บทที่2.คำสัญญา
เมรีเดินเข้าไปในห้องสมุดด้วยกริยาสำรวม โซเฟียจิบน้ำชาระหว่างรอ
“นั่งสิ ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอ” โซเฟียกล่าวเสียงเคร่ง เมรี จึงทรุดนั่งบนพื้น เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาดุดันของโซเฟีย
“เธอมีคู่รักหรือยัง?” โซเฟียถามใจความสำคัญที่นางต้องการรู้
เมรีเงยหน้ามองสบตาโซเฟีย “เมรีไม่มีคู่รักค่ะ”ภาพฟรองซัวร์ผุดขึ้นมาในใจผิวแก้มร้อนวูบ ก่อนจะสลดลง เมื่อตระหนักถึงความเป็นจริง เธอทำได้แค่แอบมองฟรองซัวร์อยู่ห่างๆ มันเป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง
“ลูกชายฉันเป็นหนุ่มเนื้อหอม เขามีสาวๆ ไม่เคยขาด ฉันไม่ต้องการให้เชื้อสายของมาร์เซย์ไปเกิดในเชื้อสายต่ำต้อย จนทำให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน ถ้าแค่เป็นของขบเคี้ยวเล่นๆ ยามว่างน่ะไม่เป็นไร ที่สำคัญเธออย่าได้เผยอ หรือบังอาจ อย่าได้คิดว่าฉันจะยอมรับเธอ อย่าคิดกอบโกยอะไรจากมาร์เซย์เลย จงรับไว้เท่าที่ฉันให้ได้เถอะ ที่สำคัญเธอควรอยู่ห่างๆ ฟรองซัวร์ไว้” โซเฟียกำชับ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยแววตาดูแคลน
“หรือถ้าลูกชายของฉันต้องการเธอขึ้นมาจริงๆ อย่าได้คิดจับเขาเป็นอันขาด ฉันได้แต่หวังว่าข้าวแดงแกงร้อนที่เธอกินเข้าไปทุกวัน จะทำให้เธอสำนึกถึงบุญคุณของมาร์เซย์บ้าง” โซเฟียหยามหยัน พร้อมกับทวงบุญคุณ นางขอคำสัญญาจากเมรี ผู้หญิงด้อยค่าในความรู้สึกของโซเฟีย
เมรีตกใจ!! คำพูดถากถางดูแคลนเธอไม่มีชิ้นดี เธอรู้สึกเหมือนถูกโซเฟียตบจนหน้าสะบัด เจ็บจี้ดๆ ในใจ เพราะถ้อยคำปรามาสของหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้า เธอน้อยใจในความต้อยต่ำของตัวเอง แต่ก็มีคำค้านในใจ ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างฟรองซัวร์ หรือจะมองเด็กกะโปโลอย่างเธอ ในเมื่อรอบๆ กายของเขาล้วนแล้วแต่มีผู้หญิงสูงศักดิ์ ดารานางแบบสาวสวยเด่นดังหลายๆ คน
“เมรีสัญญาค่ะ” เมรีรับคำเสียงหนัก เธอก้มหน้าลง ซ่อนรอยน้ำตาไว้ เจ็บจี๊ดในใจที่โต้เถียงไม่ได้
“ดี! ฉันหวังว่าเธอจะปฏิบัติตามคำพูดของตัวเอง แบบไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร”
“...” เมรีร้องไห้เงียบๆ น้ำตาหยดเพราะแรงบีบคั้น ยอมรับความเจ็บช้ำไว้ในใจโดยไร้หนทางต่อสู้
“อย่าลืมสัญญาที่เธอบอกฉันไว้ล่ะ ฉันจะทำไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าเธอจะเรียนจบ” โซเฟียยิ้มหยัน นางโบกมือไล่หลังพอใจกับคำตอบของหญิงต้อยต่ำตรงหน้า
เมรีจมอยู่กับกองน้ำตาที่ไหลนองใบหน้า นึกน้อยใจโชคชะตาที่กำหนดให้เธอเกิดมาต้อยต่ำ ยกปาดคราบน้ำตาลวกๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ เธอคลานเข้าไปหลบอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับใคร
“เธอเข้าไปทำอะไรตรงนั้นเมรี?” ฟรองซัวร์ถาม เขาทันเห็นใครบางคนหลบไปอยู่หลังโต๊ะพอดี
เมรีเบียดตัวให้แนบกับตัวโต๊ะมากขึ้น ฟรองซัวร์เป็นของต้องห้ามสำหรับเธอ เธอไม่อยากเผลอใจมากไปกว่านี้ แค่แอบรัก...มันก็หนักสาหัสแล้ว แต่ถ้าชิดใกล้มากกว่านี้ เธอเกรงว่าเผลอตัวและผิดคำสัญญากับมารดาของชายหนุ่ม
“เธอจะออกมาเองรึว่าจะให้ฉันเป็นคนดึงเธอออกมา?” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงเข้ม เมรีเข้ามาวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาจนลืมตัวบ่อยๆ
“เมรีๆ ออกไปเองค่ะ” เมรีละล่ำละลักตอบ เธอรีบมุดออกมาจากซอกโต๊ะตัวใหญ่
ฟรองซัวร์มองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาด้วยความสับสน เขานึกอยากเข้าไปปลอบขวัญให้เธอคลายความหวาดกลัว แต่ต้องชะงักไว้ เมื่อนึกถึงฐานะของตัวเอง เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เอนหลังพิงพนัก ตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง และจ้องมองเมรีอย่างจริงจัง
“เธอร้องไห้ทำไม มีใครทำอะไรเธองั้นเหรอ?”
