ซั่งรั่วเจินสำรวจเคอหยวนจื่อตรงหน้า เห็นเพียงนางสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้ใบหน้าไม่นับว่างดงาม กลับตัวเล็กอ่อนโยนเพียงมองปราดเดียว ก็คิดแค่ว่าแม่นางคนนี้คล้ายตะกร้าดอกไม้วางอยู่ริมทาง ไม่ใช่คนที่มองเพียงแวบเดียวก็ดึงดูดคนได้ ดวงตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงสะท้อนแสงเป็นระลอกๆ ตำแหน่งของดวงตาแดงเรื่อเป็นแบบที่พวกบุรุษรักหยกถนอมบุปผาชมชอบมากที่สุดเพียงได้เห็น ซ่งรั่วเจินก็รู้แล้วว่าเพราะเหตุใดพี่สี่บ้านตนจึงปักใจอยู่กับเคอหยวนจื่อ น่ากลัวว่าใช้ท่าทางอ่อนโยนไร้พิษภัยนี้หลอกคนไม่น้อยเพียงแต่ในฐานะสตรีเฉกเดียวกัน นางสัมผัสได้ว่าระหว่างเนตรขนงของฝ่ายหญิงสะท้อนความโอหังออกมาโดยไม่รู้ตัวแม่นางคนนี้เพียงเชี่ยวชาญใช้ภาพลักษณ์อ่อนโยนบอบบางเท่านั้น แท้จริงแล้วภายในใจอำมหิตยิ่งกว่าใคร หาไม่แล้วหลายปีมานี้ก็คงไม่หลอกใช้พี่สี่ของนางใช้จ่ายเงินของพี่สี่ เพลิดเพลินกับความดีของพี่สี่ ยังดูเบาพวกเขาไปทุกจุด หาประโยชน์จากพวกเขาไม่เพียงทำร้ายพี่สี่จนตาย หลังพี่สี่ตายแล้วยังหาประโยชน์จากผู้วายชนม์ ทำให้ทุกคนคิดว่าหลายปีมานี้นางถูกซ่งจิ่งเซินบีบบังคับให้ปวดใจเหลือหลายส่วนพี่สี่ของนางที่ถูกปรักปรำ
ใบหน้าพระชายาเซียงอ๋องเองก็เปี่ยมรอยยิ้ม “ซ่งฮูหยินมีวาสนาโดยแท้ ทั้งลูกชายและลูกสาวล้วนมีความสามารถ จะต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ”หลิ่วหรูเยียนได้รับความโปรดปรานจนตกใจ “ขอบพระทัยเซียงอ๋อง ขอบพระทัยพระชายา”“ซ่งฮูหยินไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้ ภายภาคหน้าก็เป็นคนของตนแล้ว” พระชายาเซียงอ๋องเอ่ยปากหลิ่วหรูเยียนตกตะลึงอย่างสุดระงับ ครอบครัวเซียงอ๋องมิใช่ใครก็สามารถอาศัยได้ ครั้งนี้สามารถเชิญพวกเขามาได้นับเป็นความประหลาดใจที่คาดไม่ถึง ประโยคนี้ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อทว่าครู่ต่อมา นางก็เข้าใจความนัยแล้วมองเห็นพระชายาเซียงอ๋องจับมือซ่งรั่วเจิน มองนางแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในสายตาเปี่ยมความชื่นชอบ“เจ้าก็คือแม่นางห้าสกุลซ่งกระมัง รูปโฉมงดงามจริงๆ คนเองก็ใจดีมีเมตตา เพียงข้าได้เห็นแวบเดียวก็รู้สึกชมชอบ”“นับตั้งแต่จิ่นหวยกลับมาก็บอกพวกเราแล้ว เมื่อแรกเขาเกือบหิวตาย ต้องขอบคุณได้พบแม่นางซ่ง มอบเงินให้เขา นี่ถึงสามารถผ่านความลำบากมาได้”พูดถึงเรื่องนี้ พระชายาเซียงอ๋องปวดใจอย่างอดไม่ได้ นางมีลูกเพียงคนเดียว เดิมทีสมควรเติบโตบนกองเงินกองทอง คิดไม่ถึงว่าต้องตกระกำลำบากเพียงนี้เมื่อแรกนางได้ยินเรื
ซ่งปี้อวิ๋นสบมองเซียงอ๋องสามีภรรยาที่สนทนาอย่างออกรสออกชาติกับคนสกุลซ่งอยู่ไกลๆ ไม่สบอารมณ์ภายในใจทั้งๆ ที่ล้วนเป็นปู่ทวดคนเดียวกัน แต่บัดนี้สกุลซ่งของพวกเขาและจวนแม่ทัพซ่ง เทียบกันแล้วกลับแย่กว่าไม่น้อย!“หยวนจื่อ เจ้าว่าวันนี้ซ่งรั่วเจินจู่ๆ ก็วิ่งมาที่จวนเซียงอ๋อง คงไม่ใช่ถอนหมั้นแล้วก็หมายตาซื่อจื่อหรอกกระมัง?”ซ่งปี้อวิ๋นกังวลอย่างอดไม่ได้ เมื่อแรกยามได้รู้ว่าซ่งรั่วเจินถอนหมั้น นางก็รู้สึกมีความสุข ถือสิทธิ์อะไรล้วนเป็นคนสกุลซ่ง ซ่งรั่วเจินก็สามารถแต่งเข้าจวนโหวได้?เห็นว่านางเสียการแต่งงานที่ดีไปแล้ว อายุเองก็มากแล้ว คาดว่าไม่สามารถแต่งงานกับคนดีได้อีก ไม่คาดคิดวันนี้ถึงขั้นได้พบกันที่จวนเซียงอ๋อง ต้องรู้ว่าตัวนางเองก็จ่ายหนักมากถึงสามารถอาศัยเคอหยวนจื่อมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของจวนเซียงอ๋องได้เคอหยวนจื่อหันไปมอง เห็นคนสกุลซ่งสนทนาอย่างออกรสออกชาติไม่ผิดไปดังคาด สายตาตกลงบนตัวซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อัน เอ่ยปากว่า“ได้ยินมาว่าเซียงอ๋องและเจ้ากรมอาญาต่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ความสัมพันธ์ไม่เลว คาดว่าสกุลซ่งเองก็อาศัยความสัมพันธ์ของสกุลต่งถึงมีโอกาสได้พูดคุยกับเซียงอ๋องสามีภรรยา
ทว่าหลังพูดจบ ฝ่ายชายก็ดึงสติกลับมา รู้ว่าแม่นางซ่งตรงหน้าไม่มีวันจำเขาได้ซ่งรั่วเจินมองฝ่ายชายตรงหน้า ใบหน้าเผยรอยยิ้ม “ซื่อจื่อ?”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือซื่อจื่อ?” ฉู่จิ่นหวยเอ่ยถามอย่างแปลกใจซ่งรั่วเจินยกมุมปาก “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันและซื่อจื่อเคยพบหน้ากันหนึ่งครั้งเพคะ”“เจ้าจำได้จริงหรือ?” ฉู่จิ่นหวยเบิกตากว้าง “ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่ แต่เพราะใบหน้าข้านี้จึงจำข้าได้?”“หม่อมฉันยังจำได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงท่านจะเป็นซื่อจื่อของจวนอ๋อง”ฉู่จิ่นหวยยิ้มกว้างยิ่งขึ้น โค้งคำนับต่ำๆ ทีหนึ่ง “แม่นางซ่ง เมื่อแรกขอบคุณเงินช่วยชีวิตของเจ้ามาก มิเช่นนั้น เกรงว่าตอนนี้ข้าก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าข้ามีความหวังจะได้พบท่านพ่อท่านแม่”แม้ว่าระยะนี้อยู่ในจวนอ๋องค่อยๆ ปรับตัวได้แล้ว แต่นึกถึงเรื่องทั้งหมดในตอนแรก เขายังสลดใจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงหากมิใช่เพราะวาสนาดีได้พบซ่งรั่วเจิน ชาตินี้ของเขาก็จบสิ้นแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอกาสได้พบบิดามารดา จนกระทั่งตายไปก็ยังไม่รู้ว่าตกลงตนเองเป็นใคร“ซื่อจื่อไม่ต้องเกรงใจ ท่านกับข้าได้พบกันในตอนแรกก็คือวาสนา เกรงว่าตอนนี้ไม่รู้มีค
“ท่านกล้าตบข้า! ท่านถือสิทธิ์อะไรตบข้า?”สีหน้าซ่งปี้อวิ๋นแดงจัด โมโหถลันขึ้นมาต้องการฉีกหน้าซ่งรั่วเจิน ฉู่จิ่นหวยส่งสัญญาณทีหนึ่ง บ่าวน้อยข้างกายก็ขวางคนไว้แล้ว“ซื่อจื่อ ญาติผู้น้องของข้าไม่รู้มารยาทล่วงเกินท่าน ข้าสั่งสอนแทนไปแล้ว ท่านโปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินทำความเคารพพลางพูดถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ดวงตาซ่งปี้อวิ๋นเบิกกว้าง ไอโทสะในตอนแรกหายวับไปในทันใด กลายเป็นเหลือเชื่อระคนว้าวุ่น“อะไรนะ? เขาคือซื่อจื่อ?”ชายที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนตรงหน้าคนนี้ถึงขั้นเป็นซื่อจื่อ?ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่และรัศมีสูงศักดิ์ อีกทั้งยังแปลกหน้ามาก นี่ก็คือซื่อจื่อไม่ใช่หรือ?ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนไม่เคยพบซื่อจื่อมาก่อน ย่อมมองไม่ออก เมื่อครู่นางคิดเพียงว่าซ่งรั่วเจินรู้จักจะต้องไม่ใช่คนดีอะไร ถึงขั้นลืมความเป็นไปได้นี้ไป!“เมื่อครู่เจ้าพูดเหลวไหลไม่น่าฟังจริงๆ ยังไม่รีบขอขมาซื่อจื่ออีก?”ซ่งรั่วเจินเหล่มองซ่งปี้อวิ๋นแวบหนึ่ง แม้พูดว่านับตั้งแต่ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย นางเพิ่งเคยพบหน้าญาติผู้น้องเป็นครั้งแรก แต่ภายในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับรู้ว่าญาติผู้น้องคนนี้ลึ
สีหน้าซ่งปี้อวิ๋นแดงเรื่อ นางไม่เคยได้รับความอับอายเพียงนี้มาก่อน นี่เห็นนางเป็นขอทานไปแล้วรึ?ยังใส่ข้าวให้นางนำกลับไปด้วย นี่นับเป็นอะไรกัน!“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ซ่งปี้อวิ๋นร้องไห้สะอึกสะอื้นจากไป ความคิดเล็กๆ ภายในใจหายไปจนเกลี้ยงเคอหยวนจื่อยืนเก้อกระดากอยู่ที่เดิม ไม่รู้ต้องทำเยี่ยงไรดี วันนี้บิดามารดานางก็มาด้วย หากนางเองก็ถูกไล่ออกไป นั่นยังไม่ทำให้ครอบครัวเสียหน้าอีกหรือ?เพราะเหตุนี้ นางทำได้เพียงกัดฟันทำความเคารพ “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้าทำพลาดไป ซื่อจื่อโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”ขอบตานางแดงเรื่อ สบมองฉู่จิ่นหวนอย่างโศกเศร้าแวบหนึ่ง คล้ายกำลังหวังให้เขาพูดปลอบตนเองหนึ่งประโยคเพียงน่าเสียดาย ฉู่จิ่นหวยโบกมืออย่างรังเกียจ “จะร้องก็ไปร้องที่อื่น เห็นแล้วอัปมงคล!”ความคิดของเคอหยวนจื่อมลายหายไปในทันใด ซื่อจื่อที่ตามหากลับมาไม่ได้เรื่องไม่ผิดไปดังคาด แม้แต่เกียรติขั้นพื้นฐานก็ไม่มี!ซ่งรั่วเจินมองฉู่จิ่นหวยอย่างแปลกใจ เมื่อครู่ฉู่จิ่นหวยและนางสนทนากันอย่างเกรงใจ แต่ท่าทีที่มีต่อสองคนนี้กลับแตกต่างออกไปฉู่จิ่นหวยเลื่อนสายตาก็สังเกตเห็นแววตาแปลกใจของซ่งรั่วเจิน พูดอย่างเก้อกระดาก
ซ่งรั่วเจินมองผ่านสีหน้าฉู่จิ่นหวยก็เข้าใจว่าตอนนี้เขาเองก็ลำบากแม้ไม่มีชีวิตตรากตรำอดอยากอีกแล้ว ทว่าในฐานะซื่อจื่อ ทุกคนต่างสนใจ คนข้างกายเองก็พรั่งพร้อมด้วยความมั่งคั่งและบารมีแม้ว่าต่อหน้าไม่พูด คนเยาะหยันลับหลังจะต้องมีไม่น้อย หากไม่ระวังทำเรื่องน่าขันจะกลายเป็นจุดอ่อนเอาได้ อยู่ในจวนอ๋องไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งมากมายนักหากเขาเป็นคนไม่ใส่ใจอะไร ตราบใดมีของกินของดื่มก็ช่างเถอะ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เป็นเช่นนั้น“ซื่อจื่อ ร่างกายท่านยังต้องดูแลให้ดีๆ ไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิเพราะเรื่องเหล่านี้”“เดิมทีก็เป็นความผิดของคนร้าย ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง หากมีคนเยาะหยันท่านเพราะเรื่องนี้ เกินกว่าครึ่งนั้นคือริษยา ในเมื่อสามารถทำให้พวกเขาริษยาได้ ก็เพียงพอให้พิสูจน์ว่าท่านแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขา”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากปลอบโยน นางรู้ฉู่จิ่นหวยจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า ทว่าเพราะเพิ่งกลับมาจึงยังไม่เป็นอะไร แต่ต่อให้เริ่มแสวงหาความรู้ในตอนนี้ แม้ประสบความสำเร็จช้าแต่ก็สำเร็จฉู่จิ่นหวยชะงักเบาๆ คนที่ได้พบหลังเขากลับมาล้วนหาทางเอาใจเขาทีแรกเขาคิดว่าพวกเขาหวังด
จากนั้น เพียงนั่งลงก็สังเกตเห็นสายตาหลายคู่ หนึ่งในนั้นก็คือสายตาของถังเสวี่ยหนิงไม่เพียงแค่ถังเสวี่ยหนิง แม่นางคนอื่นสองสามท่านเองก็ทอดสายตามองนางอย่างดูเบา โอหังอย่างเห็นได้ชัดซ่งรั่วเจิน “...” นี่คือกำลังวางมาดโอหังหรือ?“แม่นางซ่ง เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าและซื่อจื่อสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ หรือว่าก่อนหน้านี้เจ้ารู้จักกับซื่อจื่อ?”ถังเสวี่ยหนิงเลิกคิ้ว ลอบเยาะหยันภายในใจ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าซ่งรั่วเจินมีศักดิ์ศรี เห็นหลินจือเยว่สู่ขอภรรยาหลวงลำดับทัดเทียมกันจึงถอนหมั้นบัดนี้ได้เห็นนางเกี้ยวพาฉู่อ๋องก่อน ตอนนี้ก็เริ่มเกี้ยวพาซื่อจื่อ นี่คือต้องการแต่งกับคนระดับสูง ก็ไม่ดูตนเองบ้างว่ามีฐานะเยี่ยงไร คู่ควรหรือไม่!ซ่งรั่วเจินได้ยินก็ปรายตามองเคอหยวนจื่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง เมื่อครู่ยามนางสนทนากับซื่อจื่อ มีเพียงเคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นรู้เรื่อง ซ่งปี้อวิ๋นถูกไล่ออกไปแล้ว เหลือเพียงนางเท่านั้นดูท่าแล้วในช่วงเวลานี้ เคอหยวนจื่อเล่าเรื่องออกไปแล้ว ความเร็วนับว่าว่องไวมากทีเดียว!เคอหยวนจื่อสังเกตเห็นสายตาของซ่งรั่วเจิน หลบสายตาอย่างประหม่า ลอบร้อนตัวภายในใจทั้งๆ ที่ไม่พบกันเ
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต