หมู่บ้านแซ่เหลียน ตำบลซินหยาง อำเภอเมิ่งอู่ปากทางเข้าหมู่บ้านมีป้ายปักเอาไว้ แต่มันเก่ามาก ๆ หากไม่ใช่คนที่มีความรู้ หรือรู้จักหมู่บ้านที่นี่คงจะไม่มีทางเชื่อแน่ว่าเป็นหมู่บ้านแซ่เหลียน เพราะตัวหนังสือบนป้ายจางมากกัวเหม่ยอิงจอดจักรยานดูป้ายทางเข้าหมู่บ้านก่อนจะหันไปถามพี่ชาย “ที่นี่คือหมู่บ้านที่เราจะมาเหรอ?” เธอว่ามันน่าจะเป็นหมู่บ้านที่ยากแค้นกว่าหมู่บ้านฟงลู่ของพวกเธอซะอีก“ใช่แล้ว พี่มาล่าสุดก็นานมากแล้ว แต่ป้ายนี้ก็ยังเป็นป้ายเดิม” พี่ใหญ่กัวถอนหายใจ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ยังไม่พัฒนาขึ้นเลย ยังดีหน่อยที่ผู้นำหมู่บ้านของพวกเขาเป็นคนขยัน และซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยกัวเหม่ยอิงส่ายหน้า “ฉันว่าเป็นหมู่บ้านที่ยากจนมาก” เธอไม่ได้ดูถูกแต่มันก็อดที่จะพูดไม่ได้จริง ๆ กว่าจะมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เธอกับพี่ชายก็หยุดพักไปแล้วหลายรอบพี่ใหญ่กัวหัวเราะก่อนจะปั่นจักรยานนำไป “ไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าที่นี่ยังตรวจคนเหมือนเดิมไหม แต่เราไปหาผู้นำหมู่บ้านก่อน” มารอบก่อน ๆ ใครที่จะเข้าหมู่บ้านต้องไปแจ้งคณะกรรมการของหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ทุกคนต่างเรียกว่าผู้นำหมู่บ้าน กับสมาชิกผู้นำหมู่บ้านแทนกัวเหม่ย
หลี่เวยเวย! ยัยหมูขี้เกียจ วัน ๆ มีแต่กินกับนอน งานการไม่ทำอะไรช่วย ยังจะหนีงานอีก กลับไปทำงานเดี๋ยวนี้เลยนะ!”เสียงตะโกนที่บาดหู ทำให้กัวเหม่ยอิงที่หลับตากอดอกและกำลังจะพิงพี่ชายถึงกลับสะดุ้งโหยง เพียงแค่ต้องการพักสายตา แต่ทำไมตอนนี้เธอเหมือนต้องได้ออกแรงอีก“คุณย่า!”เสียงสั่นของหลี่เวยเวยที่รีบวิ่งออกมานอกบ้าน ทำให้กัวเหม่ยอิงหันไปมอง และหันกลับไปมองหญิงชราที่อายุน่าจะมากกว่าแม่ของเธอหลายปี“หน็อยแน่! กรรมการแค่เรียกให้ไปหาก็อู้งานแล้ว วันนี้ไม่ต้องกินข้าวเลย!” ไม่รู้ว่าหญิงชรามองเห็นแค่หลี่เวยเวยหรือยังไง ถึงมองข้ามพี่ใหญ่กัวกับกัวเหม่ยอิงที่นั่งมองอยู่“หนูขอโทษค่ะ แต่ญาติบ้านเดิมคุณแม่มาหา หนูกำลังคุยอยู่” หลี่เวยเวยว่าเสียงเบาแล้วรีบปิดประตูบ้านหญิงชราหรือคุณย่าหลี่หันมามองแขกของหลานสาวก่อนจะท้าวเอวว่า “อ๋อ ก็ว่าใครมาหา ญาติบ้านเดิมแม่ของแกนี่เอง เป็นยังไงบ้างล่ะ ยังจนเหมือนเดิมใช่ไหม” ก่อนจะหัวเราะ นางไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้ เพราะตาเฒ่าสามีของนางชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก ชอบกว่าลูกสะใภ้คนอื่นที่นางเป็นคนเลือกให้ลูกชายคนอื่นซะอีกด้านหลังของหญิงชรายังมีผู้หญิงวัยกลางคนสองคนที่น่าจะเป็นล