“ปะ เปล่าค่ะไม่มีใครทำอะไรเมรี” เมรีรีบปฏิเสธ เธอก้มหน้าหลบสายตาของฟรองซัวร์
“แล้วเธอร้องไห้ทำไมล่ะ หรือว่าคิดถึงซาร่า?” ฟรองซัวร์ถามต่อแอบนึกสงสาร หญิงสาวเพิ่งสูญเสียมารดาไป เธอคงกำลังรู้สึกเคว้งคว้าง
เมรีน้ำตาตก เมื่อฟรองซัวร์เอ่ยถึงมารดาที่จากลาไปไกล น้ำใสๆ ไหลหล่นออกมาจากหน่วยตา หัวไหล่สั่นเทาเพราะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ฟรองซัวร์ทอดสายตามอง แววตาสงสารผุดวาบขึ้นมา ฟรองซัวร์ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปทรุดนั่งข้างเมรี ก่อนจะรวบเธอเข้ามากอด มือลูบไล้เรือนผมสลวย เมรีใจหายวาบ!! เธอเกือบจะขืนตัว ถ้าคนตัวใหญ่ไม่กดแผ่นหลังเธอไว้ หญิงสาวเผลอตัว เมื่อความอบอุ่นจากกายใหญ่แผ่ซึมให้ตนเองรู้สึกปลอดภัย เธอแนบใบหน้ากับแผงอกแข็งแรง จนน้ำตาเม็ดเล็กๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเรียบกริบบริเวณอกของเขา เปียกชุ่มไปเป็นวงกว้าง เมรีสะอึกสะอื้นเธอสอดมือกอดลำตัวของฟรองซัวร์ไว้อย่างต้องการพึ่งพิง
ฟรองซัวร์รั้งเมรีขึ้นมานั่งบนตัก และกอดเธอแน่นขึ้น เขาอยากปลอบโยนเพราะรู้สึกแสนสงสาร ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาจนมองดูเหมือนลูกนกหลงรัก ต้องการความอบอุ่นและพื้นที่ปลอดภัย
“ชูว์!! หยุดร้องได้แล้วคนดี เธอยังมีฉันอยู่ทั้งคนนะ” ฟรองซัวร์กระซิบปลอบชิดริมใบหู จนเมรีค่อยๆ คลายจากการเสียใจ เธอหยุดสะอื้นซึมซับความอบอุ่นที่ได้รับไว้ในใจ
“อย่าลืมนะเมรีเธอยังมีฉันอยู่ ถ้ามีอะไรทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันยินดีรับฟัง” ฟรองซัวร์กดปลายจมูกข้างขมับเมรีด้วยความลืมตัว หญิงสาวผงะ!! เธอกำลังจะขืนตัวออกห่าง
พอดีกับที่ชายหนุ่มดันตัวเธออกห่างแผงอกเขาพอดี
เธอช้อนสายตาวาวน้ำตามองสบตากับเขา แววตาภักดีกระทบใจฟรองซัวร์จังๆ ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยรอยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขามองสบนัยน์ตากลมโตของเมรีด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
เมรีเผยอปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ฟรองซัวร์โน้มตัวเข้ามาใกล้ เขาก้มลง...จูบ ปิดปากจิ้มลิ้มด้วยริมฝีปากตัวเอง
ไม่มีเสียงร้อง มีเพียงเสียงครางที่เล็ดลอดออกมาเบาๆ
