กู้ชิงซิวมองหลิ่วหรูเยียนตรงหน้า ก็เกิดความรู้สึกราวกับเคยรู้จักกันก็มิปาน คล้ายเคยพบที่ใดมาก่อน แต่นึกไม่ออกจริงๆ เพียงแต่รู้สึกสนิทสนมกันอยู่ภายในใจแปลกเหลือเกิน!“เหตุที่พวกเราเร่งเดินทางมา แท้จริงแล้วยังมีอีกเรื่องต้องการขอร้อง”กู้ชิงซิวเห็นกู้ชิงเหยี่ยนทักทายปราศรัยไปแล้ว หลังชื่นชมเด็กทั้งห้าของสกุลซ่งเรียบร้อย นี่ถึงพูดเป้าหมายที่แท้จริงที่มาที่นี่ในวันนี้“นายท่านรองกู้พูดโดยตรงเถอะ” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยปาก“วันนี้หลังกลับไปแล้วหมอก็จับชีพจรของท่านแม่ เดิมทีหลังนางหมดสติไปแล้วร่างกายจะแย่ลง แต่ปรากฏว่าได้พบสิ่งที่คาดไม่ถึงว่าไม่เพียงอาการไม่แย่ลง ตรงข้ามกันยังดีขึ้น”“หมอพูดว่าหากสามารถได้กินยามากหน่อย เชื่อว่าอาการของท่านแม่จะต้องดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นพวกเราจึงมาเพื่อขอยา”กู้ชิงเหยี่ยนรีบพูดเสริม “พวกเรารู้ว่ายาจะต้องล้ำค่ามาก พวกเราอยากซื้อกลับไป หวังว่าฮูหยินซ่งจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราและแม่ทัพซ่ง ช่วยเหลือพวกเราในครั้งนี้”หลิ่วหรูเยียนเองก็คิดไม่ถึงว่ายาลูกกลอนนี้จะมีประสิทธิภาพดีถึงเพียงนี้ หันมองลูกสาวบ้านตนอย่างไม่รู้ตัว นางไม่รู้ว่าเจินเอ๋อร์ยังมียาอยู
“เป็นผลงานของเจินเอ๋อร์”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าเองก็เผยแววภาคภูมิใจหากไม่ใช่เพราะระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นที่บ้านอย่างต่อเนื่อง นางกังวลคนโดดเด่นเกินไปอาจตกเป็นเป้า นี่ก็อยากทำให้คนทั่วหล้าได้รู้ว่าลูกสาวของนางมีความสามารถมากเพียงใด!สองพี่น้องสกุลกู้ลอบตกตะลึงภายในใจ ที่แท้แม่นางซ่งก็มีความสามารถถึงเพียงนี้ อยู่ภายนอกกลับถ่อมตนอย่างมาก สายตาฉู่อ๋องไม่ธรรมดาดังคาดซวงซวงใช้ทุกกลเม็ดโจมตีทำลายงานแต่งของอีกฝ่าย อีกฝ่ายยังไม่ถือสาหาความเรื่องที่ผ่านมาและช่วยรักษามารดา ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด“เช่นนั้นก็ขอรบกวนแม่นางซ่งแล้ว บุญคุณครั้งนี้พวกเราจดจำไว้ภายในใจแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราขอให้พูดออกมาโดยตรง ตราบใดที่พวกเราสามารถทำได้ จะไม่มีวันปฏิเสธเป็นอันขาด!”กู้ชิงเหยี่ยนเผยสีหน้าจริงจัง แท้จริงแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่องกับซ่งหลิน พวกเขาเองก็ลอบช่วยเหลือเล็กน้อย เพียงแต่ด้วยความสัมพันธ์ของสองฝ่าย จึงมิได้เปิดเผยออกมาบัดนี้ก็ใช้โอกาสนี้ ดึงความสัมพันธ์ของสองตระกูลให้ใกล้ชิดกัน พวกเขาเองก็สะดวกมากยิ่งขึ้น นับว่าทำให้มิตรภาพระหว่างพวกเขาและซ่งหลินสมบู
ซ่งอี้อันเผยสีหน้าตกตะลึง แต่ตกใจเพราะท่านลุงทั้งสองท่านนี้ยังไม่ได้นับญาติก็สืบข่าวของบิดาอยู่ตลอดหลังเกิดเรื่องกับบิดา พวกเขาเห็นความเย็นชาและอบอุ่นของคนจนคุ้นชินแล้วในอดีตคนที่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเหล่านั้นค่อยๆ ห่างเหินไปทีละคน กลัวว่าตนเองจะเกี่ยวข้องกับพวกเขา คนช่วยเหลือในยามลำบากก็มี แต่ส่วนใหญ่กลับเพียงแค่รับชมอยู่ข้างๆ หลายปีที่ผ่านมาสกุลกู้ไม่ได้มีการติดต่อกับพวกเขามาโดยตลอด แต่กลับคอยช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ความสัมพันธ์นี้...แท้จริงแล้วล้ำค่ามาก“ขอบท่านลุงมากขอรับ ที่ยังคงคิดถึงท่านพ่อของข้า” ซ่งอี้อันกล่าวกู้ชิงเหยี่ยนมองไปที่ซ่งอี้อันที่เติบโตแล้วตรงหน้า ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม “คนในตระกูลซ่งของพวกเจ้าล้วนเป็นเด็กดี เชื่อว่าพ่อของเจ้ากลับมาได้เห็นเจ้าเข้าไปทำงานในราชสำนัก เขาจะต้องดีใจมากแน่”“ในภายภาคหน้าหากเจอปัญหาอะไร อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเรา”“พูดไปแล้วก็รู้สึกผิด พวกเราเป็นผู้ใหญ่ของพวกเจ้า เดิมทีก็สมควรจะดูแลเอาใจใส่ให้มาก แต่เพราะเรื่องในอดีตเหล่านั้นมากระทบ”กู่ชิงซิวหันมองทางหลิ่วหรูเยียน “ตอนนี้พวกเจ้ายอมช่วยพวกเราโดยไม่ถือ
“พี่ใหญ่ท่านวางใจเถอะ อย่างไรเสียท่านพ่อกลับมาแล้วยังจะได้เห็นพวกเราแต่งงาน ท่านแต่งเร็วหน่อยก็ไม่เป็นไร”ซ่งเยี่ยนโจวผินมองเขาแวบหนึ่ง “มีความสามารถเจ้าก็หาคนมาแต่งงานด้วยก่อนเถอะ”ซ่งจืออวี้ “...”ได้เห็นซ่งจืออวี้ยกหินทุบเท้าตนเอง ซ่งอี้อันและซ่งจิ่งเซินกลับไม่พูดจาอย่างรู้ใจ พวกเขาสองคนบัดนี้ไม่มีแม่นางอยู่ภายในใจ ให้พูดเรื่องแต่งงาน นั่นยังไร้วี่แววตอนนี้เอง ซ่งรั่วเจินก็ได้รับข่าวหนึ่ง“ข่าวนี้เป็นท่านอ๋องพูดเองกับปากหรือ?” ซ่งรั่วเจินมองทางอวิ๋นหยาง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงอวิ๋นหยางพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะถูกกุดหัวในเที่ยงวันพรุ่งนี้ บัดนี้ท่านอ๋องถูกเรียกตัวเข้าวังแล้ว นี่ถึงให้ข้าน้อยมาแจ้งข่าวแม่นางซ่งก่อน”“ขอบคุณมาก ข้ารู้แล้ว” ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ถามอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องเข้าวังด้วยเรื่องใด?”อวิ๋นหยางครุ่นคิด พูดว่า “ข้าน้อยเองก็ไม่แน่ใจ แต่ท่านอ๋องพูดว่าวันนี้คนของศาลต้าหลี่ก็เข้าวัง ดังนั้นข้าน้อยเดาว่าอาจเกี่ยวข้องกับผลของเรื่องลอบสังหาร”คนสกุลซ่งได้รู้ว่าหลินรั่วหลานจะถูกกุดหัว แต่ละคนล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง“ก่อนหน้านี้ได้
“ได้ๆ เจ้าเข้ามาก่อน ข้าจะให้คนไปเชิญหมอโจวเดี๋ยวนี้เลย”กู้ชิงเจ๋อรีบให้คนประคองกู้อวิ๋นเวยเข้าโถงส่วนหน้า อีกทั้งยังสั่งคนไปเชิญหมอ มองใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดของน้องสาวบ้านตน ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงผ่านไปไม่นาน หมอโจวก็มาแล้ว“ท่านหมอ ใบหน้าของข้ายังสามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนตอนแรกได้หรือไม่?”ก่อนหน้านี้กู้อวิ๋นเวยอยู่ภายในคุกรู้เพียงว่าใบหน้าของตนได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาหัสมากเพียงใดกลับไม่รู้จนกระทั่งมาที่สกุลกู้ ได้เห็นตนเองภายในคันฉ่องถึงรู้ว่าหลินรั่วหลานนางหญิงคนนั้นเสียสติมากเพียงใด บาดแผลน่ากลัวถึงเพียงนี้กรีดลงบนใบหน้าครึ่งหนึ่งของนาง!หมอโจวเองก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะรับมือไม่ทันเช่นนี้ เผชิญหน้ากับสายตาบีบคั้นของกู้อวิ๋นเวย พูดด้วยท่าทางซับซ้อน “แผลนี้ลึกมากเหลือเกิน ต้องการให้ไม่ทิ้งรอยไว้เลยนั่นเป็นไปไม่ได้”สีหน้ากู้อวิ๋นเวยเปลี่ยนไป ตวาดเสียงเฉียบ “เป็นไปไม่ได้อะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นหมอต้มตุ๋นไม่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์!”“พี่สาม ข้าไม่ต้องการให้หมอคนนี้รักษาข้า ท่านรีบไปเปลี่ยนหมอให้ข้าเถอะ!”“ไม่ ข้าจะเชิญหมอหลวง ท่านรีบช่วยข้าไปเชิญหมอหลวงมา”หมอโจวเป็นหม
กู้ชิงซิวมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า เทียบกับตอนที่ไปสกุลซ่งด้วยความกังวล ตอนนี้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมากด้านหนึ่งคือเขาได้ยาของมารดาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอิงตามที่แม่นางซ่งบอกไว้ อีกเจ็ดวันค่อยมาถามอาการ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ร่างกายมารดาของเขาดีขึ้นบ้างเล็กน้อยอีกด้านหนึ่งคือพวกเขาไม่ได้ไปมาหาสู่กับสกุลซ่งมานานหลายปี ตอนนี้นับว่าทำลายกำแพงน้ำแข็งได้แล้ว ภายภาคหน้าทั้งสองครอบครัวจะสามารถพบกันได้อย่างเปิดเผย นึกถึงซ่งหลินสหายที่ไม่ได้ดื่มเหล้าด้วยกันมานาน ภายในใจก็เปี่ยมไปด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก“เด็กในตระกูลซ่งต่างเป็นเด็กดี ทุกคนมีความสามารถไม่แพ้กันเลย” กู้ชิงเหยี่ยนชื่นชมอย่างอดไม่ได้ภายในเมืองหลวง น่ากลัวว่ามีไม่กี่ครอบครัวที่สามารถเทียบได้ เด็กแต่ละคนล้วนมีความสำเร็จ นี่เป็นวาสนามากเพียงใดกัน“อีกไม่กี่วันก็เป็นวันแต่งงานของซ่งเยี่ยนโจวแล้ว พวกเราต้องเตรียมของขวัญแต่งงานให้ชิ้นหนึ่ง” กู้ชิงซิวพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อกู้อวิ๋นเวยได้ยินว่าพี่ชายทั้งสองมาถึงก็รู้สึกดีใจมาก ขณะกำลังคิดว่าเมื่อพวกเขาเห็นอาการบาดเจ็บของนงจะต้องใจอ่อนอยู่นั้น กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินพวกเขาชื่นชมตระกูลซ่งอย่างม
กู้ชิงเหยี่ยนเองก็ไม่อยากใส่ใจ อย่างไรเสียก็มีกู้ชิงเจ๋ออยู่ คาดว่าเชิญหมอมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องให้พวกเขาใส่ใจ“รอพบหมอแล้วก็ส่งนางออกไปเถอะ ข้าไม่หวังให้ยามท่านพ่อกลับมาได้เห็นนางแล้วจะทำให้เสียอารมณ์”กู้ชิงเจ๋อมองทั้งสองคนเดินผ่านหน้าเขาไปเช่นนี้ อวิ๋นเวยได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สนใจใยดี ครุ่นคิดภายในใจว่าทั้งสองคนเลือดเย็นเกินไปแล้ว“นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพวกเรานะ! เหตุใดพวกท่านเย็นชาถึงเพียงนี้?”