เมื่อฮองเฮาได้ยินคำพูดของลู่หมิ่นฮุ่ย ก็ย่อมเข้าใจความนัยลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบุญคุณในการช่วยชีวิต เพียงแค่เอ่ยปาก ตราบใดที่อีกฝ่ายสามารถทำได้ ก็ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ เมื่อนึกถึงตอนที่ข่าวการตายของแม่ทัพซ่งถูกส่งกลับมา สถานการณ์ของสกุลซ่งก็ย่ำแย่ลงในทันที ทุกคนต่างคิดว่าไม่นานสกุลซ่งคงจะเลือนหายไปจากเมืองหลวง เพราะอย่างไรเสีย ไร้ซึ่งอำนาจหนุนหลัง อีกทั้งพวกเขายังเป็นตระกูลใหญ่โตที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย ย่อมต้องกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนจ้องตาเป็นมันโดยไม่ต้องสงสัย หากมิใช่เพราะซ่งหลินไม่อยู่ สกุลหลินก็คงไม่กล้าดูแคลนซ่งรั่วเจิน เกรงว่านางคงได้เป็นฮูหยินหลินโหวไปตั้งนานแล้ว และเรื่องราวในภายหลังก็คงไม่เกิดขึ้น ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ฉู่มู่เหยาก็มาถึง “เสด็จแม่ ข้าก็ว่าอยู่ ไฉนกลางวันแสก ๆ ถึงให้ทุกคนออกไปที่ด้านนอก ที่แท้เป็นเพราะท่านน้ามาเยือนนี่เอง” เมื่อฉู่มู่เหยาก้าวเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมฉุยระลอกหนึ่ง สายตาของนางจับจ้องไปที่ปิ้งย่างบนโต๊ะ กลิ่นหอมลอยออกมาจากสิ่งนี้ ทว่านางยังคงกล้าวทักทายอย่างสุภาพ “ข้าเห็นว่าพอเจ้าเข้ามา สา
ใต้เท้าจ้าวมีสีหน้าจริงจัง ซวี่ไป๋เป็นบุตรชายที่เขารักมากที่สุด และยังเป็นผู้ที่มีอนาคตไกลที่สุด บัดนี้ หลังจากเดินผ่านประตูผีมาแล้วครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ แม้แต่ความอยุติธรรมที่เคยได้รับในอดีตก็ถูกลบล้างจนหมดสิ้นแล้วในตอนนี้ ผู้ที่เป็นบิดาเช่นเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจยิ่งนัก เรื่องในปีนั้นมิได้สืบสวนให้กระจ่าง จึงทำให้บุตรชายผู้นี้ต้องได้รับความอยุติธรรมมากมายเช่นนี้ “ใต้เท้าจ้าว ท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว บุตรสาวของข้าสามารถช่วยพวกท่านได้ ก็เป็นวาสนาของนางเช่นกัน” รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งหลินกว้างจนแทบจะบานสะพรั่งบนใบหน้า นับตั้งแต่กลับมา กู้หรูเยียนก็เล่าเรื่องที่รั่วเจินเคยช่วยสกุลสวีและสกุลต่งให้ฟัง เขาถึงได้รู้ว่าบุตรสาวของตนมีความสามารถ และได้ทำอะไรมากมายถึงขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่เวลานั้นเขามิได้อยู่ด้วย จึงมิอาจมีส่วนร่วมด้วยตนเอง คาดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาถึงรวดเร็วเพียงนี้ เขาเพิ่งกลับมาเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน บุตรสาวของเขาก็ช่วยชีวิตผู้คนได้อีกหนึ่งชีวิต! “เร็วเข้าเถิด เข้ามาดื่มน้ำชาสักถ้วยก่อน” ซ่งหลินกล่าว กู้หรูเย
“จะขุ่นเคืองก็ขุ่นเคืองไปเถิด นี่พวกเรายังจักต้องหวั่นเกรงพวกเขาอีกหรือ?” ซ่งหลินมีสีหน้าไม่แยแส “พวกไร้สมอง เลี้ยงดูตัวก่อเภทภัยเช่นนี้ออกมา ฆ่าคนตายไปเท่าใดแล้ว?” ขณะที่ซ่งหลินกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมากด้วยสีหน้ารังเกียจ กู้หรูเยียนก็สังเกตเห็นผู้ที่เดินเข้ามาด้านหลัง จึงรีบส่งสัญญาณให้ซ่งหลินเงียบทันที ซ่งหลินไม่เข้าใจว่าฮูหยินของตนอยู่ดี ๆ ก็เกิดเป็นอะไรขึ้นมา แต่ความเข้าใจโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยระหว่างสามีภรรยาก็ทำให้เขาเงียบลงโดยทันที แต่เมื่อเขาหันไปเห็นสามีภรรยาสกุลเฉียน สีหน้าของเขาก็ปรากฏความกระอักกระอ่วนอยู่ชั่วขณะ เป็นดั่งที่ว่า อย่าพูดลับหลังผู้ใด เอ่ยถึงโจโฉ โจโฉก็มา! ใต้เท้าจ้าวย่อมรู้ดีว่าซ่งหลินพูดถึงตนเอง แต่กลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเพราะเรื่องนี้เลย “ที่แม่ทัพซ่งพูดมาก็ไม่ผิด ข้าก็เป็นคนโง่เง่าคนหนึ่งจริง ๆ หากมิใช่เพราะข้าโง่เขลาเพียงนี้ คงไม่ปล่อยให้บุตรสาวต้องตายอย่างน่าเวทนา และคงไม่ปล่อยให้หย่าหลินทำเรื่องเลวทรามเช่นนั้นได้” สีหน้าของซ่งหลินแข็งค้างไปเล็กน้อย เมื่อเห็นใต้เท้าจ้าวก้มศีรษะลง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยท่าทีที่สิ้นหวัง จึงอดไม่ไ
เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่เริ่มพูดคุยกันแล้ว ซ่งจิ่งเซินจึงลากซ่งรั่วเจินออกไปด้วยกัน พลางกล่าวว่า “อยู่ตรงนี้ดูผู้ใหญ่คุยกัน สู้ไปตรวจร้านดีกว่า กิจการร้านปิ้งย่างดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าผลิตไม่ทันความต้องการเลยทีเดียว” “ที่เจ้าตัดสินใจเลือกอาคารสองชั้นไว้ก่อนหน้านี้น่ะถูกแล้ว หากทำเล็กเหมือนร้านขายไก่ทอดละก็ คงแย่แน่ๆ” เพราะรายการอาหารของร้านขายไก่ทอดไม่มากนัก หลังจากที่ทุกคนซื้อเสร็จ ก็จะถือเดินไปเลย ต่อให้ต้องต่อแถวอยู่ริมถนนก็ไม่เป็นไร แต่รายการอาหารของร้านปิ้งย่างนั้นมีมากมาย จึงเหมาะสำหรับสหายที่มารวมตัวกันกินเนื้อย่างและดื่มเหล้า เพราะฉะนั้น หน้าร้านจะต้องกว้างเข้าไว้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ก็ยังคงผลิตไม่ทันความต้องการ เพื่อแย่งที่นั่ง ถึงกับเกิดการปะทะกันขึ้นบางครั้ง “ท่านคิดจะเปิดสาขาเพิ่ม?” ซ่งรั่วเจินเพียงแค่มองสีหน้าพี่สี่ของตน ก็เดาออกถึงความคิดที่ผุดขึ้นในใจเขา “น้องหญิงห้า เจ้านี่ช่างฉลาดจริงๆ!” ซ่งจิ่งเซินตบมือ “ข้ายังมิได้พูดอะไร เจ้าก็เดาออกแล้ว สมกับที่เป็นพี่น้องร่วมใจ พลังย่อมสามารถตัดทองได้!” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “ไป พวกเราไปกันเถิ
เสิ่นหวยอันฟังคำพูดของผู้ดูแลแล้ว ก็หันไปมองซ่งปี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยว่า “สกุลซ่ง? สกุลซ่งไหน?” “แน่นอนว่าคือจวนแม่ทัพซ่ง” ผู้ดูแลตอบอย่างตรงไปตรงมา เมื่อซ่งปี้อวิ๋นได้ยินว่าสกุลซ่งเองก็หมายตาร้านค้าร้านนี้เช่นกัน แววตาก็ฉายแววความโกรธขึ้นมา ตอนนี้กิจการของสกุลซ่งรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟ้า พวกเขาเห็นแล้วก็เรียกได้ว่าอิจฉาตาร้อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ แต่ตั้งแต่แยกบ้านออกไป ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เดิมคิดว่าเมื่อซ่งหลินตายในสนามรบ ในที่สุดพวกเขาก็จะมีโอกาสแซงหน้าสกุลซ่งได้ ยังไงซะหญิงม่ายที่มีลูกหลายคน สองคนในนั้นยังคงเป็นภาระค่าใช้จ่าย จึงไม่สามารถแบกรับสกุลซ่งที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้ ใครจะคิดว่า พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ ซ่งรั่วเจินก็ไปหาฉู่อ๋องเป็นที่พึ่ง ทำให้พวกเขาจำต้องหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน ตอนนี้ซ่งหลินกลับมาแล้ว สกุลซ่งก็ยิ่งรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟ้า เรียกได้ว่าเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง! ช่วงนี้เมื่อเห็นกิจการของสกุลซ่งยิ่งขายดีขึ้นเรื่อย ๆ นางก็อดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป
สีหน้าเสิ่นหวยอันเย็นชา ท่าทีแข็งกร้าว อาจเพราะวันนี้ได้ซ่งปี้อวิ๋นหนุนหลังซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเสิ่นหวยอันตรงหน้า สมองใคร่ครวญตกลงคนผู้นี้มีฐานะเยี่ยงไร ท่าทีเย่อหยิ่งจองหองถึงเพียงนี้?“ทั้งสองท่านสามารถหลีกไปก่อนได้หรือไม่?” เจ้าของร้านอาหารเอ่ยปากกับพวกซ่งรั่วเจินสองคนอย่างอดไม่ได้สองพี่น้องสบตากันแวบหนึ่ง รับคำแล้ว“แม่นางซ่ง อันที่จริงข้าก็อยากขายร้านอาหารให้พวกท่าน แต่ข้าอับจนหนทางอย่างแท้จริง คุณชายเสิ่นท่านนั้นใกล้จะกลายเป็นราชบุตรเขยแล้ว”“หากไม่ขายให้พวกเขา ก็จะล่วงเกินองค์หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าเป็นเพียงสามัญชน ไฉนเลยจะสามารถล่วงเกินได้?”เจ้าของร้านอาหารมองทางกู้หว่านเยว่อย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าเป็นฝั่งใด เขาก็ล่วงเกินไม่ได้ล่วงเกินเสิ่นหวยอันก็คือล่วงเกินองค์หญิง ทว่าล่วงเกินซ่งรั่วเจินก็คือล่วงเกินฉู่อ๋อง เขาสามัญชนธรรมดาอยู่ตรงกลางรู้สึกลำบากใจอย่างแท้จริงเขากลับอยากขายให้สกุลซ่ง อย่างไรเสียสกุลซ่งก็เสนอราคาอย่างเป็นธรรม ตรงข้ามกันสกุลเสิ่น อาศัยว่าใกล้จะได้เป็นราชบุตรเขยจึงกดราคาจนแทบกระอักโลหิต กลับไม่กล้าพูดออกมาแม้ครึ่งประโยค“ราชบุตรเขย? ไม่รู้ว่าเป็นองค์
เสิ่นหวยอันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉู่มู่เหยาและซ่งรั่วเจินจะดีถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่เขาได้ยินมาว่าฮองเฮาไม่ชอบซ่งรั่วเจิน อิงตามหลักการแล้ว ฉู่มู่เหยาเองก็สมควรไม่ชอบซ่งรั่วเจินถึงจะถูกนี่!“หม่อมฉันว่าแล้วเชียวเหตุใดระยะนี้ได้ยินว่าคุณชายเสิ่นจะได้เป็นราชบุตรเขย ที่แท้เขาก็มีบุญคุณต่อท่านนี่เอง!”“เพียงแต่หม่อมฉันยังไม่ได้ยินฝ่าบาทตรัสถึงเรื่องนี้มาก่อน หรือว่าตกลงกันแล้ว?”ซ่งรั่วเจินสบมองเสิ่นหวยอันตรงหน้า ภายในสายตาสะท้อนแววรังเกียจวูบหนึ่งโดยไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เพียงมองผ่านหน้าตาของคนผู้นี้ก็สามารถมองออกแล้วว่าไม่ใช่คนดีอันใดเมื่อครู่ซ่งปี้อวิ๋นพูดไปทุกคำว่านางจะซื้อร้าน ทว่าบัดนี้ทั้งๆ ที่เสิ่นหวยอันเองก็ต้องการซื้อร้าน หรือพูดอีกอย่างคือ...สองคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ดีถึงเพียงนั้นแล้ว เสิ่นหวยอันกลับประกาศที่ภายนอกว่าตนกำลังจะได้เป็นราชบุตรเขย ก็เพื่อใช้อำนาจรังแกคนคนที่คิดพึ่งพาสตรีขึ้นสู่ตำแหน่งเช่นนี้ นางเคยเห็นมาไม่น้อย แต่คนที่ทางหนึ่งต้องการเกาะฉู่มูเหยาขึ้นสู่อำนาจ ทางหนึ่งยังปลอบแม่นางของเขา นี่ตกลงไปเอาความมั่นใจในตนเองม
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