ฟรองซัวร์ดันท้ายทอยของเมรีให้แหงนหน้ารับจุมพิตได้อย่างถนัดถนี่ ริมฝีปากหนาขบเม้มเบาๆ ที่กลีบปากหวานหอม เขาละเลียดชิมความหวานของสาวแรกรุ่นอย่างหลงใหล ปลายลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำ กวาดไล้เรียวลิ้นเล็กๆ อย่างหยอกเย้า ดูดซึมจนเมรีหลงมัวเมา เธอตัวสั่นเทาเมื่อฟรองซัวร์เริ่มรุกหนัก รสจูบทวีความร้อนแรงขึ้นทุกเวลา
เสียงครางแหบห้าวเพราะพอใจ ฟรองซัวร์มัวเมาดื่มชิมอย่างดุดัน มือหนาลูบไล้ลำตัวบางที่น่าถนอม ผิวเนื้อเนียนลื่นอุ่นร้อนปลุกกระแสความต้องการในกายใหญ่ให้ลุกชัน เมรีครางอย่างลืมตัว เปล่งเสียงสั่นพร่าเมื่อเกินกว่าจะควบคุมความปรารถนาไว้ได้
ฟรองซัวร์ดันเมรีเอนลงบนพื้นพรม มีร่างใหญ่ของตนเองกักกันไว้ เขามองดวงหน้าหวานใสอย่างพิจารณา ริมฝีปากอิ่มเห่อบวม แดงก่ำเพราะทุกบดจูบอย่างดุดัน ดวงตากลมโตพริบพราวระยิบระยับ เธอสูดลมหายใจแรงๆ จนหน้าอกอวบอิ่มไหวกระเพื่อม มือของฟรองซัวร์ยกขึ้นเกลี่ยปรอยผมที่ปรกใบหน้าของเมรี เกลี่ยไปทัดเก็บไว้ริมหูให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาสีมรกตเป็นประกาย เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ลุกฮือ
“คนดีๆ ขึ้นหรือยังหึ?” ฟรองซัวร์กระซิบถาม ก่อนจะซุกหน้าที่ซอกคอหอมกรุ่น แอบชิมผิวเนื้อหอมหวานของเมรี จนหญิงสาวครางงึมงำปลายจมูกลากไล้ แอบสำรวจความอวบอิ่ม จนมาหยุดเหนือเนินหน้าอกอวบอูม
ดวงตาสีมรกตวาววับ ปลายนิ้วแข็งแรงคีบคอเสื้อของเมรีให้ร่นลง จนเปิดเผยความอวบอิ่มภายใต้กรวยผ้าสีหวาน ฟรองซัวร์มองอกอวบล้นของเมรีอย่างชื่นชม ผิวของเมรีใสละเอียดยิบ จนมองไม่เห็นรูขุมขนกับหน้าอกอวบใหญ่เกินตัว หญิงสาวตรงหน้ามักจะใส่เสื้อผ้าหลวมโพลก แต่ความจริงเมรีกลมกลึง อวบอัดเกินตัว เขาอดตื่นเต้นไม่ได้ ปลายลิ้นหนาไล้เลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึกแห้งผาก รวดร้าวไปทั้งหน้าขา
เมรีนอนตัวอ่อนระทวย เธอมึนเมาในห้วงปรารถนาที่ฟรองซัวร์เป็นผู้ชักนำ ชายหนุ่มก้มลงครอบครองอกอวบอิ่มผ่านเนื้อผ้าลูกไม้ เขาขบเม้มแผ่วๆ จนเมรีตัวสั่นสะท้าน สาวแรกรุ่นหลงวนอยู่ในช่วงเวลาวาบหวาม แผ่นหลังบางแอ่นโค้ง เบียดอกอิ่มกับใบหน้าฟรองซัวร์อย่างลืมอาย ปลายนิ้วจิกเกร็งอยู่บนบ่ากว้างและครางเสียงหวานจนชายหนุ่มหลงลำพอง
ปัง!
เสียงประตูห้องสมุดเปิดพร้อมกับเสียงของเบีย กับเสียงแผ่วๆ รับคำของสาวใช้ที่มีมากกว่าหนึ่งคน ปลุกสติที่กระเจิดกระเจิงไปของเมรีให้กลับคืนมา เธอยกมือดันแผงอกของฟรองซัวร์ไว้
“ชิบ!!”
