ในที่สุดพวกเขาก็ได้กินอิ่มเสียที นอกจากนี้ การมาถึงของฉู่อ๋องและราชครูกู้ยังทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังที่จะได้สร้างบ้านขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังจากซ่งจิ่งเซินมาถึงแล้วก็นำเสบียงอาหารที่จำเป็นมาด้วยเต็มลำเรือ ฉู่จวินถิงรับซื้อในราคาสูง หลังจากนั้นก็มีเสบียงอาหารทยอยมาถึงมากกว่าเดิม เสบียงในเมืองจึงไม่ขาดแคลนอีกต่อไปพ่อค้าร่ำรวยในเมืองผิงหยางเห็นตระกูลสือประสบเคราะห์ ตระกูลเฉากับตระกูลเหยาก็ทยอยได้รับผลกระทบ ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้ากักตุนเสบียง ทยอยนำออกมาลดราคาขายซ่งรั่วเจินมองดูฉู่จวินถิงหาคนจำนวนหนึ่งมาหารือกันว่าจะสร้างสะพานขึ้นใหม่ได้อย่างไรเนื่องจากอุทกภัยก่อนหน้านี้ไม่เพียงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนไร่นา สะพานก็ยังถูกน้ำซัดจนถล่มแม้ซ่งรั่วเจินจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องด้านนี้นัก แต่ดีชั่วอย่างไรนางก็เป็นคนที่ทะลุมิติมา ไม่เคยกินหมูก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่งมาก่อนจึงเสนอความรู้เชิงทฤษฎีบางอย่างออกมาภายหลังยังนำกระดาษและพู่กันมาวาดภาพร่างสะพานลงไปจำต้องยอมรับว่าคนที่ฉู่จวินถิงหามาล้วนแต่ร้ายกาจ หลังจากนางวาดภาพร่างเสร็จ คนอื่นๆ ก็มองเห็นจุดที่เป็นข้อดีได้ในทันที“คิดไม่ถึงว่าแม่นางซ่งจะมีคว
เมืองหลวงหลังฉู่เทียนเช่อและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับถึงเมืองหลวง ทุกคนก็ได้ทราบข่าวที่คุณชายใหญ่ตระกูลหลิงเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถฉู่เทียนเช่อยังให้คนนำจดหมายไปส่งแต่ละบ้าน อันดับแรกที่ไปคือตระกูลซ่ง พร้อมกันนั้นยังแจ้งข่าวที่ว่าแม่ทัพซ่งยังมีชีวิตอยู่ต่อทุกคนด้วยเมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา ผู้คนทั้งเมืองหลวงล้วนแต่ประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแม่ทัพซ่งเสียชีวิตในสนามรบ คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าน่าเสียดาย ยามนี้ได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ชาวบ้านล้วนปีติยินดีอย่างไม่อาจเลี่ยงคนส่วนหนึ่งในราชสำนักรู้ข่าวลือนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ในจำนวนนั้นผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซ่งย่อมรู้สึกยินดี แต่คนที่รังแกตระกูลซ่งในช่วงก่อนหน้านี้เพราะคิดว่าซ่งหลินตายไปแล้ว ยามนี้ย่อมจะนั่งไม่ติดเป็นธรรมดาก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคนตระกูลซ่งคงจบสิ้นแล้ว ซ่งหลินไม่อยู่แล้ว แต่กลับมีเงินมากมายขนาดนี้ ย่อมเป็นเนื้ออันโอชะในสายตาทุกคนตระกูลซ่งในตอนนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันคนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพตงจงหลาง อีกคนเป็นจอหยวนหมาดๆ ล้วนแต่มีความสามารถอย่างยิ่งกันทั้งคู่ ได้
โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนออกมาดีที่สุดแล้ว“ข้ารู้ว่าเจ้าดีต่อชิงอิน เยี่ยนโจวก็ดีต่อชิงอิน ตอนนี้เวลาเด็กคนนี้มาเจอข้า อ้าปากทีไรก็พูดถึงแต่บ้านแม่สามี ยังจะคิดถึงคนเป็นแม่อย่างข้าอยู่เสียที่ไหน?”เยี่ยนชิงอวี้ส่ายศีรษะน้อยๆ “ให้นางอยู่บ้านเจ้าไปเถอะ ข้าคร้านจะสนใจนางแล้ว”เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นางรู้ว่ากู้หรูเยียนสนิทสนมกับเยี่ยนชิงอวี้ ตอนนี้กลายเป็นคนในครอบครัวกันอย่างแท้จริงแล้ว“ความจริงข้ามาวันนี้เพราะอยากมาคุยเรื่องสนุกกับเจ้าละ” เยี่ยนชิงอวี้ทำทีลึกลับ“เรื่องสนุกอันใดรึ?”“ก็เรื่องตระกูลอวิ๋นน่ะสิ” แววขบขันวาบผ่านดวงตาของเยี่ยนชิงอวี้ “อนุอวิ๋นผู้นั้นเข้าใจว่าหลังจางเหวินกับอวิ๋นหงหล่างหย่ากันแล้ว นางก็จะได้เป็นอวิ๋นฮูหยิน ช่างฝันเฟื่องเสียจริงๆ!”กู้หรูเยียนพลันมีท่าทางสนอกสนใจขึ้นมา “เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย เรื่องเป็นอย่างไรรึ?”“ได้ยินว่าหลังจากใต้เท้าอวิ๋นหย่าก็รู้สึกว่าขายหน้า แต่อนุอวิ๋นก็ดันอาละวาดไม่หยุด บอกว่าเงินถูกจางเหวินเอาไปหมดแล้ว ไม่พอใจสถานการณ์ภายในจวนเป็นอย่างมาก”“เดิมทีใต้เท้าอวิ๋นยังอดทนอดกลั้น ต่อมาพออดทนไม่ไหวก
“หลังจากอนุอวิ๋นรู้เรื่องนี้ก็โวยวายในจวนใหญ่เลยละ ด่าทออวิ๋นหงหล่างว่าเป็นผู้ชายหลายใจ ทำให้เขาหัวเสียอย่างหนักจนไม่กลับไปนอนที่บ้านมาสองวันแล้ว”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้สบตากันแล้วก็ต่างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่“อวิ๋นหงหล่างก็ทำตัวเองจริงๆ ภรรยาที่ดีขนาดนี้ไม่รู้จักทะนุถนอม ต่อไปอนุอวิ๋นคงสร้างปัญหาไม่จบแน่”“ข้าได้ยินมาว่าคนที่แนะนำให้คนนั้นก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่าย แม้อายุจะน้อยกว่าโข แต่เป็นคนที่เก่งกาจคนหนึ่ง”กู้หรูเยียนเข้าใจแล้ว ขอแค่เป็นนายหญิงที่เก่งกาจคนหนึ่งย่อมจะมีวิธีการมากมายมาจัดการกับอนุภรรยาในจวนเรื่องอย่างการโปรดปรานอนุย่ำยีภรรยา หากลือกันใหญ่โต อวิ๋นหงหล่างก็คงจะโชคร้ายแล้วหากไม่ใช่เพราะจางเหวินหมดใจไปแต่แรกจึงคร้านจะสนใจ อนุอวิ๋นก็คงไม่ได้มีชีวิตสุขสบายตลอดหลายปีมานี้ แต่เห็นได้ชัดว่า...ช่วงเวลานี้กำลังจะจบสิ้นลงในอีกไม่ช้า“เห็นทีหลังจากนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมดูแล้วละ” กู้หรูเยียนเอ่ยพร้อมยิ้มบางเยี่ยนชิงอวี้พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าได้ยินว่างานมงคลระหว่างแม่นางตระกูลเคอผู้นั้นกับตระกูลชวีล่มแล้ว?”กู้หรูเยียนย่นคิ้ว “เรื่องตั้ง