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ครอบครัวของหลี่เวยเวยจะใช้ชีวิตโดยที่ขาดเสาหลักของครอบครัว แต่ก่อนเสาหลักของครอบครัวคือพ่อของหล่อน แต่หลังจากพ่อหายไป แม่ก็เริ่มป่วย หล่อนที่เป็นลูกสาวคนโตจึงกลายมาเป็นเสาหลักของบ้านแทนตอนที่พ่อของหลี่เวยเวยหายไป ระบบนารวมยังไม่ถูกยกเลิก และในตอนนั้นหลี่เวยเวยกับน้องชายต้องลงแปลงนาเพื่อรับแต้มคนละ 6 แต้ม ในขณะคนเป็นแม่รับแต้มได้เพียง 4 แต้ม เพราะร่างกายอ่อนแอยิ่งช่วงแจกจ่ายผลผลิตแล้วบ้านหลี่ของหลี่เวยเวยก็ไม่ต่างจากบ้านสามสกุลหานแต่ก่อนเลย แต่บ้านสามจะดีกว่าก็คือพวกผู้ชายทำงานส่งเงินเดือนมาให้กัวเหม่ยอิงได้ยินเรื่องราวบ้านหลี่ของน้องสาวจากพี่สาวจิวลู่ ที่กัวเหม่ยอิงถามก่อนที่จะขอตัวกลับบ้าน เพราะมันจะเย็นแล้ว โชคดีที่ของไม่ได้เยอะมาก จึงสามารถเอาจักรยานขึ้นรถ แล้วใช้รถยนต์ในการเดินทางกลับบ้าน แม้จะเสียค่ารถหลายสิบหยวนแต่ก็คุ้มพอถึงบ้านมันก็ดึกแล้ว 2 พี่น้องบ้านหลี่จึงได้นอนในห้องว่างของบ้านกัวที่สร้างเอาไว้ให้ลูกชาย ลูกสาวแยกห้องนอน แต่เพราะพวกเขาชินที่จะอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีใครแยกห้องนอน พอมีคนเพิ่มขึ้นมา ห้องที่เคยว่างก็มีคนใช้แล้ว เช้าวันใหม่กัวเหม่ยอิงถึง
การที่บ้านหานเปิดร้านขายของแห้งและของดองถูกพูดคุยกันภายในหมู่บ้าน ในเวลานี้การค้าขายยังไม่ได้เปิดกว้างมากนัก หลายคนต่างดูถูกในอาชีพนี้ และแน่นอนว่าบ้านใหญ่หานต่างรู้สึกอับอายมาก แม้อยากจะไปถามแต่ก็ไม่กล้าร้านที่กัวเหม่ยอิงเปิดมีชื่อว่า ‘หานอี’ มันเป็นร้านแรกที่กัวเหม่ยอิงได้ลงมือทำ เธอจึงใช้นามสกุลของบ้านสามีในการตั้งนั้นก็คือคำว่า หาน ส่วน อี แปลว่า หนึ่ง และแน่นอนว่าหานอีจะไม่ใช่ร้านเดียวของพวกเธอแน่ ๆสำหรับคนในตลาดมืดเมื่อมีป้ายบอกว่าจะขายไหของดอง และของแห้ง พวกเขาย่อมรู้จักเพราะมีแต่คนแย่งกันซื้อ แต่วันนี้พอมีหน้าร้านจึงแห่กันมาซื้อวันแรกที่เปิดร้านกัวเหม่ยอิงลดราคาลงไหละ 1 หยวน ถือเป็นการเพิ่มการค้าขายไปในตัว แต่มันก็ทำให้เธอขายไปได้ถึง 30 ไหวันที่สองพอคนรู้ว่าเปิดร้านแล้ว ต่างก็มาซื้อเพิ่ม และยิ่งมีของอร่อย ๆ ที่ไม่เคยซื้อทัน มันยิ่งทำให้หลายคนต่างมาซื้อ และวันนั้นก็ขายไปได้ถึง 67 ไหและแน่นอนว่าสินค้าประจำร้านที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ กุ้งแห้ง ยิ่งมีกุ้งแห้งเยอะเท่าไร คนในอำเภอยิ่งซื้อกันเยอะมาก พวกเขาต่างบอกว่ามันสามารถเพิ่มรสชาติในการทำอาหารได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพวกเขาต่างอ
ตั้งแต่มีความคิดที่ต้องการซื้อรถยนต์ กัวเหม่ยอิงก็เริ่มทำงานหนักมากเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นล้อมรั้วที่ดินทั้งหมดเพื่อขุดสระ เลี้ยงสัตว์และปลูกผัก กัวเหม่ยอิงจ้างคนล้อมรั้ว ขุดสระ และค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมหลายร้อยหยวนเลยทีเดียว แต่ก็นับว่าคุ้มค่ายิ่ง ส่วนเล้าไก่ เล้าเป็ดนั้นก็ไม่ยากเลย เป็นพี่ใหญ่กัวเองที่อาสารับหน้าที่นี้ เพราะจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนที่ร้านนั้นกัวเหม่ยอิงจะเข้าไปวันเว้นวัน เพราะเธอมาช่วยคนในบ้านแปรรูปของต่าง ๆ ที่จะเอาไปขาย เนื่องจากบางวันจับกุ้งไม่ได้ หรือบางวันก็จับได้น้อย กล้วยที่มีในป่าก็แทบจะหมดแล้วในเขตที่เข้าสำรวจ สส่วนป่าชั้นลึกยังไม่ได้เข้าไปของหลายอย่างที่เคยหาได้ ช่วงนี้มันหายากมาก กัวเหม่ยอิงจึงตัดสินใจขุดสองสระ สระแรกจะใช้เลี้ยงปลา อีกสระจะใช้เลี้ยงกุ้งสระเริ่มมีน้ำผุดขึ้นมาแล้วบ้าง กัวเหม่ยอิงรอให้น้ำเต็มสระก่อนถึงจะเอาปลาและกุ้งมาปล่อย ส่วนเล้าเป็ด เล้าไก่กัวเหม่ยอิงจะเลี้ยงแค่ชนิดละ 50 ตัว เพราะตอนนี้จำนวนคนที่บ้านกับงานที่ต้องทำมันไม่พอ แต่ถึงอย่างนั้นพอสร้างเล้าเสร็จกัวเหม่ยอิงก็ล้อมรั้วไว้ด้วยพวกเธอไม่สามารถปล่อยเป็ดกับไก่ออกนอกเล้าได้เพราะจะปลูก
สถานีรถไฟประจำอำเภอเต็มไปด้วยผู้คนที่มาส่งลูกหลานเดินทางไปเรียนมหาวิทยาลัยในมณฑลตามที่ได้เลือกเอาไว้ รวมถึงบ้านกัวกับบ้านหานที่ให้หานหรงเหยาไปเช่ารถมาส่งน้องชายสามไปเรียนที่ปักกิ่งใช่แล้ว น้องชายสามได้รับจดหมายตอบกลับจากทางมหาวิทยาลัยทั้ง 4 มหาวิทยาลัยที่ได้ส่งจดหมายไป แต่ทางบ้านหานให้เขาเลือกเอาเองว่าจะเรียนที่ไหนแน่นอนว่าในใจของกัวเหม่ยอิงก็อยากให้เขาไปเรียนที่ปักกิ่ง และเหมือนเขาจะรู้เพราะตอนแรก ๆ กัวเหม่ยอิงได้เคยพูดไว้ว่าถ้ามีโอกาส ก็อยากจะเข้าไปขายของในเมืองใหญ่ ๆ จึงได้เลือกมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อยากไปไกลมาก แต่กัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะการตัดสินใจทั้งหมดมันอยู่ที่เขาส่วนวันนี้อันที่จริงมันไม่ใช่วันหยุดของร้านขายของหานอี แต่กัวเหม่ยอิงได้ปิดร้านหนึ่งวันที่แจ้งไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ส่วนน้องชายสามได้รับจดหมายตอบกลับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จึงขอใช้เวลาอยู่ที่บ้านหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะไปเรียน“จริง ๆ ผมว่าไม่ต้องมาส่งก็ได้นะครับ” เพราะต้องมาส่งเขา ทำให้ที่บ้านขาดรายได้หลายร้อยหยวนเลยสำหรับหนึ่งวันแม่หานส่ายหน้าให้ลูกชาย “พวกเรามาส่งน่ะดีแล้ว” หลายปีที่ผ่านมา นางขอแค่ให
เครือกล้วยดิบทั้งหมดในร้านที่มีในตอนนี้มีทั้งหมด 13 เครือ และกัวเหม่ยอิงก็ซื้อทั้งหมดในราคา 325 หยวน จากปกติ 351 หยวน ประหยัดไปได้ถึง 26 หยวน ซึ่งเป็นจำนวนนี้สามารถซื้อวัตถุดิบไปทำอาหารสำหรับในบ้านได้ถึงสองมื้อ และนอกจากกล้วยดิบก็ยังมีผลไม้ชนิดอื่นอีกหลายชนิดที่ใช้เงินเกือบ 1,000 หยวน ในการซื้อผลไม้วันนี้แต่กัวเหม่ยอิงได้ทำข้อตกลงกลับทางร้านผลไม้ประจำมณฑลอีกด้วย ไหน ๆ วันนี้เธอก็มาซื้อผลไปแปรรูปขายอยู่แล้ว เธอก็สั่งผลไม้ไปเลยจะได้ไม่ต้องเข้าเมืองบ่อย อีกอย่างหากทำการซื้อขายกับทางร้านและอยู่ในเขตมณฑลนี้ ทางร้านจะไปส่งผลไม้ให้ฟรีถึงที่ กัวเหม่ยอิงจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลง เพราะตอนนี้หากเอาของใส่รถมันก็คงจะเต็ม“ขอบคุณคุณลี่ด้วยนะคะ” กัวเหม่ยอิงบอกชายเจ้าของร้านที่เดินออกมาส่งที่หน้าร้านหลังทำข้อตกลงเสร็จเธอพึ่งรู้ว่าเจ้าของร้านผลไม้ไม่ใช่คนที่คุยกันในตอนแรก แต่เป็นผู้ชายที่อายุห่างจากเธอแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นที่เป็นเจ้าของร้าน และออกมาคุยกับเธอในตอนที่ได้ทำข้อตกลงกัน ส่วนคนที่เฝ้าหน้าร้านเป็นญาติห่าง ๆ ที่กำลังจะลาออก“ยินดีที่ได้ร่วมธุระกิจครับ ไว้โอกาสหน้าคุณเหม่ยอิงเข้ามณฑลผมจะเชิญกินข
โรงเรียนประถมประจำอำเภอเปิดแล้ว หานเมิ่งลู่กับหานเผยหนิงที่ได้ไปสมัครเข้าเรียนตั้งแต่เดือนที่แล้วก็ได้ไปโรงเรียนสักที โดยที่ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้าไปพักในอำเภอ เด็กทั้งสองจึงต้องนั่งซ้อนจักรยานของคนที่เข้าไปทำงานในอำเภอในการไปเรียนและกลับบ้านส่วนตอนนี้ที่ร้านเปลี่ยนของในร้านหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแห้งที่มีวางขายวันละ 5 ไห ปลาตากแห้งมีวางขายวันละ 3 ไห ใครที่มาซื้อทันก็ซื้อไป ส่วนใครที่ซื้อไม่ทันก็ต้องรอซื้อวันต่อไป เพราะตอนนี้ไม่ได้เข้าไปจับกุ้ง จับปลาวันละหลายตะกร้า เนื่องจากกุ้งมันจับยากมาก ส่วนกุ้งกับปลาที่นำมาเลี้ยงในสระก็ยังไม่ได้ขยายพันธุ์ไก่กับเป็ดตอนนี้ได้ออกไข่แล้ว วันหนึ่งพวกเธอเข้าไปเก็บได้วันละเป็นร้อยฟองเลยทีเดียว แต่มันก็แลกมากับการที่ต้องใช้อาหารที่เป็นประโยชน์กับไก่และเป็ด มันถึงออกไข่มาให้อย่างสวยงามและผักที่ปลูกเอาไว้มันก็โตเร็วมาก ผักอันไหนที่สามารถนำไปดองได้แล้ว กัวเหม่ยอิงก็จะนำไปดองแล้วขาย ส่วนผลไม้อย่างกล้วยที่ปลูกก็กำลังจะแตกหน่อร้านทั้งสองถูกทำความสะอาดทุกวันมันจึงไม่มีกลิ่นเหม็นและสินค้าที่จะขายก็จะถูกตรวจดูก่อนจะเปิดร้าน อีกอย่างตอนนี้ที่ร้านมีพนักงาน
เพราะความอ่อนล้าจากการเดินทางหลายชั่วโมง กัวเหม่ยอิงที่ได้พักผ่อนจากช่วงบ่ายของเมื่อวานจึงหลับสนิท รู้สึกตัวอีกทีก็ช่วงสายของวันใหม่แล้วโรงแรมที่เหวินหลงจองเอาไว้ให้เป็นห้องขนาดใหญ่ มันมีห้องอาบน้ำในตัวซึ่งกัวเหม่ยอิงไม่ต้องไปอาบน้ำรวมกับคนอื่น ๆ ยกเว้นห้องปลดทุกข์ที่ต้องไปเข้าห้องน้ำข้างล่างกัวเหม่ยอิงรีบอาบน้ำเพราะกลัวเหอลี่จะรอ อันที่จริงก็คุยกันแล้วว่าตื่นค่อยไปเคาะประตู แต่กัวเหม่ยอิงตื่นสายมากวันนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวลวดลายสีฟ้าถูกสวมลงบนตัวกัวเหม่ยอิง เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่ลูกค้าต่างแย่งกันซื้อในร้านแต่ที่กัวเหม่ยอิงได้มาก็เพราะสีด้ายมันเพี้ยน หากลูกค้าหรือคนนอกมองคงจะไม่สังเกต แต่กัวเหม่ยอิงตรวจรายละเอียดทุกตัวกัวเหม่ยอิงจะเป็นคนเอาเสื้อออกจากกระสอบให้พนักงานเพื่อตรวจสอบว่าเสื้อผ้ามันได้คุณภาพ ทุกครั้งที่ได้รับเสื้อมากัวเหม่ยอิงก็จะตรวจทันที“เธอตื่นนานแล้วเหรอ”ยังไม่ทันได้เคาะประตูเหอลี่ก็เปิดออกมา เหมือนหล่อนจะรอกัวเหม่ยอิงมาเคาะประตูอยู่แล้ว“เพิ่งจะตื่นค่ะ”“แล้วกินข้าวเช้ายัง”“ยังค่ะ”“อืม เราลงไปหาข้าวเช้ากินก่อนดีกว่า”“ค่ะ”นอกจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่รวมกับค่ากิน
ห้องเช่าห้องสุดท้ายกัวเหม่ยอิงตัดสินใจเช่า ก่อนที่ลูกค้าคนอื่นจะมาเช่าเพียงแค่ไม่ถึงสิบหน้าที อย่างที่บอกตอนนี้ห้องเช่าเหลือแค่ห้องเดียวแล้ว การที่คนต้องการจะมาเช่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และยังดีที่เธอได้เช่าทันกัวเหม่ยอิงจะทุบผนังห้องที่ติดกันแค่เดินผ่านได้สองคน ห้องเช่าห้องใหม่กัวเหม่ยอิงจะเพิ่มห้องลองเสื้อสองห้อง ห้องรับรองลูกค้าสองห้อง ที่เหลือจะมีโต๊ะให้นั่งประมาณสิบโต๊ะแต่ห้องพักข้างหลังกัวเหม่ยอิงทุบรวมกันทำเป็นห้องพักของพนักงาน ไหน ๆ พนักงานในร้านก็เยอะแบบนั่งพักในห้องไม่หมด กัวเหม่ยอิงเลยทำเพิ่ม เพราะยังไงก็ต้องได้รับพนักงานมาอีกเพราะต้องขยายร้านเพิ่ม กัวเหม่ยอิงจึงจะใช้เวลานี้ในการไปเลือกซื้อใบชามาใช้ในร้าน เธอได้คุยกับสามีแล้ว ตอนแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะไปคนเดียว แต่กัวเหม่ยอิงก็ไม่ยอมเช่นเดียวกันสำหรับคนเป็นพ่อค้าแม่ค้าแล้ว สิ่งไหนที่ดีกับลูกค้ากัวเหม่ยอิงก็ยินดีที่จะทำ อีกอย่างเธออยากส่งต่อร้านดี ๆ ให้กับลูกสาวกัวเหม่ยอิงยอมรับว่าตัวเองโอ๋ลูกสาวกับหลาน ๆ หนักมาก กว่าที่บ้านจะลืมตาอ้าปากได้ กัวเหม่ยอิงไม่อยากให้รุ่นลูก รุ่นหลานเป็นเหมือนรุ่นก่อน ๆ จึงต้องการปูทางให้
ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างหลังจากเปิดร้านมาได้เพียงสองเดือน ด้วยความที่เป็นเนื้อผ้าที่ไม่ค่อยมีในปักกิ่งหรือเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ได้ อีกทั้งยังมีลวดลายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะร้าน ใครเห็นก็ต้องแวะเข้ามาดู เข้ามาซื้อช่วงหลัง ๆ ต้องสั่งตัดเย็บมาลายละห้าร้อยตัว ยิ่งพอมีลายใหม่มาอีกห้าลาย ลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ตื่นเช้ามาต้องทำกับข้าวให้เด็ก ๆ ไปกินที่โรงเรียน ระหว่างที่รอไปทำงานก็ตรวจบัญชีที่เอามาทำเมื่อคืน ยิ่งวันไหนขายเสื้อได้เป็นพัน ๆ ตัว กัวเหม่ยอิงก็ต้องจดบันทึกจนเหนื่อย จริง ๆ ถ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่หรือมาซื้อทีละหลายตัวมันก็ไม่เยอะหรอก แต่เธอต้องจดบันทึกเอาไว้ว่าลูกค้าซื้อไปกี่ตัว และในแต่ละวันลูกค้าก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยคนกัวเหม่ยอิงกำลังมองห้องเช่าข้าง ๆ ที่ว่างอยู่ห้องหนึ่ง เธอยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่าจะเช่าเพิ่มไหม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ร้านขายดีหรือมีคนอยากเช่าอยู่แล้ว พอเห็นร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่มีลูกค้าก็มาเช่าห้องเปิดร้านไปทั้งหมด เหลือว่างแค่หนึ่งห้องแต่เธอกลัวว่าจะดูแลไม่ทั่วถึงและบางทีอาจต้องหาพนักงานมาเพิ่ม แค่สิบห้าคนก
