แชร์

บทที่ 572

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“พี่ใหญ่ท่านวางใจเถอะ อย่างไรเสียท่านพ่อกลับมาแล้วยังจะได้เห็นพวกเราแต่งงาน ท่านแต่งเร็วหน่อยก็ไม่เป็นไร”

ซ่งเยี่ยนโจวผินมองเขาแวบหนึ่ง “มีความสามารถเจ้าก็หาคนมาแต่งงานด้วยก่อนเถอะ”

ซ่งจืออวี้ “...”

ได้เห็นซ่งจืออวี้ยกหินทุบเท้าตนเอง ซ่งอี้อันและซ่งจิ่งเซินกลับไม่พูดจาอย่างรู้ใจ พวกเขาสองคนบัดนี้ไม่มีแม่นางอยู่ภายในใจ ให้พูดเรื่องแต่งงาน นั่นยังไร้วี่แวว

ตอนนี้เอง ซ่งรั่วเจินก็ได้รับข่าวหนึ่ง

“ข่าวนี้เป็นท่านอ๋องพูดเองกับปากหรือ?” ซ่งรั่วเจินมองทางอวิ๋นหยาง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึง

อวิ๋นหยางพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะถูกกุดหัวในเที่ยงวันพรุ่งนี้ บัดนี้ท่านอ๋องถูกเรียกตัวเข้าวังแล้ว นี่ถึงให้ข้าน้อยมาแจ้งข่าวแม่นางซ่งก่อน”

“ขอบคุณมาก ข้ารู้แล้ว” ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ถามอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องเข้าวังด้วยเรื่องใด?”

อวิ๋นหยางครุ่นคิด พูดว่า “ข้าน้อยเองก็ไม่แน่ใจ แต่ท่านอ๋องพูดว่าวันนี้คนของศาลต้าหลี่ก็เข้าวัง ดังนั้นข้าน้อยเดาว่าอาจเกี่ยวข้องกับผลของเรื่องลอบสังหาร”

คนสกุลซ่งได้รู้ว่าหลินรั่วหลานจะถูกกุดหัว แต่ละคนล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง

“ก่อนหน้านี้ได้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 573

    “ได้ๆ เจ้าเข้ามาก่อน ข้าจะให้คนไปเชิญหมอโจวเดี๋ยวนี้เลย”กู้ชิงเจ๋อรีบให้คนประคองกู้อวิ๋นเวยเข้าโถงส่วนหน้า อีกทั้งยังสั่งคนไปเชิญหมอ มองใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดของน้องสาวบ้านตน ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงผ่านไปไม่นาน หมอโจวก็มาแล้ว“ท่านหมอ ใบหน้าของข้ายังสามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนตอนแรกได้หรือไม่?”ก่อนหน้านี้กู้อวิ๋นเวยอยู่ภายในคุกรู้เพียงว่าใบหน้าของตนได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาหัสมากเพียงใดกลับไม่รู้จนกระทั่งมาที่สกุลกู้ ได้เห็นตนเองภายในคันฉ่องถึงรู้ว่าหลินรั่วหลานนางหญิงคนนั้นเสียสติมากเพียงใด บาดแผลน่ากลัวถึงเพียงนี้กรีดลงบนใบหน้าครึ่งหนึ่งของนาง!หมอโจวเองก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะรับมือไม่ทันเช่นนี้ เผชิญหน้ากับสายตาบีบคั้นของกู้อวิ๋นเวย พูดด้วยท่าทางซับซ้อน “แผลนี้ลึกมากเหลือเกิน ต้องการให้ไม่ทิ้งรอยไว้เลยนั่นเป็นไปไม่ได้”สีหน้ากู้อวิ๋นเวยเปลี่ยนไป ตวาดเสียงเฉียบ “เป็นไปไม่ได้อะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นหมอต้มตุ๋นไม่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์!”“พี่สาม ข้าไม่ต้องการให้หมอคนนี้รักษาข้า ท่านรีบไปเปลี่ยนหมอให้ข้าเถอะ!”“ไม่ ข้าจะเชิญหมอหลวง ท่านรีบช่วยข้าไปเชิญหมอหลวงมา”หมอโจวเป็นหม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 574

