“ข้าคิดว่าข้าคล้ายกำลังฝันหนึ่งตื่น รักข้างเดียวมานานหลายปีถึงเพียงนี้ บัดนี้สมควรตื่นจากฝันแล้ว”สุ้มเสียงของอวิ๋นเนี่ยนชูเรียบเฉยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “อันที่จริงข้าใคร่ครวญอยู่ภายในห้องนานมาก แท้จริงแล้วข้ามควรเข้าใจตั้งนานแล้ว เพียงแต่หลอกตนเองจึงไม่ยอมปล่อยมือมาโดยตลอด” “เจ้าคิดจะปล่อยมือแล้วหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “บัดนี้ความจริงอยู่เบื้องหน้าแล้ว ทั้งยังเคยพยายามอย่างเต็มที่มาก่อน ภายในใจเขาไม่มีข้า ข้าตอแยเขาก็รังแต่จะทำให้เขารังเกียจ”ซ่งรั่วเจินนึกถึงอวิ๋นเนี่ยนชูที่ตายอย่างอนาถในชาติก่อน หรือว่าสิ่งที่อวิ๋นเฉิงเจ๋อทำทั้งหมดล้วนเป็นเพียงแค่ความรักของพี่น้อง?“ไม่ว่าเจ้าทำอันใด ข้าล้วนสนับสนุนเจ้า”ซ่งรั่วเจินกุมมืออวิ๋นเนี่ยนชู พูดว่า “สุดหล้าฟ้าเขียวมีที่ใดไร้บุปผา ไฉนเลยจะต้องยึดติดกับบุปผาเพียงดอกเดียว บุรุษที่ดีในเมืองหลวงมีมากมายนัก เขาไม่รู้จักถนอมไว้ พวกเราก็ไปหาบุรุษที่ดียิ่งกว่าคนอื่น”“เจ้าดีถึงเพียงนี้ บุรุษที่ชมชอบเจ้าภายในเมืองหลวงมีมากมายนัก!”อวิ๋นเนี่ยนชูหลุดหัวเราะออกมา “ข้าดีอย่างที่เจ้าพูดที่ใดกัน? บัดนี้ข้าตกอยู่ในสถานการณ
อวิ๋นเนี่ยนชูถูกคำพูดของซ่งรั่วเจินทำให้ตกใจ “บัง บังคับพากลับมา?”“ใช่แล้ว”ซ่งรั่วเจินพูดด้วยท่าทางมีเหตุผล บ่อยครั้งที่คนมักถูกความคิดของตนจองจำเอาไว้ แท้จริงแล้วกระโดดออกมามองดู มากมายหลายเรื่องก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้น“รั่วเจิน บัดนี้เจ้าเปลี่ยนไปมาก แต่ข้าคิดว่าเจ้าพูดถูก!”อวิ๋นเนี่ยนชูนึกถึงสถานการณ์ยามซ่งรั่วเจินถอนหมั้น ทุกคนล้วนพูดว่านางไม่มีวันหาคู่ครองที่ดีได้อีก ทว่าบัดนี้ฉู่อ๋องดีต่อนางมาก พวกเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตาบางทีนางก็สมควรคิดให้ตก ในเมื่อไม่อาจฝืนเด็ดแตงลูกนี้อย่างญาติผู้พี่ได้ เช่นนั้นก็เปลี่ยนแตงลูกใหม่!ไม่ช้าก็เร็วจะต้องได้พบแตงที่เหมาะสมแน่!เห็นอารมณ์ของอวิ๋นเนี่ยนชูเริ่มสงบลง คล้ายคิดตกแล้วจริงๆ ซ่งรั่วเจินถึงพูด “วันนี้อนุอวิ๋นสร้างความวุ่นวายภายในจวน พูดว่าเจ้าชอบอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ข้านี่ถึงตั้งใจมาแจ้งเจ้า”“อะไรนะ?”สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูเปลี่ยนไป ที่ผ่านมานางเคยคิดมาก่อนว่าหากญาติผู้พี่เองก็ชอบนาง นางจะบอกเรื่องทั้งหมดกับมารดาบัดนี้นางคิดจะปล่อยมือแล้ว อนุอวิ๋นกลับเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้ามารดา นี่จะยังไม่เกิดปัญหาอีกหรือ?“ข้าเห็นท่าทีของท่านป้า
