาษที่ห่อไว้รอ ส่งให้ฟรองซัวร์เงียบๆ และชายหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ได้พูดอะไร“เธอไม่หิวเหรอเมรี ทำไมไม่กินล่ะ?” เมรียิ้มรับ เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาแกะกระดาษห่อเพื่อรับประทานตามฟรองซัวร์ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง กับเสียงพุดคุยรอบตัว มีผู้คนไม่น้อยเลยที่กำลังชมความสวยของแม่น
บทที่6.หอมกลิ่นความรัก เมรียังตกอยู่ในภวังค์หวาน กลิ่นความรักลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้จะแค่เป็นเพียงความรักข้างเดียว แต่เธอก็รู้สึกสุขใจ เกินกว่าจะบรรยายให้ใครฟัง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง จนลืมไปว่าฟรองซัวร์เองก็เพิ่งกลับมาถึงพร้อมกับเธอนั่นแหละ เมรีรีบไปที่ห้องนอนของฟรองซัวร์ เธอควรทำความสะอาดตามหน้าที่ สองมือหิ้วถังน้ำกับผ้าสะอาดหลายผืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปได้ สิ่งแรกที่เมรีทำคือวางถังผ้าเอาไว้ข้างประตู เธอตรงไปยังเตียงกว้างเริ่มพับผ้าห่มและตบหมอนจนนุ่มฟู เตียงใหญ่เสร็จเรียบร้อย เธอก็เก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของฟรองซัวร์เอาไปวางหน้าห้อง อีกสักพักก็จะมีคนรับใช้มาเก็บไปทำการซักรีด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะรู้สึกสะกิดใจ เธอออกแรงทำงานมาตั้งนานแต่เหงื่อไม่ออกเลยซักหยด อากาศเย็นฉ่ำจนน่าตกใจ เธอมองเห็นสัญญาณไฟการทำงานของแอร์คอนนิชั่น พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา
บทที่7.อิสระครั้งแรก การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวันถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่7.อิสระครั้งแรก การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวันถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่6.หอมกลิ่นความรัก เมรียังตกอยู่ในภวังค์หวาน กลิ่นความรักลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้จะแค่เป็นเพียงความรักข้างเดียว แต่เธอก็รู้สึกสุขใจ เกินกว่าจะบรรยายให้ใครฟัง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง จนลืมไปว่าฟรองซัวร์เองก็เพิ่งกลับมาถึงพร้อมกับเธอนั่นแหละ เมรีรีบไปที่ห้องนอนของฟรองซัวร์ เธอควรทำความสะอาดตามหน้าที่ สองมือหิ้วถังน้ำกับผ้าสะอาดหลายผืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปได้ สิ่งแรกที่เมรีทำคือวางถังผ้าเอาไว้ข้างประตู เธอตรงไปยังเตียงกว้างเริ่มพับผ้าห่มและตบหมอนจนนุ่มฟู เตียงใหญ่เสร็จเรียบร้อย เธอก็เก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของฟรองซัวร์เอาไปวางหน้าห้อง อีกสักพักก็จะมีคนรับใช้มาเก็บไปทำการซักรีด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะรู้สึกสะกิดใจ เธอออกแรงทำงานมาตั้งนานแต่เหงื่อไม่ออกเลยซักหยด อากาศเย็นฉ่ำจนน่าตกใจ เธอมองเห็นสัญญาณไฟการทำงานของแอร์คอนนิชั่น พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา
ฟรองซัวร์มองร่างเล็กๆ ที่เดินตรงมาด้วยสายตาที่อ่อนลง แววตาเมรีเป็นประกายสุกใส จนฟรองซัวร์ไม่สามารถถอนสายตาออกมาได้ ทุกอิริยาบถของเธอเต็มไปด้วยความใสซื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงที่ฟรองซัวร์เคยพบบ่อยๆ ในสังคม เขาเบื่อที่ต้องสวมหน้ากาก ความเคร่งเครียดสะสมมาเนิ่นนาน แต่มันกลับจางหายไปจนหมดเมื่อได้อยู่กับเมรีในบรรยากาศแสนสงบ เมรีทรุดนั่ง เธอส่งแฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ให้ฟรองซัวร์ ไอร้อนยังระเหยเป็นไอให้เห็น มันเป็นอาหารที่หาได้ง่ายๆ และเร็วที่สุดชายหนุ่มรับมาถือไว้ เขาแกะพลาสติกหุ้มยัดแฮมเบอร์เกอร์ใส่ปาก กัดกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอส โดยมีเมรีเฝ้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีพอใจ ชิ้นต่อไปเมรีฉีกกระดาษที่ห่อไว้รอ ส่งให้ฟรองซัวร์เงียบๆ และชายหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ได้พูดอะไร“เธอไม่หิวเหรอเมรี ทำไมไม่กินล่ะ?” เมรียิ้มรับ เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาแกะกระดาษห่อเพื่อรับประทานตามฟรองซัวร์ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง กับเสียงพุดคุยรอบตัว มีผู้คนไม่น้อยเลยที่กำลังชมความสวยของแม่น
บทที่5.สะพานอธิษฐานบนแม่น้ำแซน วันนี้เมรีเลิกเรียนเร็ว เธอเลยมีเวลามาเดินเล่นที่สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์สะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เป็นที่เฉพาะของหนุ่มสาวที่เริ่มเป็นคบหากัน พวกเขามักจะมาอธิษฐานขอพร และคล้องแม่กุญแจที่ราวสะพาน เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาว เมรีทรุดนั่งที่เก้าอี้บริเวณนั้น เธอเหม่อมองคู่รักที่มาพร้อมกัน ก่อนจะไปยืนอธิษฐานของพรด้วยกันที่ริมสะพานคล้องแม่กุญแจเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งสองคน ลมเย็นๆ ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายเมรีอบอุ่นขึ้น เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนหวานจนลืมเวลา ผิวน้ำเรียบไร้คลื่น กระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่ควรเป็น เมรีคิดถึงฟรองซัวร์ขึ้นมา เธอนึกอยากจะเห็นคนที่ฟรองซัวร์รักและคอยดูแลเขาเหมือนคู่รักหลายคู่ที่เมรีนั่งดูอยู่ในตอนนี้ “อยากเห็นจังเลยนะคะ คนที่คุณฟรองซัวร์รัก