    กู้ชิงซิวมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า เทียบกับตอนที่ไปสกุลซ่งด้วยความกังวล ตอนนี้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมากด้านหนึ่งคือเขาได้ยาของมารดาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอิงตามที่แม่นางซ่งบอกไว้ อีกเจ็ดวันค่อยมาถามอาการ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ร่างกายมารดาของเขาดีขึ้นบ้างเล็กน้อยอีกด้านหนึ่งคือพวกเขาไม่ได้ไปมาหาสู่กับสกุลซ่งมานานหลายปี ตอนนี้นับว่าทำลายกำแพงน้ำแข็งได้แล้ว ภายภาคหน้าทั้งสองครอบครัวจะสามารถพบกันได้อย่างเปิดเผย นึกถึงซ่งหลินสหายที่ไม่ได้ดื่มเหล้าด้วยกันมานาน ภายในใจก็เปี่ยมไปด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก“เด็กในตระกูลซ่งต่างเป็นเด็กดี ทุกคนมีความสามารถไม่แพ้กันเลย” กู้ชิงเหยี่ยนชื่นชมอย่างอดไม่ได้ภายในเมืองหลวง น่ากลัวว่ามีไม่กี่ครอบครัวที่สามารถเทียบได้ เด็กแต่ละคนล้วนมีความสำเร็จ นี่เป็นวาสนามากเพียงใดกัน“อีกไม่กี่วันก็เป็นวันแต่งงานของซ่งเยี่ยนโจวแล้ว พวกเราต้องเตรียมของขวัญแต่งงานให้ชิ้นหนึ่ง” กู้ชิงซิวพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อกู้อวิ๋นเวยได้ยินว่าพี่ชายทั้งสองมาถึงก็รู้สึกดีใจมาก ขณะกำลังคิดว่าเมื่อพวกเขาเห็นอาการบาดเจ็บของนงจะต้องใจอ่อนอยู่นั้น กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินพวกเขาชื่นชมตระกูลซ่งอย่างม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 575

    กู้ชิงเหยี่ยนเองก็ไม่อยากใส่ใจ อย่างไรเสียก็มีกู้ชิงเจ๋ออยู่ คาดว่าเชิญหมอมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องให้พวกเขาใส่ใจ“รอพบหมอแล้วก็ส่งนางออกไปเถอะ ข้าไม่หวังให้ยามท่านพ่อกลับมาได้เห็นนางแล้วจะทำให้เสียอารมณ์”กู้ชิงเจ๋อมองทั้งสองคนเดินผ่านหน้าเขาไปเช่นนี้ อวิ๋นเวยได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สนใจใยดี ครุ่นคิดภายในใจว่าทั้งสองคนเลือดเย็นเกินไปแล้ว“นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพวกเรานะ! เหตุใดพวกท่านเย็นชาถึงเพียงนี้?”“ข้ารู้ข้าไม่มีความสามารถเหมือนพวกท่าน ปกติพวกท่านพูดอะไรข้าล้วนเชื่อฟัง แต่ข้าไม่อาจเลือดเย็นเหมือนพวกท่านได้”“บัดนี้คนได้รับบาดเจ็บก็คืออวิ๋นเวย พวกท่านใจร้ายถึงเพียงนี้ หากภายภาคหน้าเกิดเรื่องขึ้นกับข้า พวกท่านก็จะให้ข้าใสหัวไปอย่างไร้เยื่อใยใช่หรือไม่?” กู้ชิงเจ๋อถามไล่เรียงอย่างเหลือจะเชื่อกู้ชิงเหยี่ยนได้ยินถ้อยคำของน้องชายโง่งมคนนี้ก็เกลียดที่ไม่สามารถตบเขาจนบินหายไปได้ มองเห็นก็รู้สึกรำคาญฝีเท้ากู้ชิงซิวชะงักเบาๆ หันมองใบหน้าที่ได้รับบาดเจ็บของน้องชายบ้านตน เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “น้องสาม หากเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน ท่าทางเช่นนี้ของเจ้าข้าสามารถให้อภัยเจ้าได้ อีก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 576

    ณ สกุลฉินฉินเจิงเพิ่งได้รับข่าวว่ากู้อวิ๋นเวยออกจากคุกมาแล้วก็รู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ครั้งนี้กลับคำนวณผิดไป ทีแรกคิดว่ากู้อวิ๋นเวยไม่มีโอกาสออกมา ไม่แน่ว่ายังเดือดร้อนเขา นี่ถึงหย่าภรรยาอย่างไม่ลังเล ประเดี๋ยวจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องฉินจื้อหย่วนสองพี่น้องได้รู้ข่าวนี้ รู้สึกหนักอึ้งภายในใจ ไล่กู้อวิ๋นเวยออกจากบ้านได้อย่างยากลำบาก ท่านพ่อคงไม่รับคนกลับมาอีกกระมัง?“ท่านพ่อ ได้ยินมาว่าทางฝั่งสกุลกู้ส่งคนมาแจ้งข่าว ให้เซี่ยงเหิงไปเที่ยวหนึ่ง นี่ใช่หรือไม่ว่าได้รับการยอมรับจากสกุลกู้อีกครั้งแล้ว?” ฉินจื้อหย่วนถามหยั่งเชิงเขาฉินเจิงเอ่ยถามบ่าวที่มาส่งข่าว “ผู้มาใช่นายท่านสามสกุลกู้ส่งมาหรือไม่?”“ใช่แล้ว”ได้ยินดังนั้น ภายในสายตาฉินเจิงก็เผยแววหมิ่นแคลน “คนที่ไม่ได้เรื่องที่สุดของสกุลกู้ก็คือเจ้าสาม หากเจ้าใหญ่และเจ้ารองส่งคนมา กลับสามารถแสดงออกถึงท่าทีของสกุลกู้ได้”“เจ้าสามส่งคนมา เดิมทีก็ไร้ประโยชน์ กระนั้นเซี่ยงเหิง เจ้ายังไปสักเที่ยวเถอะ”หลายปีมานี้เขาไม่ใช่ไม่เคยเห็นวิธีการของกู้อวิ๋นเวย เขามิได้เร่งเร้าเพียงครั้งเดียว หากสกุลกู้ยอมช่วยเหลือเขา เขาจะต้องสามารถขึ้นสู่จุ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 577

    เดิมทีกู้อวิ๋นเวยไม่พอใจฉินเซี่ยงเหิงที่สองวันนี้ไม่ยอมเคลื่อนไหวมาโดยตลอด บัดนี้ได้ยินก็เข้าใจแล้ว รู้สึกสงสารอย่างอดไม่ได้“ข้าก็รู้พี่น้องฉินจื้อหย่วนล้วนไม่ใช่คนดี หวังเพียงให้ข้าจะสามารถถูกไล่ออกจากบ้านได้ พ่อของเจ้าหย่าข้า ล้วนเป็นพวกเขายุแยง!”ฉินเซี่ยงเหิงลอบพรูลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง “ครั้งนี้ซวงซวงปรักปรำผู้อื่นและโยนความผิดเป็นความผิดใหญ่หลวง หากอยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็ช่างเถอะ แต่นี่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท ข้าย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย”สีหน้ากู้อวิ๋นเวยไม่สบอารมณ์ “ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของเจ้าจะโง่งมถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรึกษาข้า ทุกครั้งล้วนคิดว่าทำได้อย่างแยบยลดุจท้องฟ้าตะเข็บ กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งรั่วเจิน”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีวันอนุญาตให้นางทำเช่นนี้!”“เรื่องมาถึงขั้นนี้ น่ากลัวว่าข้าคงสิ้นหวังแล้ว...” ฉินเซี่ยงเหิงก้มหน้า คล้ายเสียใจอย่างมาก สิ้นหวังอย่างสุดซึ้งกู้อวิ๋นเวยร้อนใจในทันใด หันมองทางกู้ชิงเจ๋อ “พี่สาม ท่านรู้เซี่ยงเหิงเป็นเด็กมีความสามารถมาโดยตลอด ทั้งหมดล้วนถูกพวกเราทำให้เดือดร้อน ท่านสามารถช่วยพวกเราคิดหาทางได้หรือ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 578

    นายหญิงของบ้านเสียโฉมคนหนึ่ง กลับไปแล้วยังไม่ขายหน้าอีกหรือ บัดนี้บิดากลัวที่สุดก็คือขายหน้า จะต้องไม่เห็นด้วยแน่“ท่านเป็นหมอหลวงนะ มิใช่ว่าควรจะมีหนทางรักษามากมายหรอกหรือ? ไม่ว่ายาล้ำค่าเพียงใดก็ใช้กับข้าเถอะ จะต้องหาทางทำให้ใบหน้าข้ากลับมาเป็นเหมือนก่อน!”เสียงกู้อวิ๋นเวยแหลมสูง นางไม่สามารถยอมรับได้ว่าใบหน้าของตนจะถูกทำลายไปเช่นนี้!“ข้าเป็นหมอหลวง ไม่ใช่เทพเซียน หากเจ้าอยากให้ข้ารักษา ข้าสามารถรักษาได้ถึงขั้นนี้ หาไม่แล้วพวกเจ้าก็ไปเชิญคนมีฝีมือคนอื่นเถอะ”ใบหน้าหมอหลวงเคร่งขรึม เขาเห็นแก่หน้าสกุลกู้ถึงมา บัดนี้เกือบด่าเขาเป็นหมอต้มตุ๋นไปแล้ว เขาเองก็ไม่อยากปรนนิบัติอีก“อวิ๋นเวย ใบหน้าเจ้านี้เสียเวลาไม่ได้ เลิกโวยวายได้แล้ว” กู้ชิงเจ๋อพูดเสียงเครียดกู้อวิ๋นเวยรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากภายในใจ ทว่าความเจ็บปวดบนใบหน้าส่งมาไม่หยุด หากยังไม่ใส่ยา น่ากลัวว่าใบหน้าของนางก็ยิ่งหมดหนทางรักษา ทำได้เพียงรับปากยามหมอหลวงรักษาบาดแผล เสียงร้องโอดครวญของกู้อวิ๋นเวยดังขึ้นไม่หยด สุดท้ายเขียนตำรับยา หลังสั่งว่าต้องจัดการดูแลเยี่ยงไรแล้วก็รีบจากไป“อวิ๋นเวย บัดนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว อุปนิสัยข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 579