ส่วนบิดานาง พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าวังอธิบายเรื่องทั้งหมดเช่นเดียวกันอวิ๋นเนี่ยนชูเข้าใจแล้ว พูดว่า “ข้าได้ยินว่าเรื่องอุทกภัยในครั้งนี้ร้ายแรงมาก ครั้งนี้พวกเจ้าสามารถกลับมาได้โดยเร็ว อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ”“ทว่าเห็นเจ้ากลับมาได้ข้าดีใจมากจริงๆ ที่ผ่านมายามเจ้าอยู่ข้ากลับไม่รู้สึกอะไร ระยะนี้เจ้าไม่อยู่ ข้ารู้สึกคล้ายไม่มีที่พึ่งทางใจก็มิปาน”“บัดนี้ข้ากลับมาแล้ว เจ้าสามารถวางใจได้” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “หากมีเรื่องไม่สบายใจ อย่าเก็บไว้คนเดียว จำไว้ว่าต้องมาหาข้า”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ต่อให้เจ้ารำคาญ ข้าก็จะมา”ขณะกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นเฉิงเจ๋อเองก็มาแล้ว“เฉิงเจ๋อเองก็มาแล้ว คนมาครบแล้ว เริ่มงานเลี้ยงได้!” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆยามอวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินชื่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อก็เลื่อนสายตาไปมองโดยไม่รู้ตัว แต่ชั่วขณะสอดประสานสายตากับฝ่ายชาย แววตาหม่นลง มากที่สุดกลับเป็นความเด็ดเดี่ยวและเป็นฝ่ายเลื่อนสายตาก่อนก่อนหน้านี้รั่วเจินหมั้นหมายกับหลินจือเยว่สองปี รู้ว่าไม่เหมาะสมกันก็สามารถถอนหมั้นได้อย่างไม่ลังเล ส่วนนางบัดนี้พยายามอย่างเต็มที่จนเจอทางตันแล้ว หากยังไม่หันหลังกลับ หรื
ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อมีสายสัมพันธ์ส่วนตัว?จางเหวินย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่เนี่ยนชูและเฉิงเจ๋ออยู่ด้วยกันในแต่ละวัน นางรู้ว่าเนี่ยนชูชอบอยู่กับเฉิงเจ๋อมาก ออกไปข้างนอกด้วยกันเป็นปกตินางคิดมาโดยตลอดว่านั้นคือสายสัมพันธ์พี่น้อง ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่น ทว่าลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เนี่ยนชูถึงวัยแต่งงานแล้ว กลับไม่มีความรักแรกแย้มของหญิงสาว คู่ดูตัวที่แนะนำให้ล้วนถูกนางปฏิเสธไปจนหมด ไม่ยอมกระทั่งไปพบหน้าสักครั้งเฉิงเจ๋อยิ่งไม่ต้องพูดมาก ทว่าเขาเป็นคนคิดมากตั้งแต่เด็ก ทีแรกก็บอกว่าทั้งหมดยังรอให้สอบผ่านก่อนค่อยว่ากันก่อนมีชื่อเสียงและเกียรติยศ เขาไม่คิดเรื่องแต่งงาน ไม่อยากให้ทั้งหมดต้องสูญเปล่า นี่ทำให้น้าอย่างนางต้องวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อมทั้งหมดเพราะเหตุนี้ นางไม่ได้เร่ง จนกระทั่งตอนนี้เฉิงเจ๋อเป็นขุนนางแล้ว นางถึงให้เขาไปดูตัวกับแม่นางหวงแม่นางหวงไม่ว่าชาติกำเนิด รูปโฉมหรืออุปนิสัยล้วนไม่เลว มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้หวงฮูหยินเองก็พูดกับนางจนเข้าใจแล้ว แม่นางหวงลอบมีใจมาตั้งนานแล้ว หากได้อยู่ร่วมกันก็เป็นเรื่องดีที่สุดในสายตาของนาง นี่คืองานแต่งที่ดีมาก ทว่าเฉิงเ
ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วหวยหลี่เองก็เป็นคนจิตใจดี เป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง!“เนี่ยนชูมีคนภายในใจแล้วหรือไม่? หากไม่มี ไม่สู้ให้เด็กทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกัน?”เยี่ยนชิงอวี้สบมองสีหน้าจางเหวินก็รู้ว่าความคิดของนางเหมือนกับตนเอง ใบหน้าเผยรอยยิ้มนับตั้งแต่ได้เห็นชิงอินและเยี่ยนโจวมีความสัมพันธ์อันดีถึงเพียงนี้ นางก็คิดว่าคู่รักในวัยเยาว์ที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเข้ากันได้ไม่เลวจางเหวินเหลือบมองเนี่ยนชูแวบหนึ่ง เห็นนางมิได้ปฏิเสธจึงพูดยิ้มๆ “เด็กหน้าบาง ตอนนี้น่ากลัวว่าเขินอายเกินกว่าจะพูด มิสู้นัดพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน”“ไม่เลวๆ หวยหลี่คนนี้รู้จักสถานที่น่าสนใจไม่น้อย พวกเจ้าคนหนุ่มสาวสามารถไปเที่ยวเล่นได้ เชื่อว่าจะต้องชอบแน่”ใบหน้าเยี่ยนชิงอวี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หากการจับคู่นี้สำเร็จ นั่นก็ดีเหลือเกินลั่วกั๋วกงทางด้านข้างกลับไม่มีความเห็น เดิมทีหวยหลี่ก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว แม้ว่าจางเหวินหย่าร้าง แต่คนสง่างามน่าเลื่อมใส ไม่ว่าเนี่ยนชูหรือเฉิงเจ๋อก็ล้วนสั่งสอนออกมาได้ดีมาก เดิมทีก็ไม่ต้องกังวลซ่งรั่วเจินนั่งรับชมอยู่ทางด้านข้างเงียบๆ นางและลั่วหวยหลี่ได้ติดต่อกันมากที่สุดก
เยี่ยนชิงอวี้สบตาลั่วกั๋วกงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังย่อมสังเกตเห็นปัญหา“ชุลมุนอยู่นาน เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้มีแม่นางที่ชมชอบตั้งแต่แรกแล้ว?” ลั่วกั๋วกงลดเสียงให้เบาลง “ข้ายังคิดว่าเจ้าจับคู่ยวนยางส่งเดชเสียอีก”เยี่ยนชิงอวี้มองลั่วกั๋วกงอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “พูดเหลวไหลอันใด? ข้าเป็นคนตาไม่มีแววถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”หากเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ นางก็คงไม่วู่วามเอ่ยเรื่องนี้ออกมา นางสังเกตเห็นว่านับตั้งแต่เนี่ยนชูมา หวยหลี่ก็ลอบมองนางไม่ใช่เพียงครั้งเดียว นี่ถึงตั้งใจถามดูสักหน่อยเป็นมารดาย่อมรู้จักลูกชายดี นางเข้าใจดี!งานเลี้ยงครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสแย้มยิ้มเบิกบาน เหล่าคนรุ่นหลังกลับมีความคิดของตนลั่วชิงอินมองน้องชายของตนและพูดว่า “ท่านแม่ทำให้เจ้าถึงขั้นนี้แล้ว จากนี้ไปเจ้าต้องพยายามด้วยตนเองดีๆ ล่ะ”“พี่หญิงรอง ไม่รู้ท่านกำลังพูดเหลวไหลอันใด?” ลั่วหวยหลี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน“เจ้าอย่าคิดว่าข้ามองไม่ออก ตั้งแต่เด็กเจ้าไม่ใช่ชอบไปเล่นกับน้องหญิงเนี่ยนชูของเจ้าหรอกหรือ? ทว่านับตั้งแต่ญาติผู้พี่ของนางมา ทุกครั้งนางก็ไล่ตามหลังญาติผู้พี่ของนาง”“ตอนนั้นเจ้ายังโมโหเพราะเรื่องนี้อยู่เลย พู
“ญาติผู้พี่ไม่จำเป็นต้องกังวล รั่วเจินไม่รังเกียจข้าหรอกเจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยตอบลูกกระเดือกอวิ๋นเฉิงเจ๋อกลิ้งขึ้นลง พูดเนิบๆ “พรุ่งนี้เจ้าจะออกไปหรือ?”“เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้วมิใช่หรือ? นัดหมายวันพรุ่งนี้ถูกกำหนดไว้ดีแล้ว ข้าย่อมต้องไปเจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยรับดวงตาดำขลับของอวิ๋นเฉิงเจ๋อถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา สุ้มเสียงกลับสงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ “ได้ ข้าไปล่ะ”เห็นฝ่ายชายหันหลังจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา อวิ๋นเนี่ยนชูเองก็หันหลังกลับเข้าสกุลซ่งตอนนี้ซ่งรั่วเจินถูกลั่วชิงอินเรียกไปสอบถามสถานการณ์อยู่ทางด้านข้าง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านถามถึงความชอบของเนี่ยนชู คงไม่ใช่...”เนตรขนงของซ่งรั่วเจินเผยแววแปลกใจ ภายในสมองกลับเริ่มครุ่นคิดภายในต้นฉบับเขียนความสัมพันธ์ระหว่างลั่วหวยหลี่และอวิ๋นเนี่ยนชูหรือไม่?เอือมระอาหนังสือเล่มนี้เขียนเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ คนอื่นเป็นเพียงตัวประกอบ ส่วนเนี่ยนชูในฐานะสหายที่ดีของนาง สุดท้ายก็ตายไปเพราะนางแม้แต่สถานการณ์ของอวิ๋นเฉิงเจ๋อเองก็ไม่ได้เขียนมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลั่วหวยหลี่ นี่คล้ายกำลังคลี่คลายเนื้อเรื่องลับ!ร
สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูซับซ้อน นึกถึงสายตาเย็นชาของญาติผู้พี่ยามจากไปในวันนี้ รู้สึกเพียงตนเองคล้ายตัวตลกนางเกลียดที่ไม่แต่งงานโดยเร็ว ภายภาคหน้าก็มีโอกาสพบญาติผู้พี่ได้น้อยมาก อีกทั้งยังไม่ต้องคิดเหลวไหลที่ผ่านมานางเฝ้ารอญาติผู้พี่กลับมาเร็วๆ ทุกวัน ต่อให้ไม่พูดอันใด ขอเพียงได้เห็นเขาก็ดีใจมากแล้ว ทว่าบัดนี้เพียงได้ยินเรื่องของญาติผู้พี่และแม่นางหวง นางก็รู้สึกเจ็บปวดราวหัวใจถูกเข็มแทงก็มิปานอยากทำเพียงหลบซ่อน ไม่อยากได้ยินอันใด“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า”ซ่งรั่วเจินปลอบโยนอวิ๋นเนี่ยนชู ไม่ว่าใครก็ล้วนเคยมีช่วงเวลาอยากหลีกหนีปัญหา โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่องพรรค์นี้แล้ว“เจ้ารู้สึกว่าความคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง พรุ่งนี้ยังต้องออกไปเที่ยวกับลั่วหวยหลี่อีกด้วย คิดว่ากำลังหลอกใช้ประโยชน์จากเขา รู้สึกผิดต่อเขากระมัง?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “รั่วเจิน เจ้าช่างเข้าใจความรู้สึกของข้าจริงๆ อันที่จริงข้าคิดมาโดยตลอด ข้าที่เป็นเช่นนี้ต่ำช้าเกินไปแล้วกระมัง?”“อันที่จริงเมื่อครู่ข้าสมควรปฏิเสธ แต่ข้าไม่ได้ทำ ไม่รู้เพราะทะนงตนหรืออยากเปลี่ยนความคิดจริงๆ ข้าจึงไม่ได้ปฏิเสธ...”“อย่าคิดมากถึงเพียง
“ไม่ได้เจอกันพักเดียว แม่นางซ่งงามขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก มิน่าเล่าเสด็จพี่ไม่ได้เจอวันเดียวก็อดใจไม่ไหวต้องมาหาเสียแล้ว”ฉู่อวิ๋นกุยเห็นท่าทางอัดอั้นตันใจของเสด็จพี่สามของตนแล้วก็อดนึกขันไม่ได้เมื่อก่อนมีแต่ผู้หญิงที่หมุนรอบตัวเขา ตอนนี้กลับต้องมาหมุนรอบตัวแม่นางซ่ง แบบนี้คงเรียกว่าแพ้ทางสินะ!ฉู่จวินถิงปรายตามองเขา สายตาเต็มไปด้วยแววตักเตือนฉู่อวิ๋นกุยลูบจมูก แต่ก็หาได้กลัวไม่ อย่างไรเสียพี่สะใภ้ก็อยู่ด้วยจึงไม่ต้องกังวลเรื่องไฟโทสะของเสด็จพี่สามซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงมีสีหน้าเย็นชาราวกับว่ามีคนค้างเงินเขาแล้วยังไม่คืนกระนั้น นางกล่าวว่า“อย่าโกรธเลยเพคะ หม่อมฉันคิดว่าท่านเพิ่งกลับมา ทั้งยังต้องเข้าวังไปรายงาน ในจวนอ๋องก็มีเรื่องมากมายต้องจัดการ หม่อมฉันไม่อยากรบกวนท่านอย่างไรเล่าเพคะ?”ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ “ข้าว่าเจ้าไม่อยากให้ข้ารบกวนเจ้ามากกว่ากระมัง? คืนวานข้าให้คนมาแจ้งเจ้าแล้วนะว่าวันนี้ว่าง”ซ่งรั่วเจินที่ถูกพูดแทงใจดำ “...”วันนี้เดิมทีนางก็แค่อยากมาดูเรื่องสนุก การใส่ใจเรื่องคนอื่นแบบนี้ จะพาฉู่จวินถิงมาด้วยก็คงไม่ได้หรือเปล่า?ดูอย่างไรเขาก็ไม่เหมือนคนที่จะ
เดิมนั้นลั่วหวยหลี่กำลังลังเลอยู่ว่าคนทั้งสี่บังเอิญมาเจอกันเช่นนี้ควรทำอย่างไรดีตามหลักแล้วควรเชิญพวกเขามานั่งด้วยกัน แต่วันนี้ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเชิญเนี่ยนชูมาดูงิ้วด้วยกันได้ ถ้าต้องนั่งด้วยกันสี่คนก็ไม่ต่างจากสูญเสียโอกาสดีๆ แบบนี้ไปครั้นได้ยินข้อเสนอของอวิ๋นเนี่ยนชู เขาก็รีบพยักหน้าทันที “ใช่แล้ว งิ้วกำลังจะเริ่มแล้ว รีบหาที่นั่งสักที่นั่งลงเถอะ”หวงซือถิงมองไปทางอวิ๋นเฉิงเจ๋อโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเขาจะยินดีดูด้วยกันกับตนเองหรือไม่ความจริงนางรู้ว่าคุณชายอวิ๋นไม่ได้ชอบนาง การพบกันคราวก่อนก็เป็นเพราะใช้วิธีการตุกติก หากไม่ทำเช่นนั้นก็คงไม่มีโอกาสได้พบอวิ๋นเฉิงเจ๋อนางรู้ว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม แต่ในเมื่อคุณชายอวิ๋นไม่มีคนในดวงใจ นางก็สามารถทำใจกล้าๆ หน่อยได้ใช่ไหมนะ?“คุณชายอวิ๋น ที่นั่งของข้าอยู่ด้านหลัง ไม่อย่างนั้นพวกเราไปทางนั้นด้วยกันดีไหมเจ้าคะ?” หวงซือถิงเสนอขึ้นมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อมองใบหน้าเล็กๆ ที่เฉยเมยของอวิ๋นเนี่ยนชู อารมณ์คุกรุ่นอยู่ในดวงตา เขาเอ่ยเสียงขรึม “ไยต้องลำบากเช่นนั้น ในเมื่อมาเจอกันแล้วก็นั่งด้วยกันตรงนี้แหละ คุณชายลั่วคงไม่ถือสากระมัง?”ลั่วหวยหลี่อึ้ง
“คุณชายอวิ๋น ท่านก็มาดูงิ้วเหมือนกันหรือ?”ลั่วหวยหลี่ลอบสงสัยในใจ รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนัก เมื่อวานตอนกินข้าวที่เรือนสกุลซ่ง พวกเขาก็พูดแล้วว่าวันนี้จะมาดูงิ้วตามหลักแล้ว อวิ๋นเฉิงเจ๋อควรหลีกเลี่ยงคำครหาถึงจะถูก แต่เขาก็มาเสียอย่างนั้น คงไม่ได้กลัวว่าเขาจะรังแกเนี่ยนชูหรอกนะ?“อืม” อวิ๋นเฉิงเจ๋อตอบรับ สายตากลับไปตกที่ร่างอวิ๋นเนี่ยนชูเขาพบว่าแม่นางผู้นี้นอกจากตอนแรกที่เหลือบมองเขาแวบหนึ่งก็เสสายตาไปทางอื่น ท่าทางเหมือนไม่สนใจเขากระนั้นลำคอเขาตีบตัน นางไม่เคยเมินเฉยต่อเขาเช่นนี้มาก่อนเลยบริเวณที่ห่างจากคนทั้งสามไม่ไกล ซ่งรั่วเจินกับซ่งจิ่งเซินกำลังแทะเมล็ดแตงพลางชมดูความครึกครื้น“เหตุใดอวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงโผล่มาปุบปับได้เล่า?”