บทที่2.คำสัญญา
เมรีเดินเข้าไปในห้องสมุดด้วยกริยาสำรวม โซเฟียจิบน้ำชาระหว่างรอ
“นั่งสิ ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอ” โซเฟียกล่าวเสียงเคร่ง เมรี จึงทรุดนั่งบนพื้น เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาดุดันของโซเฟีย
“เธอมีคู่รักหรือยัง?” โซเฟียถามใจความสำคัญที่นางต้องการรู้
เมรีเงยหน้ามองสบตาโซเฟีย “เมรีไม่มีคู่รักค่ะ”ภาพฟรองซัวร์ผุดขึ้นมาในใจผิวแก้มร้อนวูบ ก่อนจะสลดลง เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง เธอทำได้แค่แอบมองฟรองซัวร์อยู่ห่างๆ มันเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง
“ลูกชายฉันเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขามีสาวๆ ไม่เคยขาด ฉันไม่ต้องการให้เชื้อสายของมาร์เซย์ไปเกิดในเชื้อสายต่ำต้อย จนทำให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน ถ้าแค่เป็นของขบเคี้ยวเล่นๆ ยามว่างน่ะไม่เป็นไร ที่สำคัญเธออย่าได้เผยอ หรือบังอาจ อย่าได้คิดว่าฉันจะยอมรับเธอ อย่าคิดกอบโกยอะไรจากมาร์เซย์เลย จงรับไว้เท่าที่ฉันให้ได้เถอะ ที่สำคัญเธอควรอยู่ห่างๆ ฟรองซัวร์ไว้” โซเฟียกำชับ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาดูแคลน
“หรือถ้าลูกชายของฉันต้องการเธอขึ้นมาจริงๆ อย่าได้คิดจับเขาเป็นอันขาด ฉันได้แต่หวังว่าข้าวแดงแกงร้อนที่เธอกินเข้าไปทุกวัน จะทำให้เธอสำนึกถึงบุญคุณของมาร์เซย์บ้าง” โซเฟียหยามหยัน พร้อมกับทวงบุญคุณ นางขอคำสัญญาจากเมรี ผู้หญิงด้อยค่าในความรู้สึกของโซเฟีย
เมรีตกใจ!! คำพูดถากถางดูแคลนเธอไม่มีชิ้นดี เธอรู้สึกเหมือนถูกโซเฟียตบจนหน้าสะบัด เจ็บจี้ดๆ ในใจ เพราะถ้อยคำปรามาสของหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้า เธอน้อยใจในความต้อยต่ำของตัวเอง แต่ก็มีคำค้านในใจ ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างฟรองซัวร์ หรือจะมองเด็กกะโปโลอย่างเธอ ในเมื่อรอบๆ กายของเขาล้วนแล้วแต่มีผู้หญิงสูงศักดิ์ ดารานางแบบสาวสวยเด่นดังหลายๆ คน
“เมรีสัญญาค่ะ” เมรีรับคำเสียงหนัก เธอก้มหน้าลง ซ่อนรอยน้ำตาไว้ เจ็บจี๊ดในใจที่โต้เถียงไม่ได้
“ดี! ฉันหวังว่าเธอจะปฏิบัติตามคำพูดของตัวเอง แบบไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร”
“...” เมรีร้องไห้เงียบๆ น้ำตาหยดเพราะแรงบีบคั้น ยอมรับความเจ็บช้ำไว้ในใจโดยไร้หนทางต่อสู้
“อย่าลืมสัญญาที่เธอบอกฉันไว้ล่ะ ฉันจะทำไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าเธอจะเรียนจบ” โซเฟียยิ้มหยัน นางโบกมือไล่หลังพอใจกับคำตอบของหญิงต้อยต่ำตรงหน้า
เมรีจมอยู่กับกองน้ำตาที่ไหลนองใบหน้า นึกน้อยใจโชคชะตาที่กำหนดให้เธอเกิดมาต้อยต่ำ ยกปาดคราบน้ำตาลวกๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ เธอคลานเข้าไปหลบอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับใคร
“เธอเข้าไปทำอะไรตรงนั้นเมรี?” ฟรองซัวร์ถาม เขาทันเห็นใครบางคนหลบไปอยู่หลังโต๊ะพอดี
เมรีเบียดตัวให้แนบกับตัวโต๊ะมากขึ้น ฟรองซัวร์เป็นของต้องห้ามสำหรับเธอ เธอไม่อยากเผลอใจมากไปกว่านี้ แค่แอบรัก...มันก็หนักสาหัสแล้ว แต่ถ้าชิดใกล้มากกว่านี้ เธอเกรงว่าเผลอตัวและผิดคำสัญญากับมารดาของชายหนุ่ม
“เธอจะออกมาเองรึว่าจะให้ฉันเป็นคนดึงเธอออกมา?” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงเข้ม เมรีเข้ามาวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาจนลืมตัวบ่อยๆ
“เมรีๆ ออกไปเองค่ะ” เมรีละล่ำละลักตอบ เธอรีบมุดออกมาจากซอกโต๊ะตัวใหญ่
ฟรองซัวร์มองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาด้วยความสับสน เขานึกอยากเข้าไปปลอบขวัญให้เธอคลายความหวาดกลัว แต่ต้องชะงักไว้ เมื่อนึกถึงฐานะของตัวเอง เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เอนหลังพิงพนัก ตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง และจ้องมองเมรีอย่างจริงจัง
“เธอร้องไห้ทำไม มีใครทำอะไรเธองั้นเหรอ?”
“ปะ เปล่าค่ะไม่มีใครทำอะไรเมรี” เมรีรีบปฏิเสธ เธอก้มหน้าหลบสายตาของฟรองซัวร์
“แล้วเธอร้องไห้ทำไมล่ะ หรือว่าคิดถึงซาร่า?” ฟรองซัวร์ถามต่อแอบนึกสงสาร หญิงสาวเพิ่งสูญเสียมารดาไป เธอคงกำลังรู้สึกเคว้งคว้าง
เมรีน้ำตาตก เมื่อฟรองซัวร์เอ่ยถึงมารดาที่จากลาไปไกล น้ำใสๆ ไหลหล่นออกมาจากหน่วยตา หัวไหล่สั่นเทาเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ฟรองซัวร์ทอดสายตามอง แววตาสงสารผุดวาบขึ้นมา ฟรองซัวร์ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปทรุดนั่งข้างเมรี ก่อนจะรวบเธอเข้ามากอด มือลูบไล้เรือนผมสลวย เมรีใจหายวาบ!! เธอเกือบจะขืนตัว ถ้าคนตัวใหญ่ไม่กดแผ่นหลังเธอไว้ หญิงสาวเผลอตัว เมื่อความอบอุ่นจากกายใหญ่แผ่ซึมให้ตนเองรู้สึกปลอดภัย เธอแนบใบหน้ากับแผงอกแข็งแรง จนน้ำตาเม็ดเล็กๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเรียบกริบบริเวณอกของเขา เปียกชุ่มไปเป็นวงกว้าง เมรีสะอึกสะอื้นเธอสอดมือกอดลำตัวของฟรองซัวร์ไว้อย่างต้องการพึ่งพิง
ฟรองซัวร์รั้งเมรีขึ้นมานั่งบนตัก และกอดเธอแน่นขึ้น เขาอยากปลอบโยนเพราะรู้สึกแสนสงสาร ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาจนมองดูเหมือนลูกนกหลงรัก ต้องการความอบอุ่นและพื้นที่ปลอดภัย
“ชูว์!! หยุดร้องได้แล้วคนดี เธอยังมีฉันอยู่ทั้งคนนะ” ฟรองซัวร์กระซิบปลอบชิดริมใบหู จนเมรีค่อยๆ คลายจากการเสียใจ เธอหยุดสะอื้นซึมซับความอบอุ่นที่ได้รับไว้ในใจ
“อย่าลืมนะเมรีเธอยังมีฉันอยู่ ถ้ามีอะไรทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันยินดีรับฟัง” ฟรองซัวร์กดปลายจมูกข้างขมับเมรีด้วยความลืมตัว หญิงสาวผงะ!! เธอกำลังจะขืนตัวออกห่าง
พอดีกับที่ชายหนุ่มดันตัวเธออกห่างแผงอกเขาพอดี