    คืนนี้ สำหรับหลินรั่วหลานและหลินจือเยว่ทรมานมากเป็นพิเศษ“จือเยว่ พรุ่งนี้แม่ก็ต้องตายแล้ว เจ้าจะต้องฟังคำพูดของแม่”หลินรั่วหลานร้องไห้จนตาบวม น้ำตาไหลจนเหือดแห้งแล้ว “สกุลฉินเหล่านี้ล้วนเป็นตัวหายนะ ไม่มีคนดี ลูกในท้องของซวงซวงไม่ใช่ลูกของเจ้า นางเองก็มิได้อยู่กับเจ้าด้วยความจริงใจ”“เมื่อแรกข้าเคยพูดมาก่อน นางคิดเพียงอยากเกาะมังกรพึ่งพาหงส์ เพียงเพราะไม่สามารถเกาะฉู่อ๋องได้สำเร็จจึงมาอยู่กับเจ้า”“บัดนี้เจ้าถูกตัดสินเนรเทศ น่ากลัวว่านางจะต้องคิดหาทางจับเหยาจิ่นเฉิง เจ้าอย่าปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเป็นอันขาด!”ใบหน้าหลินจือเยว่เผยความลังเล สายตาทอดมองฉินซวงซวงที่อยู่ห้องขังทางด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว ซวงซวงจะทรยศเขาจริงหรือ?“เจ้าอย่าโง่อีกเลย พวกเขาก็แค่เห็นเจ้าซื่อสัตย์มีเมตตารังแกง่ายถึงหมายตาเจ้า นางและแม่ที่ขาดมโนสำนึกของนางก็เหมือนกัน น่ากลัวว่าถึงตอนนั้นยังจะเหยียบเจ้าแรงๆ อีกด้วย!”หลินรั่วหลานเกลียดหลินจือเยว่ที่ไม่ได้เรื่อง “ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ต้องรอให้แม่ตายตาไม่หลับกระนั้นหรือ?”“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องทำตามที่ท่านพูดแน่”“ภายภาคหน้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 580

    “รนหาที่ตาย” ซ่งจืออวี้เอ่ยปากซ่งจิ่งเซินถอนหายใจพูดว่า “ไม่รู้บัดนี้หลินจือเยว่จะนึกเสียใจภายหลังหรือไม่? เสียดายเหลือเกินที่เขาไม่ได้เห็นเองกับตา”“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นว่าหลินจือเยว่ทำให้น้องหญิงห้าอับอายเยี่ยงไร เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงฉานหยุดหน้าประตู เขาเป็นฝ่ายออกตัวรับฉินซวงซวงลงเกี้ยว กลับโมโหออกคำสั่งใส่น้องหญิงห้า”“จุดจบในวันนี้ ก็เป็นพวกเขารนหามาด้วยตนเองมิใช่หรือ? แม้แต่ลูกก็ไม่ใช่ของเขา น่าขันมากเพียงใด?”ซ่งจืออวี้ถ่มน้ำลาย ไม่ว่าใครรังแกน้องสาว ล้วนสมน้ำหน้าแล้ว!“ช่างน่าเสียดายตอนนั้นข้าไม่อยู่ หาไม่แล้วข้าจะตีเขาแรงๆ!” ซ่งจิ่งเซินเกิดโทสะขึ้นมาในทันใดซ่งจืออวี้เลิกคิ้วอย่างลำพองใจ “ข้าตีไปแล้ว พูดไปแล้วในอดีตเจ้าก็ดีไปกว่าหลินจือเยว่ไม่มาก คล้ายถูกทำเสน่ห์ก็มิปาน”ซ่งจิ่งเซิน “ไม่รู้จะพูดอะไร อันที่จริงสามารถไม่พูดได้”ซ่งจืออวี้ “ข้ากลับอยากพูด”ซ่งจิ่งเซิน “...”จากนั้นเหยาจิ่นเฉิงได้รู้ว่าฉินซวงซวงตั้งครรภ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไปได้มากว่าจะเป็นลูกของเขา สีหน้าเปลี่ยนไป“ท่านแม่ ท่านพูดจริงหรือ?”“ได้ยินมาว่าโวยวายใหญ่โตในคุก หลินรั่วหลานโมโหจนทำลายใบหน้า