ฟรองซัวร์เผลอสบถออกมา เมื่อมีคนเข้ามาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม เขาก้มลงไปจุมพิตเรียวปากอิ่มเร็วๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน โดยส่งสายตาปรามให้เมรีนอนอยู่นิ่งๆ
“อุ่ย!! คุณฟรองซัวร์อยู่ในนี้เหรอคะ เบียกำลังจะให้สาวใช้ทำความสะอาดห้องสมุดนี้อยู่พอดี” เบียอุทาน เมื่อเห็นฟรองซัวร์
“ออกไปก่อน...เดี๋ยวค่อยเข้ามาใหม่” ฟรองซัวร์ตวาดเสียงแข็ง
เมรีดึงคอเสื้อขึ้นมาปกปิดความเย้ายวนของตัวเองอย่างรวดเร็ว เธอคลานเข่า มุดออกไปตามมุมโต๊ะจนกระทั่งไปถึงประตูห้อง มีสายตาของฟรองซัวร์มองตามไป
“ค่ะ พวกหล่อนออกไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาใหม่” เบียหันไปต้อนสาวใช้ทั้งสองคน ก่อนที่ระเบิดลูกใหญ่จะลง สาวใช้วัยละอ่อนไม่ได้สนใจเบียสักนิด ทั้งสองนางกำลังส่งตาหวานฉ่ำให้เจ้านายหนุ่มที่ยืนหน้าตูมอยู่มุมห้อง เบียส่ายใบหน้า ถอนหายใจแรงๆ
“เชิญตามสบายเถอะ ฉันจะออกไปเอง” ฟรองซัวร์เปรยลอยๆเมื่อเห็นเมรีลับหายออกไปจากห้อง เขาฝืนอยู่ก็ไม่เกิดประโยชน์
บทที่3.หน้าที่ใหม่ที่ทำให้ใจแกว่ง ฟรองซัวร์เดินหน้าตึงออกมาจากห้องสมุด บัตเลอร์วัยชราเดินผ่านเข้ามาในสายตาพอดี ชายหนุ่มจึงเรียกไว้ พร้อมกับสั่งงานบาง เมื่อความปรารถนาตี้ขึ้นมาจนจุกอกเขาต้องการปลดปล่อยความร้อนในกายที่กำลังแผดเผาตนเองจนปวดร้าวไปตลอดทั้งหน้าขา “ตามเมรีให้ฉันหน่อย ฉันจะขึ้นไปรอบนห้อง” ฟรองซัวร์เดินขึ้นไปรอบนห้องนอน บัตเลอร์วัยชราถอนใจดังเฮือก!! เขามองตามเจ้านายหนุ่มด้วยความหนักใจ หนุ่มวัยฉกรรจ์กับสาวไร้เดียงสา เหมือนน้ำมันกับไฟที่พร้อมจะลุกไหม้โดยไม่สนใจผลลัพธ์ บัตเลอร์ผู้เฒ่ารีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่กำลังหนักใจ กับอนาคตของผู้เป็นเจ้านาย เขาใคร่ครวยอย่างหนักในที่สุดบัตเลอร์ผู้ภักดีก็ตัดสินใจขัดคำสั่งเจ้านายหนุ่ม เขาเดินขึ้นไปชั้นบน โดยไร้เงาของเมรีอย่างที่ฟรองซัวร์ต้องการ ก็อกๆเสียงเคาะประตูดังแผ่วๆ ฟรองซัวร์ที่กำลังรอกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่...เมื่อบัตเลอร์วัยชราเปิดประตูเข้า ชายหนุ่มตาลุกวาบ!! สีหน้าเดือดดาลแบบเห็นได้ชัด ชายสูงวัยก้มหน้าหลบเขาถอนใจแรงๆ ตอนที่ตัดสินใจพูดเตือนสติเจ้านาย “กระผมคิดว่ามันไม่สมควร ที่นายท่านจะพ
บทที่4.กลิ่นหอมที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก กลิ่นสบู่ระเหยขึ้นมาจนหอมฟุ้ง เมรีเดินเลี่ยงชายร่างใหญ่ที่ยืนกอดขวางทางออกของเธอ แววตาเขาแปลกๆ จนเธอแอบผวา เมรีกำลังจะเดินผ่านเขา แต่ต้องชะงักเพราะฟรองซัวร์รั้งแขนเธอไว้ “ถูหลังให้หน่อยฉันเอื้อมไม่ถึง” เมรีกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอขัดคำสั่งคนตรงหน้าได้ด้วยหรือไง เธอพยักรับ แม้จะรู้สึกอึดอัด ชายหนุ่มสลัดชุดคลุมอย่างรวดเร็ว เขาหย่อนกายลงนั่งในอ่างน้ำอุ่นท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสาวตัวเล็ก ผิวขาวเรียบลื่นเปียกน้ำเป็นมันวาว เมรีมือสั่นฟองน้ำนุ่มๆ ในมือหนักอึ้ง เธอพยายามไม่มองผิวกายตึงแน่นตอนที่ลากฟองน้ำไปทั่วแผ่นหลังของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมรีโชยมาเข้าจมูก ฟรองซัวร์หลับตาพลิ้ม เขามีความสุขแทบล้นอก เมรีทำงานด้วยความตั้งใจ ปลายจมูกของเธอมีเม็ดเหงื่อเกาะพราว พราะความรุ่มร้อนในกาย บวกกับไอระเหยของน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ ฟรองซัวร์ชำเลืองมองเมรีด้วยหางตา เขาถอนใจแรงๆ นึกเซ็งในใจ กายใหญ่โตขยายใหญ่มันทะลึงตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา จนฟรองซัวร์นึกโกรธตัวเอง เขากำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมรีผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอตั้งใจถูผิวกายขาวผ
