เมื่อผู้คนในที่นั้นได้ยินว่ามีคนจากสกุลซ่งมา ต่างก็แปลกใจไม่น้อยซ่งอี้อันเป็นราวโอรสสวรรค์ลงมาจุติ ชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่เพียงมีรูปโฉม มีความสามารถ กระทั่งชาติกำเนิดก็ล้วนเป็นหนึ่งในหมื่น แต่หลังจากเขาสูญเสียการมองเห็น อนาคตก็เรียกได้ว่าพังทลายการสอบฤดูใบไม้ผลิเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ทว่าบัดนี้เกรงว่าจะกลายเป็นวันที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเขา แม้นมีพรสวรรค์แต่กลับไม่สามารถใช้มันได้อีก“ได้ยินมาว่าฉู่อ๋องชื่นชมความสามารถของซ่งอี้อันอยู่ไม่น้อย เคยตั้งใจเชิญเขาไปเป็นอาจารย์ยังสำนักศึกษาหลวง”“เพราะว่าสองตามืดบอด จึงทำได้เพียงรับผิดชอบสอนวิชา คณาจารย์ทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกัน ทว่าท้ายที่สุดซ่งอี้อันกลับปฏิเสธไป”เมื่อฉินเซี่ยงเหิงได้ยินข่าวนี้ ก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “ฉู่อ๋องชื่นชมอะไรในตัวเขากันแน่? ก็แค่คนไร้ค่าผู้หนึ่ง!”“บางทีอาจเป็นเพราะสงสารเขาก็เป็นได้”ฉินซวงซวงอดนึกถึงซ่งรั่วเจินไม่ได้ ก่อนนี้นางเห็นฉู่อ๋องช่วยซ่งรั่วเจินไว้หลายครั้ง คงไม่พ้นเป็นเพราะสงสารสกุลซ่งที่ตกอับ จึงได้ช่วยหนแล้วหนเล่า“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องไปสนใจซ่งอี้อันอีกแล้ว บ
“ซ่งอี้อันจะเข้าร่วมการสอบการสอบฤดูใบไม้ผลิงั้นหรือ? มิใช่ว่าสองตาเขามืดบอดไปแล้วหรือ? แล้วจะเข้าสอบได้อย่างไร?” “ข้าดูแล้วดวงตาของซ่งอี้มีประกายเช่นปกติ มิได้เหมือนคนตาบอดแต่อย่างใด หรือช่วงนี้เขาจะรักษาจนหายดีขึ้นมาแล้ว?”ทุกคนต่างจ้องมองซ่งอี้อันอย่างละเอียด ก่อนนี้พวกเขาไม่ได้สังเกต บัดนี้เมื่อมองให้ชัด ก็พบว่าซ่งอี้อันเดินเข้ามาเองโดยไม่ได้มีผู้ใดคอยช่วยประคอง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ประกายในดวงตาฉินเซี่ยงเหิงฉายแววตกตะลึง เรื่องนี้สั่นสะเทือนเขาไม่น้อยทีเดียว!ก่อนนี้หมอตั้งมากหน้าหลายตาก็ตรวจกันแล้ว ว่าดวงตาของซ่งอี้อันไม่อาจรักษาให้หายได้แล้ว บัดนี้เขากลับเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิได้ เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร?“พี่อี้อัน ดวงตาของท่านหายดีแล้วหรือ?”จ้าวซูหว่านมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตะลึงงัน จ้องมองชายหนุ่มอ่อนโยนประดุจหยกตรงหน้า เขายังคงมีท่าทีโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เช่นเคยหวนนึกถึงครั้งหนึ่งที่นางเคยหลงใหลในซ่งอี้อัน ในหมู่ผู้คนมากมายเขากลับเป็นดวงดาราที่สว่างไสวสุกใสกว่าใครอื่น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงไปพันพัวอยู่กับฉินเซี่ยงเหิงเข้าเสียได้...หลังหมั้นหมายกับสกุลฉินแล้ว
