เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่เริ่มพูดคุยกันแล้ว ซ่งจิ่งเซินจึงลากซ่งรั่วเจินออกไปด้วยกัน พลางกล่าวว่า “อยู่ตรงนี้ดูผู้ใหญ่คุยกัน สู้ไปตรวจร้านดีกว่า กิจการร้านปิ้งย่างดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าผลิตไม่ทันความต้องการเลยทีเดียว” “ที่เจ้าตัดสินใจเลือกอาคารสองชั้นไว้ก่อนหน้านี้น่ะถูกแล้ว หากทำเล็กเหมือนร้านขายไก่ทอดละก็ คงแย่แน่ๆ” เพราะรายการอาหารของร้านขายไก่ทอดไม่มากนัก หลังจากที่ทุกคนซื้อเสร็จ ก็จะถือเดินไปเลย ต่อให้ต้องต่อแถวอยู่ริมถนนก็ไม่เป็นไร แต่รายการอาหารของร้านปิ้งย่างนั้นมีมากมาย จึงเหมาะสำหรับสหายที่มารวมตัวกันกินเนื้อย่างและดื่มเหล้า เพราะฉะนั้น หน้าร้านจะต้องกว้างเข้าไว้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ก็ยังคงผลิตไม่ทันความต้องการ เพื่อแย่งที่นั่ง ถึงกับเกิดการปะทะกันขึ้นบางครั้ง “ท่านคิดจะเปิดสาขาเพิ่ม?” ซ่งรั่วเจินเพียงแค่มองสีหน้าพี่สี่ของตน ก็เดาออกถึงความคิดที่ผุดขึ้นในใจเขา “น้องหญิงห้า เจ้านี่ช่างฉลาดจริงๆ!” ซ่งจิ่งเซินตบมือ “ข้ายังมิได้พูดอะไร เจ้าก็เดาออกแล้ว สมกับที่เป็นพี่น้องร่วมใจ พลังย่อมสามารถตัดทองได้!” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “ไป พวกเราไปกันเถิ
เสิ่นหวยอันฟังคำพูดของผู้ดูแลแล้ว ก็หันไปมองซ่งปี้อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยว่า “สกุลซ่ง? สกุลซ่งไหน?” “แน่นอนว่าคือจวนแม่ทัพซ่ง” ผู้ดูแลตอบอย่างตรงไปตรงมา เมื่อซ่งปี้อวิ๋นได้ยินว่าสกุลซ่งเองก็หมายตาร้านค้าร้านนี้เช่นกัน แววตาก็ฉายแววความโกรธขึ้นมา ตอนนี้กิจการของสกุลซ่งรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟ้า พวกเขาเห็นแล้วก็เรียกได้ว่าอิจฉาตาร้อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ แต่ตั้งแต่แยกบ้านออกไป ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เดิมคิดว่าเมื่อซ่งหลินตายในสนามรบ ในที่สุดพวกเขาก็จะมีโอกาสแซงหน้าสกุลซ่งได้ ยังไงซะหญิงม่ายที่มีลูกหลายคน สองคนในนั้นยังคงเป็นภาระค่าใช้จ่าย จึงไม่สามารถแบกรับสกุลซ่งที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้ ใครจะคิดว่า พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ ซ่งรั่วเจินก็ไปหาฉู่อ๋องเป็นที่พึ่ง ทำให้พวกเขาจำต้องหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน ตอนนี้ซ่งหลินกลับมาแล้ว สกุลซ่งก็ยิ่งรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟ้า เรียกได้ว่าเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง! ช่วงนี้เมื่อเห็นกิจการของสกุลซ่งยิ่งขายดีขึ้นเรื่อย ๆ นางก็อดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป
สีหน้าเสิ่นหวยอันเย็นชา ท่าทีแข็งกร้าว อาจเพราะวันนี้ได้ซ่งปี้อวิ๋นหนุนหลังซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเสิ่นหวยอันตรงหน้า สมองใคร่ครวญตกลงคนผู้นี้มีฐานะเยี่ยงไร ท่าทีเย่อหยิ่งจองหองถึงเพียงนี้?“ทั้งสองท่านสามารถหลีกไปก่อนได้หรือไม่?” เจ้าของร้านอาหารเอ่ยปากกับพวกซ่งรั่วเจินสองคนอย่างอดไม่ได้สองพี่น้องสบตากันแวบหนึ่ง รับคำแล้ว“แม่นางซ่ง อันที่จริงข้าก็อยากขายร้านอาหารให้พวกท่าน แต่ข้าอับจนหนทางอย่างแท้จริง คุณชายเสิ่นท่านนั้นใกล้จะกลายเป็นราชบุตรเขยแล้ว”“หากไม่ขายให้พวกเขา ก็จะล่วงเกินองค์หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าเป็นเพียงสามัญชน ไฉนเลยจะสามารถล่วงเกินได้?”เจ้าของร้านอาหารมองทางกู้หว่านเยว่อย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าเป็นฝั่งใด เขาก็ล่วงเกินไม่ได้ล่วงเกินเสิ่นหวยอันก็คือล่วงเกินองค์หญิง ทว่าล่วงเกินซ่งรั่วเจินก็คือล่วงเกินฉู่อ๋อง เขาสามัญชนธรรมดาอยู่ตรงกลางรู้สึกลำบากใจอย่างแท้จริงเขากลับอยากขายให้สกุลซ่ง อย่างไรเสียสกุลซ่งก็เสนอราคาอย่างเป็นธรรม ตรงข้ามกันสกุลเสิ่น อาศัยว่าใกล้จะได้เป็นราชบุตรเขยจึงกดราคาจนแทบกระอักโลหิต กลับไม่กล้าพูดออกมาแม้ครึ่งประโยค“ราชบุตรเขย? ไม่รู้ว่าเป็นองค์
เสิ่นหวยอันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉู่มู่เหยาและซ่งรั่วเจินจะดีถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่เขาได้ยินมาว่าฮองเฮาไม่ชอบซ่งรั่วเจิน อิงตามหลักการแล้ว ฉู่มู่เหยาเองก็สมควรไม่ชอบซ่งรั่วเจินถึงจะถูกนี่!“หม่อมฉันว่าแล้วเชียวเหตุใดระยะนี้ได้ยินว่าคุณชายเสิ่นจะได้เป็นราชบุตรเขย ที่แท้เขาก็มีบุญคุณต่อท่านนี่เอง!”“เพียงแต่หม่อมฉันยังไม่ได้ยินฝ่าบาทตรัสถึงเรื่องนี้มาก่อน หรือว่าตกลงกันแล้ว?”ซ่งรั่วเจินสบมองเสิ่นหวยอันตรงหน้า ภายในสายตาสะท้อนแววรังเกียจวูบหนึ่งโดยไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เพียงมองผ่านหน้าตาของคนผู้นี้ก็สามารถมองออกแล้วว่าไม่ใช่คนดีอันใดเมื่อครู่ซ่งปี้อวิ๋นพูดไปทุกคำว่านางจะซื้อร้าน ทว่าบัดนี้ทั้งๆ ที่เสิ่นหวยอันเองก็ต้องการซื้อร้าน หรือพูดอีกอย่างคือ...สองคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ดีถึงเพียงนั้นแล้ว เสิ่นหวยอันกลับประกาศที่ภายนอกว่าตนกำลังจะได้เป็นราชบุตรเขย ก็เพื่อใช้อำนาจรังแกคนคนที่คิดพึ่งพาสตรีขึ้นสู่ตำแหน่งเช่นนี้ นางเคยเห็นมาไม่น้อย แต่คนที่ทางหนึ่งต้องการเกาะฉู่มูเหยาขึ้นสู่อำนาจ ทางหนึ่งยังปลอบแม่นางของเขา นี่ตกลงไปเอาความมั่นใจในตนเองม
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ
“พูดเช่นนี้ วันนี้รั่วเจินมาก่อนกระนั้น?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว แม้พูดว่ากำลังเอ่ยถาม แต่ภายในใจกลับเข้าใจเสิ่นหวยอันย่อมรู้ความคิดของฉู่มู่เหยา กระซิบเสียงแหบพร่า“องค์หญิง ข้าเล็งร้านอาหารนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของข้าภายในครอบครัว จึงอยากทำการค้ามาโดยตลอดเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและชื่นชม”“บัดนี้ข้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นแม้รู้ว่าคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ยังหาเงินจากทั่วสารทิศ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”สายตาเสิ่นหวยอันตกลงบนตัวฉู่มู่เหยา แม้ไม่ได้พูดความจริงอย่างชัดเจน แต่สายตาเปี่ยมความนัยลึกซึ้งกลับบ่งบอกทั้งหมดแล้วสิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อฉู่มู่เหยา“บางทีสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่สกุลซ่งกิจการใหญ่โต มีการค้าในเมืองหลวงทุกหนแห่ง ไม่รู้ว่าท่านสามารถช่วยขอความเห็นใจให้ข้าสักครั้ง ขอให้พวกเขามอบร้านอาหารแห่งนี้ให้ข้าได้หรือไม่?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว สบสายตาของเสิ่นหวยอัน กลับพูดปฏิเสธไม่ออกซ่งจิ่งเซินเห็นเสิ่นหวยอันและฉู่มู่เหยาซุบซิบคุยกัน นี่จึงพูดว่า “เห็นชัดว่าคนผู้นี้อาศัยบารมีขององค์หญิง ข่าวลืออะ
ซ่งปี้อวิ๋นเห็นซ่งรั่วเจินถึงขั้นรับปากแล้ว รู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ สายตากลับโหดเหี้ยมคล้ายอาบยาพิษช่างเป็นนางแพศยาโดยแท้!พวกเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นญาติกัน เมื่อครู่ยามนางเอ่ยปาก ซ่งรั่วเจินไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพียงฉู่มู่เหยาเอ่ยปาก ก็รับปากในทันทีทันใด นี่คือกำลังตบหน้านางอย่างแท้จริง!เสิ่นหวยอันกลับไม่สบอารมณ์ เขาสังเกตเห็นความนัยในคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทว่าอีกฝ่ายพูดถึงเพียงนี้แล้ว เขาทำได้เพียงยิ้มรับหลังออกจากร้านอาหาร ซ่งรั่วเจินและซ่งจิ่งเซินขอแยกออกไปก่อนเพื่อหาร้านอาหารที่เหมาะสมแห่งอื่นในละแวกใกล้เคียงนี้ต่อ“น้องหญิงห้า เจ้าไม่ตามไปดูกับพวกเขาหรือ?”“ไอ้คนหน้าตาไม่น่าไว้ใจคนนั้น เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หากเกิดแผนชั่วอันใดขึ้นมา ข้าคิดว่าเจ้าจะห้ามไว้เสียอีก”ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว สายตาตกลงบนเงาร่างของสามคนทางด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ซ่งปี้อวิ๋นและคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ระยะก่อนข้าเคยพบโดยบังเอิญ ยังคิดว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเสียอีก”“เสิ่นหวยอันย่อมต้องการสู่ขอองค์หญิงกลับไป บัดนี้ใช่ว่าไม่มีโอกาส กำลังคิดหาทางทำให้มู่เหยาชอบเขา ย
เห็นว่าเพียงฉู่จวินถิงเข้ามาก็พูดเข้าประเด็นถึงเรื่องนี้ ไม่คิดพูดอ้อมค้อม ฮองเฮาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“บัดนี้ภายในสายตาเจ้ายังมีข้าเสด็จแม่คนนี้อยู่หรือไม่?”“ที่ผ่านมาเจ้ามักมาเยี่ยมเยียนเสด็จแม่ แต่วันนี้ดูเถอะ นอกจากมาหาครั้งก่อนหลังเพิ่งกลับมา ก็แทบไม่เห็นตัวเจ้าอีก คงไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ไม่อนุญาตเจ้าเรื่องงานแต่งนี้ เจ้าก็ไม่ต้องการแม้แต่เสด็จแม่แล้วกระมัง?”ภายในเสียงฮองเฮาเจือความขุ่นเคืองหลายส่วน นางให้ความสำคัญต่อลูกชายคนนี้ที่สุด ไม่รู้ว่าทุ่มเทกับเขาไปมากน้อยเพียงใด ปรากฏว่าบัดนี้กลับดีนัก ถึงขั้นห่างเหินกับนางเพราะแม่นางคนหนึ่งฉู่อวิ๋นกุ่ยทางด้านข้างได้ยินท่าทีผ่านคำพูดของเสด็จแม่ รับรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะต้องระบายความทุกข์ใจออกมาแน่ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เสด็จแม่ เสด็จพี่กตัญญูต่อท่านมาโดยตลอด หลังกลับมาแล้วก็งานยุ่ง นี่ถึงมาน้อยครั้งนัก แต่เสด็จพี่ก็นำของขวัญกลับมาให้เสด็จแม่ไม่น้อย นั่นล้วนเลือกมาด้วยความตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาเหล่มองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง รู้ว่าพวกเขาสองพี่น้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ปกติก็มักช่วยเหลืออีกฝ่ายนางยังไม่ทันพูดอันใด อว
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองตามเงาหลังของซ่งรั่วเจิน สายตาเปี่ยมความชื่นชอบ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เป่ยชวน แม่นางคนนี้งามมากใช่หรือไม่? คล้ายหลุดออกมาจากภาพวาดก็มิปาน ไม่เพียงหน้าตางดงาม คนเองก็จิตใจดี”“หลายปีแล้วจวินถิงยังไม่แต่งงาน เจ้าว่าข้าแนะนำแม่นางคนนี้ให้เขา เขาจะชอบหรือไม่?”ลู่เป่ยชวนไม่เคยเห็นแม่นางหน้าตางดงามถึงเพียงนี้มาก่อน เมื่อครู่ได้เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกคล้ายติดตรึงอยู่ภายในใจ ได้เห็นท่านย่าคิดว่าแม่นางคนนี้ดีเช่นเดียวกัน เขาเพิ่งดีใจขึ้นมา สรุปคือได้ยินว่าท่านย่าต้องการแนะนำแม่นางคนนี้ให้ญาติผู้พี่เสียอย่างนั้น“ท่านย่า เหตุใดท่านนึกถึงเพียงญาติผู้พี่เล่า ไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ? อายุข้าเองก็ไม่น้อยแล้วนะขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “เจ้าดีชั่วอย่างไรก็อายุยังน้อยกว่าจวินถิง ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางคนนี้งามถึงเพียงนี้ เหมาะสมกับจวินถิงที่สุด!”“แต่ไหนแต่ไรมาข้ามองคนแม่นยำมากนัก แม่นางคนนี้จะต้องมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีวาสนา ไม่แน่ว่าอาจสำเร็จ!”“ท่านย่า ความนัยของท่านคือข้าไม่หล่อเหลาหรือ?”มุมปากลู่เป่ยชวนกระตุกริก เขาอุตส่า
“โอ๊ย...”จู่ๆ เสียงร้องอุทานของผู้ชราก็ดังขึ้นข้างกายซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินหันหน้าก็พบฮูหยินผู้เฒ่าท่านหนึ่งถูกชนจนล้มลงนางรีบเข้าไปประคองฮูหยินผู้เฒ่าพลางเอ่ยถามอย่างกังวล “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่ายังเจือความตกตะลึง คล้ายคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนประคองนาง ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งนางเงยหน้ามองก็พบว่าคนประคองนางคือแม่นางอายุยังน้อยท่านหนึ่ง สำคัญที่สุดคือแม่นางคนนี้หน้าตางดงามอย่างมาก นางยังไม่เคยพบแม่นางงดงามถึงเพียงนี้มาก่อน“แม่นาง ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้า น่ากลัวว่าข้าคงล้มไปแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่รู้สึกกลัวขึ้นมาในภายหลัง นางอายุปูนนี้ กังวลที่สุดก็คือหกล้ม ล้มลงไปครั้งนี้ ไม่ใช่พักผ่อนเพียงชั่วครู่ก็สามารถดีขึ้นได้ ไม่แน่ว่าอาจกระดูกหักและต้องนอนบนเตียงเป็นเดือน“ท่านจะต้องระวังตอนเดิน หกล้มขึ้นมาจะต้องแย่แน่เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มน้อยๆ หลังเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ายืนมั่นคงดีแล้ว นี่ถึงช่วยหยิบห่อยาสมุนไพรบนพื้นขึ้นมา เพียงแต่มีสองห่อตกกระจายบนพื้นไปแล้วนางมองยาสมุนไพรบนพื้นแวบหนึ่งก็รู้ว่านางป่วยเป็นโรคอะไรจึงเอ่ยออกมาอย่างอดไ
เพียงฮองเฮาได้ยินก็ร้อนใจอย่างอดไม่ได้ “ไม่ใช่พูดว่าก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับปากมอบพระราชโองการประทานสมรสแล้วหรือ ขอเพียงออกพระราชโองการ หรือว่าสกุลซ่งยังจะสามารถปฏิเสธได้อีก?”“ลูกไม่อยากบังคับนาง ยิ่งไปกว่านั้นหากแต่งกลับมาแล้วต้องทำให้นางทุกข์ใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเรียบเฉย พูดอีกครั้งว่า “เรื่องนี้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านเองก็ไม่ต้องกังวลแทนข้าอีก ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้สกุลหลิงก็กลับมาจากเมืองผิงหยางแล้ว อันที่จริงชายแดนก็ต้องการคนไปเฝ้า...”สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป “หรือเจ้าคิดจะไปเฝ้าชายแดน?”“แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพ่อกังวลเรื่องชายแดนมาโดยตลอด ต้องการส่งคนไปเฝ้า บังเอิญบัดนี้เสด็จพ่อยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ลูกย่อมยินดีคลายความกังวลให้เสด็จพ่อ” ฉู่จวินถิงพูด“ไม่ได้!” ฮองเฮาปฏิเสธอย่างไม่ลังเล“นี่ไม่ได้เป็นอันขาด ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ภายนอกมานานหลายปี รอชายแดนสงบสุขอย่างยากลำบากแล้วถึงกลับมาได้ หากบัดนี้ยังไปอีก เจ้าจะกลับมาได้อีกยามใด?”ฉู่จวินถิงเงียบงันไม่พูดจา ท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วเดิมทีเขาก็ไม่คิดกลับมาอีกหัวใจฮองเฮาหนักอึ้ง คิดไ
“เดิมทีข้าก็ไม่ดีอะไร เพียงแต่เสด็จแม่คิดว่าข้าดีก็เท่านั้น ดูท่าแล้ว บางทีข้าอาจเหมาะกับการอยู่เพียงคนเดียว”“อันที่จริงหลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่คนเดียวก็ดีมากนัก เดิมทีก็ไม่ควรคาดหวังอะไร ที่ควรพยายามข้าก็พยายามแล้ว สรุปคือหากไม่สำเร็จก็ไม่เสียใจ”ใบหน้าฉู่จวินถิงปรากฏรอยยิ้ม เสียงเรียบเฉยอย่างมาก เพียงแต่รอยยิ้มนั้นในสายตาของฮองเฮา ไม่ว่ามองอย่างไรก็คือกำลังฝืนเหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?เดิมทีลู่หมิ่นฮุ่ยคิดว่าไม่เป็นไร ทว่าได้ฟังดูก็เริ่มเชื่อ ด้วยเงื่อนไขของแม่นางซ่ง เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องหาคู่ครองจริงๆ“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยพูดไปแล้ว แม่นางซ่งมีความสามารถถึงเพียงนี้ เจ้าจะต้องคว้าเอาไว้ให้ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”“หลายปีมานี้เจ้าล้วนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดิมทีก็ไม่มีประสบการณ์เกี้ยวพาสตรี หนำซ้ำหน้าตายังเย็นชา ทำให้แม่นางตกใจกลัววิ่งหนีไปก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด”“เจ้ารีบพูดเถอะ ใช่หรือไม่ว่าทะเลาะกันรุนแรง ยังมีทางแก้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงส่ายหน้าและพูดว่า “ท่านน้า ข้ารู้แต่ไหนแต่ไรมาท่านดีต่อข้ามาก เรื่องนี้ข้าพยายามจนถึงที่สุดแล้ว”“นั่นจะได้อย่างไร? ได้ผู้ที่ทุกคนต่าง
นางที่เป็นน้าได้เห็นแล้วก็ชอบมากนัก!“นี่เจ้ากำลังขู่ข้า?” ฮองเฮาพูดอย่างเหลือจะเชื่อ“ลูกไม่ได้ขู่ ที่พูดไปก็คือความจริงพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฉู่จวินถิงจริงจัง สุ้มเสียงจริงใจ “อันที่จริงไม่ขอปิดบังเสด็จแม่ เริ่มแรกเป็นลูกชอบรั่วเจิน เดิมทีนางก็ไม่ยินดีเข้ามาข้องเกี่ยว”“ชาตินี้ลูกไม่เคยชอบแม่นางคนหนึ่งมาก่อน หลังได้รู้จักนางแล้วถึงคิดว่าอดีตที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งขาดไป”“ลูกทุ่มเทพยายามอย่างหนัก นี่ถึงทำให้นางยอมมอบโอกาสให้ได้”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อดุจเหล็ก ก่อนหน้านี้ฉู่จวินถิงเองก็เคยพูดเช่นนี้ ทว่านางไม่เชื่อแม่นางคนใดจะปฏิเสธโอกาสอันดีเช่นนี้?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจวินถิงดีไปหมดทุกอย่าง เป็นที่หมายปองของแม่นางมากมายภายในเมืองหลวง หวังว่าจะได้แต่งงานกับเขา เกียรติยศนี้ตกลงที่ซ่งรั่วเจิน ไฉนเลยนางจะไม่เต็มใจ?“เสด็จแม่ เพียงเพราะลูกเป็นลูกชายของท่าน ท่านถึงคิดว่าข้าดีมาก”“ผลัดเปลี่ยนตำแหน่งกัน หากท่านเป็นรั่วเจิน สกุลซ่งไม่ขาดเงินทอง ปกติดื่มกินสวมใส่ล้วนเป็นของดีที่สุด มิหนำซ้ำบิดาและพี่ชายล้วนอยู่ในราชสำนัก มีความสามารถอย่างมาก”“ไม่ว่านางแต่งกับใคร ชีวิตก็ไม่มีวันย่ำแย่ มีบิดาพี
เห็นว่าเพียงฉู่จวินถิงเข้ามาก็พูดเข้าประเด็นถึงเรื่องนี้ ไม่คิดพูดอ้อมค้อม ฮองเฮาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“บัดนี้ภายในสายตาเจ้ายังมีข้าเสด็จแม่คนนี้อยู่หรือไม่?”“ที่ผ่านมาเจ้ามักมาเยี่ยมเยียนเสด็จแม่ แต่วันนี้ดูเถอะ นอกจากมาหาครั้งก่อนหลังเพิ่งกลับมา ก็แทบไม่เห็นตัวเจ้าอีก คงไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ไม่อนุญาตเจ้าเรื่องงานแต่งนี้ เจ้าก็ไม่ต้องการแม้แต่เสด็จแม่แล้วกระมัง?”ภายในเสียงฮองเฮาเจือความขุ่นเคืองหลายส่วน นางให้ความสำคัญต่อลูกชายคนนี้ที่สุด ไม่รู้ว่าทุ่มเทกับเขาไปมากน้อยเพียงใด ปรากฏว่าบัดนี้กลับดีนัก ถึงขั้นห่างเหินกับนางเพราะแม่นางคนหนึ่งฉู่อวิ๋นกุ่ยทางด้านข้างได้ยินท่าทีผ่านคำพูดของเสด็จแม่ รับรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะต้องระบายความทุกข์ใจออกมาแน่ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เสด็จแม่ เสด็จพี่กตัญญูต่อท่านมาโดยตลอด หลังกลับมาแล้วก็งานยุ่ง นี่ถึงมาน้อยครั้งนัก แต่เสด็จพี่ก็นำของขวัญกลับมาให้เสด็จแม่ไม่น้อย นั่นล้วนเลือกมาด้วยความตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาเหล่มองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง รู้ว่าพวกเขาสองพี่น้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ปกติก็มักช่วยเหลืออีกฝ่ายนางยังไม่ทันพูดอันใด อว
ซ่งปี้อวิ๋นเห็นซ่งรั่วเจินถึงขั้นรับปากแล้ว รู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ สายตากลับโหดเหี้ยมคล้ายอาบยาพิษช่างเป็นนางแพศยาโดยแท้!พวกเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นญาติกัน เมื่อครู่ยามนางเอ่ยปาก ซ่งรั่วเจินไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพียงฉู่มู่เหยาเอ่ยปาก ก็รับปากในทันทีทันใด นี่คือกำลังตบหน้านางอย่างแท้จริง!เสิ่นหวยอันกลับไม่สบอารมณ์ เขาสังเกตเห็นความนัยในคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทว่าอีกฝ่ายพูดถึงเพียงนี้แล้ว เขาทำได้เพียงยิ้มรับหลังออกจากร้านอาหาร ซ่งรั่วเจินและซ่งจิ่งเซินขอแยกออกไปก่อนเพื่อหาร้านอาหารที่เหมาะสมแห่งอื่นในละแวกใกล้เคียงนี้ต่อ“น้องหญิงห้า เจ้าไม่ตามไปดูกับพวกเขาหรือ?”“ไอ้คนหน้าตาไม่น่าไว้ใจคนนั้น เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หากเกิดแผนชั่วอันใดขึ้นมา ข้าคิดว่าเจ้าจะห้ามไว้เสียอีก”ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว สายตาตกลงบนเงาร่างของสามคนทางด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ซ่งปี้อวิ๋นและคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ระยะก่อนข้าเคยพบโดยบังเอิญ ยังคิดว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเสียอีก”“เสิ่นหวยอันย่อมต้องการสู่ขอองค์หญิงกลับไป บัดนี้ใช่ว่าไม่มีโอกาส กำลังคิดหาทางทำให้มู่เหยาชอบเขา ย
“พูดเช่นนี้ วันนี้รั่วเจินมาก่อนกระนั้น?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว แม้พูดว่ากำลังเอ่ยถาม แต่ภายในใจกลับเข้าใจเสิ่นหวยอันย่อมรู้ความคิดของฉู่มู่เหยา กระซิบเสียงแหบพร่า“องค์หญิง ข้าเล็งร้านอาหารนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของข้าภายในครอบครัว จึงอยากทำการค้ามาโดยตลอดเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและชื่นชม”“บัดนี้ข้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นแม้รู้ว่าคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ยังหาเงินจากทั่วสารทิศ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”สายตาเสิ่นหวยอันตกลงบนตัวฉู่มู่เหยา แม้ไม่ได้พูดความจริงอย่างชัดเจน แต่สายตาเปี่ยมความนัยลึกซึ้งกลับบ่งบอกทั้งหมดแล้วสิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อฉู่มู่เหยา“บางทีสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่สกุลซ่งกิจการใหญ่โต มีการค้าในเมืองหลวงทุกหนแห่ง ไม่รู้ว่าท่านสามารถช่วยขอความเห็นใจให้ข้าสักครั้ง ขอให้พวกเขามอบร้านอาหารแห่งนี้ให้ข้าได้หรือไม่?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว สบสายตาของเสิ่นหวยอัน กลับพูดปฏิเสธไม่ออกซ่งจิ่งเซินเห็นเสิ่นหวยอันและฉู่มู่เหยาซุบซิบคุยกัน นี่จึงพูดว่า “เห็นชัดว่าคนผู้นี้อาศัยบารมีขององค์หญิง ข่าวลืออะ
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