เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง
ซ่งจิ่งเซินได้ฟังคำพูดของน้องสาวบ้านตน ทันใดนั้นเข้าใจขึ้นมาแล้ว “หากพวกเขาได้ยินว่าสามารถหาเงินได้ จะต้องกลัวไล่ตามหลังจึงส่งเสบียงอาหารมา”“ถึงตอนนั้นขอเพียงพวกเราพูดว่าไม่ต้องการ ทำให้ราคาเสบียงอาหารลดลงจนกลับมาเป็นราคาปกติ คาดว่าพวกเขาจะต้องเลือกขายออก ชนิดที่ว่าลดราคาขายเลยทีเดียว” ซ่งรั่วเจินเอ่ยรับซ่งจิ่งเซินยกมุมปาก “เพราะหากพวกเขาส่งเสบียงอาหารกลับมา เพียงเงินค่าขนส่งก็ไม่ใช่จำนวนน้อยแล้ว”ทุกคนได้ยินสองพี่น้องซ่งรั่วเจินพูดรับส่งกัน ดวงตาค่อยๆ ทอประกาย “นี่กลับเป็นวิธีที่ดีอย่างแท้จริง!”“วิธีการนี้ หากสามารถทำได้ เมืองผิงหยางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารแล้ว!”กู้หวยซวี่ชื่นชมอย่างอดไม่ได้ บัดนี้ขาดแคลนเสบียงอาหารที่สุด หากมีเสบียงอาหาร ปัญหาอย่างอื่นก็จะคลี่คลาย!พวกเขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี ภายในสมองเชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาภายในราชสำนัก แต่ความเห็นของรั่วเจินในครั้งนี้ มองจากมุมของพ่อค้า ยังเป็นวิธีการที่ดีอีกด้วย!“เรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางการให้ดี จากนั้นค่อยปล่อยข่าวให้พ่อค้าผู้มั่งคั่งเหล่านี้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญแล้วจึงเอ่ยปาก หันมองทางซ่งจิ่งเซิน “พี
น่ากลัวว่าข่าวนี้ปล่อยออกมาแล้ว เสียงบ่นตำหนิจะต้องดังขึ้นภายในเมืองไห่เทียนอย่างรวดเร็วแน่“เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงปล่อยข่าวนี้ออกไป อีกไม่นานปัญหาภายในเมืองผิงหยางก็จะคลี่คลาย” ฉู่จวินถิงเอ่ยจ้าวชิงหยวนเองก็ไม่กล้าถามมากนัก เพียงทำตามคำสั่งของฉู่อ๋อง แต่ต่อมาใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วก็เข้าใจขึ้นหลายส่วน“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าถึงขั้นคิดวิธีนี้ไม่ออก!”จ้าวชิงหยวนตบศีรษะ สีหน้ายากจะปกปิดความตื่นเต้น “แม่นาง พวกเจ้ายอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ไม่ต้องเปลืองแรงก็สามารถทำให้ราษฎรอิ่มท้องได้!”ก่อนหน้านี้เขาคิดหาทางมากมาย หากสามารถมีเสบียงอาหารเพียงพอ ราษฎรก็ไม่ต้องหิว แต่น่าเสียดายไม่มีคนส่งมอบให้ในราคาเดิม ตรงข้ามกันยังคิดฉวยโอกาสนี้โก่งราคาอีกด้วยซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “พวกเราเองก็บังเอิญคิดวิธีนี้ขึ้นได้ ใต้เท้าจ้าวจะต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามมิให้ข่าวหลุดรอดออกไปได้เล่า”“แม่นางวางใจได้ ข้าจะปิดปากให้สนิท ขอเพียงราษฎรได้อิ่มท้อง ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ยอม”ซ่งรั่วเจินเองก็วางใจมาก ขณะเตรียมจากไปกลับถูกจ้าวชิงหยวนร้องเรียกไว้“แม่นาง ข้ารู้ว่าเจ้าเชี่ยวชาญวิชาศาสตร์ลี้ลับ แท้จริง
ตลอดการเดินทางหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เข้าใกล้ตำแหน่งของพี่ชายตน รู้สึกกระวนกระวายภายในใจทั้งๆ ที่พวกเขาจัดการเรื่องที่สมควรทำก่อนกลับเมืองหลวงไว้ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอุทกภัยเมืองผิงหยางเกิดขึ้นโดยบังเอิญได้ไม่นาน พวกเขาฉวยโอกาสกอบโกยทรัพย์สินก่อนจะจากไป ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเดิมทีขอเพียงพี่ใหญ่จัดการเรียบร้อยแล้วก็สามารถกลับเมืองหลวงได้ บัดนี้ยังไม่ยอมกลับจึงเรียกความสนใจจากคนมากมาย ตกลงเกิดเรื่องอันใดทำให้เสียเวลากันแน่?ฉู่จวินถิงมุ่งหน้าไปยังเมืองผิงหยาง ราชครูกู้เองก็ไม่ใช่คนรับมือง่าย คงไม่เกิดเรื่องอันใดหรอกกระมัง?เดิมทีนางอยากพาฉู่จวินถิงไปด้วยกัน ขอเพียงขัดขวางพวกเขาได้ ก็สามารถยื้อเวลาให้พี่ใหญ่ได้มากขึ้น ใครคิดเล่าว่าฉู่จวินถิงจะเป็นคนหัวรั้น ไม่สนใจนางเลยสักนิด!นางไม่เชื่อหลอกว่าฉู่จวินถิงจะสามารถต้านทานความเย้ายวนได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษคนหนึ่ง จะโทษก็ต้องโทษซ่งรั่วเจินมีเล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป ไม่เพียงมีราชครูกู้ ยังมีสองพี่น้องสกุลซ่งร่วมเดินทางอีกด้วยต่อให้ฉู่จวินถิงเกิดความคิด ก็ไม่อาจทำอันใดยามอยู่ต่อหน้าพวกเขาได้ น่าแ
“ตำแหน่งของท่านพ่ออยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกล พรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะสามารถตามหาพบ”ภายในสายตาซ่งจืออวี้เปี่ยมความหวัง เขาไม่ได้พบบิดานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ข่าวร้ายถูกส่งมาไม่เคยคิดเชื่อ บัดนี้ใกล้จะได้พบบิดาแล้ว เขารู้สึกดีใจอย่างมาก!ซ่งรั่วเจินเองก็เกิดความหวังอย่างอดไม่ได้ นางรู้ว่าซ่งหลินเป็นบิดาที่มีความเมตตาและดีต่อนางมากมาโดยตลอดผ่านความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเพราะมีนางเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงได้รับความรักและเอ็นดูเป็นพิเศษ รอกลับถึงเมืองหลวง พวกเขาก็จะได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวแล้วราชครูกู้อยู่บัญชาการที่เมืองไห่เทียนดังเดิม รับผิดชอบให้พ่อค้าปล่อยข่าว ในเวลาเดียวกันยังติดต่อทางการให้เพิ่มราคาธัญพืช ดังนั้นจึงไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย“ท่านอ๋อง ท่านกำลังคิดอันใดอยู่หรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินมองเห็นสายตาลุ่มลึกของฉู่จวินถิงคล้ายกำลังถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาเป็นชั้นๆ ภายในนั้นเป็นความหนักใจที่นางมองแล้วไม่เข้าใจฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจิน กลับไม่คิดปิดบัง เขาเชื่อใจซ่งรั่วเจินอย่างมาก“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าดวงชะตาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์แปลกอยู่บ้าง มีพลังโลหิตแฝงอยู่ เป็น
อีกด้านหนึ่งซ่งหลินซ่อนตัวอยู่ในป่าบนภูเขา ตรงทรวงอกมีเลือดซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเด็ดเดี่ยวบัดนี้เป็นสีขาวซีด“ท่านแม่ทัพ ท่านยังทนไหวหรือไม่?” หร่วนเฉิงมีสีหน้าเป็นห่วงซ่งหลินโบกมือเบาๆ “แผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก”เขาเคยออกรบมาตั้งหลายครั้ง เคยได้แผลใหญ่น้อยมานับไม่ถ้วน อาการบาดเจ็บแค่นี้ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด“ท่านแม่ทัพ เจ้าหมอนั่นเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว คราวนี้ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก”หร่วนเฉิงกวาดสายตามองบริเวณใกล้เคียง ภูมิประเทศในป่าแถบนี้เดิมก็ซับซ้อน นอกจากนี้แถวนี้ยังไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่ พวกเขาคงยากจะหาคนพบในเวลาอันสั้น“คราวนี้จะต้องจับเจ้าหมอนี่ให้ได้เลยเชียว!”ซ่งหลินกล่าวอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไล่สังหารข้ามานานปานนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกสารเลวนี่ ข้าก็คงไม่ถึงกับไม่ได้กลับบ้าน!”เพียงคิดถึงว่าข่าวการเสียชีวิตของเขาส่งกลับไปแล้ว ภรรยาและลูกๆ จะต้องโศกเศร้าเสียใจเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ เดิมทีทั้งตระกูลซ่งล้วนต้องพึ่งพาเขา แต่บัดนี้ทุกคนล้วนเข้าใจว่าเสาหลักอย่างเขาไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหรูเยียนและพวกเด็กๆ จ
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน บัดนี้พยัคฆ์ร้ายตกที่นั่งลำบากถูกสุนัขรังแก กระทั่งยังถูกคนกลุ่มนี้ตามล่าสังหารไปทั่ว ยามนี้จึงเข่นฆ่าจนประสาทด้านชามาแต่แรกแล้วซ่งหลินฉีกผ้าแถบหนึ่งลงมาพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วถือกระบี่คมกริบกระโจนเข้าไปในวงตะลุมบอนขณะเดียวกัน ซ่งรั่วเจินเห็นยันต์นำทางของตนเองย้อมสีแดงบางส่วน แววตาก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านพ่ออยู่ในอันตราย!”สิ้นเสียงนั้น ซ่งจืออวี้และฉู่จวินถิงล้วนหน้าเปลี่ยนสี“ท่านอ๋อง ท่านดูแลน้องสาวข้าด้วย ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง!” ซ่งจืออวี้กล่าวด้วยความร้อนใจฉู่จวินถิงมองไปทางพวกอวิ๋นหยาง “เร็วเข้า ตามไปทั้งหมด จะต้องรับรองความปลอดภัยของแม่ทัพซ่งให้ได้!”“ข้าน้อยรับบัญชา!”พวกอวิ๋นหยางสะบัดแส้ยาวในมือ เร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวติดปีกซ่งรั่วเจินก็ร้อนใจเช่นกัน รีบลงมาจากรถม้าแล้วมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว“ขึ้นม้า พวกเราก็ตามไปเหมือนกัน” ฉู่จวินถิงยื่นมือมาให้ฉับพลันนั้น ซ่งรั่วเจินก็ถลาขึ้นไปบนหลังม้า คนทั้งสองโผนทะยานไปท่ามกลางป่าเขา“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”พวกซ่งหลินตกอยู่ในวงล้อม ถึงยามนี้จ
ซ่งจืออวี้แทงสังหารคนชุดดำที่โถมเข้ามาหาในกระบี่เดียวแล้วหันมามองซ่งหลินอย่างหมดคำจะพูด “ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย แต่เป็นห่วงท่านจึงรีบมา คนอื่นๆ กำลังตามมาแต่ยังมาไม่ถึงต่างหากเล่า”ซ่งหลินได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นน่ะสิ! ยังดียังดี ลูกชายคนนี้ของข้ายังมีหัวคิดอยู่สินะ”หากเป็นลูกชายคนอื่นมา เขาคงไม่กังวลแบบนี้ แต่อวี้เอ๋อร์มีนิสัยเถรตรงมาตั้งแต่เด็ก พลิกแพลงไม่เป็น การบุกเดี่ยวมาหาจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้คนอื่นๆ เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ทั้งที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดไปหมดแล้ว แต่จิตใจทุกคนกลับปลอดโปร่งอย่างยิ่งขณะนั้น พวกอวิ๋นหยางก็ตามมาถึงแล้วบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วสถานการณ์ที่เดิมเป็นฝ่ายตั้งรับเปลี่ยนจากอันตรายเป็นปลอดภัยในชั่วพริบตา ในที่สุดพวกซ่งหลินก็มีโอกาสหายใจหายคอเสียทีเห็นว่าซ่งจืออวี้รุกรับอย่างทรงพลังประหนึ่งมีพละกำลังมหาศาลมาแต่กำเนิด ลงมือโดยไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย หร่วนเฉิงอดชมเชยไม่ได้“ท่านแม่ทัพ ลูกชายคนนี้ของท่านมีฝีมือต่อสู้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าได้ลงสนามรบจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบเป็นแน่!”“เ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