“ท่านอย่าเพิ่งกังวลไป อย่างไรท่านก็ท่องเรียงความนั้นจนขึ้นใจแล้ว คุณภาพของเรียงความท่านเองก็รู้ดี ผลสอบย่อมไม่ออกมาแย่แน่นอน”“ช่วงเวลานี้ซ่งอี้อันหาได้มีเวลาท่องตำราเรียนรู้ ท่านจะกลัวไปไย?”“หากท่านสอบได้อันดับหนึ่ง ผู้คนก็ต่างยอมรับว่าท่านมีความสามารถโดยแท้จริง ท่านย่อมเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงได้อย่างไร้ข้อกังขา!”ฉินเซี่ยงเหิงเริ่มสงบลงบ้าง “หากเขาเขียนเหมือนกันกับข้า…”“เช่นนั้นแล้วอย่างไร? เขาไม่มีทางท่องจำได้ทุกตัวอักษรหรอก ข้าเคยได้ยินว่าการเขียนเรียงความนั้น รอบแรกมักจะดีที่สุด"“พี่ชายรอง มีโอกาสสูงที่ฉินเซี่ยงเหิงจะนำเรียงความที่พี่เคยเขียนมาใช้ในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ พี่ได้เตรียมเรียงความที่ดีกว่าไว้หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินเหลือบมอง ก่อนหน้านี้นางเคยได้เตือนพี่ชายรองเรื่องนี้แล้ว หัวข้อการสอบฤดูใบไม้ผลิไม่ใช่สิ่งที่นางคาดการณ์ได้ แต่เป็นสิ่งที่ระบุเอาไว้ในหนังสือ ยิ่งได้รู้แล้วก็ยิ่งบังเอิญยิ่ง ที่ก่อนนี้ซ่งอี้อันก็ได้เขียนเรียงความเกี่ยวกับข้อคิดเห็นในทำนองเดียวกันไว้และฉินเซี่ยงเหิงก็ใช้เรียงความนั้นในการสอบทิ้งห่างบรรดาบัณฑิตทั้งหลายมาได้ จนกลายเป็นอันดับหนึ่
“ฉู่อ๋องเสด็จแล้ว!”ไม่รู้ว่าเสียงผู้ใดตะโกนขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองเป็นตาเดียว เห็นเพียงฉู่จวินถิงและคณะกรรมการคุมสอบในวันนี้เดินเข้ามาด้วยกันเขาสังเกตเห็นซ่งรั่วเจินได้แทบจะทันทีนางแต่งกายเรียบร้อยอย่างยิ่ง สวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน ปักแต่งด้วยสีเหลืองนวลในบางจุด ทำให้นางดูอ่อนหวานและน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง คล้ายว่าจะมีเพียงเมื่อยืนอยู่ข้างกายพี่ชายเท่านั้น ที่จะดูเรียบร้อยและเชื่อฟังเสมอๆ แตกต่างจากท่าทีเฉียบคมดุดันที่นางแสดงออกยามต่อกรกับผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นหน้ากากสองด้าน ทว่าน่ารักอยู่ไม่น้อย“อี้อัน นี่เจ้า...?”อาจารย์เว่ยผู้เคร่งขรึมเมื่อมองเห็นซ่งอี้อันเข้าก็พลัน ดวงตาทอประกายแววประหลาดใจต่อมาเหล่าบัณฑิตทั้งหลายของสำนักศึกษาหลวงก็ได้เห็นว่าอาจารย์เว่ยผู้ที่มักจะเคร่งขรึมและเข้มงวดอยู่เสมอ กลับเดินแล่นฉิวพุ่งตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของซ่งอี้อันโดยฉับพลัน “อี้อัน ดวงตาของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”อาจารย์เว่ยโบกมือไปมาที่ตรงหน้าของซ่งอี้อัน ตาเฒ่าหัวโบราณที่เคยเป็นคนเคร่งขรึม ยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความดีใจซ่งอี้อันทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คารวะท่านอาจาร
“เดิมทีข้านัดหมายเขาไว้ดีแล้วว่าวันนี้จะมาส่งเขาที่สนามสอบ แต่ยามข้าไปถึงพบว่าเขาออกจากบ้านเร็วกว่าเวลานัดหมาย ระหว่างเดินทางมานี้ข้าก็ไม่เห็นเขา”“ได้ยินคนในจวนสกุลอวิ๋นพูดว่า วันนี้เฉิงเจ๋อและเนี่ยนชูจู่ๆ ก็เปลี่ยนเส้นทาง ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด”สวีเฮ่ออันขมวดคิ้วแน่น เขารู้จักอวิ๋นเฉิงเจ๋อมาหลายปี รู้อุปนิสัยใจคอของเขาดีมาก แต่ไหนแต่ไรมาระแวดระวัง ไม่มีวันมาสายในวันสำคัญเช่นนี้ซ่งรั่วเจินได้ฟังคำพูดของสวีเฮ่ออัน กวาดตามองทางฉินซวงซวง หลังเห็นใบหน้าประดับยิ้มลำพองใจของฝ่ายหลัง พลันเข้าใจแล้ว ชาติก่อนเพราะอวิ๋นเฉิงเจ๋อปฏิเสธอวิ๋นเนี่ยนชูไม่ให้มาส่งเขาที่สนามสอบ ดังนั้นอวิ๋นเนี่ยนชูจึงตามหลังมาเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าถึงขั้นได้พบพวกบ้าตัณหาระหว่างทาง เกือบถูกลวนลามไปแล้วอีกฝ่ายมีคนมาก ส่วนอวิ๋นเฉิงเจ๋อได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลืออวิ๋นเนี่ยนชู นี่ถึงพลาดการสอบฤดูใบไม้ผลิไปหลังผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว อวิ๋นเนี่ยนชูก็รู้สึกผิดมาก ปักใจว่าทั้งหมดล้วนเป็นความรับผิดชอบของนางบัดนี้มองดูแล้ว...เห็นได้ชัดว่านี่คืออุบายของสกุลฉิน!ซ่งอี้อันตาบอดทั้งสองข้าง ไม่สามารถประชันขันแข่งกับฉินเซี่ยงเหิ
ซ่งรั่วเจินถลันขึ้นไปต้อนรับ สำรวจอวิ๋นเนี่ยนชูอย่างกังวล “เนี่ยนชู เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงเรื่อ เห็นได้ชัดว่าตกใจหวาดผวา “ข้าไม่เป็นไร แต่ญาติผู้พี่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวานหลังข้าได้รับข่าวจากเจ้าก็บอกญาติผู้พี่”“เช้าวันนี้พวกเราตั้งใจเปลี่ยนแปลงเวลาและเส้นทาง ใครคาดคิด อีกฝ่ายพบว่าพวกเราระแคะระคายแล้วก็คล้ายเสียสติไป ไล่ตามมาโดยตรง”“ล้วนต้องโทษข้า ข้าวิ่งช้าเกินไป ไม่ระวังจึงหกล้ม นี่ถึงทำให้ญาติผู้พี่ต้องเดือดร้อน”ได้ยินดังนั้นซ่งรั่วเจินก็เข้าใจแล้ว บัดนี้สกุลฉินมีอวิ๋นซีหว่านเป็นหนอนบ่อนไส้คนหนึ่ง ย่อมรู้เบาะแสของพวกอวิ๋นเนี่ยนชูเป็นอย่างดีบัดนี้วางแผนทุ่มสุดตัว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่สามารถเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิให้ได้“นี่ก็มาทันแล้วมิใช่หรือ? เจ้าอย่าร้อนใจ ข้าไปดูบาดแผลของญาติผู้พี่เจ้าก่อน”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบอวิ๋นเนี่ยนชู นี่ถึงมาหยุดข้างกายอวิ๋นเฉิงเจ๋อ มองบาดแผลบนหน้าผาก แม้แตกไปหนึ่งที่ แต่ไม่นับว่าร้ายแรง บนตัวเองก็ล้วนเป็นผิวหนังภายนอกได้รับบาดเจ็บเท่านั้นโชคดีจริงๆ“ข้าจะช่วยท่านจัดการบาดแผล”ซ่งรั่วเจินยื่นยาให้ “นี่คือยา
