โจวหลี่เผยสีหน้าเศร้าหมอง ในช่วงนี้เขาทำหมดทุกทางแล้ว อับจนหนทางอย่างแท้จริง“ตอนพวกเรามาก็นำเสบียงอาหารมาด้วย สามารถใช้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนได้” ซ่งหลินพูด“นั่นดีมากเหลือเกิน!” โจวหลี่เผยสีหน้าดีใจจากนั้น ชั่วขณะเขากำลังจะเร่งตามซ่งหลินไปดูเสบียงอาหาร กลับเกือบล้มหมดสติไปหร่วนเฉิงประคองเขาไว้ พูดว่า “ท่านไม่เป็นไรกระมัง? ข้าเห็นท่านสีหน้าขาวซีด เทียบกับก่อนหน้านี้ยามได้พบกันแล้วท่านผอมลงไม่น้อย คาดว่าตัวท่านเองก็หิวกระมัง!”“ข้าไม่เป็นไร” โจวหลี่โบกมือ “ทำให้พวกเจ้าเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”“ตอนนี้ยกเรื่องนี้ให้พวกเราเถอะ ท่านไปกินอะไรสักหน่อย พักผ่อนดีๆ” ฉีอู่เอ่ยพวกบัณฑิตเหล่านี้แต่ละคนล้วนอ่อนแอไม่อาจต้องลม นายอำเภอของเมืองไห่เทียนก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ บัดนี้โจวหลี่เองก็เป็นเช่นนี้ เขาเห็นแล้วไม่คุ้นชิน“ท่านอ๋องและราชครูกู้ใกล้จะมาถึงแล้ว อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะได้รับการแก้ไข เจ้าไปพักผ่อนอย่างสบายใจก่อนเถอะ”“เจินเอ๋อร์ เจ้านั่งเรือมาเหนื่อยเช่นเดียวกัน ข้าให้คนไปเก็บกวาดห้องไว้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปจัดการเรื่องแจกโจ๊ก” ซ่งหลินเอ่ยสีหน้าซ่งรั่วเจินสะท
“ไอ้พวกชั่วเหล่านี้ ข้าเห็นแล้วอยากฆ่าพวกเขาให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ละคนล้วนต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”“ข้าไม่อาจกลืนแค้นนี้ลงไปได้อย่างแท้จริง ราษฎรแต่ละคนล้วนหิวโหย พวกเขาโก่งราคาเสบียงอาหารก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเหยียดหยามพวกเขา ช่างพูดเหลือเกิน!”ในที่ห่างออกไป เสียงโกรธเกรี้ยวของฉีอู่และหร่วนเฉิงดังออกมาก่อนหน้านี้ทั้งสองคนออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ บัดนี้ทั้งคู่โมโหหน้าแดงไปถึงคอ โกรธเกรี้ยวอย่างมาก!ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงก็เดินออกไป เอ่ยถามหนึ่งรอบถึงรู้ว่าตอนพวกเขานำเสบียงอาหารไปส่งได้เผชิญหน้ากับฉากพ่อค้าผู้มั่งคั่งของเมืองผิงหยางกำลังรังแกคนเห็นว่าราษฎรใกล้หิวตายแล้ว ขอร้องพวกเขาสามารถมอบอาหารให้สักมื้อได้หรือไม่ สรุปคือยังไม่ต้องพูดว่าคนผู้นั้นโยนหมั่นโถวลงพื้น ยังกระทืบแรงๆ อีกสองที สุดท้ายถึงยอมให้อีกฝ่ายเอาไปกินนี่เห็นได้ชัดว่ากำลังเหยียดหยามคน!ฉีอู่ได้เห็นแล้วก็เข้าไปต่อยตีคนหนึ่งยก หากไม่ใช่เพราะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลัวทำให้ราษฎรตื่นตระหนกตกใจ นี่คงฆ่าคนไปแล้ว!“เช่นนั้นท่านพ่อข้าเล่า?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ฉีอู่และหร่วนเฉิงล้วนโมโหจนกลายเป็นเช่นนี้