บทที่5.สะพานอธิษฐานบนแม่น้ำแซน วันนี้เมรีเลิกเรียนเร็ว เธอเลยมีเวลามาเดินเล่นที่สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์สะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เป็นที่เฉพาะของหนุ่มสาวที่เริ่มเป็นคบหากัน พวกเขามักจะมาอธิษฐานขอพร และคล้องแม่กุญแจที่ราวสะพาน เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาว เมรีทรุดนั่งที่เก้าอี้บริเวณนั้น เธอเหม่อมองคู่รักที่มาพร้อมกัน ก่อนจะไปยืนอธิษฐานของพรด้วยกันที่ริมสะพานคล้องแม่กุญแจเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งสองคน ลมเย็นๆ ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายเมรีอบอุ่นขึ้น เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนหวานจนลืมเวลา ผิวน้ำเรียบไร้คลื่น กระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่ควรเป็น เมรีคิดถึงฟรองซัวร์ขึ้นมา เธอนึกอยากจะเห็นคนที่ฟรองซัวร์รักและคอยดูแลเขาเหมือนคู่รักหลายคู่ที่เมรีนั่งดูอยู่ในตอนนี้ “อยากเห็นจังเลยนะคะ คนที่คุณฟรองซัวร์รัก
ฟรองซัวร์มองร่างเล็กๆ ที่เดินตรงมาด้วยสายตาที่อ่อนลง แววตาเมรีเป็นประกายสุกใส จนฟรองซัวร์ไม่สามารถถอนสายตาออกมาได้ ทุกอิริยาบถของเธอเต็มไปด้วยความใสซื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงที่ฟรองซัวร์เคยพบบ่อยๆ ในสังคม เขาเบื่อที่ต้องสวมหน้ากาก ความเคร่งเครียดสะสมมาเนิ่นนาน แต่มันกลับจางหายไปจนหมดเมื่อได้อยู่กับเมรีในบรรยากาศแสนสงบ เมรีทรุดนั่ง เธอส่งแฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ให้ฟรองซัวร์ ไอร้อนยังระเหยเป็นไอให้เห็น มันเป็นอาหารที่หาได้ง่ายๆ และเร็วที่สุดชายหนุ่มรับมาถือไว้ เขาแกะพลาสติกหุ้มยัดแฮมเบอร์เกอร์ใส่ปาก กัดกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอส โดยมีเมรีเฝ้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีพอใจ ชิ้นต่อไปเมรีฉีกกระดาษที่ห่อไว้รอ ส่งให้ฟรองซัวร์เงียบๆ และชายหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ได้พูดอะไร“เธอไม่หิวเหรอเมรี ทำไมไม่กินล่ะ?” เมรียิ้มรับ เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาแกะกระดาษห่อเพื่อรับประทานตามฟรองซัวร์ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง กับเสียงพุดคุยรอบตัว มีผู้คนไม่น้อยเลยที่กำลังชมความสวยของแม่น
บทที่6.หอมกลิ่นความรัก เมรียังตกอยู่ในภวังค์หวาน กลิ่นความรักลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้จะแค่เป็นเพียงความรักข้างเดียว แต่เธอก็รู้สึกสุขใจ เกินกว่าจะบรรยายให้ใครฟัง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง จนลืมไปว่าฟรองซัวร์เองก็เพิ่งกลับมาถึงพร้อมกับเธอนั่นแหละ เมรีรีบไปที่ห้องนอนของฟรองซัวร์ เธอควรทำความสะอาดตามหน้าที่ สองมือหิ้วถังน้ำกับผ้าสะอาดหลายผืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปได้ สิ่งแรกที่เมรีทำคือวางถังผ้าเอาไว้ข้างประตู