สัปดาห์แรกของการเปิดร้านกัวเหม่ยอิงหัวหมุนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเอาเสื้อขึ้นแขวนไม่ทัน ลูกค้าเข้าร้านทีละหลายคน พนักงานในร้านไม่เพียงพอต่อลูกค้า หานหรงเจ๋อจึงต้องเข้ามาช่วย ปล่อยให้เด็ก ๆ นั่งเล่นในห้องพักพนักงานไปส่วนน้องชายสามเห็นบอกว่าทางอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเรียกตัวให้เข้าไปช่วยงาน กัวเหม่ยอิงอนุญาตให้เขาไป เธอจึงต้องจัดการเองหลาย ๆ อย่างไม่รู้ว่าเป็นเพราะลวดลายเสื้อที่แปลกตา หหรือลูกค้าชอบเสื้อแบบนี้ภายในเจ็ดวันพวกเธอขายเสื้อไปพันกว่าตัวแล้ว ตอนนี้ก็ได้ไปสั่งตัดเย็บเสื้อเพิ่มแต่คงต้องรออีกหลายคิวถึงจะได้กัวเหม่ยอิงไม่ได้ใช้สัญญาในการลัดคิวลูกค้าคิวอื่น ทั้งที่หลายคนใช้สิทธิ์สัญญาในการเร่งลัดคิวให้ตัวเอง เพราะเธอคิดว่าหากเธอเป็นลูกค้าคนอื่นเธอก็อยากได้ของเร็ว ๆ เหมือนกันในร้านมีพนักงานสิบคน รวมกัวเหม่ยอิงก็สิบเอ็ดคน ตอนนี้คนที่ดูแลหน้าร้านมีเพียงแค่คนเดียว เพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าในร้านมีพนักงานไม่พอเลยดึงเข้ามาช่วย แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อีกอย่างที่หน้าร้านก็มีหน้าที่ต้อนรับลูกค้างานไม่หนักมากยังดีที่การค้าขายเป็นไปด้วยดี ไม่อย่างนั้นกัวเหม่ยอิงคิดว่าเธอคงต้องใช้เงินประคอ
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่กัวเหม่ยอิงต้องฝึกงานให้พนักงาน เธอแทบจะไม่ได้ทำกับข้าวเลย เพราะทุกวันต้องตื่นตั้งแต่เช้าและกลับดึก หน้าที่ทำอาหารนอกจากมื้อเช้าก็จะเป็นหานหรงเจ๋อที่ทำ ไม่ก็ซื้อจากตลาดมากินเองอย่างวันนี้อาหารมื้อเช้าคือโจ๊กกุ้งที่ได้กุ้งมาจากพนักงานฝึกเมื่อวานที่เอามาฝาก ส่วนมากมื้อเช้าที่ทำก็เป็นโจ๊ก ส่วนมื้อกลางวันถ้าไม่ใช่น้องชายสามกลับมาเอากับข้าวที่บ้านเอง ก็จะเป็นหานหรงเจ๋อเอาไปส่งที่ร้านพนักงานฝึกในร้านตอนนี้เหลือสิบคน ผู้ชายสามคนผู้หญิงเจ็ดคน ที่สามารถทำตามเกณฑ์ของร้านที่กัวเหม่ยอิงกำหนดได้ ส่วนคนที่ถูกคัดออกก็จะมีคนที่ไม่สามารถเข้ากับร้านได้ หรือบางทีพอเห็นว่าไม่เหมาะกับต้วเองก็ขอไม่เข้ามาฝึกต่อวันนี้เป็นวันที่ต้องเลือกว่าพนักงานที่ฝึกผ่านมีใครบ้าง สำหรับกัวเหม่ยอิงก็มีคนที่ไม่ผ่าน แต่การที่จะคัดออกนั้นมีสามคนที่เลือก คือกัวเหม่ยอิง น้องชายสามและหานหรงเจ๋อ หากพนักงานฝึกคนไหนไม่ถูกพวกเธอเลือกสองคนก็จะไม่ผ่านและที่สำคัญในร้านก็เอาเสื้อขึ้นแขวนเต็มร้านแล้วระหว่างที่ฝึกงาน เสื้อมีมากถึงสองพันตัวแน่นอนว่าต่อให้ร้านใหญ่เพียงพอกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้เอาขึ้นแขวนหมด เธอเอา