ซ่งจิ่งเซินชมฉากสนุกตรงหน้า พบว่าสถานการณ์เหมือนจะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้สักเท่าไร เดิมทีเห็นอวิ๋นเนี่ยนชูกับลั่วหวยหลี่กำลังคุยกันถูกคอก็รู้สึกว่าสองคนนี้ไม่แน่ว่าอาจลงเอยด้วยกันได้ก็เป็นได้ตอนนี้ดีนัก อยู่ดีๆ ก็มีโผล่มาอีกคนซ่งรั่วเจินไม่ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด เมื่อครู่นางเลือกร้านค้าใกล้ๆ นี้กับซ่งจิ่งเซินได้แล้ว หลังเตรียมการเสร็จก็
“น้องหญิงเนี่ยนชู ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบไก่ทอดสกุลซ่งมากจึงให้คนซื้อมาโดยเฉพาะ ประเดี๋ยวเอาไว้กินตอนดูงิ้ว จะต้องเป็นอะไรที่วิเศษมากแน่ๆ”ลั่วหวยหลี่ยิ้มอบอุ่น รินน้ำชาให้อวิ๋นเนี่ยนชูอย่างเอาใจใส่แล้วรับอาหารที่ซื้อมาล่วงหน้าจากมือผู้ติดตาม“งิ้ววันนี้สนุกยิ่ง ได้ยินว่านานถึงหนึ่งชั่วยาม นอกจากไก่ทอดสกุลซ่งแล้ว ข้ายังซื้อของหวานมาด้วยหลายอย่าง ไม่รู้ว่าเจ้าชอบกินแบบไหน ข้าจึงซื้อมาทั้งหมด”อวิ๋นเนี่ยนชูมองดูไก่ทอดและของว่างต่างๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ความตกตะลึงฉายชัดเต็มสองตา ทั้งยังอดละอายใจไม่ได้“คุณชายลั่ว ท่านสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว ข้า ข้าไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”“เดิมทีก็เป็นข้าที่เชิญเจ้ามาดูงิ้วด้วยกัน เจ้าย่อมไม่จำเป็นต้องเตรียมสิ่งใดอยู่แล้ว”ลั่วหวยหลี่ยิ้มบางพลางเอ่ย “เมื่อวานก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เล็ก เจ้าอย่าเห็นข้าเป็นคนอื่นคนไกลขนาดนั้นเลย ถ้าเจ้าไม่อยากเรียกข้าว่าพี่ชาย จะเรียกชื่อข้าตรงๆ ก็ได้”“ข้ารู้ว่าเรื่องที่พวกผู้ใหญ่เสนอขึ้นมาคราวนี้กะทันหันมาก เจ้าอย่าอึดอัดใจไปเลย ถือเสียว่ามาดูงิ้วกับข้าก็แล้วกัน”“ผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านสนิทกันขนาด
หญิงสาวใสซื่อไร้เดียงสาดุจบุปผาสีขาวบุรุษส่วนมากล้วนชมชอบหญิงสาวเช่นนี้“รอข้าเสียใจภายหลัง เจ้าอย่าให้อภัยข้าเป็นอันขาด” ซ่งจิ่งเซินพูดเสียงแผ่ว ซวยจริงๆเห็นเคอหยวนจื่อโมโหจากไปแล้ว ซ่งรั่วเจินตบบ่าซ่งจิ่งเซิน “พี่สี่ ตอนนี้ข้าสงสัยเหลือเกินหากความทรงจำของท่านฟื้นคืนกลับมาแล้วจะเสียใจภายหลังที่ได้ทำเรื่องนี้หรือไม่”“ที่ผ่านมาสมองของข้าต้องเสียไปแล้วแน่ถึงได้ชอบนาง บัดนี้คิดตกทั้งหมดแล้ว”“ความรักระหว่างข้าและนางไม่ต้องพูดถึง ก็แค่ข้าชอบนาง นางกลับไม่จริงใจต่อข้าเลยสักเศษเสี้ยว นี่จะแต่งกลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่โมโหข้ากระนั้นหรือ?”ซ่งจิ่งเซินนึกถึงท่านลุงสามที่ตนยังไม่เคยพบหน้าก็ถูกสกุลกู้ขับไล่ไปแล้วท่านนั้น นั่นก็คือตัวอย่างอย่างไรเล่า!“ข้าได้ยินมาว่านับตั้งแต่กู้ชิงเจ๋อถูกไล่ออกมา ฮูหยินก็หย่ากลับบ้านไป หลิ่วอวิ๋นเวยเองก็ตายไปแล้ว บัดนี้ดื่มเหล้าเมามาย ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิว “เพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือ ท่านก็รู้เรื่องมากถึงเพียงนี้แล้ว?”“ย่อมเป็นเช่นนั้น ข่าวของพี่สี่เจ้าไม่ใช่เรื่องคุยโวโอ้อวดอย่างแน่นอน ข้าไม่อยากหลงใหลไม่ลืมหูลืม
“จิ่งเซิน ก็ถือเสียว่าในอดีตไม่มีอันใดเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ข้ารับปากเลือกชวีคั่วก็เพราะถูกครอบครัวบังคับ ข้าทำอันใดไม่ได้!”เคอหยวนจื่อสบมองซ่งจิ่งเซินอย่างลึกซึ้ง “ข้ายอมรับก่อนหน้านี้ข้าผิดจริง ตอนนั้นเพราะท่านอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด ข้าชินชากับการมีอยู่ของท่าน ไม่รู้ว่าท่านมีความสำคัญต่อข้ามากเพียงใด”“ช่วงเวลานี้ นับตั้งแต่ท่านลืมข้าไป ข้าเจ็บปวดใจราวกับถูกมีดกรีด นี่ถึงรู้ว่าที่แท้ภายในใจข้าไม่อาจไม่มีท่านได้ ท่านสามารถมอบโอกาสให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ภายในใจสะท้อนแววนึกสนุก เหตุใดเนื้อเรื่องคล้ายภรรยาตระหนักได้จึงไล่ตามง้อสามีเลยเล่า?ในอดีตยามซ่งจิ่งเซินไล่ตามนาง นางกลับไม่รู้สึกอันใด คิดเพียงว่าซ่งจิ่งเซินเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี บัดนี้จู่ๆ คนไร้ศักดิ์ศรีก็มีศักดิ์ศรีแล้ว นางถึงรู้ว่าชอบซ่งจิ่งเซินไปแล้ว?นางหันมองทางซ่งจิ่งเซินอย่างอดไม่ได้ อยากรู้ว่าคนคลั่งรักอย่างเขาได้รู้สถานการณ์นนี้แล้วความคิดจะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งจิ่งเซินได้เห็นสายตาของซ่งรั่วเจินก็หยั่งเดาความคิดออกแล้ว กลอกตาขาวอย่างอดไม่ได้ เขาเป็นตัวโง่งมหลอกง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“นั่นเพราะเดิมทีเจ้าก็ไม่สำคัญต่อข้า ดังนั้นข้าจึงลืมไปแล้ว” ซ่งจิ่งเซินพูดท่าทีของเคอหยวนจื่อแข็งทื่อไป “ไม่ เป็นเพราะข้าพิเศษที่สุดภายในใจท่าน ดังนั้นท่านถึงลืมเพียงข้า ข้าก็คือหนึ่งเดียวคนนั้นอย่างไรเล่า!”“ข้าว่าแม่นางเคอ ภายในใจข้า ท่านพ่อท่านแม่ข้า ครอบครัวของข้าต่างหากสำคัญที่สุด”“เจ้าพูดไปเสียทุกคำว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของพวกเราดีมาก แต่ข้าจำได้ว่าตอนพบหน้ากัน เจ้าคิดเพียงอยากแต่งงานกับชวีคั่ว”“หากระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงเพียงนี้จริง เจ้าก็คงไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น น่ากลัวว่าเจ้าอยากฉวยโอกาสตอนข้าสูญเสียความทรงจำมาหลอกข้ากระมัง?”ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดของซ่งจิ่งเซิน คิดว่าเขามีสติยิ่งกว่าในอดีตมาก คาดว่าต่อให้ฟื้นคืนความทรงจำ ก็ไม่มีวันขาดสติเหมือนในอดีตอีกเคอหยวนจื่อได้ยินแล้วก็คล้ายเข้าใจขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม“ข้าก็รู้ท่านพูดเรื่องทั้งหมดนี้เพราะเรื่องงานแต่งของข้าและชวีคั่ว ท่านกำลังโกรธ ท่านเพิ่งกลับมาจึงน่าจะยังไม่รู้ ข้าและชวีคั่วถอนหมั้นกันแล้ว คราวนี้ท่านดีใจแล้วกระมัง?”ดวงตาซ่งจิ่งเซินเบิกกว้างอย่างตกตะลึง “เหตุใดชวีคั่วไอ้โง่ถูกหลอกใช้ค
ซ่งรั่วเจินตามซ่งจิ่งเซินเข้ามาภายในร้าน มองคนมากมายกลุ่มนั้น ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้นับตั้งแต่ร้านไก่ทอดและไส้กรอกย่างเปิดตัว การค้าก็ดีมากมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่เปิดสาขาไม่น้อย แต่การค้ายังเหมือนที่ผ่านมา“น้องหญิงห้า เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ไม่รู้คิดของอร่อยถึงเพียงนี้ออกมาได้เยี่ยงไร”ซ่งจิ่งเซินถอนใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมาการค้าของสกุลซ่งพวกเขาไม่เลวมาโดยตลอด แต่ของกินที่น้องหญิงห้าเพิ่งคิดค้น รสชาติอร่อยเกินไปแล้ว!ซ่งรั่วเจินมองบรรยากาศครึกครื้นเบื้องหน้า นึกถึงร้านปิ้งย่างอันเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนานตามตรอกซอกซอยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ปิ้งย่าง ทุกคนล้วนรักเสมอมา“พี่สี่ ข้านึกถึงของกินที่การค้าได้รับความนิยมยิ่งกว่านี้ขึ้นได้อย่างหนึ่ง” ซ่งรั่วเจินพูดถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ซ่งจิ่งเซินเบิกตากว้างอย่างเหลือจะเชื่อ “จริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หรือข้ายังจะหลอกท่านอีกกระนั้น? อันที่จริงก็คล้ายไส้กรอกย่าง แต่ไส้กรอกย่างเป็นเพียงแค่หนึ่งชนิดในนั้น พวกเราสามารถเพิ่มหลากหลายอย่างเข้าไปได้ ทุกคนเองก็สามารถเลือกได้มากยิ่งขึ้น”“คือสิ่งใด?”“ปิ้งย่าง!”ต่อจากคำพูดของซ่งรั่วเจิน ซ่งจิ่
เดิมทีเขาก็เป็นคนให้ความสำคัญและหนักแน่นในความสัมพันธ์ บัดนี้สหายมากมายต้องตายเพราะเขา เขาไม่มีวันยอมเลิกราได้ยิน สีหน้ากู้หรูเยียนหม่นลงหลายส่วน แต่กลับมาหนักแน่นอย่างว่องไว“ข้ารู้อุปนิสัยของพ่อเจ้าดี เขาไม่มีวันยอมแพ้ ข้าก็แค่กังวลความปลอดภัยของเขา แต่คิดดูอย่างละเอียดแล้วหากเขามีอุปนิสัยน่ารังเกียจ เผชิญหน้ากับอันตรายก็ถอยกลับอย่างหวาดกลัว ข้าก็คงไม่แต่งกับเขา”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนล้วนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่พูดถูกแล้ว ท่านพ่อเป็นเช่นนี้ถึงแข็งแกร่งสมชายชาตรี ไม่รู้อยู่ที่ภายนอกมีคนอิจฉากี่มากน้อย ก็ดูเจ้าคนไร้น้ำยาที่หลิ่วเฟยเยี่ยนตบแต่งเถอะ ไม่สามารถเทียบได้เลยสักเศษเสี้ยว”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าภาคภูมิใจ เขาคิดว่าบิดาเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากขณะกำลังสนทนา ลั่วหวยหลี่ก็มาแล้ว“หวยหลี่มารับเนี่ยนชูออกไปหรือ?” หลิ่วหรูเยียนพูดยิ้มๆลั่วหวยหลี่ทำความเคารพ พูดอย่างเก้อเขิน “เมื่อวานนัดหมายไว้ดีแล้ว วันนี้อยากเชิญน้องเนี่ยนชูไปชมละครขอรับ”“ช่วงนี้คณะงิ้วเปิดตัวใหม่แสดงได้ดีมาก การค้ารุ่งเรือง ตั๋วหาได้ยากยิ่ง”ทันใดนั้นซ่งจิ่งเซินก็รู้แล้วว่าลั่วหวยหลี่กำลังพ