“ซ่อนอยู่ที่นี่?” ดวงตาซ่งหลินทอประกาย คิดไม่ถึงลูกสาวยังมีความสามารถเช่นนี้!โจวหลี่เผยสีหน้าตกตะลึง อันที่จริงเขาเองก็ตามหาภายในจวนมาก่อน แต่ตามหาทุกสถานที่ที่สามารถหาได้แล้ว กลับไม่พบว่าตกลงซ่อนอยู่ที่ใด จึงคิดว่าตอนหยางฮูหยินจากไปได้นำไปทั้งหมดแล้ว“นี่ไม่ใช่จำนวนน้อย สามารถซื้อเสบียงอาหารได้มากมาย”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ ลดเสียงให้เบาลงพูดกับซ่งหลิน “หาคนที่ดูเข้าท่าสักหน่อยแล้วซื้อเสบียงอาหารไม่ต้องมาก รอพี่สามมาแล้วค่อยซื้อจากพี่สามทั้งหมดเจ้าค่ะ!”“เจินเอ๋อร์ฉลาดนัก!” ซ่งหลินยิ้มกว้าง ลูกสาวของเขามีความสามารถไม่ธรรมดาจริงๆ!ทุกคนได้เห็นสมบัติซ่อนอยู่ใต้ดินภายในสวนดอกไม้ทางด้านหลังอย่างว่องไวพูดให้ถูกก็คือไม่มีคนรู้ว่าใต้ดินนี้ซ่อนห้องลับเอาไว้แห่งหนึ่ง!หลายปีมานี้นายอำเภอหยางซ่อนเงินเหล่านี้ไว้ภายในห้องลับใต้ดินโดยที่ไม่รู้คนรู้ส่วนซ่งรั่วเจินทำนายออกมาได้ว่าเงินอยู่ใต้ดิน กลับไม่ได้หาเส้นทางของห้องลับ แต่ให้คนขุดลงไปทีแรกคนขุดยังรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจอยู่ดีๆ ขุดดินทำอันใด แต่ขุดลงไปได้ครู่หนึ่งก็พบว่าข้างล่างแข็งผิดปกติ ต่อมาจึงเจาะเปิดออกได้เห็นกล่องเงินทองเครื
โจวหลี่ได้รู้ว่าซ่งรั่วเจินวางแผนเชิญหัวหน้าตระกูลที่กักตุนเสบียงอาหารมา รีบก้าวเท้าฉับไวเข้ามา สีหน้าเปี่ยมความกังวล “แม่นางซ่ง ข้ารู้เจ้าทำเช่นนี้เพื่อราษฎรทั้งเมือง แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปเจรจากับพวกเขามาก่อน ไม่ว่าพูดเยี่ยงไรก็ล้วนไร้ความหมาย”ได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินก็หัวเราะเบาๆ “ไร้ความหมายก็ไม่เป็นไร ตรงข้ามกันเพียงแต่เชิญมาเจรจาดูเท่านั้น”“ข้ากังวลพวกเขาพูดจาไม่ไพเราะ โดยเฉพาะแม่นางในห้องหอคนหนึ่งอย่างเจ้า จะต้องถูกรังแกแน่”โจวหลี่เผยสีหน้าเอือมระอา เขาไม่เข้าใจแม่ทัพซ่งกำลังคิดอันใด ถึงขั้นมอบเรื่องนี้ให้แม่นางซ่งไปจัดการต้องรู้ว่าพวกพ่อค้าเหล่านั้นแต่ละคนล้วนเจ้าเล่ห์ หากขัดแย้งกันขึ้นมา ก็สามารถทำให้คนโมโหตายได้!แม้แต่ชายตัวโตอย่างเขาพูดกับพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่งรั่วเจินแม่นางอ่อนแอบอบบางคนหนึ่ง น่ากลัวว่าจะรังแกจนนางร้องไห้“ใต้เท้าโจวไม่จำเป็นต้องกังวล เรื่องเล็กนี้ไม่สามารถทำให้ข้าตกใจได้”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก นางเป็นถึงเจ้าสำนักเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ก็แค่พวกตาเฒ่าดื้อรั้นสองสามคน คิดจะขู่นางรึ?ต่อให้เป็นเจ้าของร่างเดิม ทำการค้าในเมืองหลวงมานานหล