รายชื่อทั้งสามสิบชื่อถูกกัวเหม่ยอิงติดประกาศไว้ที่หน้าร้านว่ามีใครผ่านการสมัครฝึกงานบ้าง พร้อมทั้งเปิดรับสมัครพนักงานอีกรอบที่หน้าร้านเฉพาะวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะประกาศอีกรอบว่าจะมีใครผ่านเข้ามาฝึกงานบ้างกัวเหม่ยอิงแจ้งในใบประวัติแล้วว่าแต่ละคนจะได้เงินเดือนเท่าไรหากฝึกงานผ่าน และช่วงฝึกงานตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ กัวเหม่ยอิงจะไม่มีค่าจ้างให้ ใครผ่านก็จะได้เข้ามาทำงาน ใครไม่ผ่านก็ไม่ได้เข้ามาทำงานรอบแรกมีคนมาสมัครทั้งหมดสามสิบคน เป็นผู้ชายเจ็ดคน ที่เหลือยี่สิบสามคนจะเป็นผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าเกณฑ์การคัดเลือกมีเยอะจึงมีหลายคนที่ไม่ผ่านคนที่ผ่านวันนี้มีแค่ผู้ชายสามคน ผู้หญิงแปดคน ซึ่งสามารถมารายงานตัวได้วันพรุ่งนี้ แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานด้วยแล้วหรือได้งานทำแล้วก็สละสิทธิ์ได้ห้องเช่าที่ช่างได้เข้ามาต่อเติมให้ตามที่กัวเหม่ยอิงอยากได้ ตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้ว รอแค่เอาเสื้อขึ้นแขวนกับสอนงานคนในร้านก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เสื้อที่สั่งตัดมาก็มาส่งเมื่อสองวันก่อนเสื้อเชิ้ตผ้าป๊อปลินจำนวนสองพันตัวถูกคละสี คละไซซ์ของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็กที่ส่งมาไว้ที่บ้านทันทีที่ตัดเย็บเสร็จ ผลงา
แผนกที่สองเป็นแผนกเนื้อผ้าลินิน เป็นเนื้อผ้าเส้นใยเหนียว ดูดซับความชื้นและระบายอากาศมากกว่าผ้าฝ้าย เวลาใส่จะรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด แต่มันเหมาะกับอากาศร้อน ซึ่งกัวเหม่ยอิงยังคิดว่ามันไม่เหมาะกับเสื้อที่อยากจะได้“เนื้อผ้าดีมากเลยค่ะ แต่ยังไม่ใช่” กัวเหม่ยอิงปฏิเสธผู้จัดการถึงแม้ไม่อยากจะพูดว่าไม่ใช่ แต่กัวเหม่ยอิงจะทำธุรกิจเธอจะบอกใช่ไม่ได้ เมื่อไม่ใช่ในสิ่งที่อยากได้ อีกอย่างเนื้อผ้าก็มีเป็นร้อย บางทีเนื้อผ้าที่อยากได้คงจะมีในนี้“ผ้าเรยอนไหมคะ เนื้อผ้าจะนุ่ม ดูดซึมน้ำได้ดี มีความมันเงา แต่จะยับง่ายและคลายยับยาก” ผู้จัดการแนะนำ“ฉันอยากได้เนื้อผ้าเรียบ ๆ ค่ะ ถ้ามันเงามันจะไม่สวย” กัวเหม่ยอิงส่ายหน้า“หรือจะเอาเนื้อผ้าผสมดีค่ะ”“ไม่ดีค่ะ ถ้าผ้าผสมมันต้องผสมให้เท่า ๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่ายาก”เหมือนจะเสียมารยาทแต่กัวเหม่ยอิงก็ตอบแบบนี้จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นได้ในการทำธุรกิจ และต่อให้คนนอกมองว่าเธอเรื่องมาก กัวเหม่ยอิงก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเธอเรื่องมากจริง ๆการออกแบบลวดลายแต่ละลายไม่ได้ออกแบบแบบขอไปที กัวเหม่ยอิงออกแบบให้ใกล้เคียงกับยุคที่เธอจากมาให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นลวดลายปัจ
