Share

บทที่ 4

Author: เจี๋ยเยี่ยน
ฝูอวิ๋นขมวดคิ้ว มองมือใหญ่ทรงพลังคู่นั้น แล้วคลี่ยิ้มขึ้นทันใด

“พี่ชาย เหตุใดต้องดุข้าด้วยเล่า พวกเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นลูกของข้า ข้าไม่มีวันทำอันใดพวกเขา ท่านวางใจเถอะ”

นางกะพริบตาไม่หยุด หว่างคิ้วมีความ...เลศนัยที่ไม่สามารถอธิบายได้เพิ่มขึ้นมา

หลิงหานโจวสะดุ้ง สะบัดนางออกอย่างจงชัง ถูมือข้างที่สัมผัสนางบนเสื้อผ้า รังเกียจได้มากเพียงใดก็รังเกียจมากเพียงนั้น!

“ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าได้เล่นลูกไม้เป็นอันขาด หากข้ากลับมาได้ยินอันใดไม่ดี เจ้าตายแน่!” สุ้มเสียงหลิงหานโจวคล้ายกำลังควบคุมตนเองอีกครั้ง

“ไม่หรอกๆ ท่านพี่ ท่านรีบไปรีบกลับ” รอยยิ้มของฝูอวิ๋นลึกมากยิ่งขึ้น

บัดนี้ยังไม่มีที่ไป นางยังต้องทำหน้าหนาไร้ยางอายอยู่ที่นี่ต่อชั่วคราว

เดิมทียังกังวลว่าชายคนนี้อยู่บ้าน นางจะรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง

ได้ยินว่าเขาจะออกจากบ้านก็อยากจะซื้อประทัดจุดฉลองสักสองชุดเหลือเกิน

หลิงหานโจวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน จับจ้องนางตาเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง เปล่งเสียงในลำคอสองพยางค์ “คลื่นไส้!”

ฝูอวิ๋น “...”

ไอ้เวรเอ๊ย!

หลิงหานโจวหันหลังออกจากห้องครัว พาลูกทั้งสองคนเข้าบ้าน พูดกำชับ “อาจิ่ง หลายวันนี้พ่อไม่อยู่ เจ้าจะต้องระวังสักหน่อย”

หลิงจิ่งเม้มปาก เอ่ยถาม “ท่านพ่อ เมื่อไรท่านจะกลับมา?”

หลิงเสวี่ยกอดต้นขาหลิงหานโจว “ท่านพ่อ เสี่ยวเสวี่ยไม่อยากให้ท่านไป...”

มองลูกทั้งสองคน หลิงหานโจวรู้สึกปวดใจอย่างมาก แต่ครั้งนี้จะไม่ไปก็ไม่ได้

เขาย่อตัวลง กอดหลิงเสวี่ยและเอ่ยปลอบ “เสี่ยวเสวี่ย ครั้งนี้เดี๋ยวพ่อก็กลับมาแล้ว เจ้าอยู่ที่บ้านจะต้องเชื่อฟังพี่ชายนะ หืม?”

เขาหันไปพูดกับหลิงจิ่งเสียงนุ่มนวลอีกครั้ง “อาจิ่ง เจ้ายังจำวิธีแยกแยะของมีพิษที่พ่อสอนได้หรือไม่?”

“จำได้ขอรับ”

“จำได้ก็ดี ตอนกินข้าว จะต้องระวังให้มาก” อย่างอื่นเขาไม่กลัว ก็กลัวเพียงหญิงคนนั้นจะวางยาพิษลูก

ดังนั้นยามหลิงจิ่งยังเด็กมาก เขาก็สอนเขาให้แยกแยะพิษ ป้องกันหญิงบ้าคนนั้นอยู่ตลอด

หลังจากกำชับอีกหลายประโยค หลิงหานโจวก็ต้องหักใจถืออุปกรณ์ล่าสัตว์ ก้าวเท้ายาวๆ ออกจากประตู

คนนอกลานบ้านเห็นเขาออกมาแล้ว หันหน้ามองฟ้ามองดินมองอากาศอย่างพร้อมเพรียงกัน แสร้งว่าตนเองเป็นเพียงคนผ่านทางมาคนหนึ่ง

หลิงหานโจวชินชากับสถานการณ์ถูกคนมุงดูแล้ว จึงไม่สนใจพวกนาง

เพียงเขาจากไป หญิงหน้ายาวก็พูดขึ้นมา “จิ๊ จบแล้วหรือ? ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะเลยนี่ หลี่ชุ่ยฮวาเองก็แปลก เหตุใดวันนี้จึงเงียบสงบถึงเพียงนี้เล่า?”

“ใครจะไปรู้กันเล่า? ไปไปไป ไม่มีอันใดให้ดูแล้ว กลับไปทำอาหารเถอะ”

“...”

ภายในห้อง หลิงเสวี่ยกอดแขนพี่ชาย พูดเสียงสั่นเครือ “ท่านพี่ ข้ากลัวท่านแม่...”

“เสี่ยวเสวี่ยไม่ต้องกลัว พี่จะปกป้องเจ้าเอง” สายตาเลื่อนลอยอยู่บ้างของหลิงจิ่งเมื่อครู่นี้กลายเป็นหนักแน่นขึ้นมา

“ท่านพี่ ข้าต้องการท่านพ่อ...”

“อีกไม่นานท่านพ่อก็จะกลับมา”

“ข้าคิดถึงท่านพ่อ...” หลิงเสวี่ยเบ้ปาก ดวงตาคู่นั้นสบมองเขาน้ำตาเอ่อคลอ

“เสี่ยวเสวี่ยไม่ร้อง พี่จะพาเจ้าไปจับปลาที่เจ้าชอบกินที่สุด ดีหรือไม่?”

เสี่ยวหลิงจิ่งก็คล้ายพี่ใหญ่ที่โตแล้ว ปลอบโยนน้องสาวไม่หยุด

ฝูอวิ๋นกำลังขะมักเขม้นยุ่งอยู่ภายในห้องครัว ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเด็กทั้งสองคนวิ่งออกไปแล้ว

นางนับของในห้องครัวหนึ่งรอบ

ภายในถังข้าวสารเหลือข้าวเพียงหนึ่งถ้วย หุงเพียงครั้งเดียวก็หมดแล้ว

นอกจากนี้ ภายในตู้ยังมีแป้งสาลีอีกราวสองชั่ง บนเตามีมันฝรั่งเหี่ยวเฉาสามหัว นอกจากน้ำมันเกลือซีอิ๊วน้ำตาลแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

ฝูอวิ๋นตกตะลึงพูดไม่ออก

หลี่ชุ่ยฮวาก็ช่างเถอะ คาดหวังไม่ได้

ทว่าหลิงหานโจวอยู่บ้านนานเกินหนึ่งเดือน เหตุใดถึงปล่อยให้ภายในบ้านขัดสนถึงเพียงนี้?

ภายในความทรงจำ หลิงหานโจวมักขึ้นเขาล่าสัตว์ ยามอยู่ที่บ้านก็ขลุกอยู่ภายในห้อง พยายามไม่เผชิญหน้ากับเจ้าของร่างเดิม

ดังนั้น เจ้าของร่างเดิมจึงไม่เข้าใจหลิงหานโจวคนนี้

แน่นอนว่านางเองก็ไม่อยากเข้าใจ

ดังนั้นฝูอวิ๋นจึงรู้เพียงว่าเขาอยู่บ้านราวหนึ่งเดือน เมื่อวานเพิ่งเกิดความคิดออกไปนอกบ้าน

อาจเพราะเห็นว่าภายในบ้านไม่มีของกินแล้ว นี่ถึงอยากไปทำงาน

จิ๊...สามีนายพรานคนนี้เป็นพวกเกียจคร้านคนหนึ่งนี่เอง

หาได้น้อย ก็กินน้อย

ช่างน่ารังเกียจโดยแท้

ฝูอวิ๋นต้มน้ำแกงข้าวข้นๆ ตักใส่ถ้วยใบเล็กแล้วเติมน้ำตาลลงไปเล็กน้อย

ขณะกำลังต้มอยู่นั้น นางวางมันฝรั่งสามหัวไว้ใต้ก้นหวดแล้วนึ่ง เตรียมทำมันบด

เพิ่งเติมฟืนเข้าเตาสองท่อนก็ได้ยินเสียงตะโกนร้อนใจดังอยู่ภายนอก “พี่ใหญ่หลิง! ท่านอยู่บ้านหรือไม่?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 5

    ผู้มาคือหลี่หรูเยียนญาติผู้น้องหญิงของหลี่ชุ่ยฮวา ครู่ต่อมาฝูอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นหลังเจ้าของร่างแต่งงานก็ยังไม่ยอมตัดใจจากเซียวหรานซึ่งเป็นคนในดวงใจมาตลอด ผลงานส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้หลี่หรูเยียนตรงหน้าคนนี้นี่แหละ“เขาไม่อยู่ มีเรื่องใด?” ฝูอวิ๋นเดินออกจากห้องครัว“ชุ่ยฮวา หลิงจิ่งต่อยตีกับคนอื่นแล้ว! ท่านรีบไปดูเร็วเข้า!” หลี่หรูเยียนถลันขึ้นมาลากฝูอวิ๋นออกไปภายนอกฝูอวิ๋นไม่ชอบที่นางเข้าใกล้ตามจิตใต้สำนึก จึงดึงมือของตนกลับ “หรูเยียน เจ้าเป็นน้าของเด็ก เหตุใดเด็กทะเลาะกันเจ้าไม่ห้ามกันเล่า? กลับวิ่งมาตามข้า?”หลี่หรูเยียนชะงักเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เด็กสองคนนั้นคล้ายวัวก็มิปาน ข้าเองก็ห้ามไว้ไม่ได้!”ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดนางต้องห้าม?เด็กทะเลาะกันได้รับบาดเจ็บล้วนเป็นความผิดของนางหลี่ชุ่ยฮวาไม่ว่าพี่ใหญ่หลิงอยู่บ้านหรือไม่ ความผิดล้วนตกอยู่ที่นางริมแม่น้ำสายเล็กหลิงจิ่งถูกเจ้าอ้วนหลี่เสี่ยวหู่ที่โตกว่าเขาสามปีคร่อมตัวไว้ ข้างกายยังมีเด็กอีกสองคนจับเขาเอาไว้ ทำให้เขาขยับไม่ได้หลี่เสี่ยวหู่บีบคอหลิงจิ่งแรงๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจับจับปลาหนักราวหนึ่งชั่งตัวหนึ่งเอาไว้“

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 6

    ฝูอวิ๋นไม่โผล่ศีรษะขึ้นมา หลิงจิ่งหมอบอยู่ริมตลิ่ง ริมฝีปากสั่นระริก “ท่านแม่...ท่านแม่!”ฝูอวิ๋นที่อยู่ภายในน้ำยกมุมปากขึ้นนับตั้งแต่พูดได้เด็กคนนี้ก็ไม่เคยเรียกหลี่ชุ่ยฮวาว่าแม่มาก่อนเลย พอนางมาแทนที่ก็เรียกนางแล้วเสียงเรียก “ท่านแม่” นี้ คล้ายทำให้หัวใจตายด้านมาเนิ่นนานดวงนั้นของนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งผ่านไปอีกราวครึ่งนาที ฝูอวิ๋นถึง “ซ่า” โผล่ออกจากน้ำ โบกมือให้หลิงจิ่ง “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”เห็นว่านางไม่เป็นไร ใบหน้าของหลิงจิ่งแดงแล้วเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น?เหตุใดเขาต้องห่วงใยนาง?หญิงพรรค์นี้ ตายเร็วหน่อยก็ยิ่งดี!เขายังเรียกนางว่า...พริบตาต่อมาใบหน้าหลิงจิ่งจากแดงกลายเป็นเขียวฝูอวิ๋นอุ้มปลาใหญ่ขึ้นริมตลิ่ง มองเห็นหลิงจิ่งย่อตัวลงจะแบกหลิงเสวี่ยขึ้นหลังหลี่หรูเยียนทางด้านข้างพูดว่า “อาจิ่ง น้าเล็กจะอุ้มน้องสาวของเจ้าเอง เจ้าเดินนำไปเถอะ”หลิงจิ่งมองหลี่หรูเยียนแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า“ช้าก่อน” ฝูอวิ๋นเดินเข้ามาทางนี้ “ตัวเสี่ยวเสวี่ยเปียกโชก ไม่สามารถรบกวนน้าเล็กของพวกเจ้าได้ ประเดี๋ยวเสื้อผ้างดงามของนางจะเปื้อน”หลิงเสวี่ยมองหลี่หรูเยียน จากนั้นหันมอ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 7

    เอี๊ยดอ๊าด...ฝูอวิ๋นเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ปล่อยเส้นผมเปียกชื้นลงขณะเดินออกจากห้องร่างกายหลิงจิ่งแข็งทื่อ มือค่อยๆ วางที่หลังเอว จับจ้องฝูอวิ๋นตรงหน้าฝูอวิ๋นย่อมมองเห็นการกระทำเล็กๆ ของเขา ฝีเท้าหยุดลงในทันใด คลี่ยิ้มให้เขาพลางพูด “อาจิ่ง เสื้อผ้าน้องสาวของเจ้าวางไว้ที่ใด?”หลิงจิ่งชะงักไป นางไม่ใช่มาสั่งสอนตน?“หากเจ้าไม่บอกข้าล่ะก็ ข้าทำได้เพียงค้นหาส่งเดชแล้วนะ” ฝูอวิ๋นเดินผ่านตัวหลิงจิ่งไป มาถึงอีกห้องหนึ่งหลิงหานโจวนอนห้องเดียวกับเด็กทั้งสองคน เสื้อผ้าย่อมอยู่ภายในห้องนี้หลี่ชุ่ยฮวาไม่เคยสนใจใยดีความเป็นอยู่ของเด็กทั้งสองมาก่อน ย่อมไม่รู้ว่าเสื้อผ้าอยู่ที่ใดนางทำได้เพียงค้นหาส่งเดชภายในตู้“คือว่า...อยู่ที่ชั้นล่างสุด” เสียงแผ่วเบาของหลิงจิ่งดังออมา“ขอบคุณ ข้าเห็นแล้ว”ฝูอวิ๋นบังเอิญเห็นเสื้อผ้าตัวน้อยสีชมพูเข้าพอดี เลือกค่อนข้างหนาออกมาหนึ่งชุดก่อนจากไป ยังลูบศีรษะเล็กของหลิงจิ่งอีกด้วยหลิงจิ่งเกือบเหวี่ยงเคียวออกไป!“มือของเจ้าไม่เป็นไรกระมัง? ต้องใส่ยาหรือไม่?” ฝูอวิ๋นยิ้มน้อยๆหลิงจิ่งชะงักเล็กน้อย มือกำเคียวแน่น ก้าวถอยหลังอย่างอดไม่ได้ อีกทั้งย

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 8

    หลิงจิ่งมองน้องสาว ลังเลไม่อาจตัดสินใจได้ สุดท้ายกัดฟันและเปิดประตู จูงน้องสาวออกจากห้องฝูอวิ๋นเองก็พูดโดยไม่เงยหน้า “เด็กดี รีบมาเถอะ กินอิ่มถึงจะมีแรงสู้ หากเจ้าสู้เจ้าอ้วนคนนั้นไม่ได้ จะต้องให้ข้าช่วย หากข้าช่วยเจ้า น่ากลัวว่าภายภาคหน้าทุกคนจะดูเบาเจ้า”“ข้าสู้ได้ ไม่ต้องให้ท่านช่วย!”หลิงจิ่งไม่สบตาฝูอวิ๋นเลยสักครั้ง จูงหลิงเสวี่ยนั่งลง ยกชามขึ้นแล้วตักข้าวเข้าปากข้าวคลุกน้ำมันหมู อร่อยเหลือเกิน!ฝูอวิ๋นเติมมันบดให้หลิงจิ่งหนึ่งช้อน ตัวเขาแข็งทื่อ แสร้งเขี่ยมันบดออกฝูอวิ๋นยิ้มอย่างระอา “วางใจได้ ข้าก็กินแล้ว หากมีพิษข้าก็ตายก่อน”ได้ยินถ้อยคำนี้ของนาง หลิงจิ่งสับสนอยู่บ้าง มองนางนิ่งๆ แวบหนึ่งแล้วก้มหน้ากินข้าวอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง แม้แต่น้ำแกงข้าวรสหวานก็กินไปจนเกลี้ยงฝูอวิ๋นลุกขึ้นต้องการเก็บชาม ก็ถูกหลิงจิ่งแย่งไปก่อนแล้วนางถึงนึกขึ้นได้ แม้ว่าหลี่ชุ่ยฮวาทำอาหารให้เด็กกิน แต่อย่าหวังว่านางจะล้างชามตั้งแต่หลิงจิ่งสี่ขวบก็เป็นคนล้างจานภายในบ้านมีคนล้างจาน ฝูอวิ๋นเองก็ไม่อยู่เฉย นางต้องไปหาสมุนไพรขับไล่ความเย็นเพื่อต้มให้เด็กกินหาไม่แล้ว หากเป็นหวัดขึ้นมา คนท

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 9

    “หลิงหานโจวก็คือไอ้คนไม่เอาไหนคนหนึ่ง! ยอมถูกนอกใจโดยไม่คิดตอบโต้ ทั้งยังไม่ยอมหย่าหลี่ชุ่ยฮวานางแพศยาคนนี้!”“ดูท่าแล้วนางแพศยาฝึกฝนทักษะจากภายนอกได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก กลับมาแล้วก็ปรนนิบัติไอ้คนไม่เอาไหนจนผ่อนคลายสบายตัว ไม่อาจหักใจหย่าร้างได้กระมัง!”แม่ม่ายหลิวยิ่งด่า อารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่าน คำพูดหยาบคายไม่ระรื่นหู!จู่ๆ ประตูใหญ่ก็เปิดออก!นางลุกขึ้นอย่างลำพองใจ “หลี่ชุ่ยฮวา! เจ้านับว่า...”เพียงเงยหน้า กลับได้เห็นหลิงจิ่งถือเคียวไว้ในมือ ถลึงตาโตอย่างโกรธขึ้ง “พ่อข้าไม่ใช่คนไม่เอาไหน!”“ถุย! พ่อเจ้าไม่ใช่คนไม่เอาไหน เจ้าเล่า? เจ้าก็คือไอ้คนไม่เอาไหนตัวน้อยที่ถูกคนทุบตีแล้วยังต้องให้ผู้หญิงออกหน้าแทน!”แม่ม่ายหลิวพูดจบก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา แต่ไม่มีคนหัวเราะตามนางบรรยากาศชวนอึดอัดหลายวินาทีหลิงจิ่งเพลิงโทสะสูงสามจั้ง หลับตายกเคียวแล้วปรี่เข้าหาแม่ม่ายหลิวรอบข้างเต็มไปด้วยเสียงสูดลมหายใจเย็นเฉียบเด็กสกุลหลิงคนนี้ อารมณ์รุนแรงจริงๆ!อายุเพียงหกขวบตัวเล็กแค่นี้ถึงขั้นขวัญกล้าถือเคียวฟันแม่ม่ายหลิว!ปาไข่กระทบหิน!ทันใดนั้นมีคนลุกขึ้นอยากห้ามเขา ทว่าแม่ม่ายหลิวลงมือว่องไวยิ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 10

    “หลี่ชุ่ยฮวา! ปล่อยข้านะ เจ้าคิดจะขบถหรือ?” แม่ม่ายหลิวคล้ายวัวก็มิปาน ออกแรงบิดตัวไม่หยุด“บิดาคนนี้ก็ขบถอยู่ทุกวัน บ้าขึ้นมาแม้แต่ตัวเองก็ยังตี เจ้าน่าจะชินแล้วถึงจะถูก!”ขณะเดียวกันจู่ๆ ฝูอวิ๋นก็รู้สึกโชคดีที่ตนเองมีฉายา “คนบ้า” ไม่ว่าทำอันใดก็สามารถหาข้ออ้างที่ชอบธรรมได้เกิดเรื่องขึ้นก็ใช้ “เป็นบ้า” มาอธิบาย“ลูกชายของเจ้าเกือบบีบคอหลิงจิ่งตาย ทั้งยังผลักหลิงเสวี่ยตกแม่น้ำจนเกือบจนน้ำตาย สองชีวิต เจ้าพูดเถอะจะคิดบัญชีอย่างไร?” เสียงฝูอวิ๋นไม่ดังนัก กลับทำให้คนรู้สึกเย็นเยือกภายในใจอย่างอดไม่ได้“เจ้า เจ้าผายลม! เห็นชัดว่าลูกชายเจ้าแย่งปลาของลูกชายข้า ทั้งสองคนถึงต่อยตีกัน เด็กทะเลาะกัน เจ้ากลับเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ตบหน้าลูกชายข้าจนบวม เจ้านั่นแหละที่ทำผิดก่อน!”ฝูอวิ๋นดุดันโหดเหี้ยม แม่ม่ายหลิวเองก็ไม่อ่อนแอ“ข้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าฉวยโอกาสตอนข้าไม่อยู่ วิ่งมาเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กที่บ้านข้ากันเล่า?”“ข้า ข้า...ข้ามาคิดบัญชีกับเจ้า! เป็นลูกชายของเจ้าถือมีดฟันข้า ข้าถึงลงมือ!” สมองแม่ม่ายหลิวทำงานเร็วรี่ผู้ใหญ่ลงมือตีเด็ก มากน้อยอย่างไรก็เสียเปรียบด้านเ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 11