ดวงตางามของกู้หรูเยียนฉายแววอ่อนใจ นี่คือเรื่องที่นางกังวลใจที่สุด เรื่องมงคลดีๆ เรื่องหนึ่งหากเกิดเปลี่ยนใจในภายหลังกะทันหัน มิกลายเป็นโศกนาฏกรรมหรอกหรือ?“ข้าเห็นว่าจิ่งเซินก็ไม่ได้โง่ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจจนเกินไป ก่อนนี้เข้าใจว่าเคอหยวนจื่อเพียงแต่ลองใจเขา ตอนนี้นางถึงขั้นหมั้นหมายกับคนอื่นลับหลังจิ่งเซินแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาเขามาใส่ใจเลยสักนิด”“ถึงในอดีตจิ่งเซินจะชอบแค่ไหน ตอนนี้ก็ควรเข้าใจได้แล้ว มิสู้รอถามให้รู้เรื่องตอนกลับมาอีกทีดีกว่า”“นอกจากนี้ ด้วยนิสัยของแม่ทัพซ่ง ต่อให้จิ่งเซินหน้ามืดตามัวอยากแต่งงานกับเคอหยวนจื่อ เกรงว่าเขาก็คงไม่เห็นด้วยกระมัง?” เยี่ยนชิงอวี้เอ่ยพร้อมยิ้มบางกู้หรูเยียนนึกถึงนิสัยของซ่งหลิน ถึงเขาจะนิสัยดี แต่ก็มีหลักการอย่างยิ่ง เรื่องที่ไม่เห็นด้วยไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางตอบตกลงสองปีมานี้ก็เป็นเพราะเขาไม่ได้กลับมาจึงไม่รู้เรื่องที่จิ่งเซินทำลงไปพวกนั้น หากรู้แล้ว เกรงว่ากลับมาแล้วจิ่งเซินคงจะถูกอบรมสั่งสอนอย่างไม่อาจเลี่ยง……สถานการณ์เมืองผิงหยางดีขึ้นทุกวัน เสบียงชุดใหญ่ถูกลำเลียงขนส่งมาหลังจากเรือจากเมืองอื่นมาถึงแล้วทราบว่าซ่งจิ่งเ
เมืองหลวง จวนตระกูลซ่ง“ฮูหยิน อนุอวิ๋นเอาแต่ป่าวประกาศอยู่ด้านนอกว่าจะมาพบจางฮูหยิน มิให้นางเข้า นางก็เอาแต่ส่งเสียงโวยวายอยู่ด้านนอกไม่หยุด” พ่อบ้านสีหน้าไม่สู้ดี เขาแทบอยากจะลงมือตบตีสักครั้งแล้วส่งตัวกลับไป แต่ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคนสกุลอวิ๋น ทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก “อนุอวิ๋นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ข้ากับอวิ๋นหงหล่างหย่าขาดกันแล้ว นางยังจะมาหาข้าทำไมอีก?” จางเหวินใบหน้าถมึงทึง ลุกพรวดขึ้นทันที “ข้าจะออกไปพบนางเดี๋ยวนี้!” “อย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย” กู้หรูเยียนคว้าตัวจางเหวินไว้ก่อนกล่าวว่า “หากเจ้าออกไปตอนนี้ ในขณะที่นางกำลังโวยวายอยู่ด้านนอก เช่นนั้นมิเท่ากับทำให้เจ้าต้องพลอยขายหน้าไปด้วยหรือ?” “ตอนนี้นางก็คือผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสีย ย่อมไม่เกรงกลัวผู้ที่มี ชื่อเสียงตัวเองป่นปี้ไปแล้ว จึงอยากจะทำลายเจ้าไปด้วย” ระหว่างที่กล่าวนั้น กู้หรูเยียนก็สั่งพ่อบ้านว่า “เจ้าไปพานางเข้ามาเถิด” “สตรีนางนี้มิใช่คนที่จะเงียบสงบ ข้ากลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเจ้า เช่นนั้นให้ข้าออกไปพบนางเองเถิด” จางเหวินส่ายหน้า ก่อนหน้านี้ที่ก่อเรื่องจนไปถึงทางการก็เป็นบ
แววตาของอนุอวิ๋นฉายแววคาดหวัง แท้จริงแล้วนางรู้สึกเสียใจ หากรู้แต่แรกว่าทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้ สู้ปล่อยให้จางเหวินอยู่ในจวนตั้งแต่แรกเสียยังจะดีกว่า ทว่าเมื่อจางเหวินได้ยินคำพูดนี้กลับรู้สึกขบขัน คนชั่วย่อมมีคนชั่วมาจัดการ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เจ้าถนัดที่สุดมิใช่การเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารและอ่อนแอหรอกหรือ? ไฉนตอนนี้พอเทียบกับผู้อื่นไม่ได้ เจ้าถึงได้รีบร้อนมาขอความช่วยเหลือล่ะ?” “หรือว่า… ฮูหยินคนใหม่นางนี้จะดูอ่อนแอกว่าเจ้าอีก?“ นึกถึงแต่ก่อน อนุอวิ๋นก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ ทำให้นางต้องอดทนต่อความอยุติธรรมมากมายในจวน และยังทำให้นางเห็นชัดเจนว่าอวิ๋นหงหล่างเป็นคนโง่เง่าเพียงใด แรกเริ่มนางยังยินดีที่จะอธิบาย แต่เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ยอมแพ้ไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ชายผู้นั้นก็ยังทำให้นางรู้สึกขยะแขยง สีหน้าของอนุอวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่ง นางกัดฟันพลางกำหมัดแน่น แต่ในใจกลับไม่อยากจะยอมรับ ไป๋หย่าเหลียนนังแพศยานั่น เสแสร้งเก่งกว่านางเสียอีก! ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไป๋หย่าเหลียนกำลังอยู่ในวัยเยาว์งามสะพรั่ง ตรงกันข้ามกับนางที่หมดวัยเยาว์ไ
“ข้าทำอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?” อนุอวิ๋นกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้แต่งเข้าสกุลอวิ๋นก็จริง แต่ทุกคนต่างรู้ว่างานแต่งงานของเรากำลังเตรียมการอยู่ เดิมทีเจ้าทำอะไร ข้าก็มิได้สนใจ แต่เจ้ากลับเที่ยวไปทำลายชื่อเสียงของข้าทุกหนทุกแห่ง อีกทั้งยังมารังควานพี่จางอีก เจ้าทำเกินไปแล้วจริงๆ!” ไป๋หย่าเหลียนสีหน้าเย็นชา ลึกลงไปในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ก่อนหน้านี้นางก็รู้ว่าอนุอวิ๋นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย เรื่องที่จวนอวิ๋นเอาใจอนุและกดขี่ฮูหยินเอกนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้ เพียงไปฟังพวกบ่าวไพร่ในจวนก็จะรู้เรื่องเอง เพียงแต่นางไม่เคยเห็นสตรีประเภทนี้อยู่ในสายตาเลย ในฐานะฮูหยินเอก ไหนเลยจะยอมให้อนุมากดหัวได้? ไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็ต้องตบตีให้หลาบจำ! “ข้าทำลายชื่อเสียงเจ้า? ตัวเจ้ามีสันดานเช่นนี้อยู่แล้ว ยังต้องให้ข้าทำลายอีกหรือ?” อนุอวิ๋นโกรธเป็นอย่างมาก ไป๋หย่าเหลียนเมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน นางก็เสแสร้งออดอ้อน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตน นางกลับแสดงท่าทางแข็งกร้าวและเกรี้ยวกราด นางรู้ดีว่าหากไป๋หย่าเหลียนได้เข้าจวนไป ไม่ว่านางหรือซีหว่านก็จะไม่
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองตามเงาหลังของซ่งรั่วเจิน สายตาเปี่ยมความชื่นชอบ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เป่ยชวน แม่นางคนนี้งามมากใช่หรือไม่? คล้ายหลุดออกมาจากภาพวาดก็มิปาน ไม่เพียงหน้าตางดงาม คนเองก็จิตใจดี”“หลายปีแล้วจวินถิงยังไม่แต่งงาน เจ้าว่าข้าแนะนำแม่นางคนนี้ให้เขา เขาจะชอบหรือไม่?”ลู่เป่ยชวนไม่เคยเห็นแม่นางหน้าตางดงามถึงเพียงนี้มาก่อน เมื่อครู่ได้เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกคล้ายติดตรึงอยู่ภายในใจ ได้เห็นท่านย่าคิดว่าแม่นางคนนี้ดีเช่นเดียวกัน เขาเพิ่งดีใจขึ้นมา สรุปคือได้ยินว่าท่านย่าต้องการแนะนำแม่นางคนนี้ให้ญาติผู้พี่เสียอย่างนั้น“ท่านย่า เหตุใดท่านนึกถึงเพียงญาติผู้พี่เล่า ไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ? อายุข้าเองก็ไม่น้อยแล้วนะขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “เจ้าดีชั่วอย่างไรก็อายุยังน้อยกว่าจวินถิง ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางคนนี้งามถึงเพียงนี้ เหมาะสมกับจวินถิงที่สุด!”“แต่ไหนแต่ไรมาข้ามองคนแม่นยำมากนัก แม่นางคนนี้จะต้องมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีวาสนา ไม่แน่ว่าอาจสำเร็จ!”“ท่านย่า ความนัยของท่านคือข้าไม่หล่อเหลาหรือ?”มุมปากลู่เป่ยชวนกระตุกริก เขาอุตส่า
“โอ๊ย...”จู่ๆ เสียงร้องอุทานของผู้ชราก็ดังขึ้นข้างกายซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินหันหน้าก็พบฮูหยินผู้เฒ่าท่านหนึ่งถูกชนจนล้มลงนางรีบเข้าไปประคองฮูหยินผู้เฒ่าพลางเอ่ยถามอย่างกังวล “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่ายังเจือความตกตะลึง คล้ายคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนประคองนาง ทันใดนั้นถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งนางเงยหน้ามองก็พบว่าคนประคองนางคือแม่นางอายุยังน้อยท่านหนึ่ง สำคัญที่สุดคือแม่นางคนนี้หน้าตางดงามอย่างมาก นางยังไม่เคยพบแม่นางงดงามถึงเพียงนี้มาก่อน“แม่นาง ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้า น่ากลัวว่าข้าคงล้มไปแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่รู้สึกกลัวขึ้นมาในภายหลัง นางอายุปูนนี้ กังวลที่สุดก็คือหกล้ม ล้มลงไปครั้งนี้ ไม่ใช่พักผ่อนเพียงชั่วครู่ก็สามารถดีขึ้นได้ ไม่แน่ว่าอาจกระดูกหักและต้องนอนบนเตียงเป็นเดือน“ท่านจะต้องระวังตอนเดิน หกล้มขึ้นมาจะต้องแย่แน่เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มน้อยๆ หลังเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ายืนมั่นคงดีแล้ว นี่ถึงช่วยหยิบห่อยาสมุนไพรบนพื้นขึ้นมา เพียงแต่มีสองห่อตกกระจายบนพื้นไปแล้วนางมองยาสมุนไพรบนพื้นแวบหนึ่งก็รู้ว่านางป่วยเป็นโรคอะไรจึงเอ่ยออกมาอย่างอดไ
เพียงฮองเฮาได้ยินก็ร้อนใจอย่างอดไม่ได้ “ไม่ใช่พูดว่าก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับปากมอบพระราชโองการประทานสมรสแล้วหรือ ขอเพียงออกพระราชโองการ หรือว่าสกุลซ่งยังจะสามารถปฏิเสธได้อีก?”“ลูกไม่อยากบังคับนาง ยิ่งไปกว่านั้นหากแต่งกลับมาแล้วต้องทำให้นางทุกข์ใจ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงเรียบเฉย พูดอีกครั้งว่า “เรื่องนี้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านเองก็ไม่ต้องกังวลแทนข้าอีก ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้สกุลหลิงก็กลับมาจากเมืองผิงหยางแล้ว อันที่จริงชายแดนก็ต้องการคนไปเฝ้า...”สีหน้าฮองเฮาเปลี่ยนไป “หรือเจ้าคิดจะไปเฝ้าชายแดน?”“แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพ่อกังวลเรื่องชายแดนมาโดยตลอด ต้องการส่งคนไปเฝ้า บังเอิญบัดนี้เสด็จพ่อยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ลูกย่อมยินดีคลายความกังวลให้เสด็จพ่อ” ฉู่จวินถิงพูด“ไม่ได้!” ฮองเฮาปฏิเสธอย่างไม่ลังเล“นี่ไม่ได้เป็นอันขาด ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ภายนอกมานานหลายปี รอชายแดนสงบสุขอย่างยากลำบากแล้วถึงกลับมาได้ หากบัดนี้ยังไปอีก เจ้าจะกลับมาได้อีกยามใด?”ฉู่จวินถิงเงียบงันไม่พูดจา ท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วเดิมทีเขาก็ไม่คิดกลับมาอีกหัวใจฮองเฮาหนักอึ้ง คิดไ
“เดิมทีข้าก็ไม่ดีอะไร เพียงแต่เสด็จแม่คิดว่าข้าดีก็เท่านั้น ดูท่าแล้ว บางทีข้าอาจเหมาะกับการอยู่เพียงคนเดียว”“อันที่จริงหลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่คนเดียวก็ดีมากนัก เดิมทีก็ไม่ควรคาดหวังอะไร ที่ควรพยายามข้าก็พยายามแล้ว สรุปคือหากไม่สำเร็จก็ไม่เสียใจ”ใบหน้าฉู่จวินถิงปรากฏรอยยิ้ม เสียงเรียบเฉยอย่างมาก เพียงแต่รอยยิ้มนั้นในสายตาของฮองเฮา ไม่ว่ามองอย่างไรก็คือกำลังฝืนเหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?เดิมทีลู่หมิ่นฮุ่ยคิดว่าไม่เป็นไร ทว่าได้ฟังดูก็เริ่มเชื่อ ด้วยเงื่อนไขของแม่นางซ่ง เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องหาคู่ครองจริงๆ“ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยพูดไปแล้ว แม่นางซ่งมีความสามารถถึงเพียงนี้ เจ้าจะต้องคว้าเอาไว้ให้ดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”“หลายปีมานี้เจ้าล้วนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดิมทีก็ไม่มีประสบการณ์เกี้ยวพาสตรี หนำซ้ำหน้าตายังเย็นชา ทำให้แม่นางตกใจกลัววิ่งหนีไปก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด”“เจ้ารีบพูดเถอะ ใช่หรือไม่ว่าทะเลาะกันรุนแรง ยังมีทางแก้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงส่ายหน้าและพูดว่า “ท่านน้า ข้ารู้แต่ไหนแต่ไรมาท่านดีต่อข้ามาก เรื่องนี้ข้าพยายามจนถึงที่สุดแล้ว”“นั่นจะได้อย่างไร? ได้ผู้ที่ทุกคนต่าง
นางที่เป็นน้าได้เห็นแล้วก็ชอบมากนัก!“นี่เจ้ากำลังขู่ข้า?” ฮองเฮาพูดอย่างเหลือจะเชื่อ“ลูกไม่ได้ขู่ ที่พูดไปก็คือความจริงพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฉู่จวินถิงจริงจัง สุ้มเสียงจริงใจ “อันที่จริงไม่ขอปิดบังเสด็จแม่ เริ่มแรกเป็นลูกชอบรั่วเจิน เดิมทีนางก็ไม่ยินดีเข้ามาข้องเกี่ยว”“ชาตินี้ลูกไม่เคยชอบแม่นางคนหนึ่งมาก่อน หลังได้รู้จักนางแล้วถึงคิดว่าอดีตที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งขาดไป”“ลูกทุ่มเทพยายามอย่างหนัก นี่ถึงทำให้นางยอมมอบโอกาสให้ได้”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อดุจเหล็ก ก่อนหน้านี้ฉู่จวินถิงเองก็เคยพูดเช่นนี้ ทว่านางไม่เชื่อแม่นางคนใดจะปฏิเสธโอกาสอันดีเช่นนี้?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจวินถิงดีไปหมดทุกอย่าง เป็นที่หมายปองของแม่นางมากมายภายในเมืองหลวง หวังว่าจะได้แต่งงานกับเขา เกียรติยศนี้ตกลงที่ซ่งรั่วเจิน ไฉนเลยนางจะไม่เต็มใจ?“เสด็จแม่ เพียงเพราะลูกเป็นลูกชายของท่าน ท่านถึงคิดว่าข้าดีมาก”“ผลัดเปลี่ยนตำแหน่งกัน หากท่านเป็นรั่วเจิน สกุลซ่งไม่ขาดเงินทอง ปกติดื่มกินสวมใส่ล้วนเป็นของดีที่สุด มิหนำซ้ำบิดาและพี่ชายล้วนอยู่ในราชสำนัก มีความสามารถอย่างมาก”“ไม่ว่านางแต่งกับใคร ชีวิตก็ไม่มีวันย่ำแย่ มีบิดาพี
เห็นว่าเพียงฉู่จวินถิงเข้ามาก็พูดเข้าประเด็นถึงเรื่องนี้ ไม่คิดพูดอ้อมค้อม ฮองเฮาเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“บัดนี้ภายในสายตาเจ้ายังมีข้าเสด็จแม่คนนี้อยู่หรือไม่?”“ที่ผ่านมาเจ้ามักมาเยี่ยมเยียนเสด็จแม่ แต่วันนี้ดูเถอะ นอกจากมาหาครั้งก่อนหลังเพิ่งกลับมา ก็แทบไม่เห็นตัวเจ้าอีก คงไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ไม่อนุญาตเจ้าเรื่องงานแต่งนี้ เจ้าก็ไม่ต้องการแม้แต่เสด็จแม่แล้วกระมัง?”ภายในเสียงฮองเฮาเจือความขุ่นเคืองหลายส่วน นางให้ความสำคัญต่อลูกชายคนนี้ที่สุด ไม่รู้ว่าทุ่มเทกับเขาไปมากน้อยเพียงใด ปรากฏว่าบัดนี้กลับดีนัก ถึงขั้นห่างเหินกับนางเพราะแม่นางคนหนึ่งฉู่อวิ๋นกุ่ยทางด้านข้างได้ยินท่าทีผ่านคำพูดของเสด็จแม่ รับรู้ได้ว่าต่อจากนี้จะต้องระบายความทุกข์ใจออกมาแน่ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้“เสด็จแม่ เสด็จพี่กตัญญูต่อท่านมาโดยตลอด หลังกลับมาแล้วก็งานยุ่ง นี่ถึงมาน้อยครั้งนัก แต่เสด็จพี่ก็นำของขวัญกลับมาให้เสด็จแม่ไม่น้อย นั่นล้วนเลือกมาด้วยความตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาเหล่มองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง รู้ว่าพวกเขาสองพี่น้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ปกติก็มักช่วยเหลืออีกฝ่ายนางยังไม่ทันพูดอันใด อว
ซ่งปี้อวิ๋นเห็นซ่งรั่วเจินถึงขั้นรับปากแล้ว รู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้ สายตากลับโหดเหี้ยมคล้ายอาบยาพิษช่างเป็นนางแพศยาโดยแท้!พวกเขาดีชั่วอย่างไรก็เป็นญาติกัน เมื่อครู่ยามนางเอ่ยปาก ซ่งรั่วเจินไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพียงฉู่มู่เหยาเอ่ยปาก ก็รับปากในทันทีทันใด นี่คือกำลังตบหน้านางอย่างแท้จริง!เสิ่นหวยอันกลับไม่สบอารมณ์ เขาสังเกตเห็นความนัยในคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทว่าอีกฝ่ายพูดถึงเพียงนี้แล้ว เขาทำได้เพียงยิ้มรับหลังออกจากร้านอาหาร ซ่งรั่วเจินและซ่งจิ่งเซินขอแยกออกไปก่อนเพื่อหาร้านอาหารที่เหมาะสมแห่งอื่นในละแวกใกล้เคียงนี้ต่อ“น้องหญิงห้า เจ้าไม่ตามไปดูกับพวกเขาหรือ?”“ไอ้คนหน้าตาไม่น่าไว้ใจคนนั้น เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร หากเกิดแผนชั่วอันใดขึ้นมา ข้าคิดว่าเจ้าจะห้ามไว้เสียอีก”ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว สายตาตกลงบนเงาร่างของสามคนทางด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ซ่งปี้อวิ๋นและคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ระยะก่อนข้าเคยพบโดยบังเอิญ ยังคิดว่าพวกเขาจะแต่งงานกันเสียอีก”“เสิ่นหวยอันย่อมต้องการสู่ขอองค์หญิงกลับไป บัดนี้ใช่ว่าไม่มีโอกาส กำลังคิดหาทางทำให้มู่เหยาชอบเขา ย