เธอช้อนสายตาวาวน้ำตามองสบตากับเขา แววตาภักดีกระทบใจฟรองซัวร์จังๆ ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยรอยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขามองสบนัยน์ตากลมโตของเมรีด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
เมรีเผยอปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ฟรองซัวร์โน้มตัวเข้ามาใกล้ เขาก้มลง...จูบ ปิดปากจิ้มลิ้มด้วยริมฝีปากตัวเอง
ไม่มีเสียงร้อง มีเพียงเสียงครางที่เล็ดลอดออกมาเบาๆ
ฟรองซัวร์ดันท้ายทอยของเมรีให้แหงนหน้ารับจุมพิตได้อย่างถนัดถนี่ ริมฝีปากหนาขบเม้มเบาๆ ที่กลีบปากหวานหอม เขาละเลียดชิมความหวานของสาวแรกรุ่นอย่างหลงใหล ปลายลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำ กวาดไล้เรียวลิ้นเล็กๆ อย่างหยอกเย้า ดูดซึมจนเมรีหลงมัวเมา เธอตัวสั่นเทาเมื่อฟรองซัวร์เริ่มรุกหนัก รสจูบทวีความร้อนแรงขึ้นทุกเวลา
เสียงครางแหบห้าวเพราะพอใจ ฟรองซัวร์มัวเมาดื่มชิมอย่างดุดัน มือหนาลูบไล้ลำตัวบางที่น่าถนอม ผิวเนื้อเนียนลื่นอุ่นร้อนปลุกกระแสความต้องการในกายใหญ่ให้ลุกชัน เมรีครางอย่างลืมตัว เปล่งเสียงสั่นพร่าเมื่อเกินกว่าจะควบคุมความปรารถนาไว้ได้
ฟรองซัวร์ดันเมรีเอนลงบนพื้นพรม มีร่างใหญ่ของตนเองกักกันไว้ เขามองดวงหน้าหวานใสอย่างพิจารณา ริมฝีปากอิ่มเห่อบวม แดงก่ำเพราะทุกบดจูบอย่างดุดัน ดวงตากลมโตพริบพราวระยิบระยับ เธอสูดลมหายใจแรงๆ จนหน้าอกอวบอิ่มไหวกระเพื่อม มือของฟรองซัวร์ยกขึ้นเกลี่ยปรอยผมที่ปรกใบหน้าของเมรี เกลี่ยไปทัดเก็บไว้ริมหูให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาสีมรกตเป็นประกาย เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ลุกฮือ
“คนดีๆ ขึ้นหรือยังหึ?” ฟรองซัวร์กระซิบถาม ก่อนจะซุกหน้าที่ซอกคอหอมกรุ่น แอบชิมผิวเนื้อหอมหวานของเมรี จนหญิงสาวครางงึมงำปลายจมูกลากไล้ แอบสำรวจความอวบอิ่ม จนมาหยุดเหนือเนินหน้าอกอวบอูม
ดวงตาสีมรกตวาววับ ปลายนิ้วแข็งแรงคีบคอเสื้อของเมรีให้ร่นลง จนเปิดเผยความอวบอิ่มภายใต้กรวยผ้าสีหวาน ฟรองซัวร์มองอกอวบล้นของเมรีอย่างชื่นชม ผิวของเมรีใสละเอียดยิบ จนมองไม่เห็นรูขุมขนกับหน้าอกอวบใหญ่เกินตัว หญิงสาวตรงหน้ามักจะใส่เสื้อผ้าหลวมโพลก แต่ความจริงเมรีกลมกลึง อวบอัดเกินตัว เขาอดตื่นเต้นไม่ได้ ปลายลิ้นหนาไล้เลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึกแห้งผาก รวดร้าวไปทั้งหน้าขา
เมรีนอนตัวอ่อนระทวย เธอมึนเมาในห้วงปรารถนาที่ฟรองซัวร์เป็นผู้ชักนำ ชายหนุ่มก้มลงครอบครองอกอวบอิ่มผ่านเนื้อผ้าลูกไม้ เขาขบเม้มแผ่วๆ จนเมรีตัวสั่นสะท้าน สาวแรกรุ่นหลงวนอยู่ในช่วงเวลาวาบหวาม แผ่นหลังบางแอ่นโค้ง เบียดอกอิ่มกับใบหน้าฟรองซัวร์อย่างลืมอาย ปลายนิ้วจิกเกร็งอยู่บนบ่ากว้างและครางเสียงหวานจนชายหนุ่มหลงลำพอง
ปัง!
เสียงประตูห้องสมุดเปิดพร้อมกับเสียงของเบีย กับเสียงแผ่วๆ รับคำของสาวใช้ที่มีมากกว่าหนึ่งคน ปลุกสติที่กระเจิดกระเจิงไปของเมรีให้กลับคืนมา เธอยกมือดันแผงอกของฟรองซัวร์ไว้
“ชิบ!!”
ฟรองซัวร์เผลอสบถออกมา เมื่อมีคนเข้ามาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม เขาก้มลงไปจุมพิตเรียวปากอิ่มเร็วๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน โดยส่งสายตาปรามให้เมรีนอนอยู่นิ่งๆ
“อุ่ย!! คุณฟรองซัวร์อยู่ในนี้เหรอคะ เบียกำลังจะให้สาวใช้ทำความสะอาดห้องสมุดนี้อยู่พอดี” เบียอุทาน เมื่อเห็นฟรองซัวร์
“ออกไปก่อน...เดี๋ยวค่อยเข้ามาใหม่” ฟรองซัวร์ตวาดเสียงแข็ง
เมรีดึงคอเสื้อขึ้นมาปกปิดความเย้ายวนของตัวเองอย่างรวดเร็ว เธอคลานเข่า มุดออกไปตามมุมโต๊ะจนกระทั่งไปถึงประตูห้อง มีสายตาของฟรองซัวร์มองตามไป
“ค่ะ พวกหล่อนออกไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาใหม่” เบียหันไปต้อนสาวใช้ทั้งสองคน ก่อนที่ระเบิดลูกใหญ่จะลง สาวใช้วัยละอ่อนไม่ได้สนใจเบียสักนิด ทั้งสองนางกำลังส่งตาหวานฉ่ำให้เจ้านายหนุ่มที่ยืนหน้าตูมอยู่มุมห้อง เบียส่ายใบหน้า ถอนหายใจแรงๆ
“เชิญตามสบายเถอะ ฉันจะออกไปเอง” ฟรองซัวร์เปรยลอยๆเมื่อเห็นเมรีลับหายออกไปจากห้อง เขาฝืนอยู่ก็ไม่เกิดประโยชน์
บทที่3.หน้าที่ใหม่ที่ทำให้ใจแกว่ง ฟรองซัวร์เดินหน้าตึงออกมาจากห้องสมุด บัตเลอร์วัยชราเดินผ่านเข้ามาในสายตาพอดี ชายหนุ่มจึงเรียกไว้ พร้อมกับสั่งงานบาง เมื่อความปรารถนาตี้ขึ้นมาจนจุกอกเขาต้องการปลดปล่อยความร้อนในกายที่กำลังแผดเผาตนเองจนปวดร้าวไปตลอดทั้งหน้าขา “ตามเมรีให้ฉันหน่อย ฉันจะขึ้นไปรอบนห้อง” ฟรองซัวร์เดินขึ้นไปรอบนห้องนอน บัตเลอร์วัยชราถอนใจดังเฮือก!! เขามองตามเจ้านายหนุ่มด้วยความหนักใจ หนุ่มวัยฉกรรจ์กับสาวไร้เดียงสา เหมือนน้ำมันกับไฟที่พร้อมจะลุกไหม้โดยไม่สนใจผลลัพธ์ บัตเลอร์ผู้เฒ่ารีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่กำลังหนักใจ กับอนาคตของผู้เป็นเจ้านาย เขาใคร่ครวยอย่างหนักในที่สุดบัตเลอร์ผู้ภักดีก็ตัดสินใจขัดคำสั่งเจ้านายหนุ่ม เขาเดินขึ้นไปชั้นบน โดยไร้เงาของเมรีอย่างที่ฟรองซัวร์ต้องการ ก็อกๆเสียงเคาะประตูดังแผ่วๆ ฟรองซัวร์ที่กำลังรอกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่...เมื่อบัตเลอร์วัยชราเปิดประตูเข้า ชายหนุ่มตาลุกวาบ!! สีหน้าเดือดดาลแบบเห็นได้ชัด ชายสูงวัยก้มหน้าหลบเขาถอนใจแรงๆ ตอนที่ตัดสินใจพูดเตือนสติเจ้านาย “กระผมคิดว่ามันไม่สมควร ที่นายท่านจะพ
บทที่4.กลิ่นหอมที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก กลิ่นสบู่ระเหยขึ้นมาจนหอมฟุ้ง เมรีเดินเลี่ยงชายร่างใหญ่ที่ยืนกอดขวางทางออกของเธอ แววตาเขาแปลกๆ จนเธอแอบผวา เมรีกำลังจะเดินผ่านเขา แต่ต้องชะงักเพราะฟรองซัวร์รั้งแขนเธอไว้ “ถูหลังให้หน่อยฉันเอื้อมไม่ถึง” เมรีกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอขัดคำสั่งคนตรงหน้าได้ด้วยหรือไง เธอพยักรับ แม้จะรู้สึกอึดอัด ชายหนุ่มสลัดชุดคลุมอย่างรวดเร็ว เขาหย่อนกายลงนั่งในอ่างน้ำอุ่นท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสาวตัวเล็ก ผิวขาวเรียบลื่นเปียกน้ำเป็นมันวาว เมรีมือสั่นฟองน้ำนุ่มๆ ในมือหนักอึ้ง เธอพยายามไม่มองผิวกายตึงแน่นตอนที่ลากฟองน้ำไปทั่วแผ่นหลังของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมรีโชยมาเข้าจมูก ฟรองซัวร์หลับตาพลิ้ม เขามีความสุขแทบล้นอก เมรีทำงานด้วยความตั้งใจ ปลายจมูกของเธอมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว พราะความรุ่มร้อนในกาย บวกกับไอระเหยของน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ ฟรองซัวร์ชำเลืองมองเมรีด้วยหางตา เขาถอนใจแรงๆ นึกเซ็งในใจ กายใหญ่โตขยายใหญ่มันทะลึงตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา จนฟรองซัวร์นึกโกรธตัวเอง เขากำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมรีผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอตั้งใจถูผิวกายขาวผ
บทนำรักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาลฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตราเมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลายบทที่1.เมรี ประภาเกียรติกุล ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศส เมรี เดินเหม่ออยู่บริเวณด้านหน้าหอไอเ
“เช็ดซะ ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง เธออยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะเรียนจบก็ได้ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่เหลือให้เอง ถือว่าตอบแทนซาร่า ที่คอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด” เมรีเงยหน้ามองชายสูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ชื่นชม“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เมรียกมือไหว้ปรกๆ เอ่ยขอบคุณเสียงพร่า ยกผ้าเช็ดหน้าหอมอ่อนๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างยินดี เธอฝืนยิ้มให้เจ้านายของแม่ ทั้งที่ริมฝีปากอิ่มยังสั่นระริกเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ มันเป็นน้ำตาแห่งความยินดี ยังมีคนใจดีเมตตาตนเอง“ฉันหมดธุระกับเธอแล้วล่ะ เธอกลับไปเถอะ ไว้เธอเรียนจบเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที” ฟรองซัวร์อนุญาตให้เมรีกลับไปพัก เขาหลุบเปลือกตาลงปิดบังประกายตาร้อนแรงเมรีทรงตัวลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่เขาคิด คงเป็นชาติกำเนิดและเชื้อพันธุ์ชีวิต เธอเลยดูตัวเล็กบอบบาง เมื่อเทียบกับผู้หญิงในฝั่งยุโรป เรือนกายอรชรทูกใจฟรองซัวร์ เขาแอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากคนตรงหน้า เมื่อเมรีขยับตัวเบาๆ เขาชอบกลิ่นแบบนี้มากกว่ากลิ่นน้ำหอมชั้นนำที่มีเกลื่อนเมือง และสาวๆ นิยมใช้เมรีเดินออกไปจากห้อง ฟรองซัวร์มองตามเขาถอนใจแรงๆ แปลกใจนิดๆ กับควา
บทที่4.กลิ่นหอมที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก กลิ่นสบู่ระเหยขึ้นมาจนหอมฟุ้ง เมรีเดินเลี่ยงชายร่างใหญ่ที่ยืนกอดขวางทางออกของเธอ แววตาเขาแปลกๆ จนเธอแอบผวา เมรีกำลังจะเดินผ่านเขา แต่ต้องชะงักเพราะฟรองซัวร์รั้งแขนเธอไว้ “ถูหลังให้หน่อยฉันเอื้อมไม่ถึง” เมรีกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอขัดคำสั่งคนตรงหน้าได้ด้วยหรือไง เธอพยักรับ แม้จะรู้สึกอึดอัด ชายหนุ่มสลัดชุดคลุมอย่างรวดเร็ว เขาหย่อนกายลงนั่งในอ่างน้ำอุ่นท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสาวตัวเล็ก ผิวขาวเรียบลื่นเปียกน้ำเป็นมันวาว เมรีมือสั่นฟองน้ำนุ่มๆ ในมือหนักอึ้ง เธอพยายามไม่มองผิวกายตึงแน่นตอนที่ลากฟองน้ำไปทั่วแผ่นหลังของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมรีโชยมาเข้าจมูก ฟรองซัวร์หลับตาพลิ้ม เขามีความสุขแทบล้นอก เมรีทำงานด้วยความตั้งใจ ปลายจมูกของเธอมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว พราะความรุ่มร้อนในกาย บวกกับไอระเหยของน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ ฟรองซัวร์ชำเลืองมองเมรีด้วยหางตา เขาถอนใจแรงๆ นึกเซ็งในใจ กายใหญ่โตขยายใหญ่มันทะลึงตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา จนฟรองซัวร์นึกโกรธตัวเอง เขากำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมรีผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอตั้งใจถูผิวกายขาวผ
บทที่3.หน้าที่ใหม่ที่ทำให้ใจแกว่ง ฟรองซัวร์เดินหน้าตึงออกมาจากห้องสมุด บัตเลอร์วัยชราเดินผ่านเข้ามาในสายตาพอดี ชายหนุ่มจึงเรียกไว้ พร้อมกับสั่งงานบาง เมื่อความปรารถนาตี้ขึ้นมาจนจุกอกเขาต้องการปลดปล่อยความร้อนในกายที่กำลังแผดเผาตนเองจนปวดร้าวไปตลอดทั้งหน้าขา “ตามเมรีให้ฉันหน่อย ฉันจะขึ้นไปรอบนห้อง” ฟรองซัวร์เดินขึ้นไปรอบนห้องนอน บัตเลอร์วัยชราถอนใจดังเฮือก!! เขามองตามเจ้านายหนุ่มด้วยความหนักใจ หนุ่มวัยฉกรรจ์กับสาวไร้เดียงสา เหมือนน้ำมันกับไฟที่พร้อมจะลุกไหม้โดยไม่สนใจผลลัพธ์ บัตเลอร์ผู้เฒ่ารีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่กำลังหนักใจ กับอนาคตของผู้เป็นเจ้านาย เขาใคร่ครวยอย่างหนักในที่สุดบัตเลอร์ผู้ภักดีก็ตัดสินใจขัดคำสั่งเจ้านายหนุ่ม เขาเดินขึ้นไปชั้นบน โดยไร้เงาของเมรีอย่างที่ฟรองซัวร์ต้องการ ก็อกๆเสียงเคาะประตูดังแผ่วๆ ฟรองซัวร์ที่กำลังรอกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่...เมื่อบัตเลอร์วัยชราเปิดประตูเข้า ชายหนุ่มตาลุกวาบ!! สีหน้าเดือดดาลแบบเห็นได้ชัด ชายสูงวัยก้มหน้าหลบเขาถอนใจแรงๆ ตอนที่ตัดสินใจพูดเตือนสติเจ้านาย “กระผมคิดว่ามันไม่สมควร ที่นายท่านจะพ
บทที่2.คำสัญญา เมรีเดินเข้าไปในห้องสมุดด้วยกริยาสำรวม โซเฟียจิบน้ำชาระหว่างรอ “นั่งสิ ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอ” โซเฟียกล่าวเสียงเคร่ง เมรี จึงทรุดนั่งบนพื้น เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาดุดันของโซเฟีย “เธอมีคู่รักหรือยัง?” โซเฟียถามใจความสำคัญที่นางต้องการรู้ เมรีเงยหน้ามองสบตาโซเฟีย “เมรีไม่มีคู่รักค่ะ” ภาพฟรองซัวร์ผุดขึ้นมาในใจผิวแก้มร้อนวูบ ก่อนจะสลดลง เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง เธอทำได้แค่แอบมองฟรองซัวร์อยู่ห่างๆ มันเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง “ลูกชายฉันเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขามีสาวๆ ไม่เคยขาด ฉันไม่ต้องการให้เชื้อสายของมาร์เซย์ไปเกิดในเชื้อสายต่ำต้อย จนทำให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน ถ้าแค่เป็นของขบเคี้ยวเล่นๆ ยามว่างน่ะไม่เป็นไร ที่สำคัญเธออย่าได้เผยอ หรือบังอาจ อย่าได้คิดว่าฉันจะยอมรับเธอ อย่าคิดกอบโกยอะไรจากมาร์เซย์เลย จงรับไว้เท่าที่ฉันให้ได้เถอะ ที่สำคัญเธอควรอยู่ห่างๆ ฟรองซัวร์ไว้” โซเฟียกำชับ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาดูแคลน “หรือถ้าลูกชายของฉันต้องการเธอขึ้นมาจริงๆ อย่าได้คิดจับเขาเป็นอันขาด ฉันได้แต่หวังว่าข้า
“เช็ดซะ ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง เธออยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะเรียนจบก็ได้ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายที่เหลือให้เอง ถือว่าตอบแทนซาร่า ที่คอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด” เมรีเงยหน้ามองชายสูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง ชื่นชม“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เมรียกมือไหว้ปรกๆ เอ่ยขอบคุณเสียงพร่า ยกผ้าเช็ดหน้าหอมอ่อนๆ เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าอย่างยินดี เธอฝืนยิ้มให้เจ้านายของแม่ ทั้งที่ริมฝีปากอิ่มยังสั่นระริกเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ มันเป็นน้ำตาแห่งความยินดี ยังมีคนใจดีเมตตาตนเอง“ฉันหมดธุระกับเธอแล้วล่ะ เธอกลับไปเถอะ ไว้เธอเรียนจบเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที” ฟรองซัวร์อนุญาตให้เมรีกลับไปพัก เขาหลุบเปลือกตาลงปิดบังประกายตาร้อนแรงเมรีทรงตัวลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่เขาคิด คงเป็นชาติกำเนิดและเชื้อพันธุ์ชีวิต เธอเลยดูตัวเล็กบอบบาง เมื่อเทียบกับผู้หญิงในฝั่งยุโรป เรือนกายอรชรทูกใจฟรองซัวร์ เขาแอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากคนตรงหน้า เมื่อเมรีขยับตัวเบาๆ เขาชอบกลิ่นแบบนี้มากกว่ากลิ่นน้ำหอมชั้นนำที่มีเกลื่อนเมือง และสาวๆ นิยมใช้เมรีเดินออกไปจากห้อง ฟรองซัวร์มองตามเขาถอนใจแรงๆ แปลกใจนิดๆ กับควา
บทนำรักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาลฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตราเมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลายบทที่1.เมรี ประภาเกียรติกุล ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศส เมรี เดินเหม่ออยู่บริเวณด้านหน้าหอไอเ