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 593

    บัดนี้ยังมีผู้ใดบ้างเล่ากล้าตั้งสัตย์สาบานต่อหน้าซ่งรั่วเจิน?กลางวันแสกๆ นางก็สามารถเรียกทัณฑ์อัสนีมาสังหารคนทั้งเป็นได้ หากตั้งสัตย์เท็จจะไม่เท่ากับรนหาที่ตายเองหรอกหรือ?ดวงตานายหญิงหลิ่วหดเกร็งด้วยหวั่นเกรง นางไม่ได้อยากตาย!“เจินเอ๋อร์ นางเป็นถึงท่านยายของเจ้า เจ้าก็อายุอานามเพียงเท่านี้เหตุใดจึงได้ใจคอโหดร้ายเพียงนี้!”นายท่านหลิ่วว่าด้วยขุ่นเคืองแกมแฝงด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ช่างเถิด ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ต้อนรับพวกข้าแล้วจริงๆ จึงได้ใช้วิธีต่ำช้าถึงเพียงนี้เพื่อตัดสัมพันธ์กับพวกข้า”“ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าวางแผนรัดกุมรอบคอบเช่นนี้ไปเพื่ออะไร แต่พวกเราจะไปให้เดี๋ยวนี้แหละ!”ว่าพลาง นายท่านหลิ่วก็จูงมือนายหญิงหลิ่วเดินจากไป ท่าทีโกรธเกรี้ยวดูราวกับถูกเหยียดหยามเต็มประดาซ่งรั่วเจินมองดูละครลวงโลงแสนช่ำชองจากครอบครัวนี้แล้ว ในดวงตาก็ฉายแววเย้ยหยันอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดิบดีเพื่อแสดงละครฉากหนึ่ง บัดนี้ยังคิดเสแสร้งแกล้งทำตนเป็นผู้ถูกกระทำให้ผู้อื่นชี้หน้าด่าทอพวกนาง มีหรือที่เรื่องจะง่ายดายได้เช่นนั้น?“หรือจะถูกข้าพูดแทงใจเข้า จึงได้ร้อนตัวจนต้องรีบหนีกลับกัน?” ซ่ง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 592

    ว่าพลาง ซ่งรั่วเจินก็ส่งกระดาษเขียนยันต์ในมือให้กับฉู่จวินถิงหากนางเป็นผู้จุดเทียนเองก็เกรงว่าครั้นผลลัพธ์ปรากฏขึ้น สกุลหลิ่วก็ยังจะคิดหาหนทางมาปฏิเสธอยู่วันยังค่ำ แต่การให้ฉู่จวินถิงจุดเทียน ย่อมทำให้พวกเขาหุบปากสิ้นข้อสงสัยเมื่อผู้คนได้ยินได้เห็นถึงการพิสูจน์สายเลือดที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้แล้ว ในดวงตาก็ค่อยๆ เปี่ยมเต็มด้วยความกระหายใคร่รู้หลิ่วเฟยเยี่ยนจำยอมกรีดปลายนิ้วของตน นำเอาหยาดเลือดสดหยดลงบนกระดาษเขียนยันต์ด้วยความไม่เต็มใจ ตั้งแต่ได้รู้ว่าในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ซ่งรั่วเจินได้ใช้คำสัตย์สาบานเรียกทัณฑ์อัสนีลงมาฟาดฟันใส่คนพูดปดสองคนจนถึงแก่ชีวิตทั้งเป็น ในใจของนางก็อดหวาดผวาขึ้นมาไม่ได้หญิงผู้นี้ช่างเป็นนางมารนางปิศาจโดยแท้!ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดหลิ่วหรูเยียนจึงได้คลอดบุตรสาวเช่นนางออกมาได้ ทั้งยังเห็นประหนึ่งสมบัติล้ำค่า!ไม่นานกระดาษเขียนยันต์ก็ถูกจุดขึ้นโดยฉู่จวินถิง ผู้คนต่างเป็นประจักษ์พยานกันโดยทั่วว่าเทียนไขทั้งสี่เล่มล้วนถูกจุดขึ้นจนสว่างไสวลุกโชน เสียก็เพียงแต่กระดาษยันต์ที่ค่อยๆ มอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้ากลับคล้ายมีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงอยู่กับ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 591

    ทันทีทันใดที่สิ้นเสียงของซ่งรั่วเจิน สีหน้าของนายหญิงหลิ่วก็พลันเปลี่ยนสีนางลืมไปเสียสิ้นว่าซ่งรั่วเจินมีความสามารถเช่นนี้อยู่กับตัว!“เจ้าลูกอกตัญญูมิรู้คุณ! แม่ของเจ้าก็คือข้าอย่างไรเล่าที่อุ้มท้องถึงสิบเดือนคลอดเจ้าออกมา บัดนี้เจ้ากลับมาอุตริคิดสงสัยเรื่องเช่นนี้ได้ ตกลงเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน!”นายหญิงหลิ่วคล้ายเดือดดาลจนถึงขีดสุด จึงยื่นมือออกหมายจะทุบตีซ่งรั่วเจิน “เจ้าไม่รู้จักอบรมสั่งสอนลูกให้ดี เช่นนั้นข้าผู้นี้จะช่วยอบรมให้เอง!”ทว่ามือของนายหญิงหลิ่วเพิ่งยื่นออกมากลางอากาศก็ถูกขวางเอาไว้สายตาเยียบเย็นของฉู่จวินถิงกับจ้องเขม็งไปที่นางเสียก่อน “ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วก็เลื่องชื่อมิน้อยเรื่องมิอาจอบรมบุตรหลานให้ดี เช่นนั้นหยุดคิดจะอบรมลูกหลานผู้อื่นเสียจะดีกว่า”สีหน้าของนายหญิงหลิ่วพลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางยังพอใช้สถานะความอาวุโสกดข่มผู้อื่นได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่อ๋องเช่นนี้แล้ว ต่อให้ใจกล้าอีกสักร้อยเท่าพันเท่านางก็ไม่กล้า!นางเด็กซ่งรั่วเจินผู้นี้ก็ช่างโชคดีได้น่าบรรลัยแท้ ถึงกับมีฉู่อ๋องมาโปรดปรานให้ความสำคัญเช่นนี้“ท่านอ๋อง ข้าอายุอานามก็ปูนนี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 590

    “พี่หญิง ในใจท่านข้าไม่น่าเชื่อถือปานนั้นเชียวหรือ ท่านถึงได้ใส่ร้ายข้าต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไม่เห็นข้าเป็นน้องสาวอีกแล้ว ดี ต่อไปข้าจะอยู่ห่างๆ ท่านก็ได้ แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด”“ท่านแค่โทษข้าคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ดีต่อท่านมากเลยนะ”“หรูเยียน พวกเราล้วนแต่เป็นคนในครอบครัว เจ้ากับเฟยเยี่ยนโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ยามนี้กลับทะเลาะจนถึงขั้นพี่น้องแตกหักกันแค่เพื่อร้านค้าร้านเดียวออกจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว”“ต่อไปนางไม่กล้าเรียกร้องร้านขายไก่ทอดอีกแล้ว เจ้าก็หายโกรธเถอะนะ พวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกันดีหรือไม่?” นายหญิงหลิ่วกล่าวทั้งน้ำตาคลอหากเป็นเมื่อก่อน หลิ่วหรูเยียนเห็นนายหญิงหลิ่วเป็นเช่นนี้จะต้องใจอ่อนแน่นอน นางจิตใจดีงามมาตลอด ทนเห็นผู้อาวุโสเสียใจไม่ได้แต่หลังจากรู้ว่านางไม่ใช่ลูกบังเกิดเกล้าของอีกฝ่าย ทุกอย่างนี้กลับแลดูน่าขันยิ่งนักนางถึงกับถูกมารดาจอมปลอมเช่นนี้บีบคั้นมาเสียหลายปี!ซ่งรั่วเจินกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ฝ่ายหลังเข้าใจได้ในทันทีจึงเอ่ยขึ้นมาว่า“ท่านยาย ท่านแม่ย่อมยินดีเห็นคนในครอบครัวอยู่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status