หากไม่มีทางการ เดิมทีพวกเขาก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้!โจวหลี่คนนี้ยังเป็นคนมีมโนสำนึกคนหนึ่ง น่ากลัวว่าก่อนหน้านี้ยามนายอำเภอหยางยังอยู่ เขาจะต้องเกลี้ยกล่อมหลายครั้งแน่ ดังนั้นสกุลสือเห็นเขาแล้วจึงไม่สบอารมณ์ บัดนี้จึงอยากหาทางทำให้เขาลำบากหลังหัวหน้าตระกูลเมืองผิงหยางทุกคนได้รับคำเชิญแล้ว กลับไม่ได้มาจวนของนายอำเภอในทันที ตรงข้ามกันไปยังสกุลสือก่อน“คาดว่าทุกท่านล้วนรู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว แม่ทัพซ่งอยู่ที่จวนนายอำเภอ ครั้งนี้เชิญพวกเราไปจะต้องเพื่อกดราคาเสบียงอาหารแน่ พวกเราน่าจะรู้ว่าสมควรทำเยี่ยงไรกระมัง?”สีหน้าหัวหน้าตระกูลสือเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้แม่ทัพซ่งมาแล้วอย่างไร?พวกเขาเพียงแต่ทำการค้า นอกจากแม่ทัพซ่งจะสามารถฆ่าพวกเขาทุกคนได้!หากทำเช่นนี้จริง ต่อให้เป็นแม่ทัพซ่ง ก็ไม่สามารถฆ่าคนเป็นผักปลาได้ หรือว่าเพื่อราษฎรเมืองผิงหยางจึงไม่เป็นแม้แต่ขุนนางแล้ว?“หัวหน้าตระกูลสือ ได้ยินมาว่าท่านอ๋องและราชครูกู้มาเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวม คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาถึงแล้ว หากถึงตอนนั้นถูกลงโทษ...”“ลงโทษแล้วกลัวอันใด? บัดนี้กำลังขาดแคลนเสบียงอาหาร นั่นเป็นเรื่องของทางการ พ
แววตะลึงในความงามวาบผ่านดวงตาของหัวหน้าตระกูลสือ เขาเคยเห็นหญิงงามมาไม่น้อย แต่ยังไม่เคยเห็นแม่นางที่งามล่มเมืองเช่นนี้มาก่อนเลยเรือนกายอรชร ผิวพรรณขาวผ่องยิ่งกว่าหิมะ เครื่องหน้าประณีตหยาดเยิ้ม ถึงตอนนี้จะตีหน้าเย็นชาแต่ก็พิลาสล้ำในแดนดิน ถ้ายิ้มออกมาไม่รู้ว่าจะยิ่งงามเลิศล้ำถึงปานไหนโจวหลี่เห็นว่ายืมเงินไม่สำเร็จจึงเปลี่ยนมาใช้แผนคนงามอย่างนั้นรึ?แต่ถ้าโจวหลี่สามารถกำนัลคนงามเช่นนี้ให้เขาได้จริงๆ เขาก็ไม่ถือสาที่จะนำข้าวสารมามากหน่อย“โจวหลี่ เจ้าไม่มีปัญญาจัดการเอง ยามนี้พาแม่นางคนหนึ่งมาด้วย คิดจะยกให้ข้าอย่างนั้นรึ?”โจวหลี่เห็นว่าหัวหน้าตระกูลสือถึงกับกล้าหมายตาซ่งรั่วเจิน แววเหลือเชื่อวาบผ่านดวงตา เขารีบกล่าวว่า “หัวหน้าตระกูลสือ ท่านพูดจาให้มันดีๆ หน่อย นี่คือลูกสาวของแม่ทัพซ่งนะ!”แต่มือของซ่งจืออวี้เร็วกว่าโจวหลี่“เพียะ!”ฝักกระบี่ของซ่งจืออวี้ฟาดแสกกลางใบหน้าของหัวหน้าตระกูลสือ เสียงดังลั่นจนคนได้ยินใจสั่นสะท้าน รู้สึกว่าคงเจ็บมาก“โอ๊ย!”หัวหน้าตระกูลสือร้องลั่นพลางลูบปากตัวเอง ถูกฟาดจนเลือดไหล ถึงขั้นรู้สึกว่าฟันหน้าเริ่มคลอนเลยทีเดียวแต่พอเขาสบกับสายตาเย็น
ถึงหัวหน้าตระกูลสือจะหนังหน้าหนา แต่ถูกเปิดโปงเรื่องแบบนี้ต่อหน้าต่อตา ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ยากจะกลบเกลื่อนโทสะได้“ข้าเชิญทุกท่านมาเพราะอยากเจรจาการค้ากับพวกท่าน” ซ่งรั่วเจินกล่าวขึ้นอย่างสงบ“ก็แค่อยากให้พวกข้าลดราคาข้าวสารไม่ใช่หรือไร?” หัวหน้าตระกูลสือเอ่ยหน้าตึงซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าหวังว่าทุกท่านจะสามารถลดราคาข้าวสารลงจริงๆ”พวกหัวหน้าตระกูลเฉามองหน้ากันแล้วโบกไม้โบกมือทันที “ไปๆๆ เดิมทีราคาข้าวสารก็ไม่ถูกอยู่แล้ว อุทกภัยครานี้ยังหนักหนาปานนี้ ที่นาดีๆ ถูกน้ำท่วมไปตั้งมากมาย”“ต่อให้ปลูกข้าวใหม่ กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็ต้องรอปีหน้า พวกข้าก็ต้องกักตุนเสบียงเอาไว้เพื่อเลี้ยงปากท้อง จะให้ขายออกไปแบบนี้ได้อย่างไร?”“โจวหลี่ ก่อนหน้านี้พวกเราก็คุยกันชัดเจนแล้วนะ เจ้าจะต้องหาเรื่องพวกข้าให้ได้เลยอย่างนั้นรึ?”หัวหน้าตระกูลเหยาร้องออกมาติดๆ เอาเป็นว่าการลดราคาข้าวสารเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!ซ่งรั่วเจินมองข้ามตัวปัญหาเหล่านี้ กล่าวว่า “ยามนี้ราคาข้าวสารขึ้นเป็นแปดเท่าแล้ว ชาวบ้านในเมืองซื้อไม่ไหว ข้าวสารในมือทุกท่านก็ขายออกไปไม่ได้”“ราชสำนักส่งฉู่อ๋องและราชครู
ซ่งรั่วเจินเหลือบมองหัวหน้าตระกูลสือนิ่งๆ นางรู้ว่าคนพวกนี้ถ้าไม่เห็นผลประโยชน์ก็คงไม่ยอมขยับตัวง่ายๆ จึงมีการเตรียมตัวมาแต่แรกแล้ว“ใครก็ได้ ขนสิ่งของเข้ามา!”คนข้างนอกได้ยินเสียงของซ่งรั่วเจินก็รีบขนเงินทองของล้ำค่าที่เตรียมไว้แต่แรกเข้ามาทันทีเมื่อเงินทองของล้ำค่าหีบแล้วหีบเล่าถูกคนยกเข้ามา ทุกคนก็ถูกภาพอันเจิดจ้าตรงหน้าบาดตาจนตาพร่า ตระหนักว่าซ่งรั่วเจินไม่ได้กำลังล้อเล่นนางพูดความจริง!นี่ก็คือกำลังทรัพย์ของตระกูลซ่งอย่างนั้นรึ?เดิมเข้าใจว่าแม่ทัพซ่งมาเมืองผิงหยางเพราะคิดจะใช้อำนาจกดดันคน ไม่คิดเลยว่าแม่ทัพซ่งจะใช้เงินฟาดคนตรงๆ เช่นนี้!ซ่งรั่วเจินเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนเต็มสองตา “ทุกท่านคงจะเชื่อในความจริงใจของข้าแล้วสินะ ตระกูลซ่งของข้าทำการค้า สิ่งที่ให้ความสำคัญก็คือความจริงใจ”“ฝ่ายหนึ่งมอบเงิน ฝ่ายหนึ่งมอบสินค้า ทุกท่านโปรดวางใจ จะกลับไปคิดดูก่อนก็ได้ ถ้าคิดว่าสามารถดำเนินการได้ค่อยมาเจรจากับข้าอีกครั้ง”“สาเหตุที่ข้ากับพี่ชายมาเมืองผิงหยางครานี้เพื่อมาตามหาท่านพ่อ ตอนนี้พ่อข้ากลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง จึงอยากออกแรงช่วยราษฎรในเมืองผิงห
ทว่าท่าทีตอบสนองของคนผู้นี้เชื่องช้ามากอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีคนทำลาย ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ หากตอนนี้ยังฝืนต่อไป ด้วยฝีมือระดับนั้น จะต้องกระอักโลหิตอย่างแน่นอนจู่ๆ เสียงชวนให้คนสกุลเฉียนตกตะลึงก็ดังขึ้น หันหน้าก็มองเห็นคนสกุลจ้าวที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ยามใด“เกิดอันใดขึ้น? เหตุใดไม่มีคนแจ้ง?” นายหญิงเฉียนร้อนใจแทบแย่จากนั้น นายหญิงจ้าวก็ถลันเข้าไปตบหนึ่งฉาด “เจ้า นังแพศยาคนนี้ ถึงขั้นคิดเอาชีวิตลูกชายของข้า วันนี้ข้าขอสู้กับเจ้า!”เพราะก่อนหน้านี้ได้รู้ว่าคนสกุลเฉียนกำลังทำพิธี ดังนั้นตอนนายหญิงจ้าวมาจึงพาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย นับตั้งแต่เข้าสกุลเฉียนจึงไม่มอบโอกาสให้พวกเขาแจ้งข่าวไม่ผิดไปดังคาด เพียงเข้ามาก็ได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ ส่วนหุ่นผู้ชายกระดาษทางด้านข้างก็เขียนเวลาตกฟากของลูกชายบ้านตนเอาไว้นางมีลูกชายเพียงคนเดียว เห็นเป็นแก้วตาดวงใจมาโดยตลอด ปรากฏว่าเฉียนฮูหยินที่ปกติมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับนาง ลับหลังฝีมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!อีกเพียงนิดเดียว ลูกชายของนางก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!พวกซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่านายหญิงจ้าวจะดุดันเช่นนี้ หลังเข้ามาแล้ว
นับตั้งแต่เฉียนหย่าหลินกลับมาเมื่อวานก็กังวลใจอยู่ตลอด นางรู้ฝีมือของซ่งรั่วเจินนังแพศยาคนนั้นดีต่อให้ไม่เต็มใจยอมรับ กลับสามารถรับรู้ได้ว่าฝีมือนางไม่ธรรมดาผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเหล่านั้น นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าสกุลจ้าวถึงขั้นเชิญซ่งรั่วเจินไปช่วยบัดนี้ให้เหมียวเหมียวแต่งงานกับจ้าวซวี่ไป๋ได้อย่างยากลำบาก หากถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้ นี่ยังจะไม่จบสิ้นอีกหรือ?“หย่าหลิน เจ้าพูดหมายความว่าอันใด?”นายหญิงเฉียนมองเฉียนหย่าหลินอย่างสงสัย สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กน้อย “ใช่หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น? เจ้ารีบพูดเถอะ!”นับตั้งแต่เฉียนหย่าหลินเสียตำแหน่งพระชายาเช่ออ๋องไป ช่วงนี้ก็มักเดินทางกลับมาบ่อยๆ หนำซ้ำยังฉวยโอกาสไปสืบสถานการณ์ของสกุลจ้าว แม้แต่เรื่องแต่งงานผีเพื่อเหมียวเหมียวก็เป็นหย่าหลินเสนอออกมานางคิดว่าลูกสาวคนนี้อุปนิสัยไม่ดี ปกติมักโวยวาย แต่ยังสามารถคิดถึงน้องสาว หวังว่าน้องสาวที่ตายไปจะรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ภายในใจเองก็ดีขึ้นมาก“เมื่อวานตอนข้าไปสกุลจ้าว บังเอิญได้พบอวิ๋นอ๋องเชิญซ่งรั่วเจินไป ดังนั้นข้าจึงกังวลจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเจ้าค่ะ”“หลายปีมานี้น้องหญิงอยู่อย่า
ทว่าเขาเองก็รับปากต่อหน้าบิดาและท่านตาแล้ว เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ท่านวางแผนพูดกับฮองเฮา?”หากทำตามที่เขาเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ บอกความคิดที่แท้จริงของเขาให้ฮองเฮาฟัง น่ากลัวว่าฮองเฮาจะต้องโมโหแทบตายแน่“ยามอยู่ต่อหน้าเจ้า ข้าเคยพูดปดด้วยหรือ?”สีหน้าฉู่จวินถิงตรงไปตรงมา อันที่จริงเขาคิดไว้อย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว ชาตินี้เขาจะมีชีวิตเพื่อตนเอง“เจ้าวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีเอง ไม่มีวันส่งผลกระทบต่อเจ้า อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อสกุลซ่ง”คล้ายมองความกังวลของซ่งรั่วเจินออก ฉู่จวินถิงเอ่ยปากสีหน้าจริงจัง ราวกับให้คำมั่นสัญญา หากแม้แต่เรื่องนี้เขาก็จัดการได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรกับรั่วเจินจริงๆเห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินไม่ถามมากนัก นางรู้ความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ของฉู่จวินถิง ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ เชื่อว่าไม่มีอันใดให้กังวลสกุลเฉียนพิธีกรรมลึกลับอย่างเป็นทางการกำลังดำเนินอยู่นายหญิงเฉียนมองป้ายวิญญาณของเฉียนชิ่งเหมียวตรงหน้า ร้องไห้จนตาแดงทั้งสองข้าง“เหมียวเหมียว เจ้าอย่ากลัวไปเลย รอเจ้าแต่งงานแล้วก็จะมีคนดูแลอยู่ข้างกาย ก็คือพี่ซวี่ไป๋ที่เจ้าชอบตั้งแต่เด็กอย่
จ้าวซวี่ไป๋ได้ยินถ้อยคำนี้ก็เข้าใจสาเหตุแล้ว ท่าทีตอบสนองแปลกประหลาดของเฉียนชิ่งเหมียวยามเอ่ยถึงชุดกระโปรงสีชมพูนั้น ก็เพราะนางเห็นแล้ว!นางจำได้ว่าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของตน ทว่านางไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของนาง“เป็นนาง! จะต้องเป็นนางแน่!”เฉิงเฉินได้ยินคำพูดของจ้าวซวี่ไป๋จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เจ้าเองก็คิดว่าเป็นนางหรือ?”“ท่านป้า ความสัมพันธ์พี่สาวน้องสาวสกุลไป๋ไม่ดีหรือ?”ฉู่อวิ๋นกุยขมวดคิ้ว สุ้มเสียงกลับเจือความรู้สึกเหลือจะเชื่อหลายส่วน พี่ชายน้องชายสามัคคีกัน พี่สาวน้องสาวรักใคร่กลมเกลียว แต่ไหนแต่ไรมานี่คือภาพที่ทุกคนล้วนอยากเห็นเพียงแต่พี่ชายน้องชายไม่ลงรอยกัน พี่สาวน้องสาวขัดแย้งกัน เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นไม่น้อย แต่ต่อให้พี่สาวน้องสาวขัดแย้งกัน กลับฆ่าแกงกันน้อยมากยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเฉียนชิ่งเหมียวเพิ่งอายุเท่าใด เฉียนหย่าหลินเองก็แค่สิบขวบ เหตุใดนางโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้?“เฉียนหย่าหลินใจแคบมาโดยตลอด ไม่มีเมตตา ส่วนเหมียวเหมียวว่านอนสอนง่ายรู้ความ ปีนั้นบิดามารดาสกุลเฉียนชอบเหมียวเหมียวมากกว่าจริงๆ”นายหญิงจ้าวพูดพลางย้อนนึกถึงสถานการณ์ในปีนั้น “ทว่านับตั้
จ้าวซวี่ไป๋รีบจับมือของนายหญิงจ้าว “ข้าเห็นท่าทางของนางทรมานมาก ปากพูดว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าคิดว่านางรู้ว่าเป็นใคร แต่นางคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีวันทำร้ายนาง ดังนั้นจึงสงสัยมาโดยตลอด”“กระโปรงสีชมพูย่อมพิสูจน์ได้ว่าเป็นสตรี ทว่าตอนนั้นข้าและพวกอวิ๋นกุยล้วนเป็นชาย เหตุใดจึงมีกระโปรงสีชมพูกันเล่า?”“อวิ๋นกุย ตอนนั้นเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าแม่นางคนใดสวมชุดกระโปรงสีชมพู?”ฉู่อวิ๋นกุยเผยสีหน้าสับสน “ตอนนั้นเล่นด้วยกันมีเพียงพวกเราเด็กผู้ชายสองสามคน ก็เพราะเจ้าพาน้องสาวมาคนหนึ่ง ทุกคนยังรู้สึกไม่พอใจ ไฉนเลยจะมีแม่นางคนอื่นอยู่อีก?”“ไม่ จะต้องยังมีแม่นางอีกคน เพียงแต่พวกเราไม่ทันสังเกต จะต้องหาตัวคนผู้นี้ออกมาให้ได้ น้องหญิงเหมียวเหมี่ยวถึงจะได้รับความยุติธรรม!”จ้าวซวี่ไป๋ส่ายหน้า สายตามุ่งมั่น “แม่นางซ่ง เหตุที่นางติดอยู่ที่นั่นก็เพราะนางถูกคนทำร้ายแต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรมใช่หรือไม่?”“นางตายอย่างอนาถจริงๆ ต้องช่วยนางคลายปมในใจถึงจะสามารถออกจากใต้น้ำและเกิดใหม่ได้” ซ่งรั่วเจินพูดเห็นสถานการณ์แล้ว ฉู่อวิ๋นกุยไม่เสียเวลาอีก รีบสั่งให้คนไปหาอีกสามคนที่เหลือที่เล่นด้วยกันในปีนั้นเดิมทีพวกเข
