แชร์

บทที่ 90

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
ซ่งเยี่ยนโจวงีบไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นน้องชายคนรองเดินเข้ามาด้วยท่าทีห่วงใย

“พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

ซ่งเยี่ยนโจวบีบตัวเองเบา ๆ เมื่อไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เผยให้เห็นความประหลาดใจ

“น้องรอง ดวงตาของเจ้ามองเห็นแล้วจริงหรือ?”

“ใช่แล้ว” ซ่งอี้อันพูดด้วยความสงสัย “ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกแล้วมิใช่หรือ? เพราะน้องหญิงห้ามีฝีมือการแพทย์สูงส่ง ข้าจึงหายได้”

“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งหมดหวังเพราะอาการที่ขาเลย น้องหญิงห้าบอกว่าท่านยังสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง”

ซ่งเยี่ยนโจวจ้องมองซ่งอี้อันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอดถามไม่ได้ว่า “น้องรอง หรือว่าข้าจะสับสนไปเพราะบาดเจ็บ น้องหญิงห้าเรียนรู้วิชาแพทย์ตั้งแต่เมื่อใด?”

ซ่งอี้อันนึกขึ้นได้ “มิน่าเล่าพี่ใหญ่จึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ตอนข้าได้ยินว่าน้องหญิงห้าจะรักษาอาการป่วยของข้า ข้าก็คิดว่านางพูดไปเพื่อปลอบใจข้าเท่านั้น”

“เมื่อไม่นานมานี้น้องหญิงห้าเพิ่งเข้าพิธีมงคล แต่หลินจือเยว่กลับรับภรรยาเอกอีกคนเข้ามาพร้อมกัน แล้วยังทำให้นางต้องอับอายที่หน้าประตูจวนสกุลหลิน น้องหญิงห้าจึงโกรธจนเป็นลมไป”

“หลังจากนั้นนางก็พ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 91

    “พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้กังวลไปเลย น้องหญิงห้าของเรามีฝีมือการแพทย์ล้ำเลิศ ในเมื่อนางรักษาดวงตาข้าได้ ก็ย่อมสามารถทำให้ท่านกลับมายืนได้อีกครั้ง”ซ่งอี้อันเบนสายตาไปด้านข้าง เขารู้ว่าพี่ใหญ่มีปมนี้อยู่ในใจมากที่สุดเมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาที่ดำขลับดุจหยกดำของซ่งเยี่ยนโจวก็ฉายแววแห่งความหวังขึ้นมา แต่ยังคงเจือด้วยความกังวลอยู่บ้างเขาผ่านความผิดหวังมามากเกินไป จนไม่กล้าคาดหวังต่อสิ่งใดอีกแล้ว“พี่ใหญ่ เมื่อวานตอนที่ท่านหมดสติไป ข้าได้ตรวจดูขาท่านแล้ว ขาของท่านสามารถรักษาให้หายได้”ซ่งรั่วเจินยืนยันคำตอบอย่างมั่นใจ แววตาของซ่งเยี่ยนโจวฉายแววไม่เชื่อ “จริงหรือ?”“พี่ใหญ่ ข้าไม่มีทางหลอกท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มเบา ๆ “แต่ว่าพี่ใหญ่ สถานการณ์ของท่านร้ายแรงกว่าพี่รอง พี่รองสูญเสียการมองเห็นเพราะถูกกระแทกที่ศีรษะ ทำให้เกิดก้อนเลือดในสมอง”“เมื่อข้าฝังเข็มละลายก้อนเลือดในสมองแล้ว สายตาของพี่รองก็กลับมามองเห็นได้”“ส่วนขาของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบ กระดูกหัวเข่าบางส่วนแตกละเอียด ดังนั้นการรักษาจำเป็นต้องใช้เวลา ไม่อาจใจร้อนได้”ซ่งเยี่ยนโจวรู้ถึงสภาพขาของตนเองดี เพราะหมอเก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 92

    “พวกเขามาหาข้าหรือ?” ซ่งอี้อันรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะหันไปมองซ่งรั่วเจิน หรือว่านี่จะเป็น...การมาเยี่ยมที่แฝงด้วยเจตนาอื่น?เขารู้จักกับสวีเฮ่ออันก็จริง แต่เป็นเพราะสวีเฮ่ออันก็เป็นคนที่อาจารย์ให้ความสำคัญมาก ก่อนหน้านี้อาจารย์ถึงกับแนะนำให้พวกเขารู้จักกันเป็นการพิเศษเขาเคยอ่านเรียงความของสวีเฮ่ออันและชื่นชมในความสามารถของอีกฝ่าย หลังจากที่สวีเฮ่ออันสอบได้อันดับสูง เขายังส่งตำรามาให้หลายเล่ม นับว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่เพราะบิดาของเขาและท่านราชครูสวี คนหนึ่งเป็นฝ่ายบู๊ อีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายบุ๋น ความสัมพันธ์ในราชสำนักจึงไม่ค่อยแน่นแฟ้น ทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีการติดต่อกันบ่อยนักครั้งก่อนน้องหญิงห้าของเขาช่วยตามหาบุตรสาวที่หายตัวไปของสกุลสวี นั่นจึงเป็นเหตุให้ทั้งสองตระกูลได้ไปมาหาสู่กัน แต่เหตุใดจู่ ๆ สวีเฮ่ออันถึงมาหาเขา?เขามองดูน้องสาวผู้มีรูปโฉมงดงามน่าหลงใหล ก่อนหน้านี้นางแทบไม่ออกไปพบปะผู้ใดเลย มิเช่นนั้นประตูจวนคงถูกคุณชายในเมืองหลวงย่ำผ่านจนพังไปแล้ว...“รั่วเจิน เจ้าจะไปด้วยกันไหม?” ซ่งอี้อันถามเมื่อเปรียบเทียบกับหลินจือเยว่จอมเสแสร้ง สวีเฮ่ออันนั้นเป็นสุภา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 93

    “แน่นอน” ก่อนมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ให้คนคัดลอกเรียงความนั้นไว้แล้ว เขาจึงอ่านมันต่อหน้าซ่งอี้อันทันที“คุณชาย นี่คือเรียงความที่ท่านเขียนไว้ก่อนหน้านี้มิใช่หรือขอรับ?” มั่วอวี่อุทานด้วยความตกใจซ่งอี้อันก็ตกใจไม่แพ้กัน เขาถามด้วยสีหน้าฉงน “แต่เรียงความนี้ข้าให้เจ้าเก็บเอาไว้แล้วนี่ ฉินเซี่ยงเหิงได้มันไปได้อย่างไร?”มั่วอวี่พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่ดวงตาของคุณชายสูญเสียการมองเห็น ก็ไม่ได้ไปที่ห้องหนังสืออีกเลย นอกจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณหนูจ้าวบอกว่าลืมของไว้ในห้องหนังสือจึงเข้าไปเอา จากนั้นก็ไม่มีใครเข้าไปอีกเลยขอรับ” “คุณชายฉินเองก็ไม่ได้มาที่นี่ เขาไม่น่าจะมีบทความของคุณชายได้!”“เจ้าไปดูทีว่าเรียงความของข้ายังอยู่หรือไม่” ซ่งอี้อันสั่ง“ขอรับ คุณชาย”สวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อฟังคำพูดเหล่านี้ก็เข้าใจเรื่องราวโดยสังเขปเรื่องการถอนหมั้นของจ้าวซูหว่านเป็นที่รู้กันทั่วในเมืองหลวง แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาได้เห็นจ้าวซูหว่านอยู่ใกล้ฉินเซี่ยงเหิงหลายครั้งหากเรียงความนี้เป็นสิ่งที่จ้าวซูหว่านขโมยไปให้ฉินเซี่ยงเหิง นั่นย่อมหมายความว่าความสัม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 94

    หลังจากส่งสวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อกลับไปแล้ว ซ่งอี้อันก็นำขนมดอกกุ้ยฮวาที่สวีเฮ่ออันฝากมาขอโทษไปให้น้องสาวของเขา“นี่เป็นขนมที่สหายสวีฝากมาขอโทษเจ้า บอกว่าเสียใจที่ผิดนัดคราวก่อน และได้เชิญพวกเราไปเที่ยวชมทะเลสาบในวันพรุ่งนี้ด้วย ข้าตอบรับไปแล้ว แต่ไม่ได้ตัดสินใจแทนเจ้า”“หากเจ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องฝืน แน่นอนว่าคุณหนูอวิ๋นก็จะไปด้วย”ซ่งอี้อันยิ้มพร้อมกับยื่นขนมดอกกุ้ยฮวาให้ เขารู้จักสวีเฮ่ออันมานานแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายกระวนกระวายเช่นนี้ โดยเฉพาะตอนที่เชิญชวน คงเกรงว่าจะถูกปฏิเสธ ซ่งอี้อันก็พอเข้าใจได้ในทันทีเขารู้ว่าสวีเฮ่ออันชอบน้องสาวของเขาเป็นแน่ซ่งรั่วเจินดีดนิ้วคำนวณดูแล้วพบว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่เหมาะกับการเที่ยวชมทะเลสาบ ไม่เพียงแต่ได้ชมทะเลสาบเท่านั้น ยังจะมีเรื่องสนุกให้ชมอีกด้วย“นาน ๆ ทีพี่รองจะมีอารมณ์ดีเช่นนี้ ข้าย่อมต้องไปด้วยเจ้าค่ะ”ซ่งอี้อันยิ้มกว้างขึ้น “ดี”……ฉินซวงซวงอาเจียนเป็นเลือดออกมาอย่างหนักในคุก ดูท่าทางเหมือนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเมื่อเจ้าเมืองประจำศาลาว่าการซุ่นเทียนทราบเรื่องนี้ เกรงว่านางอาจจะตายอยู่ในคุก จึงยอมให้หลินจือเยว่พ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 95

    แม้ฉินซวงซวงจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าหลินด่าทอจนสีหน้าย่ำแย่ แต่นางก็เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันดีในชาติก่อน นางเข้ามาในจวนหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปี ซึ่งในเวลานั้นจวนโหวรุ่งเรืองมาก รั่วเจินก็ดูแลที่ดินและร้านค้าของจวนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนางเข้ามาในจวนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพียงแค่ลอบซื้อใจคนที่อยู่ใกล้ซ่งรั่วเจิน เมื่อซ่งรั่วเจินสิ้นใจ ทุกอย่างก็จะตกมาเป็นของนางไปโดยปริยายแต่สิ่งเดียวที่นางไม่พอใจคือสถานะอนุภรรยาของตนเองการเลื่อนสถานะจากอนุภรรยาเป็นภรรยาหลวงทำให้นางถูกผู้คนเยาะเย้ย บางคนถึงกับยุยงให้หลินจือเยว่แต่งภรรยาหลวงใหม่ เพราะถึงอย่างไรอนุก็ยังเป็นอนุอยู่วันยันค่ำดังนั้นเมื่อได้เกิดใหม่ นางจึงวางแผนที่จะเข้าสู่จวนก่อนเวลา เพื่อให้ได้รับสถานะเทียบเท่าภรรยาหลวง และเมื่อซ่งรั่วเจินตายไป ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าวิจารณ์นางอีกแต่ใครจะคิดว่าการตัดสินใจผิดพลาดเพียงก้าวเดียวจะทำให้เรื่องราวลงเอยเช่นนี้เล่า?นางเกิดใหม่ทั้งที จะปล่อยให้ซ่งรั่วเจินรังแกได้อย่างไร? ครั้งนี้เป็นเพียงเพราะนางประมาทไปชั่วคราวเท่านั้น!“จือเยว่ ข้ารู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า ท่านอย่ากังวลไปเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 96

    ณ พระราชวัง ห้องทรงพระอักษร“การสอบประจำฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาแล้ว เราได้ยินว่ามีผู้สอบจำนวนมากมายังเมืองหลวง ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมาก ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอาจารย์พอจะมีผู้ใดที่เห็นว่ามีพรสวรรค์บ้างหรือไม่?” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยรอยยิ้ม“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระหม่อมได้อ่านเรียงความที่ยอดเยี่ยมหลายบท เรียงความเหล่านี้เขียนโดยผู้มีพรสวรรค์ กระหม่อมจึงให้คนคัดลอกไว้ ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร” อัครเสนาบดีส่งเรียงความที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้กับขันทีใหญ่ และขันทีใหญ่ก็นำไปถวายฮ่องเต้“เป็นเรียงความที่ดีจริง ๆ เต็มไปด้วยพรสวรรค์ ควรมีชื่อของเขาในการสอบประจำฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยความพอพระทัยว่า “ผู้สอบผู้นี้มีนามว่าอะไร?”“ทูลฝ่าบาท เขาคือฉินเซี่ยงเหิงจากสำนักศึกษาหลวง กระหม่อมเชื่อว่าท่านอาจารย์เว่ยก็น่าจะรู้จักดี” เสนาบดีถังตอบด้วยรอยยิ้มอาจารย์เว่ยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อของฉินเซี่ยงเหิง เขารู้ว่าฉินเซี่ยงเหิงมีความสามารถ แต่หากถึงขั้นที่คนทั้งเมืองหลวงพูดถึง แม้แต่อัครเสนาบดีและฮ่องเต้ก็ยังชมเชย เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น“ฝ่าบาท กระหม่อมขอดูเรียงความนั้นได้หรือไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 97

    อาจารย์เว่ยย่อมทราบดีว่าหากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในช่วงเวลานี้ จะต้องส่งผลกระทบอย่างแน่นอน จึงกราบทูลว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าเวลานี้มิใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ทรงนิ่งพลางตรึกตรองครู่หนึ่ง “เช่นนั้นก็รอจนการสอบประจำฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไปก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ พวกท่านทั้งสองอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด เราจะดูว่าเขาจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีก”อัครเสนาบดีและอาจารย์เว่ยมองตากัน พลางรู้สึกกังวลแทนท่านแม่ทัพฉินในใจลึก ๆการมีบุตรชายเช่นนี้ ช่างเป็นเวรกรรมโดยแท้ท้องฟ้าสดใสอากาศบริสุทธิ์ แสงแดดส่องสว่างเจิดจ้าเมื่อซ่งรั่วเจินและซ่งอี้อันมาถึง สวีเฮ่ออันและคนอื่น ๆ ก็มาถึงก่อนแล้ว เพียงแต่ว่ากลับมีบุคคลที่ไม่คาดคิดเพิ่มมาอีกหนึ่งคน...อวิ๋นซีหว่านเมื่อเดินเข้าไปใกล้ ซ่งรั่วเจินก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ดูไม่ค่อยดีนัก“ข้าบอกแล้วว่าไม่อยากให้นางมา แต่นางก็ยังดึงดันจะตามมา!” อวิ๋นเนี่ยนชูลากซ่งรั่วเจินไปอีกทาง ใบหน้าของนางฉายชัดไปด้วยความรำคาญใจซ่งรั่วเจินปรายตามองอวิ๋นซีหว่าน นางพึ่งถูกน้ำแกงลวกที่ร้านอวิ๋นหย่าเมื่อไม่กี่วันก่อนและยังไม่หายดี แต่ถ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 98

    “นี่มิใช่สหายซ่งหรอกหรือ? ตั้งแต่เจ้าสูญเสียการมองเห็นก็ไม่เคยพบเจอกันอีกเลย ข้ายังคิดว่าเจ้าคงไม่อยากพบผู้คนไปตลอดชีวิตเสียแล้ว”“คุณชายรองซ่งเป็นผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ ช่างน่าเสียดายนัก ในยามนั้นท่านมีภารกิจมากมายจนเหล่าคนธรรมดาเช่นพวกข้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะเอ่ยปากสนทนาด้วย”“แต่ตอนนี้เกรงว่าคงอยากให้พวกเราพูดด้วยสักคำสองคำบ้างกระมัง? อยู่ในจวนทั้งวันไม่มีผู้ใดพูดคุยคงน่าอึดอัดน่าดู!”เฉียนเหว่ยมองซ่งอี้อันด้วยสายตาเย็นชา ย้อนกลับไปในอดีต เขาเคยพยายามประจบสอพลอซ่งอี้อัน แต่อีกฝ่ายกลับทระนงในพรสวรรค์ของตนและไม่ยอมรับเขา ทำให้เฉียนเหว่ยต้องเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจมาโดยตลอดยามนี้เมื่อเห็นซ่งอี้อันตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก!“เป็นถึงบัณฑิต แต่กลับเอาแต่ประจบสอพลอผู้ที่มีอำนาจและเหยียดหยามสหายร่วมสำนัก หรือว่าเอาความรู้ในตำราไปให้สุนัขกินหมดแล้วหรืออย่างไร?”สวีเฮ่ออันที่เพิ่งจัดเตรียมทุกอย่างบนเรือเสร็จ เมื่อออกมารับซ่งอี้อันก็ได้ยินคำพูดเย้ยหยันเหล่านี้ ใบหน้าของเขาพลันเย็นชา“คุณ...คุณชายสวี?”เฉียนเหว่ยกับพรรคพวกไม่คาดคิดว่าวันนี้ซ่งอี้อันจะร่วมเดินทางมากับสวีเฮ่

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status