ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อมีสายสัมพันธ์ส่วนตัว?จางเหวินย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่เนี่ยนชูและเฉิงเจ๋ออยู่ด้วยกันในแต่ละวัน นางรู้ว่าเนี่ยนชูชอบอยู่กับเฉิงเจ๋อมาก ออกไปข้างนอกด้วยกันเป็นปกตินางคิดมาโดยตลอดว่านั้นคือสายสัมพันธ์พี่น้อง ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่น ทว่าลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เนี่ยนชูถึงวัยแต่งงานแล้ว กลับไม่มีความรักแรกแย้มของหญิงสาว คู่ดูตัวที่แนะนำให้ล้วนถูกนางปฏิเสธไปจนหมด ไม่ยอมกระทั่งไปพบหน้าสักครั้งเฉิงเจ๋อยิ่งไม่ต้องพูดมาก ทว่าเขาเป็นคนคิดมากตั้งแต่เด็ก ทีแรกก็บอกว่าทั้งหมดยังรอให้สอบผ่านก่อนค่อยว่ากันก่อนมีชื่อเสียงและเกียรติยศ เขาไม่คิดเรื่องแต่งงาน ไม่อยากให้ทั้งหมดต้องสูญเปล่า นี่ทำให้น้าอย่างนางต้องวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อมทั้งหมดเพราะเหตุนี้ นางไม่ได้เร่ง จนกระทั่งตอนนี้เฉิงเจ๋อเป็นขุนนางแล้ว นางถึงให้เขาไปดูตัวกับแม่นางหวงแม่นางหวงไม่ว่าชาติกำเนิด รูปโฉมหรืออุปนิสัยล้วนไม่เลว มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้หวงฮูหยินเองก็พูดกับนางจนเข้าใจแล้ว แม่นางหวงลอบมีใจมาตั้งนานแล้ว หากได้อยู่ร่วมกันก็เป็นเรื่องดีที่สุดในสายตาของนาง นี่คืองานแต่งที่ดีมาก ทว่าเฉิงเ
ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วหวยหลี่เองก็เป็นคนจิตใจดี เป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง!“เนี่ยนชูมีคนภายในใจแล้วหรือไม่? หากไม่มี ไม่สู้ให้เด็กทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกัน?”เยี่ยนชิงอวี้สบมองสีหน้าจางเหวินก็รู้ว่าความคิดของนางเหมือนกับตนเอง ใบหน้าเผยรอยยิ้มนับตั้งแต่ได้เห็นชิงอินและเยี่ยนโจวมีความสัมพันธ์อันดีถึงเพียงนี้ นางก็คิดว่าคู่รักในวัยเยาว์ที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเข้ากันได้ไม่เลวจางเหวินเหลือบมองเนี่ยนชูแวบหนึ่ง เห็นนางมิได้ปฏิเสธจึงพูดยิ้มๆ “เด็กหน้าบาง ตอนนี้น่ากลัวว่าเขินอายเกินกว่าจะพูด มิสู้นัดพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน”“ไม่เลวๆ หวยหลี่คนนี้รู้จักสถานที่น่าสนใจไม่น้อย พวกเจ้าคนหนุ่มสาวสามารถไปเที่ยวเล่นได้ เชื่อว่าจะต้องชอบแน่”ใบหน้าเยี่ยนชิงอวี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หากการจับคู่นี้สำเร็จ นั่นก็ดีเหลือเกินลั่วกั๋วกงทางด้านข้างกลับไม่มีความเห็น เดิมทีหวยหลี่ก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว แม้ว่าจางเหวินหย่าร้าง แต่คนสง่างามน่าเลื่อมใส ไม่ว่าเนี่ยนชูหรือเฉิงเจ๋อก็ล้วนสั่งสอนออกมาได้ดีมาก เดิมทีก็ไม่ต้องกังวลซ่งรั่วเจินนั่งรับชมอยู่ทางด้านข้างเงียบๆ นางและลั่วหวยหลี่ได้ติดต่อกันมากที่สุดก