“พูดเช่นนี้ วันนี้รั่วเจินมาก่อนกระนั้น?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว แม้พูดว่ากำลังเอ่ยถาม แต่ภายในใจกลับเข้าใจเสิ่นหวยอันย่อมรู้ความคิดของฉู่มู่เหยา กระซิบเสียงแหบพร่า“องค์หญิง ข้าเล็งร้านอาหารนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ท่านเองก็รู้สถานการณ์ของข้าภายในครอบครัว จึงอยากทำการค้ามาโดยตลอดเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและชื่นชม”“บัดนี้ข้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้นแม้รู้ว่าคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ยังหาเงินจากทั่วสารทิศ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้”สายตาเสิ่นหวยอันตกลงบนตัวฉู่มู่เหยา แม้ไม่ได้พูดความจริงอย่างชัดเจน แต่สายตาเปี่ยมความนัยลึกซึ้งกลับบ่งบอกทั้งหมดแล้วสิ่งที่เขาทำทั้งหมดล้วนเพื่อฉู่มู่เหยา“บางทีสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่สกุลซ่งกิจการใหญ่โต มีการค้าในเมืองหลวงทุกหนแห่ง ไม่รู้ว่าท่านสามารถช่วยขอความเห็นใจให้ข้าสักครั้ง ขอให้พวกเขามอบร้านอาหารแห่งนี้ให้ข้าได้หรือไม่?”ฉู่มู่เหยาขมวดคิ้ว สบสายตาของเสิ่นหวยอัน กลับพูดปฏิเสธไม่ออกซ่งจิ่งเซินเห็นเสิ่นหวยอันและฉู่มู่เหยาซุบซิบคุยกัน นี่จึงพูดว่า “เห็นชัดว่าคนผู้นี้อาศัยบารมีขององค์หญิง ข่าวลืออะ
ไม่รู้ก็ช่างเถอะ บัดนี้รู้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ข่าวนี้หลุดรอดไปได้เสิ่นหวยอันได้ยินถ้อยคำนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ครู่ต่อมามองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่ง เขานับว่ามองออกแล้ว ฉู่มู่เหยาไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันดีกับนางมาก ถึงขั้นยังเชื่อฟังคำพูดของนางอีกด้วยหากนางก่อกวนอยู่ตรงกลาง น่ากลัวว่าความยากที่เขาจะได้อยู่ร่วมกับฉู่มู่เหยาก็เพิ่มขึ้นมากบัดซบ! เหตุใดบังเอิญไปล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้เล่า!“พี่สะใภ้ วันนี้เจ้ามาที่นี่ทำอันใด?” ฉู่มู่เหยาเอ่ยถาม“เล็งร้านอาหารร้านนี้ไว้จึงตั้งใจมาซื้อ ช่วงนี้หม่อมฉันเปิดร้านปิ้งย่าง ท่านรู้แล้วหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆฉู่มู่เหยาพยักหน้า “วันนี้ตอนข้าออกจากบ้านบังเอิญได้ชิมปิ้งย่างของร้านเจ้า รสชาติยอดเยี่ยมมาก!”“ท่านตั้งใจให้คนไปซื้อหรือ?”ซ่งรั่วเจินแปลกใจ ทว่านางรู้ฉู่มู่เหยาเองก็ชอบสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยามเปิดร้านเดิมทีก็อยากส่งไปให้นางชิม ทว่าได้รู้ว่านางบาดเจ็บ ฉู่อวิ๋นกุยจึงนำไปกินหมดแล้ว“วันนี้บังเอิญท่านน้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่แล้วนำติดไปด้วย ตอนข้าไปพบเสด็จแม่ก็บังเอิญเห็นเข้า พวกเขายังชื่นชมว่าร้านของเจ้าเปิดได้ดีมากจริงๆ