การจะเปิดร้านเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องวางแผน ออกแบบชุด หาตึกเช่าที่จะเปิดร้าน ต้องมีเงินลงทุนมากพอสมควรหากไม่มีประสบการณ์ และถึงจะมีประสบการณ์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดร้านได้ ต่อให้มีเงินหลายแสนหยวน แต่ไม่มีความรู้ก็สามารถเจ๊งได้แต่กัวเหม่ยอิงจะดีหน่อยที่้เคยเปิดร้านมาก่อนถึงสามร้าน เธอจึงนับว่ามีประสบการณ์พอสมควร อะไรที่มีปัญหาในร้านเดิม กัวเหม่ยอิงก็จะแก้ไขในร้านนี้ให้ดีกว่าเดิมร้านเสื้อผ้าร้านใหม่ที่จะเปิดขายกัวเหม่ยอิงตั้งชื่อว่าร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ของผู้เป็นลูกสาวเหมือนเดิม แต่สาขาที่นี่จะเป็นสาขารอง ส่วนสาขาหลักก็จะอยู่ในมณฑลบ้านเกิดครั้งนี้กัวเหม่ยอิงจะแบ่งเสื้อออกเป็นโซน แยกชายหญิงอย่างชัดเจน เพราะลูกค้าที่มาซื้อของในตลาดมีเยอะมาก จึงต้องแยกเพื่อความรวดเร็วในการซื้อขายกระดาษที่ถูกออกแบบลวดลายมีมากนับสิบลายที่กัวเหม่ยอิงจะส่งให้โรงงานตัดเย็บ ในปักกิ่งแบบนี้ส่วนมากต้องติดต่อโรงงานไม่มีสมาคมแม่บ้าน กัวเหม่ยอิงจึงออกแบบไว้หลายลายเพื่อส่งทีเดียวเห็นน้องชายสามเล่าว่าที่บ้านของโจวเฟินมีโรงงานขนาดใหญ่เป็นของตระกูล ที่สืบทอดมาหลายสิบรุ่นวันนี้น้องชายสามจะเป็นคนพากัวเห
ห้องเช่าขนาดใหญ่ในตลาดถูกปล่อยว่างไว้แทบจะทั้งหมดเพราะมีราคาเช่าที่แพงมาก พ่อค้า แม่ค้า คนไหนที่อยากได้พื้นที่กว้างก็จะเช่าสองห้องติดกันแทนเช่าห้องใหญ่ป้ายเช่าปีละ 25,000 ติดเด่นหลาแปะหน้าห้องเช่าเกือบจะทั้งหมด มีพ่อค้า แม่ค้าอยู่ขายของอยู่ประปราย แต่ก็มีลูกค้าเดินผ่านเพราะมันต้องเดินผ่านบริเวณนี้ในการไปตลาดอีกฟากรวม ๆ แล้วกัวเหม่ยอิงคิดว่าห้องเช่าที่มาดูเป็นห้องเช่าที่ดีมาก มีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับความต้องการ แต่ต้องดูข้างในด้วยว่าจะเป็นยังไง อีกอย่างก็คือที่ทำเลสำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วเธอคิดว่ามันยังไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะส่วนมากลูกค้าจะเดินผ่านเฉย ๆ เพื่อไปตลาดอีกฟาก“แล้วเราจะติดต่อเจ้าของที่ยังไง”กัวเหม่ยอิงมีเส้นสายในอำเภอ ในมณฑล การที่จะติดต่อเจ้าของที่เธอแค่ขอให้คนช่วยก็มีคนช่วยแล้ว แต่ไม่ใช่กับในปักกิ่งที่เธอเหมือนกับเพิ่งหัดเดิน“ติดต่อที่เจ้าหน้าที่ดูแลที่นี่ครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องติดต่อที่ไหน” น้องชายสามตอบ เขาไม่เคยถามใครเรื่องนี้เพราะไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะเข้ามาที่ปักกิ่ง“หน้าทางเข้าไหม” เป็นหานหรงเจ๋อที่พูดขึ้นเพราะปกติถ้าเป็นโรงงาน หรือการติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะอ