Share

Chapter3.  สัญญานะ

last update Last Updated: 2024-06-22 19:26:22

            “จ้า...แม่นักเขียนใหญ่ พี่จะรออ่านนิยายของเรานะ”

            “ค่ะ ช่วงก่อนเปิดเรียนแบบนี้โซดามีเวลาเขียนหนังสือได้สบายเลย เอ่อ...แล้วร้านหมูหยองยังจะให้โซดาไปช่วยดูร้านเนทอยู่ไหมคะ “

            “จะดีเหรอ ไหนบอกจะเขียนนิยายให้จบก่อนเปิดเรียนแล้วจะไปทำงานพิเศษอีก”

            “โธ่พี่เบียร์ ก็เพราะเป็นร้านเนทนะซิ  โซดาถึงอยากทำ จะได้ใช้คอมพ์ฟรีไง  เดี๋ยวนี้เขียนเรื่องโพสตามเวบไซด์แล้วได้ตีพิมพ์เป็นเล่มเยอะแยะไป”

            “เอาไว้พี่มีเงินจะหาคอมพ์ ให้ใช้สักเครื่องนะ”

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เก็บเงินไว้เถอะมันยังไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอก แค่ที่ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเรียนก็เยอะแล้ว ไหนจะต้องซื้อหนังสือเรียนอีก ค่ากินค่าใช้จ่ายในบ้านมีแต่พี่เบียร์คนเดียวที่ต้องลำบาก นี่ดีนะที่พ่อกับแม่ทิ้งตึกหลังนี้ไว้ให้ซุกหัวนอน  ไม่งั้นเราต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกอะไรอีกสารพัดเลยเน๊าะ ขอบคุณนะคะคุณพ่อคุณแม่”   โซดาทำทะเล้นยกมือไหว้ขอบคุณต่อหน้ารูปพ่อกับแม่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง

            “เอาละถ้าตั้งใจจะทำงานที่ร้านเนทก็ได้..แต่ห้ามเข้าไปดูเวบโป้นะ”

            “ว๊า…ดูนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้เหรอ”

            “ไม่ได้ ห้ามแชตอะไรนั่นด้วย   อันตรายเห็นในข่าวมีแต่คนโดนหลอกไปข่มขืนเยอะแยะ ถ้าพี่จับได้จะไม่ให้เราเขียนนิยงนิยายอะไรแล้ว”          พี่ชายทำหน้าเครียดน้ำเสียงจริงจังจนน้องสาวได้แต่ยิ้มแหย ๆ

            “รับรองคะจะไม่ให้พี่เบียร์รู้ เอ๊ยไม่ทำให้พี่เบียร์ต้องเป็นห่วงแน่นอน”

            “สัญญานะ”

            “ค่ะ เอาละ พี่เบียร์ทำข้าวต้มอร่อย ๆ ให้กินแล้วหน้าที่ล้างจานเป็นของโซดาแล้วกันนะ พี่เบียร์ก็อย่าลืมกินยาหลังอาหารละจะได้หายเร็ว ๆ”

            คนเป็นพี่ได้แต่ยิ้มบาง ๆ มองดูน้องสาวเก็บถ้วยชามที่เวลานี้ไม่เหลือเศษอาหารให้เดาได้ว่าก่อนนี้จาน ชามพวกนี้เคยมีอะไรอยู่ภายใน เสียงล้างจานดังอยู่ในครัว อาจเป็นเพราะ ฤทธิ์ยาแก้ไข้หวัดใหญ่ทำให้เขาเผลอหลับอยู่ที่โซฟาตัวยาวใหญ่             โซดาเดินผ่านมาจึงหยิบผ้าห่มคลุมร่างพี่ชายก่อนที่จะก้าวเท้าเดินให้เบาที่สุดไปที่ดาดฟ้าของบ้าน

            ผ้าที่ตากไว้บนราวพลิ้วไหวตามแรงลม  เด็กสาวดึงหนังยางที่รวบผมขึ้นเป็นหางม้าออกปล่อยให้เส้นผมยาวเคลียบ่าเป็นอิสระ โซดาเอาเสื่อมาปูนั่งเป็นประจำที่นี่ยามเย็นที่ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสี เธอจะนั่งเหยียดขายาวเอาหนังสือเล่มโปรดออกมากางอ่านหรือไม่ก็เขียนอะไรกระจุกกระจิกของเธอ     

 แต่บ่อยครั้งที่เธอมักนั่งมองการเคลื่อนตัวของเมฆบนท้องฟ้า            เฝ้าดูว่ามันเปลี่ยนรูปร่างเป็นตัวอะไรและจิตนาการเป็นเรื่องราวต่าง ๆ นานาราวกับเป็นเทพนิยายแฟนตาซีสุดมหัศจรรย์      แต่ก็นั้นแหละ…คิดอะไรก็คิดได้ ตัวละครเอย ฉากเอย ภาพเคลื่อนไหวในหัวเหล่านั่น       มันช่างแสนยากเย็นที่จะเข็นมันออกมาจากหัวกลายเป็นตัวหนังสือบนหน้ากระดาษเปล่า ๆ สักแผ่นหนึ่ง

            โซดาจำได้ว่าเธอรู้สึกทึ้งกับการอ่านหนังสือนอกเวลาที่คุณครูแนะนำให้อ่าน    เพราะมันไม่ใช่ตำราเรียน แม้จะถูกบังคับให้อ่านแต่เรื่องราวเหล่านั้นสนุกสนานน่าสนใจแถมผสมผสานความรู้เข้ามาอย่างไม่รู้ตัว  เมื่อจบเล่มหนึ่งก็พยายามสรรหาเท่าที่ห้องสมุดเล็ก ๆ ในโรงเรียนกันดารจะพอมี  

            ยิ่งอ่านไปเรื่อย ๆ ยิ่งรู้สึกเหมือนเปิดประตูมิติได้รู้จักโลกกว้างกว่าที่เธอคิด มันอาจเป็นการเริ่มต้นจากจุดนี้และยิ่งเมื่อเธอเคยได้รับรางวัลประกวดเขียนเรียงความประจำโรงเรียน  เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านขีด ๆ เขียน ๆ แต่เอาเข้าจริง นอกจากรายงานเรียงความที่ต้องส่งเป็นการบ้านแล้ว  เธอยังไม่เคยเขียน “เรื่อสั้น”หรือ “นิทาน” แม้กระทั้ง “นิยาย” ก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง ได้แต่เขียนอะไรครึ่งกลาง ค้างคา ไม่จบสักเรื่อง    ก็นั่นแหละมันทำให้นิยายแฟนตาซีสุดพิสดารของเธอก็ไม่ได้หลุดจากสมองเป็นตัวหนังสือได้เสียที

            เมื่อตุลาคมปีที่แล้วเธอมาเยี่ยมพี่ชายสุดรัก เขาพาไปเที่ยวงานมหกรรมหนังสือหรืออะไรสักอย่างที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์  กองทัพหนังสือนับพันนับหมื่นเล่ม ผู้คนมากมายแน่นขนัดเข้ามาเลือกซื้อหนังสือหนังหา ภาพนักเขียนคนโปรดแจกลายเซ็น ยิ่งจุดประกายให้โซดาวาดฝันว่าสักวันเธอจะนั่งที่หน้าเวทีแจกยิ้มหวานและนั่งเซ็นชื่อหนังสือของตนเองจนมือเป็นระวิง

            พอกลับมาถึงขอนแก่นโซดาเม้าท์แหลกกับเพื่อนฝูงเอาตั๋วรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อเก็บไว้ไปเอาอวดเพื่อนและประกาศว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นนักเขียน โซดาแอบฝึกเซ็นชื่อ หาลายเซ็นสวย ๆ ดูจากลายเซ็นของดาราในหนังสือนิตยสารวัยรุ่นแล้ววันหนึ่งครูประจำชั้นของเธอผ่านมาเจอโซดาที่กำลังมุ่นมั่นกับลายเซ็นของตัวเองอยู่นั้น  ครูหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยเบา ๆ กับเธอ

            “เธอน่าจะเอาเวลาไปเขียนนิยายให้จบเรื่องก่อนค่อยมาฝึกแจกลายเซ็นอย่างนี้นะ”

            แค่คำพูดประโยคเดียวเรียกสติของโซดากลับมาได้ นั้นซิ อย่าว่าแต่นิยายเลยเรื่องสั้นสักเรื่องก็ยังไม่สำเร็จ นี่ฉันมัวทำอะไรอยู่นะเนี่ย…

โซดาจึงกลับมาเริ่มต้นอ่านหนังสืออีกครั้งตามคำแนะนำของครูประจำชั้น และการได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ครั้งนี้เธอมุ่งหวังและตั้งใจอย่างมาก...ว่าจะต้องไปถึงสิ่งที่ฝันให้ได้

            เด็กสาวหยิบสมุดบันทึกไร้เส้นของตนออกมาจากเป้ นั่งอ่านลายมือเหมือนถั่วงอกที่โตไม่เต็มที่ของตัวเอง โครงเรื่องหลัก โครงเรื่องรอง คาเร็กเตอร์ตัวละคร      เออ..ปวดหัวเหมือนกันแหะ แต่โซดาก็แอบฝันหวานถึงวันหนึ่งที่ตัวเองจะได้มีโอกาสได้ทำงานกับสำนักพิมพ์ “ยักษ์ใหญ่”จนได้ เอานะ...ว่ากฎข้อหนึ่งของนักเขียนที่เธอตั้งขึ้น คิดถึงวันดี ๆ ให้ชีวิตสดชื่นแล้วตื่นมาวิ่งไล่ความฝันให้เป็นจริง

            แล้วอยู่ ๆ โซดาก็คิดถึงชายหนุ่มแปลกหน้าที่สวมแว่นตาทรงกลมกรอบเงินวาว เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในแววตาหลังแว่นตานั่น

            ‘ปิ๊งฉันเหรอ?’

            ไม่น่าจะใช่แหะ   ใครจะมาสนใจสาวบ้านนอกท่าทางทอมบอยอย่างเธอได้นะ  นี่ดีนะที่ไว้ผมยาว ไม่งั้นคงนึกว่าเป็นผู้ชายแน่ ๆ แถมรูปร่างก็ออกแบน ๆ อย่างกับไข่ดาวไม่ได้หน้าตาน่ารักสดใสอ่อนหวาน  อย่างกับคนที่เธอทำเปิ่นไปยืนขวางประตูคุณหนูคนสวยคนนั้น

            ว่าแต่... ยังเหลือเวลาอบรมการเขียนอีกตั้ง 2 วัน จะได้เจอ ผู้ชายเสื้อฟ้าใต้ต้นไม้คนนั่นอีกไหม  อยากรู้จัง

……………

            โซดากระโดดลงจากรถเวสป้าด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ก่อนส่งหมวกกันน๊อคคือให้สารถีรุ่นพี่ที่อาสาขับรถส่วนตัวมาส่งถึงหน้าบริษัท R&M เด็กสาวเสยผมยาวประบ่าให้เข้าที่เข้าทางก่อนใช้หนังยางสีดำที่รัดข้อมืออยู่ขึ้นรวบและมัดผมเป็นหางม้า 

            “ตอนเย็นพี่มารับ ถ้าเลิกเร็วก็โทรเข้ามือถือพี่  เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวสะพานพุทธ” ตั้มเอ่ยแล้วยิ้มให้จนตาหยี 

            “แหม...จะไปหาพี่น้ำหวานก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องเอาโซดาไปอ้าง”

            “ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ทัน รีบๆ ไปเลยเดี๋ยวไม่ทัน”  

            “ครับผม!”  โซดาทำท่าเลียนแบบทหารรับคำสั่ง ก่อนหมุนตัวจะเดินเข้าไปในตึกแต่กระเป๋าเป้ก็ถูกดึงไว้ก่อนจนเจ้าตัวต้องหันกลับมาอีกที

            “มีอะไรอีกอะพี่ตั้ม”

            “ขอเบอร์พีอาร์สวย ๆ หรือพริ้ตตี้น่ารัก ๆ มาฝากมั้งนะ”

            “อะไรกันอยากได้ก็ไปขอเองสิ แหวะ! ไปล่ะ”

            ตั้มโยกหัวน้องสาวเพื่อนอย่างเอ็นดู  โซดายกมือยกไม้ปัดป้องไม่อยากให้ผมยุ่งมากไปกว่านี้   แต่เหมือนมีอะไรบางสิ่งเรียกสายตาของเธอให้หันไปมองที่ฝั่งตรงข้าม   ใต้เงาร่มไม้ใหญ่ตรงนั้น ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน            แว่นตาทรงกลมกรอบเงินยืนอยู่ที่เดิมและสายตาคู่นั้น          กำลังจับจ้องมาตรงจุดที่เธอยืนอยู่

            เอ๊ะ! เสื้อตัวเดิมกับเมื่อวานนี่น่า...หรือเขาจะมีเสื้อแบบเดียวกันเป็นโหล

            “ไปได้แล้ว ตอนเย็นพี่มารับ”

            โซดาสะดุ้งแม้จะถูกผลักไหล่เบา ๆ  เธอพยักหน้าหงึกงักหันไปมองชายหนุ่มแปลกหน้าแวบหนึ่งก่อนที่จะพาร่างตนเองเข้าไปในตึกบริษัท R&M ขณะยืนรอลิฟต์เพื่อไปห้องอบรม   เธอก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งเข้ามายืนข้างหลัง กลิ่นโคโลจญ์ผู้ชายหอมอ่อน ๆ ทำให้เธอหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ

Related chapters

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 4. ในสักวันหนึ่ง

    “พี่ปกรณ์” “อ้าว..น้องโซดาใช่ไหม มาเร็วจังนะค่ะ” “ค่ะ พี่ปกรณ์ก็เหมือนกัน” โซดาไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ใจต้องการนัก แค่ได้ยืนข้าง ๆ แบบนี้หัวใจก็เต้นตูมตาม ปกรณ์เป็นหนุ่มมาดโรแมนติก ผมยาวสลวยประบ่าชอบสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีด้ายดิบดูเป็นศิลปินโดยแท้ พูดจากับผู้หญิงก็คะ-ขาหวาน แค่นี้โซดาก็แทบเก็บอาการไม่อยู่แล้ว ประตูลิฟต์เปิดออก โซดาก้าวเท้าเข้าไปก่อนตามด้วยปกรณ์และคนที่เธอไม่รู้จักอีกสองคน ขณะประตูกำลังจะปิด ร่างบอกบางของเด็กสาวผู้มีใบหน้าซีดเซียวราวคนป่วยก็ถือกล่องไวโอลินเข้ามาด้วยอีกคน “แป้งร่ำมาเรียนดนตรีเหรอคะ” ปกรณ์เอ่ยถามพลางยื่นมือไปฉวยกล่องไวโอลินมาช่วยถืออย่างสนิทสนม “ค่ะ” เด็กสาวยิ้มบาง ๆ และหว่านยิ้มหวานมาทางโซดาที่ยืนอยู่ด้านข้างปกรณ์ “แป้งร่ำหน้าซีด ๆ นะคะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องเรียนดนตรีดีกว่านะ” “ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไปเองได้ แป้งไม่ได้ป่วยอะไร” “อย่าเลย ให้พี่ไปส่งดีกว่า ขืนเป็นอะไรไปพี่จะยิ่งโทษตัวเองมากขึ้นนะ” “ค่ะ ก็ได้” ไฟกระพริบ

    Last Updated : 2024-06-22
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 5  เกรงใจ

    “เร็วหน่อยซินายตั้มเดี๋ยวตำรวจก็มาหรอก” “เร็วแล้วเจ๊น้ำหวาน” “นิ อย่ามาเรียกฉันว่าเจ๊นะ” สาวโซดาเหลียวมองภาพชุลมุนหลังรถ สาวมั่นแต่งตัวเปรี้ยวด้วยเสื้อยืดตัวเล็กสีแดงสดกับกางเกงทรงทหารตัวใหญ่ กำลังเหวี่ยงถุงทะเลสี่ห้าถุงยัดใส่ท้ายรถและถุงใบเล็กใส่เบาะด้านหลังโดยมีคนขับรถหน้าตี่ลงไปช่วยก่อนรีบกระโดดขึ้นรถ เสียงแตรดังไล่หลังอยู่นานหลายนาที หญิงสาวที่นั่งเบาะหลังไขกระจกลงชะโงกหน้าออกไป “รู้แล้วพี่...จะรีบไปรับเมียน้อยรึไง” “เฮ้ย!เจ๊เดี๋ยวมันก็ไล่บี้ตูดรถผมหรอก” “รถแกที่ไหนละ รีบ ๆ ออกรถเลย เดี๋ยวตำรวจมาไล่โดนใบสั่งอีกนะ ฉันไม่ช่วยจ่ายด้วยหรอก” “อุตส่าห์มารับทั้งที พูดหวานๆสมชื่อน้ำหวานก็ไม่ได้” “ช่วยไม่ได้ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ อ้าวหนูโซดาวันนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอจ๊ะ” “เปล่าค่ะ ไปอบรมเขียนนิยายมาค่ะ” โซดาตอบแล้วยิ้มแหยเหมือนจะเกรงหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังของรถ “อ้อ!ที่ค่ายเทปR&Mใช่ไหม” “ไม่ใช่ค่ะสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในเครือบริษัทR&Mต่

    Last Updated : 2024-06-22
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 5  เกรงใจ

    “เร็วหน่อยซินายตั้มเดี๋ยวตำรวจก็มาหรอก” “เร็วแล้วเจ๊น้ำหวาน” “นิ อย่ามาเรียกฉันว่าเจ๊นะ” สาวโซดาเหลียวมองภาพชุลมุนหลังรถ สาวมั่นแต่งตัวเปรี้ยวด้วยเสื้อยืดตัวเล็กสีแดงสดกับกางเกงทรงทหารตัวใหญ่ กำลังเหวี่ยงถุงทะเลสี่ห้าถุงยัดใส่ท้ายรถและถุงใบเล็กใส่เบาะด้านหลังโดยมีคนขับรถหน้าตี่ลงไปช่วยก่อนรีบกระโดดขึ้นรถ เสียงแตรดังไล่หลังอยู่นานหลายนาที หญิงสาวที่นั่งเบาะหลังไขกระจกลงชะโงกหน้าออกไป “รู้แล้วพี่...จะรีบไปรับเมียน้อยรึไง” “เฮ้ย!เจ๊เดี๋ยวมันก็ไล่บี้ตูดรถผมหรอก” “รถแกที่ไหนละ รีบ ๆ ออกรถเลย เดี๋ยวตำรวจมาไล่โดนใบสั่งอีกนะ ฉันไม่ช่วยจ่ายด้วยหรอก” “อุตส่าห์มารับทั้งที พูดหวานๆสมชื่อน้ำหวานก็ไม่ได้” “ช่วยไม่ได้ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ อ้าวหนูโซดาวันนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอจ๊ะ” “เปล่าค่ะ ไปอบรมเขียนนิยายมาค่ะ” โซดาตอบแล้วยิ้มแหยเหมือนจะเกรงหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังของรถ “อ้อ!ที่ค่ายเทปR&Mใช่ไหม” “ไม่ใช่ค่ะสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในเครือบริษัทR&Mต่

    Last Updated : 2024-06-23
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 6.  เที่ยวต่อ

    งานเลี้ยงเลิกราแล้วหลายคนนัดไปเที่ยวต่อ มีเพียงโซดาที่ได้แต่ยืนโบกมือลาหน้าตึกเช่นเคย วันนี้ไม่มีใครมารับ ตั้มตาหยีติดช่วยงานที่อู่ซ่อมรถ พี่ชายก็ทำงานที่ร้านอาหาร เธอเองก็ไม่อยากเป็นภาระให้เขาที่ต้องทำงานเหนื่อยเผื่อส่งเสียให้เธอร่ำเรียน งานพ่อครัวในร้านอาหารหรูหราแบบนั้น ทำให้เบียร์มีเวลาหยุดพักผ่อนไม่เหมือนคนอื่น แต่ละสัปดาห์จะเข้างานเป็นกะ อาทิตย์เข้ากะเช้า อาทิตย์หน้าเข้ากะบ่าย เพราะอย่างนี้ละมั้งพี่ชายสุดหล่อมาดเข้มของโซดาถึงยังไม่มีแฟนเสียที เอานะ!ไม่เป็นไรหรอก สายรถเมล์ที่ต้องนั่งกลับบ้านก็จดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้ขอแวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน เพิ่งบ่ายสองโมงกว่า รถราไม่ติดมากนักเพราะช่วงนี้ยังปิดเทอมใหญ่อยู่ เอ๊ะ! นั้นซิอีกไม่กี่วันกี่เดือนนะมหาวิทยาลัยจะเปิด เธอยกนิ้วขึ้นนับ วันนี้สิ้นเดือนเมษายนพอดี มหา’ลัยเปิดเดือนมิถุนายน ถ้าอย่างนั้นก็เหลือเวลาให้เธอเขียนนิยายอย่างจริงจังแค่เดือนกว่าเท่านั้นเอง ยังไงก็ต้องรักษาสัญญากับพี่ชายว่าเปิดเทอมเมื่อไหร่ต้องทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนให้มากที่สุด แถมวันจันทร์หน้าก็ต้องเริ่มไปทำงานพิเศษที่ร้านหมูหยองอินเตอ

    Last Updated : 2024-06-23
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 7.  มองเห็น

    คนที่มองเห็นผมเพียงคนเดียวกลับไปลมไปเสียแล้ว เฮ้อ! เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อราวๆ ครึ่งเดือนก่อน ขณะที่ผมกำลังพิมพ์ต้นฉบับอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ทันส่งงานประกวดนิยายของเวบไซต์แห่งหนึ่ง เดดไลน์คือส่งงานภายในเที่ยงคืน ผมคิดว่า...เอ่อ...คิดว่านะ คิดว่าใช้เมาท์คลิกส่งเมล์งานเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจลุกขึ้นไปหาอะไรกินเสียหน่อยแต่เหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงร่วงผล็อยลงไปกองกับพื้น เหมือนได้หลับไปเต็มอิ่มแต่พอลืมตาขึ้นกลับพบว่าตัวเองอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง และที่สำคัญคือไม่มีใครมองเห็นผม แม้ว่าจะพยายามส่งเสียงหรือไปสัมผัสอีกฝ่าย พวกเขาต่างเดินทะลุร่างของผมราวกับผมเป็นเพียงอากาศธาตุ และเมื่อผมพยายามตั้งสติสังเกตุสิ่งรอบตัวก็พบว่ามันไม่คุ้นตา และเมื่อเห็นข่าวในจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่หน้าตึกนั้นก็พบว่ามันเป็นปีพ.ศ.2533 พระเจ้า! ผมเป็นคนในปี พ.ศ.2567 แต่กลับย้อนเวลาอยู่ในปี พ.ศ.2533 แล้วที่ผมงงหนักที่สุดก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมชื่ออะไรและเป็นใครนะสิ! ย้อนเวลามาทั้งที่แต่ดันความจำเสื่อม และที่จำไม่ได้ก็มีแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ขอขยายความเข้าใ

    Last Updated : 2024-06-23
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 8.   หมายความว่า

    “ก็หมายความว่าไม่มีใครมองเห็นผมไงครับ แบบเมื่อครู่ที่พี่ชายคุณยังไม่เห็นผมเดินทะลุตัวผมเฉยเลย” “แล้วคุณเป็นใครล่ะ เราเคยรู้จักกันเหรอ หรือว่ารู้จักกันตั้งแต่ชาติที่แล้ว” “เอ่อ...ไม่ทราบครับ” “ไมทราบ? ไม่ทราบได้ยังไง” โซดารู้สึกหงุดหงิดและคลายความรู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว “แล้วชื่ออะไร” “ไม่ทราบครับ” “หา!…งั้นบ้านช่องอยู่ไหนเป็นอะไรตาย” “อันนี้ก็ไม่ทราบครับ” “เฮ้ย…อย่าตลกน่า ชื่อตัวเองก็ไม่รู้ นอกจากจะเป็นผีเร่ร่อนแล้วยังเป็นผีความจำเสื่อมอีกเหรอเนี่ย แล้วรู้อะไรบ้างเนี่ย” “ไม่ทราบครับ เอ่อ ไม่แน่ใจ…เดี๋ยวนะครับ” คุณผีไม่ได้รับเชิญยกนิ้วมือขึ้นนับ โซดายกมือกุมขมับอยากจะกรี๊ด กับท่านับนิ้วเหมือนเด็กอนุบาล “ผมรู้สึกตัวก็มายืนอยู่หน้าตึกที่คุณเดินเข้าเดินออกสองสามวันก่อนนะครับ ก็น่าจะสามหรือสี่วันแล้วละ แต่เหมือนกับว่า...ต้องอยู่ตรงนั้นเผื่อทำอะไรสักอย่าง” “เหรอ” โซดาพยักหน้าหงึกหงัก “ก็น่าจะวันเดียวกับที่ฉันไปอบรมเขียนนิยาย”

    Last Updated : 2024-06-23
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 9. แววตาชื่นชม    

    นิ้วมือเล็ก ๆ ขยับพร่างพรมบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ ชายหนุ่มหน้าตี๋ร่างสูงผมสั้นสีน้ำตาลแดงยืนมองอยู่ข้างคอมพิวเตอร์สีซีดด้วยแววตาชื่นชม เขาเหลียวมองบรรยากาศในร้าน “หมูหยองอินเตอร์เนท” ที่เห็นจนชินตาแต่ความรู้สึกกลับสดใสมากกว่าเมื่อครั้งที่เจ้าของร้านยังอยู่ ราวกับว่าร้านเนทเล็ก ๆ ที่มีคอมพิวเตอร์ให้บริการอยู่ประมาณสิบสองเครื่องได้รับความดูแลอย่างดี พื้นห้องก็สะอาด ถังขยะที่ไม่มีขยะล้นให้รำคาญลูกตา ประตูกระจกก็ใสสว่างไม่มีคราบฝุ่น หรือเป็นเพราะพนักงานดูแลร้านคนใหม่ที่เพิ่งประจำการได้เพียงอาทิตย์เศษคนนี้ “เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ตั้ม” “อ้อ!” ตั้มหันมาตามเสียงเรียกของเด็กสาวที่ยิ้มหน้าแป้นอยู่หน้าคอมพ์เธอหมุนเก้าอี้เลื่อนมารอรับกระดาษที่ไหลออกมาจากเครื่องปริ๊ตเตอร์ “ใบเสนอราคาค่ะ ค่าปริ๊ตแผ่นละห้าบาท ส่วนค่าบริการเอาเป็นซามูไรเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งนะคะ” “โหนี่เหรอราคากันเอง งั้นพี่ขอราคาปกติดีกว่ามั้ง” ชายหนุ่มหัวเราะจนตาหยี “เอ่อ…แล้วที่พี่ให้หาข้อมูลประกวดยังดีไซด์เนอร์อะไรนั่นละ”“พรุ่งนี้ได้ไหมค่ะ โซดาsaveมาแล้ว

    Last Updated : 2024-06-23
  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 10. วิญญาณ   

    “ใช่...ถึงจะไม่ค่อยเห็นสองคนนี้พูดจาดี ๆ ใส่กัน แต่ก็ดูออกว่าพี่ตั้มห่วงพี่น้ำหวานขนาดไหน ตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ฉันยังอยู่ ฉันจำภาพพี่เบียร์ที่ชอบช่วยแม่ทำกับข้าวจนพี่ตั้มล้อเอาอยู่บ่อย ๆแล้วพี่น้ำหวานก็จะมาดุพี่ตั้มเสมอเลย บ้านพี่ตั้มเป็นอู่ซ่อมรถแล้วพี่ตั้มก็ชอบขโมยรถที่อู่มาขับอยู่บ่อย ๆ และโดนเตี่ยตีเป็นประจำ พี่เบียร์บอกว่าพี่ตั้มทำไปเพราะประชดพี่ชายคนโตเป็นหมอคนรองเป็นวิศวกร แต่พี่ตั้มเรียนไม่เก่งจบปวส.ก็ไม่เรียนต่อคลุกอยู่แต่ในอู่รถ ส่วนพี่น้ำหวานพ่อแม่พี่เค้าแยกทางตั้งแต่พี่น้ำหวานจำความได้ พี่น้ำหวานอยู่กับป้าญาติห่าง ๆ ป้าเค้าเย็บเสื้อผ้าโหลพี่น้ำหวานเลยอยากเป็นดีไซด์เนอร์แต่ว่าป้าไม่เข้าใจว่าดีไซด์เนอร์กับช่างเย็บผ้ามันต่างกันยังไง ป้าอยากให้ทำงานดี ๆ เป็นพนักงานกินเงินเดือน พี่น้ำหวานก็เลยหาเช่าแผงขายเสื้อผ้าที่สะพานพุทธ มีทั้งรับมาแล้วก็แบบที่ตัวเองดีไซด์เองด้วย” กว่าโซดาจะเล่าจบเธอก็นับเงินในกล่องเก็บเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ชีวิตพวกคุณนี่น่าสนุกจังเลยนะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนมากกว่าประชดประชัน โซดาระบายลมหายใจหนัก ๆ

    Last Updated : 2024-06-23

Latest chapter

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 34. จบ

    “ตาบ้า!ทำอะไรนะ” โซดายกมือขึ้นปัดออกทันทีที่ได้สติ แต่อีกฝ่ายคว้ามือเล็ก ๆ ได้เขาออกแรงกระชากนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ก็เซเข้ามาในวงแขน“โซดาตัวเล็กกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ตอนเป็นผีจับตัวไม่ได้เหมือนอย่างนี้เลย”“บ้า...ตาบ้า ปล่อยนะ”โซดาดิ้นขลุกขลักในวงแขน ชายหนุ่มนึกสนุกยิ่งรัดร่างเข้าไว้แน่น พอดีเสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอกจึงเห็นชายหนุ่มกอดรัดร่างเพรียวบางไว้ในวงแขน“เฮ้ย!ทำอะไรนั่นน้องสาวฉันนะเฟ้ย!”“ไม่มีอะไรค่ะพี่เบียร์” โซดารีบสลัดตัวออกจากวงแขน ซึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย เบียร์ทำท่าจะเข้ามามากระชากคอเสื้อสุดแดนแต่ตั้มก็ใช้แขนล็อกคอเพื่อนรักไว้ก่อน“น่า...นะ โซดาว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรซิ ไป…หน้าที่นายดูแลอาหารการกิน ทางโน้นเลย...เอ้า! ท่านเจ้าภาพ เอ๊ยประธานบริษัทมาแล้ว หลีกทางหน่อยครับ”ตั้มหันไปยักคิ้วหลิวตาให้สุดแดนอย่างรู้ทัน เบียร์หงุดหงิดเดินมาที่ซุ้มอาหารบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเวลานี้มีผู้คนเข้ามาในบริเวณชั้นหนึ่งของตึกเป็นที่สำหรับจัดงานเปิดตัวหนังสือและสำนักพิมพ์ในเครือบริษัท ซึ่งสำนักพิมพ์ ยักษ์เล็กที่จะเน้นให้โอกาสนักเข

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 33. ได้เวลาแล้ว

    ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ ยาเสพติดปี 2522 ลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งเป็นที่มา ของชื่อยาไอซ์ ความบริสุทธ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามากจึงมีคนเรียกว่าหัวยาบ้า การนำไปใช้ โดยการละลายน้ำแล้วฉีดเข้าเส้นบางคนนำไปเผาแล้วสูดดมควันเหมือนการเสพยาบ้า ยาตัวนี้ทำให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยาไอซ์ลักษณะทั้งโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายยาบ้า แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หลังเสพยาไอซ์จะมีความสดชื่นมีชีวิตชีวาไม่ซูบโทรมเหมือนยาบ้า คนที่เสพยานี้มักจะดูไม่ออกเพราะหน้าตาจะเบิกบานไม่เหมือนคนเสพยาทั่วๆ ไป ยาตัวนี้ไม่ได้มีแพร่หลายกันทั่วไปเนื่องจากหายากและราคาค่อนข้างแพงมักจะใช้กันในสังคมไฮโซทั้งหลาย’ชายหนุ่มลดหนังสือพิมพ์ลงและวางไว้บนโต๊ะก่อนระบายลมหายใจเบา ๆ เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งกลับจากเมืองนอก ได้ไม่นานและเริ่มเข้ามาดูแลงานในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อซึ่งต้องปลดเกษียรตัวเองด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเพราะโหมงานอย่างหนัก วันนั้นเขาตรวจสอบของบัญชีรายรับ-จ่ายและเห็นความผิดปกต

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 32. เหนี่ยวรั้งไว้   

    และเมื่ออ่านมากก็อยากเป็นนักเขียน เขามักเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของนิยาย เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้ ก็ยังเหลือ ‘นิยาย’ ที่เขาเขียนทิ้งไว้แทนตัวเขา อาจใครสักคนมาอ่านเจอเรื่องเหล่านี้ เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน คือเรื่อง ‘ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนนิยายยุค 90’s’ เขาได้แรงบันดาลใจมากจากคุณน้านักอ่านท่านหนึ่งที่มักเข้ามาอ่านนิยายของเขาและคอยคอมเม้นต์ให้กำลังใจเสมอ ดวงจิตของชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบกาย เขาเข้าใจแล้วว่าเขาหายไปที่ไหนมา เขาไปอยู่ในเรื่องเล่าของคุณน้านักอ่านท่านนั้น สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นแค่นิยาย แต่สำหรับบ้างคน ตัวละครในนั้นมีตัวตนจริงในอดีตที่ผ่านมา สายลมอ่อนโยนพัดผ่าน ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปิดหน้าต่าง ราวกับสัมผัสแผ่วเบาเพื่อบอกลากัน ชายหนุ่มหันไปที่หน้าต่าง แสงสว่างจางๆ สาดเข้ามา เขายิ้มและเผชิญกับการจากลาอย่างกล้าหาญ มันเป็นเรื่องที่เขาและคนในครอบครัวเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกันมานานแล้ว “พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ดูแลผม พี่ครับฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมสบายดี ไม่ทรมานอีกแล้ว”

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 31.  อย่าไปจากฉัน 

    “รู้สึกว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คิดนะ”“อะไรนะคะ พี่ปกรณ์พูดอะไรออกมา” เด็กสาวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายกลับหมุนตัวไปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาบันทึกการเคลื่อนไหวเด็กสาวตรงหน้า “พี่ปกรณ์เพี้ยนไปแล้วเหรอค่ะ พี่คิดอะไรอยู่”“ความจริงพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้...แต่นี้คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แป้งร่ำอยู่ภายใต้การควบคุมของพี่ได้ พี่จะได้ช่วยดูแลทุกอย่างในบริษัทฯได้อย่างเต็มที”ยังไม่ทันที่แป้งร่ำจะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด มือที่ว่างจากการควบคุมกล้องดิจิตอลก็กระชากเสื้อของเธอออกจนเห็นบราเซียลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ “พี่ปกรณ์!” แป้งร่ำกรี๊ดร้องสุดเสียง เมื่อมือแข็งแกร่งพยายามกระชากเสื้อผ้าเธอออก พร้อมกับขึ้นคร่อมร่างเธอที่นอนดิ้นพยายามปิดป้องร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่า “อย่ามาแสดงท่าอย่างนี้กับฉัน!” ปกรณ์เผลอตะคอกออกมาสุดเสียง ไม่เหลือแววตาอ่อนโยนที่เคยเห็น หน้ากากของเขาแตกละเอียดเหลือเพียงใบหน้าที่แท้จริงของซาตาน เขาใช้มือแข็งแรงปานคีมเหล็กเข้าบีบคอเล็ก ๆ ของแป้งร่ำเด็กสาวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ทั้งที่ฝืนกลั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ“เธอมันก็เหมื

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 30. ตกอยู่ในอันตราย

    “คราวหน้าคงได้มาสนุกอย่างนี้อีกนะ” แป้งร่ำยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ“เราเดินไปส่งนะ” โซดาลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปให้มือเรียวเล็กจับก่อนลุกขึ้นยืน ผีหนุ่มมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มรู้สึกอิ่มข้างในใจอยากบอกไม่ถูก เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันไปที่ต้นถนนจุดที่นัดคนขับรถไว้ รถเก๋งยุโรปคันหรูเคลื่อนมาใกล้ แป้งร่ำไม่อยากเร่งเท้านักแต่รู้ว่าบริเวณนี้จอดรถนานไม่ได้เธอจึงจำใจเดินไปที่รถ“โชคดีนะ วันนี้สนุกมากเลย”“เช่นกันจ๊ะโซดา”ประตูเปิดออกก่อนที่มือของแป้งร่ำจะเอื้อมไปจับ แต่ร่างเล็ก ๆ ก็ถูกกระชากเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว โซดาตกใจกับภาพที่เห็นรีบกระโจนพุงตัวเข้าไปในรถทันที มือใครบางคนในรถเอื้อมมือออกมาปิดประตูรถอย่างรวดเร็วจนไม่ทันมีใครในบริเวณนั้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ รถเคลื่อนตัวออกไปพอดีกับที่ เบียร์ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดแทนที่รถยุโรปที่พุ่งตัวออกอย่างรวดเร็ว“ช่วยด้วย! นายวุ่นวาย!” ผีหนุ่มร่างโปร่งใสยืนหันรีหันขวางอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครมองเห็นตัวเขา และไม่ทันสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายวุ่นวายมองหาร่างของเบียร์ รีบวิ่งไปตะโก

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 29.ปาฏิหาริย์ ?

    “เด็กโง่ๆนั่นนะเหรอ...อีกหน่อยก็เป็นเหมือนอุ้ม-อั้มอะไรนั้นอีกหรอก ให้เป็นghost writerดีๆไม่ชอบอย่างขึ้นมาประกาศตัวให้โลกรู้จัก เชอะ! ฝันไปเถอะ..สภาพพิการอย่างนั้นใครเค้าจะชื่นชม หมดยุคสมัยนักเขียนไส้แห้งกินอุดมคติกันแล้ว ลองไม่ใช่ปกรณ์หรือปลายศร หนังสือที่ไหนจะขายออกได้หลักแสนเล่มแบบนี้บ้าง” “เอานะ..เดี๋ยวพี่ปั้นเด็กใหม่ก่อน หลอกทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อน เด็กนี่ก็ใช้ได้มีแววดีสั่งงานอะไรก็ทำได้ตามสั่งอย่างกับทำอาหารตามสั่งแนะเหมาะกับการทำงานเป็นGhost writerให้เรา”“ชื่ออะไรนะ โซดาเหรอ ปลื้มพี่ดุจตะวันน่าดูนี่นะ ถ้ารู้ว่าตัวจริงเป็นแค่ผู้หญิงพิการสาวเอ๋อออทิสติกละก็..จะเป็นยังไงนะ” ‘ ดุจตะวัน ’ คงมาจากชื่อจริงของพี่อุ้มนี่เอง พี่อุ้มก็คือนักเขียน‘ ดุจตะวัน ’ ตัวจริง ที่เธอปลื้มแล้วเด็กใหม่โง่ๆที่คิดแค่ทำอะไรก็ได้ให้ใกล้ชิดแวดวงนักเขียนก็พอก็คงเป็นเธอซินะ “โซดา!” นายวุ่นวายกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เขาเองก็รับรู้ความเจ็บปวดที่เธอมีและยิ่งนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก ปวดใจยิ่งนักที่ไม่สามารถปลอบใจและให้กำลังใจผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ได้ โง่ให้พ

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 28. งานหนังสือริมน้ำ

    “แต่วันนี้เธอก็โดด....”“ก็...มันสบโอกาส พอดีครูสอนไวโอลินท้องเสีย ก็เลยหนีออกมา” แป้งร่ำยิ้มทะเล้น พลางแกะผมเปียสองข้างออก“คงไม่ใช่ฝีมือเธอทำให้ครูท้องเสียนะ” โซดาพูดขึ้น แต่คนที่คิดได้คือนายวุ่นวายต่างหากแป้งร่ำทำตาโต เหมือนคนถูกจับได้ แต่ส่ายหน้ายิก ก่อนจะเบนความสนใจไปที่อื่น “กินสายไหมกันนะ” “ฮืม ... เอาซิ” ‘เพิ่งจะรู้ว่าชีวิตคุณหนูไม่ได้สบายอย่างที่คิดเลยแหะ’โซดายิ้มกว้างเหมือนตัวเองเป็นพี่เลี้ยงเด็กยังไม่รู้ เฮ้อ! ถ้าท่าทางจะเป็นคุณหนูตัวจริงแฮะ ทำเหมือนไม่เคยกินขนมสายไหม เธอเห็นเพื่อนสาวยืนจ้องที่ถังปั่นสายไหมด้วยใจจดจ่อ จึงแกล้งถอยหลังมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ยืนคุยกับนายวุ่นวายได้สะดวกขึ้น“เรื่องวันนี้จะเอายังไง” เสียงทุ้มนุ่มถามเบา ๆ เจือความห่วงใยมากกว่าซ้ำเติม“ไม่รู้...คิดอะไรไม่ออก พี่ปกรณ์กับนายปลายศรเป็นคู่รักซึ่งเรื่องนี้ฉันยอมรับได้แต่...”“เขาไม่ใช่พี่ดุจตะวันของเธอ”“งานเขียนก็โดนขโมย”โซดาก้มหน้าเม้มปากแน่น จะอธิบายยังไงว่าความรู้สึกดี ๆ ในใจของเธอมันแตกสลายไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าการเป็น “เกย์”จะไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำค

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 27. ความลับ

    “โอ๊ย เจ็บ” โซดาทรุดตัวนั่ง ที่หัวเข่ามาเลือดซึมออกมา แต่เมื่อหันหลังไปเธอได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านหลังพอลุกขึ้นจะก้าวตามก็เจ็บแปลกขึ้นมา เธอคิดว่าตัวเองต้องถูกจับได้แล้วแน่ ๆ แต่จู่ ๆ ก็มีมือเล็ก ๆ มาดึงแขนฉุดร่างของเธอให้เข้าไปในห้องใกล้ทางเดิน มือเรียวบอกบางยกขึ้นทำท่าจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ เด็กสาวทั้งสองมองลอดประตูที่แง้มไว้เล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างของผู้ที่ไล่ตามหายลับตาไปแล้ว อีกฝ่ายจึงหันมายิ้มหวานแบบฉบับคุณหนูไฮโซฯให้“เล่นซ่อนหากับใครเหรอโซดา”“แป้งร่ำ!” โซดาไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไง ได้แต่ทำหน้าอึกอักบอกอาการไม่ถูก“ไปแล้วล่ะโซดาหาทางออกจากที่นี่ก่อนเถอะ” นายผีวุ่นวายชะโงกหน้าทะลุบานประตูเข้าบอก“เอ่อ...ขอบใจมากแต่ฉันต้องรีบไปก่อนนะ” โซดากำลังจะลุกขึ้นแต่ก็เจ็บที่หัวเข่าจนตัวเซเกือบล้มลง มือของเธอยื่นไปจับโต๊ะเพื่อพยุงตัว แต่ก็ดันดึงเอากระดาษอะไรไม่รู้บนโต๊ะหล่นลงมาด้วย นายผีวุ่นวายช้อนแขนเข้ามาจะประคองจากด้านหลัง ทว่ามือของเขาก็ทะลุร่างเพรียวลมที่ล้มกลิ้งที่พื้นอีกครั้งอย่างหมดสวย แป้งร่ำรีบเข้าประคองโซดาก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกร

  • ทะลุมิติไปเป็นนักเขียนยุค 90’   Chapter 26 Ghost writer

    เด็กสาวรูปร่างปราดเปรียวเดินเข้ามาในตึกบริษัท R&Mด้วยท่าทางมั่นใจต่างจากครั้งแรก ๆ ที่เธอมักจะมีอาการประหม่าและเกร็งจนเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะว่าระยะหลังที่เข้ามาส่งต้นฉบับเธอไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว และที่สำคัญคล้ายว่ารอยยิ้มที่แต้มใบหน้าตลอดเวลานั้นเหมือนจะยิ้มให้ใครสักคนที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่างกาย “มาหาพี่ปกรณ์ค่ะ เอาต้นฉบับมาส่งโทรนัดแล้ว” โซดาเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวยที่เคาน์เตอร์ด้วยความเคยชิน พนักงานคนหนึ่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเองก่อนยื่นบัตรผ่านให้เด็กสาวเอามาติดที่อกเสื้อเช่นเคย “หนังสือของโซดาจะออกเมื่อไหร่ละจ๊ะ” “โอ๊ย อีกนานแหละค่ะ...หยอดเงินใส่กระปุกค่อยก่อนก็ยังได้เลย” เด็กสาววัยสิบเจ็ดยิ้มทะเล้นโบกมือลาก่อนเดินมารอลิฟต์ เธอยืนดูเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกฝ้าติดกับลิฟต์ ใช้มือลูบผมที่รวบเป็นหางม้าด้านหลังให้เรียบร้อย ต่อให้พี่น้ำหวานสไตล์ลิสต์ส่วนตัวจับเธอแต่งตัวอย่างกับตุ๊กตาบาร์บี้ยังไง เธอก็ยังชอบใส่เสื้อยืดพอดีตัวสีพื้น ๆ กับกางเกงขายาวคุลมเข่าและรองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ อยู่ดี “

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status