    หลิงจิ่งมองฝูอวิ๋นอย่างระแวงแวบหนึ่ง ไม่รู้ทำไม เมื่อได้ยินคำนี้ของนาง เขาไม่มีความกังวลทันทีหมัดสาวใส่ใบหน้าของเสี่ยวหู่อย่างหนักหน่วงหลี่เสี่ยวหู่กำลังมองแม่ตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ก็โดนต่อยเสียแล้วเขาทำหน้าผวา ยกหมัดขึ้นแล้วต่อยสวนกลับไปเด็กทั้งสองคนชกต่อยกันอีนุงตุงนังอย่างไรหลิงจิ่งก็เคยเรียนหมัดมวยมาบ้าง หนำซ้ำยังโกรธแค้น จึงปะทุกำลังที่แข็งแกร่งเพียงไม่นาน ก็คร่อมหลี่เสี่ยวหู่ไว้ใต้ร่าง กำหมัดน้อยแน่นแล้วสาวหมัดใส่หน้าเขาไม่ยั้งหลี่เสี่ยวหู่สู้ไม่ได้ จึงแหกปากร้องไห้เสียงดัง ตะโกนเรียกหาพ่อร้องหาแม่แม่ม่ายหลิวถูกฝูอวิ๋นบีบลำคอเอาไว้ จึงส่งเสียงครางแต่พูดไม่ออกพวกผู้ชมไม่เพียงไม่ห้าม แทบจะปรบมือดีใจด้วยซ้ำ!เจ้าเด็กเวรคนนี้ ในที่สุดก็ถูกสั่งสอนสักที ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก!“หยุดนะ!”ขณะที่ทุกคนกำลังดูอย่างเมามัน ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนดังขึ้น ทำให้รอบด้านเงียบสงัดหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ต้าเต๋อสวมรองเท้าแตะ วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบหลิงจิ่งลุกหนีพรวด ฝูอวิ๋นเองก็รีบปล่อยตัวแม่ม่ายหลิวพอแม่ม่ายหลิวลุกขึ้นก็จะเข้าไปถีบหลิงจิ่งทันที แต่ฝูอวิ๋นหูไ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 12

    ฝูอวิ๋นโล่งอก คุกเข่าสองชั่วยามแลกกับความสะใจ นางยินดีเมื่อเห็นสายตากังวลของหลิงจิ่ง นางใจอ่อนโดยไม่มีสาเหตุ เจ้าตัวเล็กเป็นห่วงนางหรือ?นางเก็บสมุนไพรที่ตกตรงกำแพง แล้วยื่นให้หลิงจิ่ง “นี่เป็นสมุนไพรรักษาไข้หวัด เจ้าใช้น้ำสองถ้วย ต้มเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป เป่าให้เย็นแล้วป้อนเสี่ยวเสวี่ย ไม่งั้นจะไม่สบาย”นางหันมองหลิงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ยรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”หลิงเสวี่ยร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว เห็นนางมองตัวเอง ตัวสั่นสะท้าน จับเสื้อหลิงจิ่งไว้แน่นเด็กกลัวแม่มาตั้งหลายปี ฝูอวิ๋นไม่ได้หวังว่าภายในหนึ่งวันจะสามารถกำจัดความกลัวในใจพวกเขาได้นางรีบลุกขึ้น “อาจิ่ง พวกเจ้าใส่กลอนประตูให้ดี นอกจากข้า ห้ามให้ใครเข้าไปทั้งนั้น ในไม่ช้าข้าจะกลับมา หากเสี่ยวเสวี่ยมีสิ่งใดผิดปกติ ให้รีบไปตามข้าที่ศาลบรรพชน”หลิงจิ่งเม้มปากแน่น ในดวงตามีมีประกายน้ำตาคลอเบ้า“อย่าร้องไห้ เรื่องนี้ข้าเองก็มีความผิด มีความผิดก็ต้องรับโทษ แต่ว่าขอแค่ได้แก้แค้นให้เจ้าก็คุ้มค่าแล้ว”ล้วนบอกว่าใจแลกใจ นางไม่เชื่อว่าเด็กน้อยสองคนนี้ จะต้านทานการโจมตีของนางได้พูดจบ ฝูอวิ๋นหันหลังจากไปแม่ม่ายหลิวอยากพาลูก

Latest chapter

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 40

    ฝูอวิ๋นสัมผัสได้ถึงสายตาอันแรงกล้าที่จ้องตัวเองอยู่ก็ขมวดเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น จากนั้นหันตัวไป ได้พบกับเซียวหรานผู้เป็นตำนานมิน่าเล่า หลี่ชุ่ยฮวาจึงจำไม่ลืมเลือน เป็นความจริงที่เขารูปหล่อมาก มีกลิ่นอายของบัณฑิตผู้สุภาพและให้ความรู้สึกเหมือนคุณชายผู้สง่างามเซียวหรานขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นฝูอวิ๋นมองมา “หลี่ชุ่ยฮวา วันก่อนข้าก็พูดกับเจ้าอย่างชัดเจนแล้วนะว่าข้ามีภรรยาแล้ว ส่วนเจ้าก็แต่งงานแล้วเช่นกัน อย่าตามตื๊อข้าอีก”จู่ๆ ฝูอวิ๋นก็หัวเราะออกมา ดวงตาเย็นชาถึงขีดสุด“คุณชายเซียวพูดอันใด? ข้าเพียงนำของมาจำนำเท่านั้น ท่านก็รีบเดินเข้ามาพูดคุยกับข้าแล้ว หากไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าท่านยังหลงเหลือความรู้สึกต่อข้า”ฝูอวิ๋นลูบใบหน้าตัวเองพูดอย่างน่าสงสาร “แต่ท่านจะลืมข้าไม่ได้ก็ไม่แปลก ผู้ใดใช้ให้ข้ามีใบหน้าที่งดงามจนสรรพชีวิตต้องเกลียดชังกันล่ะ?”“ขนาดสามีของข้าก็ยังมองข้าด้วยความหลงใหลเหมือนท่านตอนนี้ในทุกๆ วัน”ภายในถ้อยคำของฝูอวิ๋น นอกจากประโยคที่ว่าสามีชอบมากนางแล้ว เรื่องอื่นล้วนแต่เป็นความจริงสกุลหลิงหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ ไม่ได้ทำการเกษตร ประกอบกับเดิมทีหลี่ชุ่ยฮว

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 39

    จากหมู่บ้านสกุลหลี่มาถึงตำบลผิงไม่ถือว่าไกล หากใช้เส้นทางที่ตัดผ่านป่าจะมีระยะทางไม่ถึงสิบห้าลี้ ด้วยฝีเท้าของฝูอวิ๋นแล้ว เดินเพียงครึ่งชั่วยามก็ถึงตำบลผิงตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและค่อนข้างล้าหลัง มีตลาดนัดแค่เดือนละสามครั้ง แบ่งเป็นวันที่ห้า วันที่สิบห้า และวันที่ยี่สิบห้า หรือก็คือทุกครั้งที่ในวันมีเลขห้านั่นเองวันนี้เป็นวันที่สิบห้า ตรงกับวันที่มีตลาดนัดพอดีเวลานี้บนถนนมีผู้คนขวักไขว่ไปมาคับคั่ง เสียงเชิญชวนให้ซื้อสินค้า เสียงพูด และเสียงโต้เถียงดังผสมปนเปกัน บรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวามากฝูอวิ๋นเดินไปทางโรงรับจำนำโดยอาศัยจากความทรงจำ ทำการจำนำเครื่องประดับทั้งสองชิ้นแต่นางเพิ่งจะก้าวเข้าไปยังโรงรับจำนำก็คือหญิงสาวหน้าตาหยาดเยิ้มนางหนึ่งยกมือขวางไว้“หืม นี่มันนังบ้าหลี่ชุ่ยฮวาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมิใช่หรือ? เซียวหรานของข้าเพิ่งจะก้าวเข้ามาที่นี่ เจ้าก็ตามเข้ามาทันที จมูกสุนัขดีไม่เลวเลยนี่”หญิงสาวนางนี้คืออนุของเซียวหราน มีนามว่าเจี่ยอิ๋งอิ๋ง ทั้งที่รูปโฉมงดงาม ทว่าเอ่ยปากพูดแล้วกลับมีแต่ความเหน็บแนมประชดประชัน ทำให้อดที่จะรู้สึกรังเกียจไม่ได้“หลีกไป” ฝูอวิ๋นเม้มริมฝี

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 38

    หลิงจิ่งยกน้ำหนึ่งชามมาให้อย่างรวดเร็ว ฝูอวิ๋นเงยหน้าดื่มหมดในอึกเดียวนางลูบศีรษะน้อยๆ ของหลิงจิ่ง “เมื่อก่อนข้าทำแบบนั้นกับเจ้า ไม่เกลียดข้าหรือ?”ความจริงแล้วนางอยากจะสลัดตัวเองทิ้งและถามหลี่ชุ่ยฮวาเพียงผู้เดียวหลิงจิ่งเม้มปากแน่น ดวงตาคู่กลมส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงตะเกียงขนาดเท่าเม็ดถั่วฝูอวิ๋นยิ้มแล้วถามอีกครั้ง “เจ้าทำดีกับข้าเช่นนี้ คงไม่ได้กำลังวางแผนทำข้าตายกระมัง?”“ข้า…” หลิงจิ่งมองฝูอวิ๋น รู้ว่าค่ำคืนนี้นางแปลกประหลาดมาก“ช่างเถอะ นอนดีกว่า พรุ่งนี้ข้าจะปูเตียงแล้วให้พวกเจ้ากลับไปนอนที่เดิม มิเช่นนั้นข้ากลัวว่าเจ้าจะลอบฆ่าในยามที่ข้าหลับ”ดวงตาของทอประกายเหมือนคนที่ผ่านโลกมาโชกโชน ค่ำคืนนี้ นางรู้สึกซึมเศร้าหลิงจิ่งขมวดคิ้ว เนิ่นนานก่อนจะพูดขึ้นว่า “ท่านตกใจจนเสียขวัญไปแล้วหรือ?”“ก็คงใช่กระมัง” ฝูอวิ๋นใช้นิ้วสางผมไปไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดจู่ๆ หลิงจิ่งก็เข้ามากอดเอวนางฝูอวิ๋นตกใจผงะ นางยิ้มขมขื่นว่า “ข้าทำให้เจ้ากลัวหรือ?”“ท่านกลับไปทุบตีพวกข้าเหมือนเดิมเถิด” หลิงจิ่งพูดแบบนี้ออกมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงพูดเ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 37

    หลิงจิ่งชอบตบหมอนก่อนเข้านอน เนื่องจากหมอนที่พวกเขาใช้แข็งทื่อมาก ทำจากฝ้ายคุณภาพต่ำจึงมักจะราบเรียบไม่เสมอกัน ตบแล้วจะช่วยให้หนอนหนุนสบายยิ่งขึ้นคืนนี้เขาลืมตัวจึงเผลอยกหมอนขึ้นมาตบ เมื่อยกหมอนขึ้นมาแล้วก็ได้พบกับปิ่นเงิน กำไลหยก และเงินทองแดงอีกสิบกว่าเหรียญที่อยู่ใต้หมอนเขาตกใจผงะเขาไม่ได้รู้สึกแปลกตากับของสองชิ้นนี้กำไลหยกนั่นเป็นของน้าเล็ก น้าเล็กสวมไว้ที่ข้อมืออยู่ตลอด ส่วนปิ่นเงินนั่น ได้ยินมาว่าเป็นของแทนใจที่ชายชู้มอบให้หลี่ชุ่ยฮวานางเก็บไว้ใต้หมอนเช่นนี้เพื่อไว้คะนึงหาเวลาเห็นของอย่างนั้นหรือ?สีหน้าของหลิงจิ่งหมองหม่นลงเล็กน้อยหลิงเสวี่ยเห็นเขาแน่นิ่งก็หันมามอง เมื่อเห็นของสองสิ่งที่อยู่ใต้หมอนก็ร้องออกมาว่า “เอ๋” จากนั้นหยิบกำไลหยกขึ้นมา “นี่มันกำไลของน้าเล็กมิใช่หรือ? เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”ฝูอวิ๋นถอดชุดตัวนอกไปพาดไว้ที่เก้าอี้ ครั้นได้ยินถ้อยคำของหลิงเสวี่ยถึงค่อยนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่นางตอบว่า “นี่เป็นของที่ข้าเคยให้น้าเล็กของพวกเจ้ายืมไปใส่ เมื่อวานนางนำมาคืน ตอนนี้จึงเป็นของข้าแล้ว”“อ้อ คืนให้ท่าน” หลิงเสวี่ยยื่นกำไลหยกใ

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 36

    ฝูอวิ๋นเห็นสีหน้าหวาดกลัวลนลานของแม่ม่ายหลิวก็เกิดความคิดชั่วร้ายบางอย่าง ใช้ปลายเท้าเตะก้อนหินให้กระเด็นไปที่น่องของอีกฝ่าย“โอ๊ย! ผู้ใดกัน!”ความเจ็บปวดที่ขาทำให้แม่ม่ายหลิวกรีดร้องเสียงดังทว่ารอบข้างกลับไม่มีผู้ใด ส่วนพวกฝูอวิ๋นก็เดินห่างออกไปค่อนข้างไกลแล้วแม่ม่ายหลิวตัวแข็งทื่อ ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเขียวซีด พูดพึมพำไม่หยุด “อมิตตาพุทธ พระ พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครอง…”“บะ บะ บาปมีผู้ก่อ นะ นะ หนี้มีเจ้าหนี้ ข้าเป็นคนดี ข้าเป็นคนดี…ข้าเป็นคนดีจริงๆ นะ…”หลิงจิ่งกุมท้องหัวเราะลั่นเมื่อเห็นแม่ม่ายหลิววิ่งกรีดร้องกลับบ้านไปหลิงเสวี่ยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านพี่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”“ฮ่าๆๆ…แม่ของเสี่ยวหู่ตกใจฉี่ราดกางเกงแล้ว!” หลิงจิ่งพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวแม่ม่ายหลิวที่เพิ่งจะวิ่งไปได้ไม่ไกลสะดุดล้มหน้าคะมำ นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อโดยไม่หันกลับไปมองสายลมช่างเป็นอะไรที่อัศจรรย์ยิ่ง ทั้งที่ตอนนี้รอบข้างไม่มีผู้ใด ทว่าถ้อยคำของหลิงจิ่งกลับถูกผู้ใดก็ไม่รู้ได้ยินเข้าโดยปกติแล้วชาวหมู่บ้านสกุลหลี่ก็เป็นคนใจดี กระตือรือร้น และชอบใส่ใจผู้อื่นไม่ช้า คนทั้งหมู่บ้านก

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 35

    ไม่ต้องหันไปมอง ฟังจากแค่น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนี้ ฝูอวิ๋นก็รู้ว่าแม่ม่ายหลิวมาหาเรื่องอีกแล้ว จะด่านางก็ตามสบาย แต่การที่ใช้ถ้อยคำเช่นนั้นกับเด็กๆ นี่มัน…น่าโมโหเกินไป!ฝูอวิ๋นโยนเสื้อผ้าที่บิดเสร็จแล้วลงในถัง ยืดเอวที่ปวดร้าวลุกขึ้นพูดว่า “เจ้าคนโสโครกด่าใคร?”“ยังจะว่าผู้ใดได้อีก ก็ต้องสองคนนี้…” เสียงของแม่ม่ายหลิวขาดหายอย่างฉับพลัน ใบหน้ากลายเป็นสีดำทะมึน “หลี่ชุ่ยฮวา อยู่ดีๆ ก็มาด่ากันมันหมายความว่าอย่างไร?”หา!ฝูอวิ๋นแทบจะกระอักเลือดผู้ใดกันแน่ที่อยู่ดีๆ ก็มาด่า?นางกัดฟันกรอดพร้อมกับยิ้มบางๆ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าก็หมายความตามนั้นแหละ”“หมายความว่าอยากมีเรื่องสินะ?” แม่ม่ายหลิววางท่าทันที “ปล่อยม้ามาเลย[1]อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้า!”“ขออภัย เมื่อวานนี้ม้าของข้ากลายเป็นหมูไปแล้ว และตอนนี้ก็กำลังอยู่เบื้องหน้าข้า”แม่ม่ายหลิวมองซ้ายแลขวาด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่เห็นหมูสักตัว ครั้นเห็นฝูอวิ๋นหัวเราะคิกคักถึงค่อยเข้าใจว่าตัวเองกำลังถูกด่า!“หลี่ชุ่ยฮวา เจ้า เจ้า เจ้า!” แม่ม่ายหลิวชี้หน้าฝูอวิ๋น อึกอักอยู่นานแต่กลับด่าอะไรไม่ออกฝูอวิ๋นยิ้มหวาน “ท่าทีที่เจ้า เจ้า เจ้า

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 34

    “งานวันนี้ต้องเสร็จวันนี้ ไปเถิด พวกเราไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ พรุ่งนี้ยังต้องทำอย่างอื่นอีก” ฝูอวิ๋นถือถังไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจูงมือหลิงเสวี่ย ร้องเรียกหลิงจิ่งแล้วเดินออกไปด้านนอก“พรุ่งนี้ต้องทำอะไรหรือ?” หลิงจิ่งถาม“มีเรื่องต้องทำมากมาย”เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดก็คือซื้อเสบียงอาหารเสบียงอาหารอันน้อยนิดที่บ้านเพียงพอแค่สำหรับคืนนี้เท่านั้นพรุ่งนี้ก็จะไม่มีอาหารกินแล้วลองนับวันดูแล้ว นับตั้งแต่ที่หลิงหานโจวออกจากบ้านเป็นครั้งแรก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วตอนนั้นเขาบอกว่าครั้งจะใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวัน มากสุดก็ครึ่งเดือน…จากไปนานขนาดนั้นแต่กลับทิ้งเสบียงไว้แค่นี้ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?ตอนนี้เป็นเวลาหลังเที่ยง หลายคนในหมู่บ้านสกุลหลี่จะซักผ้าตั้งแต่ช่วงสาย เวลานี้ริมแม่น้ำจึงไม่มีผู้ใด ฝูอวิ๋นหาตำแหน่งที่พื้นค่อนข้างเรียบมานั่งลงแล้วเริ่มทำงานนางตักน้ำจากในแม่น้ำมาหนึ่งกะละมัง ใส่จ้าวเจี่ยวลงไปและบดให้ละเอียด ยิ่งละเอียดมากเท่าใดก็ยิ่งดี ตามด้วยขยี้เบาๆ ให้เกิดฟอง เท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้วนางเรียนรู้วิธีนี้จากความทรงจำของหลี่ชุ่ยฮวา ฝูอวิ๋นไม่เคยใช้เจ้าสิ่

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 33

    หลิงจิ่งเข้าห้องมาพบกับความว่างเปล่าก็ตกใจดวงตาแทบถลน จะอ้าปากร้องเรียกนางแต่ก็ไม่รู้ว่าควรเรียกอย่างไรฝูอวิ๋นเปิดหน้าต่างและปัดฝุ่นออกกวาดหยากไย่ใต้เตียงให้สะอาดและกวาดฝุ่นผงจำนวนมากออกมาหลิงจิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “คือว่า…ท่านเผาฟางเช่นนี้ คืนนี้ข้ากับน้องหญิงจะนอนอย่างไร…”“ไม่ต้องถามมาก ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าห้องนี้มีแต่เหา อุตส่าห์อาบน้ำพวกเจ้าจนสะอาดทั้งที ย่อมนอนเตียงที่มีเหาไม่ได้อีก”ฝูอวิ๋นมองไปที่ขอบเตียง เอาแต่รู้สึกว่าปกคลุมไปด้วยเหาเช่นกันเมื่อหลับตาลงก็ราวกับเห็นเหาที่คลานยั้วเยี้ยเต็มเตียง นางรู้สึกขนลุกซู่ รีบตักน้ำมาเช็ดให้ทั่ว แม้แต่โต๊ะหนังสือก็ไม่เว้นบนพื้นเป็นดินเปลือยเปล่า ไม่อาจเช็ดทำความสะอาด ทำได้เพียงกวาดให้ทั่วกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็เลยเวลาเที่ยงไปโดยไม่รู้ตัวฝูอวิ๋นปวดเอวปวดหลังไปหมด เพิ่งจะนั่งพักหายใจก็ถามตัวเองว่าเหตุใดทำงานแค่เล็กน้อยก็หมดแรงแล้ว?จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าตัวเองกินไข่ไก่แค่สองฟองและอยู่มาจนถึงตอนนี้นางเดินไปทำอาหารที่ห้องครัวโดยพลันเนื่องจากตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิว นางจึงไม่มีเวลามาทำอาหารที่ซับซ้อนเก

  • ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา   บทที่ 32

    หลังจากอาบน้ำให้หลิงเสวี่ยเสร็จเรียบร้อย ฝูอวิ๋นก็ทำการเช็ดผมให้กับนาง ครั้นตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเหาอีกก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อผมขึ้นมานางห่อตัวเด็กหญิงด้วยผ้าฝ้ายที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว อุ้มนางกลับไปที่ห้องตัวเอง นำเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ออกมาให้ใส่“หนาวเหลือเกิน หนาวเหลือเกิน…” หลิงเสวี่ยสั่นเทิ้มไปทั้งตัว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงรู้สึกหนาวหลังจากอาบน้ำ?” ฝูอวิ๋นสวมเสื้อผ้าให้นางไปพลาง ถามไปพลาง“เพราะเหตุใดหรือ?”“เพราะว่า…ในอากาศมีปีศาจที่ชอบดูดน้ำ เมื่อมีหยาดน้ำเกาะบนร่างกาย เจ้าปีศาจก็จะเป่าน้ำบนตัวเรา แบบนี้...”ฝูอวิ๋นเป่าไอเย็นไปที่คอของเด็กหญิง เย็นจนอีกฝ่ายต้องหดคอ“น่ากลัวเหลือเกิน!”“เร็วเข้า รีบเข้าไปใต้ผ้าห่ม เช่นนั้นเจ้าปีศาจก็จะเป่าเจ้าไม่ได้แล้ว”“คิกๆๆ…”“นังหนู ตอนนี้ยังกลัวการอาบน้ำอีกหรือไม่?”“ไม่กลัวแล้ว การอาบน้ำของท่านแม่สบายตัว ไม่เจ็บเหมือนท่านพ่อ” เด็กหญิงยิ้มตาหยี ส่วนนี้เหมือนฝูอวิ๋นมาก“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” ฝูอวิ๋นถามด้วยความประหลาดใจเ“เปล่า…” เด็กหญิงเม้มปากแล้วมุดตัวเข้าผ้าห่มอย่างเขินอายฝูอวิ๋นส่ายหน้าด้วยความจนใจ เด็กคนนี้เปลี่ยนหน้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status