ฉินเซี่ยงเหิงย่อมนึกถึงจุดนี้ เดิมทีเขาก็เกือบหมดโอกาสเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว โชคดีท่านตาออกหน้าช่วยเขา นี่ถึงสามารถเข้าร่วมต่อไปได้หากเรื่องนี้เกี่ยวพันมาถึงเขา เขาต้องจบสิ้นแล้วจริงๆ!“เจ้าจงคิดหาทางจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามไม่ให้สืบสาวราวเรื่องมาถึงข้า เข้าใจหรือไม่?”สายตาฉินเซียงเหิงเย็นชา เขายังมีอนาคตยิ่งใหญ่เกรียงไกร ไฉนเลยจะสามารถปล่อยให้ตัวโง่งมเหล่านี้ขัดขวางได้?ฉินซวงซวงเห็นเขาโยนความรับผิดชอบทั้งหมดลงบนศีรษะตน เกิดความไม่พอใจภายในใจ แต่เพื่อทำให้อารมณ์ของฉินเซี่ยงเหิงสงบลง จึงพยักหน้ารับ“ท่านวางใจเถอะ ข้าและท่านพ่อท่านแม่จะหาทางจัดการเรื่องภายนอกเอง ท่านวางใจเข้าร่วมการสอบก็พอ”ซ่งรั่วเจินช่วยอวิ๋นเฉิงเจ๋อรักษาบาดแผลอย่างคล่องแคล่ว นี่ถึงมองส่งซ่งอี้อันและอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าสนามสอบไปพร้อมกัน“ท่านอาจารย์ ญาติผู้พี่ข้าได้รับบาดเจ็บ หวังว่าพวกท่านจะดูแลมากสักหน่อยนะเจ้าคะ” ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมกังวล โค้งคำนับให้อาจารย์“วางใจเถอะ ข้าจะระวังให้ดี” อาจารย์เว่ยพยักหน้ารับปากจากนั้นเหล่าบัณฑิตต่างพากันเข้าสนามสอบ คนภายนอกเองก็พากั
“ความแค้นนี้ข้ากลืนไม่ลงอย่างแท้จริง ข้าต้องได้คำชี้แจงอย่างหนึ่งถึงจะใช้ได้!”สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูแข็งทื่อดุจเหล็ก เรื่องนี้มิอาจปล่อยผ่านไปได้ เพื่อการสอบญาติผู้พี่อ่านตำราจนดึกดื่น ต่อให้เป็นฤดูหนาวก็ไม่เคยผ่อนแรงมาก่อน นางเห็นแล้วก็รู้สึกเลื่อมใสระคนสงสารมาถึงวันนี้ได้อย่างยากลำบาก ไฉนเลยจะปล่อยให้อวิ๋นซีหว่านทำลายได้?“อาจารย์ทุกท่านต่างรู้เรื่องนี้แล้ว ศาลาว่าการซุ่นเทียนเองก็ไม่มีวันไม่ร่ำไร เชื่อว่าอีกไม่นานก็สามารถหาคนลงแรงอยู่เบื้องหลังออกมาได้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”“สกุลฉินให้ความสำคัญต่อฉินเซี่ยงเหิงมาก หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น น่ากลัวว่าจะต้องคิดหาทางโยนเรื่องนี้มาที่บ้านพวกเจ้าอย่างแน่นอน มิสู้เจ้าปรึกษาวางแผนรับมือกับท่านป้าให้ดี”สายตาซ่งรั่วเจินจริงจังมาก อวิ๋นฮูหยินเป็นคนฉลาด บัดนี้มีจุดอ่อนที่ดีเพียงนี้อยู่ภายในกำมือ ย่อมไม่สามารถปล่อยให้เสียเปล่าได้“ข้าเข้าใจแล้ว” อวิ๋นเนี่ยนชูเข้าใจแล้ว “รั่วเจิน เจ้ากลายเป็นคนฉลาดเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด? หลังถอนหมั้น เจ้าก็เปิดจุดลมปราณเริ่นตูหรือ ข้าเองก็เลื่อมใสเจ้าอย่างอดไม่ได้”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “ก่อนนี้น้ำเข้าสมอง บ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป