“เจินเอ๋อร์ อาการของพี่ใหญ่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วหรูเยียนถาม“ท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ พี่ใหญ่จะฟื้นในวันพรุ่ง แต่เรายังจับตัวคนร้ายไม่ได้ อีกฝ่ายอยู่ในเงามืด ขณะที่เราอยู่ในที่แจ้ง”“ข้าคิดว่าควรจะทำเรื่องอาการของพี่ใหญ่ให้ดูร้ายแรงกว่านี้ บอกว่าพี่ใหญ่ยังคงไม่ฟื้นและไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะฟื้น แบบนี้น่าจะปลอดภัยยิ่งขึ้น”หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก “เจ้าพูดถูกแล้ว ทำตามที่เจ้าว่ามาเถิด”“พี่รอง สืบเรื่องไปถึงไหนแล้วเจ้าคะ?”“พี่ใหญ่ของเราในช่วงนี้ก็อยู่แต่ในเรือน ไม่เคยออกไปไหนเลย และมีเพียงคนรับใช้ไม่กี่คนที่ดูแลอยู่ในเรือนนี้”“ทว่าอาหารที่ส่งมาจากครัวนั้น จำต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนว่าระหว่างทางมีผู้ใดลอบแตะต้องหรือไม่”“มีคนฆ่าตัวตาย!”ทันใดนั้นก็มีเสียงหวีดร้องดังมาจากด้านนอกซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน เกรงว่าคนร้ายน่าจะโดนฆ่าปิดปากแล้ว“นี่คือชิงซง เป็นคนจากห้องครัว เขาเป็นคนที่นำอาหารมาให้พี่ใหญ่ ดังนั้นผู้ที่วางยาพิษก็น่าจะเป็นเขา”ซ่งอี้อันหน้าถมึงทึง เมื่อครู่เขาให้คนตรวจสอบ พบว่ามีคนหายไปหนึ่งคน และเมื่อส่งคนออกไปตามหาก็พบว่าคนผู้นั้นได้ผูกคอตายไปเสียแ
ซ่งเยี่ยนโจวงีบไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นน้องชายคนรองเดินเข้ามาด้วยท่าทีห่วงใย“พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”ซ่งเยี่ยนโจวบีบตัวเองเบา ๆ เมื่อไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เผยให้เห็นความประหลาดใจ“น้องรอง ดวงตาของเจ้ามองเห็นแล้วจริงหรือ?”“ใช่แล้ว” ซ่งอี้อันพูดด้วยความสงสัย “ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกแล้วมิใช่หรือ? เพราะน้องหญิงห้ามีฝีมือการแพทย์สูงส่ง ข้าจึงหายได้”“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งหมดหวังเพราะอาการที่ขาเลย น้องหญิงห้าบอกว่าท่านยังสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง”ซ่งเยี่ยนโจวจ้องมองซ่งอี้อันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอดถามไม่ได้ว่า “น้องรอง หรือว่าข้าจะสับสนไปเพราะบาดเจ็บ น้องหญิงห้าเรียนรู้วิชาแพทย์ตั้งแต่เมื่อใด?”ซ่งอี้อันนึกขึ้นได้ “มิน่าเล่าพี่ใหญ่จึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ตอนข้าได้ยินว่าน้องหญิงห้าจะรักษาอาการป่วยของข้า ข้าก็คิดว่านางพูดไปเพื่อปลอบใจข้าเท่านั้น”“เมื่อไม่นานมานี้น้องหญิงห้าเพิ่งเข้าพิธีมงคล แต่หลินจือเยว่กลับรับภรรยาเอกอีกคนเข้ามาพร้อมกัน แล้วยังทำให้นางต้องอับอายที่หน้าประตูจวนสกุลหลิน น้องหญิงห้าจึงโกรธจนเป็นลมไป”“หลังจากนั้นนางก็พ
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้กังวลไปเลย น้องหญิงห้าของเรามีฝีมือการแพทย์ล้ำเลิศ ในเมื่อนางรักษาดวงตาข้าได้ ก็ย่อมสามารถทำให้ท่านกลับมายืนได้อีกครั้ง”ซ่งอี้อันเบนสายตาไปด้านข้าง เขารู้ว่าพี่ใหญ่มีปมนี้อยู่ในใจมากที่สุดเมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาที่ดำขลับดุจหยกดำของซ่งเยี่ยนโจวก็ฉายแววแห่งความหวังขึ้นมา แต่ยังคงเจือด้วยความกังวลอยู่บ้างเขาผ่านความผิดหวังมามากเกินไป จนไม่กล้าคาดหวังต่อสิ่งใดอีกแล้ว“พี่ใหญ่ เมื่อวานตอนที่ท่านหมดสติไป ข้าได้ตรวจดูขาท่านแล้ว ขาของท่านสามารถรักษาให้หายได้”ซ่งรั่วเจินยืนยันคำตอบอย่างมั่นใจ แววตาของซ่งเยี่ยนโจวฉายแววไม่เชื่อ “จริงหรือ?”“พี่ใหญ่ ข้าไม่มีทางหลอกท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มเบา ๆ “แต่ว่าพี่ใหญ่ สถานการณ์ของท่านร้ายแรงกว่าพี่รอง พี่รองสูญเสียการมองเห็นเพราะถูกกระแทกที่ศีรษะ ทำให้เกิดก้อนเลือดในสมอง”“เมื่อข้าฝังเข็มละลายก้อนเลือดในสมองแล้ว สายตาของพี่รองก็กลับมามองเห็นได้”“ส่วนขาของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบ กระดูกหัวเข่าบางส่วนแตกละเอียด ดังนั้นการรักษาจำเป็นต้องใช้เวลา ไม่อาจใจร้อนได้”ซ่งเยี่ยนโจวรู้ถึงสภาพขาของตนเองดี เพราะหมอเก
“พวกเขามาหาข้าหรือ?” ซ่งอี้อันรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะหันไปมองซ่งรั่วเจิน หรือว่านี่จะเป็น...การมาเยี่ยมที่แฝงด้วยเจตนาอื่น?เขารู้จักกับสวีเฮ่ออันก็จริง แต่เป็นเพราะสวีเฮ่ออันก็เป็นคนที่อาจารย์ให้ความสำคัญมาก ก่อนหน้านี้อาจารย์ถึงกับแนะนำให้พวกเขารู้จักกันเป็นการพิเศษเขาเคยอ่านเรียงความของสวีเฮ่ออันและชื่นชมในความสามารถของอีกฝ่าย หลังจากที่สวีเฮ่ออันสอบได้อันดับสูง เขายังส่งตำรามาให้หลายเล่ม นับว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่เพราะบิดาของเขาและท่านราชครูสวี คนหนึ่งเป็นฝ่ายบู๊ อีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายบุ๋น ความสัมพันธ์ในราชสำนักจึงไม่ค่อยแน่นแฟ้น ทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีการติดต่อกันบ่อยนักครั้งก่อนน้องหญิงห้าของเขาช่วยตามหาบุตรสาวที่หายตัวไปของสกุลสวี นั่นจึงเป็นเหตุให้ทั้งสองตระกูลได้ไปมาหาสู่กัน แต่เหตุใดจู่ ๆ สวีเฮ่ออันถึงมาหาเขา?เขามองดูน้องสาวผู้มีรูปโฉมงดงามน่าหลงใหล ก่อนหน้านี้นางแทบไม่ออกไปพบปะผู้ใดเลย มิเช่นนั้นประตูจวนคงถูกคุณชายในเมืองหลวงย่ำผ่านจนพังไปแล้ว...“รั่วเจิน เจ้าจะไปด้วยกันไหม?” ซ่งอี้อันถามเมื่อเปรียบเทียบกับหลินจือเยว่จอมเสแสร้ง สวีเฮ่ออันนั้นเป็นสุภา
“แน่นอน” ก่อนมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ให้คนคัดลอกเรียงความนั้นไว้แล้ว เขาจึงอ่านมันต่อหน้าซ่งอี้อันทันที“คุณชาย นี่คือเรียงความที่ท่านเขียนไว้ก่อนหน้านี้มิใช่หรือขอรับ?” มั่วอวี่อุทานด้วยความตกใจซ่งอี้อันก็ตกใจไม่แพ้กัน เขาถามด้วยสีหน้าฉงน “แต่เรียงความนี้ข้าให้เจ้าเก็บเอาไว้แล้วนี่ ฉินเซี่ยงเหิงได้มันไปได้อย่างไร?”มั่วอวี่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่ดวงตาของคุณชายสูญเสียการมองเห็น ก็ไม่ได้ไปที่ห้องหนังสืออีกเลย นอกจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณหนูจ้าวบอกว่าลืมของไว้ในห้องหนังสือจึงเข้าไปเอา จากนั้นก็ไม่มีใครเข้าไปอีกเลยขอรับ” “คุณชายฉินเองก็ไม่ได้มาที่นี่ เขาไม่น่าจะมีบทความของคุณชายได้!”“เจ้าไปดูทีว่าเรียงความของข้ายังอยู่หรือไม่” ซ่งอี้อันสั่ง“ขอรับ คุณชาย”สวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อฟังคำพูดเหล่านี้ก็เข้าใจเรื่องราวโดยสังเขปเรื่องการถอนหมั้นของจ้าวซูหว่านเป็นที่รู้กันทั่วในเมืองหลวง แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาได้เห็นจ้าวซูหว่านอยู่ใกล้ฉินเซี่ยงเหิงหลายครั้งหากเรียงความนี้เป็นสิ่งที่จ้าวซูหว่านขโมยไปให้ฉินเซี่ยงเหิง นั่นย่อมหมายความว่าความสัม
หลังจากส่งสวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อกลับไปแล้ว ซ่งอี้อันก็นำขนมดอกกุ้ยฮวาที่สวีเฮ่ออันฝากมาขอโทษไปให้น้องสาวของเขา“นี่เป็นขนมที่สหายสวีฝากมาขอโทษเจ้า บอกว่าเสียใจที่ผิดนัดคราวก่อน และได้เชิญพวกเราไปเที่ยวชมทะเลสาบในวันพรุ่งนี้ด้วย ข้าตอบรับไปแล้ว แต่ไม่ได้ตัดสินใจแทนเจ้า”“หากเจ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องฝืน แน่นอนว่าคุณหนูอวิ๋นก็จะไปด้วย”ซ่งอี้อันยิ้มพร้อมกับยื่นขนมดอกกุ้ยฮวาให้ เขารู้จักสวีเฮ่ออันมานานแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายกระวนกระวายเช่นนี้ โดยเฉพาะตอนที่เชิญชวน คงเกรงว่าจะถูกปฏิเสธ ซ่งอี้อันก็พอเข้าใจได้ในทันทีเขารู้ว่าสวีเฮ่ออันชอบน้องสาวของเขาเป็นแน่ซ่งรั่วเจินดีดนิ้วคำนวณดูแล้วพบว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่เหมาะกับการเที่ยวชมทะเลสาบ ไม่เพียงแต่ได้ชมทะเลสาบเท่านั้น ยังจะมีเรื่องสนุกให้ชมอีกด้วย“นาน ๆ ทีพี่รองจะมีอารมณ์ดีเช่นนี้ ข้าย่อมต้องไปด้วยเจ้าค่ะ”ซ่งอี้อันยิ้มกว้างขึ้น “ดี”……ฉินซวงซวงอาเจียนเป็นเลือดออกมาอย่างหนักในคุก ดูท่าทางเหมือนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเมื่อเจ้าเมืองประจำศาลาว่าการซุ่นเทียนทราบเรื่องนี้ เกรงว่านางอาจจะตายอยู่ในคุก จึงยอมให้หลินจือเยว่พ
แม้ฉินซวงซวงจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าหลินด่าทอจนสีหน้าย่ำแย่ แต่นางก็เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันดีในชาติก่อน นางเข้ามาในจวนหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปี ซึ่งในเวลานั้นจวนโหวรุ่งเรืองมาก รั่วเจินก็ดูแลที่ดินและร้านค้าของจวนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนางเข้ามาในจวนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพียงแค่ลอบซื้อใจคนที่อยู่ใกล้ซ่งรั่วเจิน เมื่อซ่งรั่วเจินสิ้นใจ ทุกอย่างก็จะตกมาเป็นของนางไปโดยปริยายแต่สิ่งเดียวที่นางไม่พอใจคือสถานะอนุภรรยาของตนเองการเลื่อนสถานะจากอนุภรรยาเป็นภรรยาหลวงทำให้นางถูกผู้คนเยาะเย้ย บางคนถึงกับยุยงให้หลินจือเยว่แต่งภรรยาหลวงใหม่ เพราะถึงอย่างไรอนุก็ยังเป็นอนุอยู่วันยันค่ำดังนั้นเมื่อได้เกิดใหม่ นางจึงวางแผนที่จะเข้าสู่จวนก่อนเวลา เพื่อให้ได้รับสถานะเทียบเท่าภรรยาหลวง และเมื่อซ่งรั่วเจินตายไป ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าวิจารณ์นางอีกแต่ใครจะคิดว่าการตัดสินใจผิดพลาดเพียงก้าวเดียวจะทำให้เรื่องราวลงเอยเช่นนี้เล่า?นางเกิดใหม่ทั้งที จะปล่อยให้ซ่งรั่วเจินรังแกได้อย่างไร? ครั้งนี้เป็นเพียงเพราะนางประมาทไปชั่วคราวเท่านั้น!“จือเยว่ ข้ารู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า ท่านอย่ากังวลไปเ
ณ พระราชวัง ห้องทรงพระอักษร“การสอบประจำฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาแล้ว เราได้ยินว่ามีผู้สอบจำนวนมากมายังเมืองหลวง ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมาก ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอาจารย์พอจะมีผู้ใดที่เห็นว่ามีพรสวรรค์บ้างหรือไม่?” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยรอยยิ้ม“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระหม่อมได้อ่านเรียงความที่ยอดเยี่ยมหลายบท เรียงความเหล่านี้เขียนโดยผู้มีพรสวรรค์ กระหม่อมจึงให้คนคัดลอกไว้ ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร” อัครเสนาบดีส่งเรียงความที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้กับขันทีใหญ่ และขันทีใหญ่ก็นำไปถวายฮ่องเต้“เป็นเรียงความที่ดีจริง ๆ เต็มไปด้วยพรสวรรค์ ควรมีชื่อของเขาในการสอบประจำฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยความพอพระทัยว่า “ผู้สอบผู้นี้มีนามว่าอะไร?”“ทูลฝ่าบาท เขาคือฉินเซี่ยงเหิงจากสำนักศึกษาหลวง กระหม่อมเชื่อว่าท่านอาจารย์เว่ยก็น่าจะรู้จักดี” เสนาบดีถังตอบด้วยรอยยิ้มอาจารย์เว่ยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อของฉินเซี่ยงเหิง เขารู้ว่าฉินเซี่ยงเหิงมีความสามารถ แต่หากถึงขั้นที่คนทั้งเมืองหลวงพูดถึง แม้แต่อัครเสนาบดีและฮ่องเต้ก็ยังชมเชย เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น“ฝ่าบาท กระหม่อมขอดูเรียงความนั้นได้หรือไ
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองตามเงาหลังของซ่งรั่วเจิน สายตาเปี่ยมความชื่นชอบ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เป่ยชวน แม่นางคนนี้งามมากใช่หรือไม่? คล้ายหลุดออกมาจากภาพวาดก็มิปาน ไม่เพียงหน้าตางดงาม คนเองก็จิตใจดี”“หลายปีแล้วจวินถิงยังไม่แต่งงาน เจ้าว่าข้าแนะนำแม่นางคนนี้ให้เขา เขาจะชอบหรือไม่?”ลู่เป่ยชวนไม่เคยเห็นแม่นางหน้าตางดงามถึงเพียงนี้มาก่อน เมื่อครู่ได้เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกคล้ายติดตรึงอยู่ภายในใจ ได้เห็นท่านย่าคิดว่าแม่นางคนนี้ดีเช่นเดียวกัน เขาเพิ่งดีใจขึ้นมา สรุปคือได้ยินว่าท่านย่าต้องการแนะนำแม่นางคนนี้ให้ญาติผู้พี่เสียอย่างนั้น“ท่านย่า เหตุใดท่านนึกถึงเพียงญาติผู้พี่เล่า ไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ? อายุข้าเองก็ไม่น้อยแล้วนะขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “เจ้าดีชั่วอย่างไรก็อายุยังน้อยกว่าจวินถิง ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางคนนี้งามถึงเพียงนี้ เหมาะสมกับจวินถิงที่สุด!”“แต่ไหนแต่ไรมาข้ามองคนแม่นยำมากนัก แม่นางคนนี้จะต้องมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีวาสนา ไม่แน่ว่าอาจสำเร็จ!”“ท่านย่า ความนัยของท่านคือข้าไม่หล่อเหลาหรือ?”มุมปากลู่เป่ยชวนกระตุกริก เขาอุตส่า
“โอ๊ย...”จู่ๆ เสียงร้องอุทานของผู้ชราก็ดังขึ้นข้างกายซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินหันหน้าก็พบฮูหยินผู้เฒ่าท่านหนึ่งถูกชนจนล้มลงนางรีบเข้าไปประคองฮูหยินผู้เฒ่าพลางเอ่ยถามอย่างกังวล “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่ายังเจือความตกตะลึง คล้ายคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนประคองนาง ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งนางเงยหน้ามองก็พบว่าคนประคองนางคือแม่นางอายุยังน้อยท่านหนึ่ง สำคัญที่สุดคือแม่นางคนนี้หน้าตางดงามอย่างมาก นางยังไม่เคยพบแม่นางงดงามถึงเพียงนี้มาก่อน“แม่นาง ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้า น่ากลัวว่าข้าคงล้มไปแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่รู้สึกกลัวขึ้นมาในภายหลัง นางอายุปูนนี้ กังวลที่สุดก็คือหกล้ม ล้มลงไปครั้งนี้ ไม่ใช่พักผ่อนเพียงชั่วครู่ก็สามารถดีขึ้นได้ ไม่แน่ว่าอาจกระดูกหักและต้องนอนบนเตียงเป็นเดือน“ท่านจะต้องระวังตอนเดิน หกล้มขึ้นมาจะต้องแย่แน่เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มน้อยๆ หลังเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ายืนมั่นคงดีแล้ว นี่ถึงช่วยหยิบห่อยาสมุนไพรบนพื้นขึ้นมา เพียงแต่มีสองห่อตกกระจายบนพื้นไปแล้วนางมองยาสมุนไพรบนพื้นแวบหนึ่งก็รู้ว่านางป่วยเป็นโรคอะไรจึงเอ่ยออกมาอย่างอดไ
เพียงฮองเฮาได้ยินก็ร้อนใจอย่างอดไม่ได้ “ไม่ใช่พูดว่าก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับปากมอบพระราชโองการประทานสมรสแล้วหรือ ขอเพียงออกพระราชโองการ หรือว่าสกุลซ่งยังจะสามารถปฏิเสธได้อีก?”“ลูกไม่อยากบังคับนาง ยิ่งไปกว่านั้นหากแต่งกลับมาแล้วต้องทำให้นางทุกข์ใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเรียบเฉย พูดอีกครั้งว่า “เรื่องนี้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านเองก็ไม่ต้องกังวลแทนข้าอีก ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้สกุลหลิงก็กลับมาจากเมืองผิงหยางแล้ว อันที่จริงชายแดนก็ต้องการคนไปเฝ้า...”สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป “หรือเจ้าคิดจะไปเฝ้าชายแดน?”“แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพ่อกังวลเรื่องชายแดนมาโดยตลอด ต้องการส่งคนไปเฝ้า บังเอิญบัดนี้เสด็จพ่อยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ลูกย่อมยินดีคลายความกังวลให้เสด็จพ่อ” ฉู่จวินถิงพูด“ไม่ได้!” ฮองเฮาปฏิเสธอย่างไม่ลังเล“นี่ไม่ได้เป็นอันขาด ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ภายนอกมานานหลายปี รอชายแดนสงบสุขอย่างยากลำบากแล้วถึงกลับมาได้ หากบัดนี้ยังไปอีก เจ้าจะกลับมาได้อีกยามใด?”ฉู่จวินถิงเงียบงันไม่พูดจา ท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วเดิมทีเขาก็ไม่คิดกลับมาอีกหัวใจฮองเฮาหนักอึ้ง คิดไ
“เดิมทีข้าก็ไม่ดีอะไร เพียงแต่เสด็จแม่คิดว่าข้าดีก็เท่านั้น ดูท่าแล้ว บางทีข้าอาจเหมาะกับการอยู่เพียงคนเดียว”“อันที่จริงหลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่คนเดียวก็ดีมากนัก เดิมทีก็ไม่ควรคาดหวังอะไร ที่ควรพยายามข้าก็พยายามแล้ว สรุปคือหากไม่สำเร็จก็ไม่เสียใจ”ใบหน้าฉู่จวินถิงปรากฏรอยยิ้ม เสียงเรียบเฉยอย่างมาก เพียงแต่รอยยิ้มนั้นในสายตาของฮองเฮา ไม่ว่ามองอย่างไรก็คือกำลังฝืนเหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?เดิมทีลู่หมิ่นฮุ่ยคิดว่าไม่เป็นไร ทว่าได้ฟังดูก็เริ่มเชื่อ ด้วยเงื่อนไขของแม่นางซ่ง เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องหาคู่ครองจริงๆ“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยพูดไปแล้ว แม่นางซ่งมีความสามารถถึงเพียงนี้ เจ้าจะต้องคว้าเอาไว้ให้ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”“หลายปีมานี้เจ้าล้วนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดิมทีก็ไม่มีประสบการณ์เกี้ยวพาสตรี หนำซ้ำหน้าตายังเย็นชา ทำให้แม่นางตกใจกลัววิ่งหนีไปก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด”“เจ้ารีบพูดเถอะ ใช่หรือไม่ว่าทะเลาะกันรุนแรง ยังมีทางแก้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงส่ายหน้าและพูดว่า “ท่านน้า ข้ารู้แต่ไหนแต่ไรมาท่านดีต่อข้ามาก เรื่องนี้ข้าพยายามจนถึงที่สุดแล้ว”“นั่นจะได้อย่างไร? ได้ผู้ที่ทุกคนต่าง
นางที่เป็นน้าได้เห็นแล้วก็ชอบมากนัก!“นี่เจ้ากำลังขู่ข้า?” ฮองเฮาพูดอย่างเหลือจะเชื่อ“ลูกไม่ได้ขู่ ที่พูดไปก็คือความจริงพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฉู่จวินถิงจริงจัง สุ้มเสียงจริงใจ “อันที่จริงไม่ขอปิดบังเสด็จแม่ เริ่มแรกเป็นลูกชอบรั่วเจิน เดิมทีนางก็ไม่ยินดีเข้ามาข้องเกี่ยว”“ชาตินี้ลูกไม่เคยชอบแม่นางคนหนึ่งมาก่อน หลังได้รู้จักนางแล้วถึงคิดว่าอดีตที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งขาดไป”“ลูกทุ่มเทพยายามอย่างหนัก นี่ถึงทำให้นางยอมมอบโอกาสให้ได้”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อดุจเหล็ก ก่อนหน้านี้ฉู่จวินถิงเองก็เคยพูดเช่นนี้ ทว่านางไม่เชื่อแม่นางคนใดจะปฏิเสธโอกาสอันดีเช่นนี้?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจวินถิงดีไปหมดทุกอย่าง เป็นที่หมายปองของแม่นางมากมายภายในเมืองหลวง หวังว่าจะได้แต่งงานกับเขา เกียรติยศนี้ตกลงที่ซ่งรั่วเจิน ไฉนเลยนางจะไม่เต็มใจ?“เสด็จแม่ เพียงเพราะลูกเป็นลูกชายของท่าน ท่านถึงคิดว่าข้าดีมาก”“ผลัดเปลี่ยนตำแหน่งกัน หากท่านเป็นรั่วเจิน สกุลซ่งไม่ขาดเงินทอง ปกติดื่มกินสวมใส่ล้วนเป็นของดีที่สุด มิหนำซ้ำบิดาและพี่ชายล้วนอยู่ในราชสำนัก มีความสามารถอย่างมาก”“ไม่ว่านางแต่งกับใคร ชีวิตก็ไม่มีวันย่ำแย่ มีบิดาพี
เห็นว่าเพียงฉู่จวินถิงเข้ามาก็พูดเข้าประเด็นถึงเรื่องนี้ ไม่คิดพูดอ้อมค้อม ฮองเฮาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“บัดนี้ภายในสายตาเจ้ายังมีข้าเสด็จแม่คนนี้อยู่หรือไม่?”“ที่ผ่านมาเจ้ามักมาเยี่ยมเยียนเสด็จแม่ แต่วันนี้ดูเถอะ นอกจากมาหาครั้งก่อนหลังเพิ่งกลับมา ก็แทบไม่เห็นตัวเจ้าอีก คงไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ไม่อนุญาตเจ้าเรื่องงานแต่งนี้ เจ้าก็ไม่ต้องการแม้แต่เสด็จแม่แล้วกระมัง?”ภายในเสียงฮองเฮาเจือความขุ่นเคืองหลายส่วน นางให้ความสำคัญต่อลูกชายคนนี้ที่สุด ไม่รู้ว่าทุ่มเทกับเขาไปมากน้อยเพียงใด ปรากฏว่าบัดนี้กลับดีนัก ถึงขั้นห่างเหินกับนางเพราะแม่นางคนหนึ่งฉู่อวิ๋นกุ่ยทางด้านข้างได้ยินท่าทีผ่านคำพูดของเสด็จแม่ รับรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะต้องระบายความทุกข์ใจออกมาแน่ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เสด็จแม่ เสด็จพี่กตัญญูต่อท่านมาโดยตลอด หลังกลับมาแล้วก็งานยุ่ง นี่ถึงมาน้อยครั้งนัก แต่เสด็จพี่ก็นำของขวัญกลับมาให้เสด็จแม่ไม่น้อย นั่นล้วนเลือกมาด้วยความตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาเหล่มองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง รู้ว่าพวกเขาสองพี่น้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ปกติก็มักช่วยเหลืออีกฝ่ายนางยังไม่ทันพูดอันใด อว
ซ่งปี้อวิ๋นเห็นซ่งรั่วเจินถึงขั้นรับปากแล้ว รู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ สายตากลับโหดเหี้ยมคล้ายอาบยาพิษช่างเป็นนางแพศยาโดยแท้!พวกเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นญาติกัน เมื่อครู่ยามนางเอ่ยปาก ซ่งรั่วเจินไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพียงฉู่มู่เหยาเอ่ยปาก ก็รับปากในทันทีทันใด นี่คือกำลังตบหน้านางอย่างแท้จริง!เสิ่นหวยอันกลับไม่สบอารมณ์ เขาสังเกตเห็นความนัยในคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทว่าอีกฝ่ายพูดถึงเพียงนี้แล้ว เขาทำได้เพียงยิ้มรับหลังออกจากร้านอาหาร ซ่งรั่วเจินและซ่งจิ่งเซินขอแยกออกไปก่อนเพื่อหาร้านอาหารที่เหมาะสมแห่งอื่นในละแวกใกล้เคียงนี้ต่อ“น้องหญิงห้า เจ้าไม่ตามไปดูกับพวกเขาหรือ?”“ไอ้คนหน้าตาไม่น่าไว้ใจคนนั้น เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หากเกิดแผนชั่วอันใดขึ้นมา ข้าคิดว่าเจ้าจะห้ามไว้เสียอีก”ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว สายตาตกลงบนเงาร่างของสามคนทางด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ซ่งปี้อวิ๋นและคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ระยะก่อนข้าเคยพบโดยบังเอิญ ยังคิดว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเสียอีก”“เสิ่นหวยอันย่อมต้องการสู่ขอองค์หญิงกลับไป บัดนี้ใช่ว่าไม่มีโอกาส กำลังคิดหาทางทำให้มู่เหยาชอบเขา ย
“พูดเช่นนี้ วันนี้รั่วเจินมาก่อนกระนั้น?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว แม้พูดว่ากำลังเอ่ยถาม แต่ภายในใจกลับเข้าใจเสิ่นหวยอันย่อมรู้ความคิดของฉู่มู่เหยา กระซิบเสียงแหบพร่า“องค์หญิง ข้าเล็งร้านอาหารนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของข้าภายในครอบครัว จึงอยากทำการค้ามาโดยตลอดเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและชื่นชม”“บัดนี้ข้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นแม้รู้ว่าคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ยังหาเงินจากทั่วสารทิศ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”สายตาเสิ่นหวยอันตกลงบนตัวฉู่มู่เหยา แม้ไม่ได้พูดความจริงอย่างชัดเจน แต่สายตาเปี่ยมความนัยลึกซึ้งกลับบ่งบอกทั้งหมดแล้วสิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อฉู่มู่เหยา“บางทีสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่สกุลซ่งกิจการใหญ่โต มีการค้าในเมืองหลวงทุกหนแห่ง ไม่รู้ว่าท่านสามารถช่วยขอความเห็นใจให้ข้าสักครั้ง ขอให้พวกเขามอบร้านอาหารแห่งนี้ให้ข้าได้หรือไม่?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว สบสายตาของเสิ่นหวยอัน กลับพูดปฏิเสธไม่ออกซ่งจิ่งเซินเห็นเสิ่นหวยอันและฉู่มู่เหยาซุบซิบคุยกัน นี่จึงพูดว่า “เห็นชัดว่าคนผู้นี้อาศัยบารมีขององค์หญิง ข่าวลืออะ
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