เธอตรงไปยังเตียงกว้างเริ่มพับผ้าห่มและตบหมอนจนนุ่มฟู เตียงใหญ่เสร็จเรียบร้อย เธอก็เก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของฟรองซัวร์เอาไปวางหน้าห้อง อีกสักพักก็จะมีคนรับใช้มาเก็บไปทำการซักรีด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะรู้สึกสะกิดใจ เธอออกแรงทำงานมาตั้งนานแต่เหงื่อไม่ออกเลยซักหยด อากาศเย็นฉ่ำจนน่าตกใจ เธอมองเห็นสัญญาณไฟการทำงานของแอร์คอนนิชั่น พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา
บทที่7.อิสระครั้งแรก การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวันถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
เมรีส่งกระดาษจดรายการให้โมริส เธอยิ้มสดใส เอียงคอมองชายตรงหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ เมื่อเขาเห็นรายการที่เมรีจดยาวเป็นวา “เยอะไปหรือไงคะ เครื่องปรุงกับแป้งจำเป็นต้องใช้ พวกอุปกรณ์เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ไหมพรมก็เอาไว้ทีหลัง ถ้าคุณโมริสลำบาก เมรีขอแค่แป้งกับเครื่องปรุงก่อนนะคะ” เมรียิ้มแหยเก พูดเสียงอ่อยๆ จนโมริสต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาแค่แปลกใจแค่นั้น สิ่งที่หญิงตรงหน้าขอ เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทนเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี หรือไม่ก็เครื่องประดับราคาสูง “ผมแค่แปลกใจน่ะครับ ผมนึกว่าคุณเมรีจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับ แต่กลับเป็นแป้งทำขนมกับอุปกรณ์แล้วก็เครื่องปรุง รอซักครู่ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่มีซุปเปอร์สโตร์ตรงนั้น คงมีของที่คุณเมรีต้องการจนครบเลยล่ะครับ” “ดีจัง…เมรีจะได้ทำขนมปังอร่อยๆ ให้คุณโมริสทาน ไม่ไหวค่ะเคยทานแต่ฝีมือคุณแม่เอสก้ามาเจอขนมปังแข็งๆ ที่เขาทำขายกินไม่ลงจริงๆ” เมรีเอ่ยเสียงร่าเริง จนโมริสพลอยยิ้มตามไปด้วย
บทที่10.หาอะไรทำเพราะไม่อยากเป็นแค่คนไร้ค่า กลางดึกคืนนั้นฟรองซัวร์ขยับลงจากเตียง เขาควานมือหาเสื้อผ้ามาสวม หยัดกายลุกขึ้นยืน รูดซิปกางเกงอย่างร้อนรนเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนข้างพนังห้อง เหลือแค่ไม่กี่นาทีจะเข้าสู่วันใหม่ เขาคว้าเสื้อได้ก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่หันหลังกลับไปมองเมรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฟรองซีวร์ถอนใจแรงๆ เขาเหลือบมองเมรีอย่างอาลัยอาวรณ์ “ดูแลเมรีดีๆ ล่ะ…เอ้านี่ให้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาด้วย เผื่อเมรีอยากจะซื้ออะไรบ้าง” ฟรองซัวร์เปิดกระเป๋าหยิบบัตรเคดิต ส่งให้การ์ด เพื่อให้เมรีใช้จ่าย“จัดการเหมือนเคยนะ” ฟรองซัวร์กล่าวย้ำ เขาต้องป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะตามมาภายหลัง เวลานี้ฟรองซัวร์ยังไม่พร้อม เขายังไม่ต้องการภาระ ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหนังนุ่มของรถยน
บทที่18.ชาแปลน์ แซงส์ผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญ ชาแปลน์เดินเข้ามาในตึกสำนักงานของมาร์เซย์ด้วยมาดนางพญา ลำคอเรียวงามเชิดตรงยิ้มแค่มุมปาก ทอดตามองพนักงานที่เดินขวักไขว่ด้วยสายตาเฉยเมย ประชาสัมพันธ์วิ่งเข้ามาทำความเคารพ ออกอาการพินอบพิเทาอย่างเห็นได้ชัด “คุณฟรองซัวร์ติดประชุมอยู่ค่ะ เชิญคุณชาแปลน์ที่ห้องคุณฟรองซัวร์ชั้น12ได้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะโทร.ขึ้นไปบอกเลขาฯ คุณฟรองซัวร์ให้ลงมาต้อนรับ” ชาแปลน์พยักหน้ารับรู้ เธอตรงไปยังลิฟท์ด้วยท่วงท่าสง่างาม หลายคนแอบมองชาแปลน์อย่างอิจฉา ที่เธอจะได้ครอบครองหนุ่มในฝันของฝรั่งเศส ฟรองซัวร์เป็นยอดชายที่มีคนอยากกอดมากที่สุด ลุคนิ่งๆ แต่สะกดความรู้สึกได้ชะงัด เขามีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพเจ้าซุสผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส &ldquo
บทที่9.กรงเสน่หา ฟรองซัวร์ลุกจากที่นั่งเมื่อตกลงกับเมรีได้ ชายหนุ่มเดินไปปิดหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดบังแสงสว่างที่ยังคงเหลืออยู่ จนภายในห้องมืดลงเขากดรีโมทเปิดแอร์คอนนิชั่น เมรียกมือกอดตัวเองแน่น เธอช้อนสายตามองฟรองซัวร์ด้วยผ่านม่านน้ำตา “ถึงเวลาทำงานแล้วเมรี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแหบพร่า มือหนายื่นมารอตรงหน้า “ขอเวลาเมรีทำใจก่อนได้ไหมคะ” เมรีพยายามต่อรอง “ไม่ว่าตอนนี้ หรือตอนไหน เธอก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นอย่ายืดเวลาออกไปอีกเลย มันเสียเวลาเปล่า” ฟรองซัวร์กล่าวเสียงแข็ง มือสั่นระริกชื้นไอเหงื่อ วางบนฝ่ามือหนาที่แบรออยู่อย่างไม่แน่ใจ ฟรองซัวร์แทบจะกระชากเมรีเข้าสู่วงแขน
บทที่8.ตอบแทนพระคุณกับตำแหน่งเมียลับๆ ของฟรองซัวร์ รถยนต์หรูแล่นมาจอดเทียบข้าง เมื่อเมรีเดินพ้นประตูหน้าของมาร์เซย์ออกมาไกล ชายร่างใหญ่สวมสูทสีดำสนิทก้าวลงมาและพยายามต้อนเมรีขึ้นรถไป เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เมื่อเธอตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว “คุณเมรีอ่านจดหมายอันนี้ก่อนครับ แล้วก็จะรู้เองว่าผมเป็นคนของใคร” เมรีรับกระดาษในมือชายชุดดำมาเปิดอ่าน‘ฉันเอง… เธอตามคนที่ฉันส่งมารับ ไปรอฉันอยู่ที่ห้องฉันเตรียมที่อยู่ไว้ให้ เราค่อยคุยกันหลังจากนี้’ ลงชื่อ ฟรองซัวร์ ลูฟวร์ มาร์เซย์เมรียอมตามคนเหล่านั้นมา เธองงกับตัวเอง ลายมือหวัดๆ แบบของฟรองซัวร์ทำให้เธอยอมทำตาม เธออยากรู้เจตนาของเขา เหตุใดตอนนั้นเขาถึงเฉยชานัก เมรีเงยหน้ามองตัวตึกโอ่อ่าด้าน
บทที่7.อิสระครั้งแรก การสอบครั้งสุดท้ายจบลงอย่างที่เมรีพอใจ เพราะคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมานานเมรีเลยมั่นใจ ผลสอบครั้งคงเป็นไปตามคาด... เมรีจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เข้ามาเดินในที่แห่งนี้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจากคฤหาสน์มาร์เซย์แล้วล่ะ เมรีผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เธอใจหายวูบเมื่อถึงถึงใครบางคน ความแตกต่างทางชนชั้นและฐานะคงทำให้เธออยู่ห่างกับชายผู้นั้นมากขึ้นทุกวันถึงตอนนี้ยังได้ใกล้ชิด ก็เพราะอาศัยร่มเงาของมาร์เซย์เป็นที่พักพิง แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อหมดภาระเกี่ยวกับการเรียน เมรีคงไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้ามาใกล้คฟรองซัวร์เหมือนเคย มันคงเป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญหน้า ชายผู้นั้นคงไม่สนใจการมีอยู่หรือจากไปของเธอ เมรีเดินทางกลับที่ซุกหัวนอนด้วยความรู้สึกโหวงๆ เมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วคฤหาสน์มาเซย์ เธอก็ยิ่งเศร้าสร้อย หญิงสาวหมุนมองรอบๆ ตัวเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำวันที่เ
บทที่6.หอมกลิ่นความรัก เมรียังตกอยู่ในภวังค์หวาน กลิ่นความรักลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้จะแค่เป็นเพียงความรักข้างเดียว แต่เธอก็รู้สึกสุขใจ เกินกว่าจะบรรยายให้ใครฟัง หญิงสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง จนลืมไปว่าฟรองซัวร์เองก็เพิ่งกลับมาถึงพร้อมกับเธอนั่นแหละ เมรีรีบไปที่ห้องนอนของฟรองซัวร์ เธอควรทำความสะอาดตามหน้าที่ สองมือหิ้วถังน้ำกับผ้าสะอาดหลายผืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปได้ สิ่งแรกที่เมรีทำคือวางถังผ้าเอาไว้ข้างประตู เธอตรงไปยังเตียงกว้างเริ่มพับผ้าห่มและตบหมอนจนนุ่มฟู เตียงใหญ่เสร็จเรียบร้อย เธอก็เก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของฟรองซัวร์เอาไปวางหน้าห้อง อีกสักพักก็จะมีคนรับใช้มาเก็บไปทำการซักรีด เธอหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะรู้สึกสะกิดใจ เธอออกแรงทำงานมาตั้งนานแต่เหงื่อไม่ออกเลยซักหยด อากาศเย็นฉ่ำจนน่าตกใจ เธอมองเห็นสัญญาณไฟการทำงานของแอร์คอนนิชั่น พร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา
ฟรองซัวร์มองร่างเล็กๆ ที่เดินตรงมาด้วยสายตาที่อ่อนลง แววตาเมรีเป็นประกายสุกใส จนฟรองซัวร์ไม่สามารถถอนสายตาออกมาได้ ทุกอิริยาบถของเธอเต็มไปด้วยความใสซื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงที่ฟรองซัวร์เคยพบบ่อยๆ ในสังคม เขาเบื่อที่ต้องสวมหน้ากาก ความเคร่งเครียดสะสมมาเนิ่นนาน แต่มันกลับจางหายไปจนหมดเมื่อได้อยู่กับเมรีในบรรยากาศแสนสงบ เมรีทรุดนั่ง เธอส่งแฮมเบอร์เกอร์ร้อนๆ ให้ฟรองซัวร์ ไอร้อนยังระเหยเป็นไอให้เห็น มันเป็นอาหารที่หาได้ง่ายๆ และเร็วที่สุดชายหนุ่มรับมาถือไว้ เขาแกะพลาสติกหุ้มยัดแฮมเบอร์เกอร์ใส่ปาก กัดกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอส โดยมีเมรีเฝ้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีพอใจ ชิ้นต่อไปเมรีฉีกกระดาษที่ห่อไว้รอ ส่งให้ฟรองซัวร์เงียบๆ และชายหนุ่มก็รับมากินต่อโดยไม่ได้พูดอะไร“เธอไม่หิวเหรอเมรี ทำไมไม่กินล่ะ?” เมรียิ้มรับ เธอหยิบแฮมเบอร์เกอร์มาแกะกระดาษห่อเพื่อรับประทานตามฟรองซัวร์ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง กับเสียงพุดคุยรอบตัว มีผู้คนไม่น้อยเลยที่กำลังชมความสวยของแม่น
บทที่5.สะพานอธิษฐานบนแม่น้ำแซน วันนี้เมรีเลิกเรียนเร็ว เธอเลยมีเวลามาเดินเล่นที่สะพานปงต์ เด ซาร์ตส์สะพานข้ามแม่น้ำแซนอันลือชื่อ เป็นที่เฉพาะของหนุ่มสาวที่เริ่มเป็นคบหากัน พวกเขามักจะมาอธิษฐานขอพร และคล้องแม่กุญแจที่ราวสะพาน เพื่อให้ความรักมั่นคงยืนยาว เมรีทรุดนั่งที่เก้าอี้บริเวณนั้น เธอเหม่อมองคู่รักที่มาพร้อมกัน ก่อนจะไปยืนอธิษฐานของพรด้วยกันที่ริมสะพานคล้องแม่กุญแจเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งสองคน ลมเย็นๆ ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ร่างกายเมรีอบอุ่นขึ้น เธอเพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนหวานจนลืมเวลา ผิวน้ำเรียบไร้คลื่น กระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่ควรเป็น เมรีคิดถึงฟรองซัวร์ขึ้นมา เธอนึกอยากจะเห็นคนที่ฟรองซัวร์รักและคอยดูแลเขาเหมือนคู่รักหลายคู่ที่เมรีนั่งดูอยู่ในตอนนี้ “อยากเห็นจังเลยนะคะ คนที่คุณฟรองซัวร์รัก