เยี่ยนชิงอวี้สบตาลั่วกั๋วกงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังย่อมสังเกตเห็นปัญหา“ชุลมุนอยู่นาน เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้มีแม่นางที่ชมชอบตั้งแต่แรกแล้ว?” ลั่วกั๋วกงลดเสียงให้เบาลง “ข้ายังคิดว่าเจ้าจับคู่ยวนยางส่งเดชเสียอีก”เยี่ยนชิงอวี้มองลั่วกั๋วกงอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “พูดเหลวไหลอันใด? ข้าเป็นคนตาไม่มีแววถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”หากเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ นางก็คงไม่วู่วามเอ่ยเรื่องนี้ออกมา นางสังเกตเห็นว่านับตั้งแต่เนี่ยนชูมา หวยหลี่ก็ลอบมองนางไม่ใช่เพียงครั้งเดียว นี่ถึงตั้งใจถามดูสักหน่อยเป็นมารดาย่อมรู้จักลูกชายดี นางเข้าใจดี!งานเลี้ยงครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสแย้มยิ้มเบิกบาน เหล่าคนรุ่นหลังกลับมีความคิดของตนลั่วชิงอินมองน้องชายของตนและพูดว่า “ท่านแม่ทำให้เจ้าถึงขั้นนี้แล้ว จากนี้ไปเจ้าต้องพยายามด้วยตนเองดีๆ ล่ะ”“พี่หญิงรอง ไม่รู้ท่านกำลังพูดเหลวไหลอันใด?” ลั่วหวยหลี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน“เจ้าอย่าคิดว่าข้ามองไม่ออก ตั้งแต่เด็กเจ้าไม่ใช่ชอบไปเล่นกับน้องหญิงเนี่ยนชูของเจ้าหรอกหรือ? ทว่านับตั้งแต่ญาติผู้พี่ของนางมา ทุกครั้งนางก็ไล่ตามหลังญาติผู้พี่ของนาง”“ตอนนั้นเจ้ายังโมโหเพราะเรื่องนี้อยู่เลย พู
“ญาติผู้พี่ไม่จำเป็นต้องกังวล รั่วเจินไม่รังเกียจข้าหรอกเจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยตอบลูกกระเดือกอวิ๋นเฉิงเจ๋อกลิ้งขึ้นลง พูดเนิบๆ “พรุ่งนี้เจ้าจะออกไปหรือ?”“เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินแล้วมิใช่หรือ? นัดหมายวันพรุ่งนี้ถูกกำหนดไว้ดีแล้ว ข้าย่อมต้องไปเจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยรับดวงตาดำขลับของอวิ๋นเฉิงเจ๋อถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา สุ้มเสียงกลับสงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ “ได้ ข้าไปล่ะ”เห็นฝ่ายชายหันหลังจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา อวิ๋นเนี่ยนชูเองก็หันหลังกลับเข้าสกุลซ่งตอนนี้ซ่งรั่วเจินถูกลั่วชิงอินเรียกไปสอบถามสถานการณ์อยู่ทางด้านข้าง“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านถามถึงความชอบของเนี่ยนชู คงไม่ใช่...”เนตรขนงของซ่งรั่วเจินเผยแววแปลกใจ ภายในสมองกลับเริ่มครุ่นคิดภายในต้นฉบับเขียนความสัมพันธ์ระหว่างลั่วหวยหลี่และอวิ๋นเนี่ยนชูหรือไม่?เอือมระอาหนังสือเล่มนี้เขียนเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ คนอื่นเป็นเพียงตัวประกอบ ส่วนเนี่ยนชูในฐานะสหายที่ดีของนาง สุดท้ายก็ตายไปเพราะนางแม้แต่สถานการณ์ของอวิ๋นเฉิงเจ๋อเองก็ไม่ได้เขียนมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลั่วหวยหลี่ นี่คล้ายกำลังคลี่คลายเนื้อเรื่องลับ!ร
สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูซับซ้อน นึกถึงสายตาเย็นชาของญาติผู้พี่ยามจากไปในวันนี้ รู้สึกเพียงตนเองคล้ายตัวตลกนางเกลียดที่ไม่แต่งงานโดยเร็ว ภายภาคหน้าก็มีโอกาสพบญาติผู้พี่ได้น้อยมาก อีกทั้งยังไม่ต้องคิดเหลวไหลที่ผ่านมานางเฝ้ารอญาติผู้พี่กลับมาเร็วๆ ทุกวัน ต่อให้ไม่พูดอันใด ขอเพียงได้เห็นเขาก็ดีใจมากแล้ว ทว่าบัดนี้เพียงได้ยินเรื่องของญาติผู้พี่และแม่นางหวง นางก็รู้สึกเจ็บปวดราวหัวใจถูกเข็มแทงก็มิปานอยากทำเพียงหลบซ่อน ไม่อยากได้ยินอันใด“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า”ซ่งรั่วเจินปลอบโยนอวิ๋นเนี่ยนชู ไม่ว่าใครก็ล้วนเคยมีช่วงเวลาอยากหลีกหนีปัญหา โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่องพรรค์นี้แล้ว“เจ้ารู้สึกว่าความคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง พรุ่งนี้ยังต้องออกไปเที่ยวกับลั่วหวยหลี่อีกด้วย คิดว่ากำลังหลอกใช้ประโยชน์จากเขา รู้สึกผิดต่อเขากระมัง?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “รั่วเจิน เจ้าช่างเข้าใจความรู้สึกของข้าจริงๆ อันที่จริงข้าคิดมาโดยตลอด ข้าที่เป็นเช่นนี้ต่ำช้าเกินไปแล้วกระมัง?”“อันที่จริงเมื่อครู่ข้าสมควรปฏิเสธ แต่ข้าไม่ได้ทำ ไม่รู้เพราะทะนงตนหรืออยากเปลี่ยนความคิดจริงๆ ข้าจึงไม่ได้ปฏิเสธ...”“อย่าคิดมากถึงเพียง
เดิมทีเขาก็เป็นคนให้ความสำคัญและหนักแน่นในความสัมพันธ์ บัดนี้สหายมากมายต้องตายเพราะเขา เขาไม่มีวันยอมเลิกราได้ยิน สีหน้ากู้หรูเยียนหม่นลงหลายส่วน แต่กลับมาหนักแน่นอย่างว่องไว“ข้ารู้อุปนิสัยของพ่อเจ้าดี เขาไม่มีวันยอมแพ้ ข้าก็แค่กังวลความปลอดภัยของเขา แต่คิดดูอย่างละเอียดแล้วหากเขามีอุปนิสัยน่ารังเกียจ เผชิญหน้ากับอันตรายก็ถอยกลับอย่างหวาดกลัว ข้าก็คงไม่แต่งกับเขา”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนล้วนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่พูดถูกแล้ว ท่านพ่อเป็นเช่นนี้ถึงแข็งแกร่งสมชายชาตรี ไม่รู้อยู่ที่ภายนอกมีคนอิจฉากี่มากน้อย ก็ดูเจ้าคนไร้น้ำยาที่หลิ่วเฟยเยี่ยนตบแต่งเถอะ ไม่สามารถเทียบได้เลยสักเศษเสี้ยว”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าภาคภูมิใจ เขาคิดว่าบิดาเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากขณะกำลังสนทนา ลั่วหวยหลี่ก็มาแล้ว“หวยหลี่มารับเนี่ยนชูออกไปหรือ?” หลิ่วหรูเยียนพูดยิ้มๆลั่วหวยหลี่ทำความเคารพ พูดอย่างเก้อเขิน “เมื่อวานนัดหมายไว้ดีแล้ว วันนี้อยากเชิญน้องเนี่ยนชูไปชมละครขอรับ”“ช่วงนี้คณะงิ้วเปิดตัวใหม่แสดงได้ดีมาก การค้ารุ่งเรือง ตั๋วหาได้ยากยิ่ง”ทันใดนั้นซ่งจิ่งเซินก็รู้แล้วว่าลั่วหวยหลี่กำลังพ
ซ่งรั่วเจินตามซ่งจิ่งเซินเข้ามาภายในร้าน มองคนมากมายกลุ่มนั้น ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้นับตั้งแต่ร้านไก่ทอดและไส้กรอกย่างเปิดตัว การค้าก็ดีมากมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่เปิดสาขาไม่น้อย แต่การค้ายังเหมือนที่ผ่านมา“น้องหญิงห้า เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ไม่รู้คิดของอร่อยถึงเพียงนี้ออกมาได้เยี่ยงไร”ซ่งจิ่งเซินถอนใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมาการค้าของสกุลซ่งพวกเขาไม่เลวมาโดยตลอด แต่ของกินที่น้องหญิงห้าเพิ่งคิดค้น รสชาติอร่อยเกินไปแล้ว!ซ่งรั่วเจินมองบรรยากาศครึกครื้นเบื้องหน้า นึกถึงร้านปิ้งย่างอันเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนานตามตรอกซอกซอยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ปิ้งย่าง ทุกคนล้วนรักเสมอมา“พี่สี่ ข้านึกถึงของกินที่การค้าได้รับความนิยมยิ่งกว่านี้ขึ้นได้อย่างหนึ่ง” ซ่งรั่วเจินพูดถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ซ่งจิ่งเซินเบิกตากว้างอย่างเหลือจะเชื่อ “จริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หรือข้ายังจะหลอกท่านอีกกระนั้น? อันที่จริงก็คล้ายไส้กรอกย่าง แต่ไส้กรอกย่างเป็นเพียงแค่หนึ่งชนิดในนั้น พวกเราสามารถเพิ่มหลากหลายอย่างเข้าไปได้ ทุกคนเองก็สามารถเลือกได้มากยิ่งขึ้น”“คือสิ่งใด?”“ปิ้งย่าง!”ต่อจากคำพูดของซ่งรั่วเจิน ซ่งจิ่
“นั่นเพราะเดิมทีเจ้าก็ไม่สำคัญต่อข้า ดังนั้นข้าจึงลืมไปแล้ว” ซ่งจิ่งเซินพูดท่าทีของเคอหยวนจื่อแข็งทื่อไป “ไม่ เป็นเพราะข้าพิเศษที่สุดภายในใจท่าน ดังนั้นท่านถึงลืมเพียงข้า ข้าก็คือหนึ่งเดียวคนนั้นอย่างไรเล่า!”“ข้าว่าแม่นางเคอ ภายในใจข้า ท่านพ่อท่านแม่ข้า ครอบครัวของข้าต่างหากสำคัญที่สุด”“เจ้าพูดไปเสียทุกคำว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของพวกเราดีมาก แต่ข้าจำได้ว่าตอนพบหน้ากัน เจ้าคิดเพียงอยากแต่งงานกับชวีคั่ว”“หากระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงเพียงนี้จริง เจ้าก็คงไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น น่ากลัวว่าเจ้าอยากฉวยโอกาสตอนข้าสูญเสียความทรงจำมาหลอกข้ากระมัง?”ซ่งรั่วเจินได้ยินคำพูดของซ่งจิ่งเซิน คิดว่าเขามีสติยิ่งกว่าในอดีตมาก คาดว่าต่อให้ฟื้นคืนความทรงจำ ก็ไม่มีวันขาดสติเหมือนในอดีตอีกเคอหยวนจื่อได้ยินแล้วก็คล้ายเข้าใจขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม“ข้าก็รู้ท่านพูดเรื่องทั้งหมดนี้เพราะเรื่องงานแต่งของข้าและชวีคั่ว ท่านกำลังโกรธ ท่านเพิ่งกลับมาจึงน่าจะยังไม่รู้ ข้าและชวีคั่วถอนหมั้นกันแล้ว คราวนี้ท่านดีใจแล้วกระมัง?”ดวงตาซ่งจิ่งเซินเบิกกว้างอย่างตกตะลึง “เหตุใดชวีคั่วไอ้โง่ถูกหลอกใช้ค
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