“ข้ารู้ข้าไม่มีความสามารถเหมือนพวกท่าน ปกติพวกท่านพูดอะไรข้าล้วนเชื่อฟัง แต่ข้าไม่อาจเลือดเย็นเหมือนพวกท่านได้”“บัดนี้คนได้รับบาดเจ็บก็คืออวิ๋นเวย พวกท่านใจร้ายถึงเพียงนี้ หากภายภาคหน้าเกิดเรื่องขึ้นกับข้า พวกท่านก็จะให้ข้าใสหัวไปอย่างไร้เยื่อใยใช่หรือไม่?” กู้ชิงเจ๋อถามไล่เรียงอย่างเหลือจะเชื่อกู้ชิงเหยี่ยนได้ยินถ้อยคำของน้องชายโง่งมคนนี้ก็เกลียดที่ไม่สามารถตบเขาจนบินหายไปได้ มองเห็นก็รู้สึกรำคาญฝีเท้ากู้ชิงซิวชะงักเบาๆ หันมองใบหน้าที่ได้รับบาดเจ็บของน้องชายบ้านตน เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “น้องสาม หากเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน ท่าทางเช่นนี้ของเจ้าข้าสามารถให้อภัยเจ้าได้ อีก
ณ สกุลฉินฉินเจิงเพิ่งได้รับข่าวว่ากู้อวิ๋นเวยออกจากคุกมาแล้วก็รู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ครั้งนี้กลับคำนวณผิดไป ทีแรกคิดว่ากู้อวิ๋นเวยไม่มีโอกาสออกมา ไม่แน่ว่ายังเดือดร้อนเขา นี่ถึงหย่าภรรยาอย่างไม่ลังเล ประเดี๋ยวจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องฉินจื้อหย่วนสองพี่น้องได้รู้ข่าวนี้ รู้สึกหนักอึ้งภายในใจ ไล่กู้อวิ๋นเวยออกจากบ้านได้อย่างยากลำบาก ท่านพ่อคงไม่รับคนกลับมาอีกกระมัง?“ท่านพ่อ ได้ยินมาว่าทางฝั่งสกุลกู้ส่งคนมาแจ้งข่าว ให้เซี่ยงเหิงไปเที่ยวหนึ่ง นี่ใช่หรือไม่ว่าได้รับการยอมรับจากสกุลกู้อีกครั้งแล้ว?” ฉินจื้อหย่วนถามหยั่งเชิงเขาฉินเจิงเอ่ยถามบ่าวที่มาส่งข่าว “ผู้มาใช่นายท่านสามสกุลกู้ส่งมาหรือไม่?”“ใช่แล้ว”ได้ยินดังนั้น ภายในสายตาฉินเจิงก็เผยแววหมิ่นแคลน “คนที่ไม่ได้เรื่องที่สุดของสกุลกู้ก็คือเจ้าสาม หากเจ้าใหญ่และเจ้ารองส่งคนมา กลับสามารถแสดงออกถึงท่าทีของสกุลกู้ได้”“เจ้าสามส่งคนมา เดิมทีก็ไร้ประโยชน์ กระนั้นเซี่ยงเหิง เจ้ายังไปสักเที่ยวเถอะ”หลายปีมานี้เขาไม่ใช่ไม่เคยเห็นวิธีการของกู้อวิ๋นเวย เขามิได้เร่งเร้าเพียงครั้งเดียว หากสกุลกู้ยอมช่วยเหลือเขา เขาจะต้องสามารถขึ้นสู่จุ
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที
เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่? “ผ่าม!” กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง! “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก! ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“ “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!” ซ่งรั่วเจิน “...” หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค
ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้” อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน” ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?” “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย” “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร
เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่ “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี” “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด” “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?” จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