นายหญิงจ้าวนึกถึงเฉียนหย่าหลินที่เมื่อวานตั้งใจมาทำลายโดยเฉพาะ น่ากลัวว่าเดิมทีก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว กังวลซ่งรั่วเจินจะทำลายแผนของพวกเขาจึงขัดขวางไว้ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย สายตาสะท้อนแววรังเกียจ “ชายารองเช่ออ๋องนี้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำนี้ คล้ายเข้าใจบางอย่างในทันใด สายตาเย็นชาลง “ดูท่าแล้ว พวกเราประเมินนางต่ำเกินไป”ในเวลาเดียวกัน จ้าวซวี่ไป๋ได้พบเฉียนชิ่งเหมียวอีกครั้งเพียงแต่แตกต่างจากรูปร่างบิดเบี้ยวก่อนหน้านี้ เฉียนชิ่งเหมียวกลับมามีรูปร่างเหมือนตอนพลัดตกน้ำอีกครั้ง“พี่ซวี่ไป๋ ท่านมาหาข้าหรือ?” แม่นางน้อยเอ่ยปาก ใบหน้าเล็กน่ารักเจือความอ่อนเยาว์จ้าวซวี่ไป๋รู้สึกเพียงอาการปวดแสบแผ่ออกจากหัวใจสู่ปลายจมูก จากนั้นก็กลายเป็นน้ำตา ขอบตาแดงโดยไม่รู้ตัว“น้องหญิงเหมียวเหมียว เป็นข้าทำผิดต่อเจ้า!”“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”เฉียนชิ่งเหมียวเดินมาหยุดต่อหน้าจ้าวซวี่ไป ยื่นมือออกมาจับมือของเขา กลับพบว่าชั่วขณะจะสัมผัสกันนั้น แสงสายหนึ่งสว่างขึ้นมา คล้ายแสงสายนั้นขวางกั้นไม่ให้นางแตะต้องเขาได้นางมองมือของตน คล้ายเข้าใจความแตกต่างระหว่างคนกับวิญญาณ พูดว่า “พ
ซ่งรั่วเจินหยิบยันต์ออกมาหนึ่งใบ ติดไว้ที่หัวเตียงดังเดิมแล้วพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจอนางก็ไม่ต้องกลัว นางทำร้ายท่านไม่ได้”“ขอบคุณแม่นางซ่งมาก”จ้าวซวี่ไป๋นึกถึงแสงสีทองที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ก็รู้ความยอดเยี่ยมของยันต์ใบนี้แล้ว เทียบกับยันต์ใบก่อนและยันต์ใบนี้ สีของมันจางกว่ามากมองเห็นจ้าวซวี่ไป๋นอนหลับ ทุกคนล้วนตึงเครียดขึ้นมาฉู่จวินถิงมองแม่นางข้างกาย “ใช่หรือไม่ว่ายังมีเรื่องอื่นที่พวกเราไม่รู้?”“ท่านมองออกได้เยี่ยงไร?” ซ่งรั่วเจินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ นางไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อยฉู่จวินถิงเลิกคิ้วคม “ข้าย่อมไม่รู้เรื่องศาสตร์ลี้ลับ แต่ข้ารู้จักเจ้า”หรือพูดอีกอย่างคือเขามองออกผ่านท่าทีตอบสนองของซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจิน “???”ฉู่อวิ๋นกุยกลับไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เสด็จพี่เชี่ยวชาญการสังเกตสีหน้าที่สุด มีประโยชน์อย่างยิ่งตอนตัดสินคดี หาไม่แล้วคงไม่มีคนมากมายไม่อาจหลุดรอดสายตาของเสด็จพี่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าบัดนี้สายตาของเสด็จพี่เต็มไปด้วยพี่สะใภ้ ย่อมสังเกตออก“พี่ แม่นางซ่ง เจ้าพูดเถอะเรื่องอื่นนั้นหมายความว่าอันใด?”ฉู่อวิ๋นกุยจะเรียกพี่สะใภ้ แต่สังเกตเห็นว่ายังมีคนนอกอยู่จึงรี
เสียงซ่งรั่วเจินเพิ่งเงียบลง สายตาทุกคนล้วนตกอยู่บนตัวนาง หรือว่าภายในนี้ยังมีเงื่อนงำ?“ปีนั้นพวกท่านแน่ใจได้อย่างไรว่านางพลัดตกน้ำตาย?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามนายหญิงจ้าวพูดอย่างสงสัย “ปีนั้นพวกเขาเด็กสองสามคนไปเล่นด้วยกัน อันที่จริงบริเวณใกล้เคียงก็มีคนอยู่ เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด แม่นมสาวใช้ล้วนไม่ทันสังเกตเห็น อีกทั้งยังไม่รู้ว่านางพลัดตกน้ำได้อย่างไรรอจนไปพบ คนก็หมดลมหายใจแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าพลัดตกน้ำ จึงไม่ได้คิดมาก”“อันที่จริงในสายของข้า แต่ไหนแต่ไรมาเหมียวเหมี่ยวเด็กคนนี้ใจเซาะมาก นางไม่มีวันเล่นสนุกถึงขั้นกระโดดลงน้ำ บางทีอาจไม่ทันระวังจึงตกลงไป หรือบางที...”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว “หรือบางทีอาจถูกคนผลักตกลงไป?”สีหน้านายหญิงจ้าวเปลี่ยนไป “ข้าเองก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ ไม่มีหลักฐานอันใด อีกทั้งยังหาไม่พบว่าตกลงเป็นใครมีเป้าหมายเช่นนี้ ถึงขั้นทำร้ายเด็กเล็กคนหนึ่งตาย”สายตาลุ่มลึกของฉู่จวินถิงสะท้อนแววใคร่ครวญและพูดว่า “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็แปลกเกินไปแล้ว ยามคุณชายและคุณหนูแต่ละบ้านออกนอกบ้าน ข้างกายจะต้องมีแม่นมสาวใช้เฝ้าอยู่ โดยทั่วไปไม่สามารถเกิดเรื่องเช่นนี้ได้”“ปี
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ”ฉู่อวิ๋นกุยตบมือของเขา “ปีนั้นข้าเองก็อยู่ด้วย ตกลงเรื่องราวเป็นเช่นไร ทุกคนล้วนรู้ดี พูดขึ้นมาแล้ว อันที่จริงพวกเราก็ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบทั้งหมดพ้น”ปีนั้นอายุยังน้อยไม่รู้ความ หลังเอะอะโวยวายแล้วก็จากไป ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาเองก็ต้องรับผิดชอบจริงๆเป็นความผิดของพวกเขาตอนนี้เอง จ้าวซวี่ไป๋มองเห็นซ่งรั่วเจนจึงรีบเอ่ยถาม “แม่นางซ่ง เหตุใดเหมียวเหมี่ยวจึงกลายเป็นเช่นนี้? ข้าได้ยินมาว่าคนตายไปแล้วจะได้เกิดใหม่ เหตุใดนางจึงยังอยู่ในแม่น้ำเย็นยะเยือกนั้นอยู่ตลอดเล่า?”แม้ว่าตอนนั้นเฉียนชิ่งเหมียวยังพูดไม่จบ แต่เขาได้ยินนางพูดว่าในน้ำหนาวมากปีนั้นนางยังเด็กก็ต้องสำลักน้ำเย็นยะเยือกในแม่น้ำตายไป ชนิดที่ว่าผ่านมานานหลายปีถึงเพียงนี้ก็ยังถูกสภาพแวดล้อมเย็นยะเยือกโอบล้อมไว้...ทีแรกเขาคิดจริงว่าเฉียนชิ่งเหมียวน่ากลัว แต่ตอนนี้คิดตกแล้ว เดิมทีทั้งหมดก็เป็นความผิดของเขา“เพราะนางมีความยึดติด” ซ่งรั่วเจินพูดตามตรงผีตายในน้ำสำลักน้ำจนตาย แม้อนาถมาก แต่สามารถเกิดใหม่ได้ ทว่านางยังอยู่ที่นั่นไม่ยอมจากไป คาดว่ามีความยึดติดจึงยังอยู่ที่นั่น“เช่