“เหยาฮูหยิน วันนี้พวกข้าตั้งใจมาเยี่ยมชิงอิน ในอดีตลูกชายข้าผิดต่อชิงอินจริงๆ ตระกูลลั่วจะต่อว่าพวกข้าเช่นไร พวกข้าล้วนยอมรับ”“แต่ตระกูลซ่งของข้าไม่ได้ผิดต่อตระกูลเหยา ระหว่างเยี่ยนโจวกับคุณชายเหยาก็ไม่มีความขัดแย้งใดต่อกัน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตำหนิติติงเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางยอมด้วย”หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาเสียดสีของสวี่ซืออี้ก็มีสีหน้าไม่พอใจตระกูลลั่วตำหนิพวกตนเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล แต่ตระกูลเหยามาตำหนิก้าวล่วงกันเช่นนี้ออกจะน่าขันเกินไปแล้วสวี่ซืออี้หน้าเปลี่ยนสี “ท่าทีของพวกท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพอหย่าร้างก็หันมาหมายตาชิงอิน”“จงใจก่อกวนการพบกันระหว่างลูกชายข้ากับชิงอิน ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกท่านก็ยังไม่ยอมรับอีก?”“เหยาฮูหยิน ตระกูลต่งเชิญพวกข้าไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกท้อ พวกข้าไปร่วมไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซ่งเยี่ยนโจวถามกลับหลิ่วหรูเยียนยังกล่าวว่า “ถ้าชิงอินหมั้นหมายกับครอบครัวพวกท่านแล้ว พวกข้ามาคราวนี้ย่อมไม่เหมาะสม แต่ชิงอินยังไม่ได้หมั้นหมายกับพวกท่าน”“กุลสตรีดีพร้อมเป็นที่ใฝ่ปองของวิญญูชน ต่อให้ลูกชายข้ามีใจเช่นนั้นจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวก
เหยาจิ่นเฉิงตวัดสายตามองซ่งเยี่ยนโจว “สมัยที่ยังแข็งแรงไม่พิการก็ทำผิดต่อชิงอิน ตอนนี้กลายเป็นคนพิการไม่มีโอกาสยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ยังจะมาทำให้นางเสียเวลาชีวิตอีก”“ซ่งเยี่ยนโจว ชิงอินติดค้างอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เอาแต่ทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้?”“ขาของข้าสามารถรักษาให้หายดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง” แววตาซ่งเยี่ยนโจวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “กลับเป็นเจ้าเสียอีก ได้ยินว่าตอนภรรยาคนก่อนเสียชีวิต บนตัวมีบาดแผลอยู่หลายแห่งเลยนี่” ใบหน้าเหยาจิ่นเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”สวี่ซืออี้ก้าวเข้ามาขวางเหยาจิ่นเฉิงไว้ข้างหลัง หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ซ่งฮูหยิน ถึงพวกท่านริษยาจิ่นเฉิงก็ไม่ควรปั้นน้ำเป็นตัวมาใส่ร้ายกันแบบนี้ จะต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“ความจริงเป็นอย่างไรย่อมสามารถตรวจสอบได้ไม่ช้าก็เร็ว” ซ่งเยี่ยนโจวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปทางเยี่ยนชิงอวี้ “ท่านป้า หวังว่าท่านจะตรวจสอบให้ดี อย่าให้ชิงอินแต่งให้ผิดคน”เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “คุณชายเหยาดีต่อภรรยาคนก่อนอย่างมากมาโดยตลอด เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบดี”“ท่านแม่ เรื่องที่เหยาจิ่นเฉิงทำให้หวงโต้วตาย ท่านลืมไปแล้ว
“เดิมพันอะไร?”เหยาจิ่นเฉิงหัวเราะหยัน ตอนนี้ซ่งรั่วเจินมีชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่น้อย หลังถอนหมั้นไม่เพียงแต่ไม่ทำตัวสงบเสงี่ยม แต่กลับเหิมเกริมกว่าเดิม“เดิมพันกับร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาก็แล้วกัน ถ้าพี่ใหญ่ของข้าสามารถยืนขึ้นได้จะต้องยกร้านขายสมุนไพรร้านนั้นให้พวกข้า!”เห็นซ่งรั่วเจินไม่เกรงอกเกรงใจขนาดนี้ อ้าปากก็คิดจะเอาร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยา สวี่ซืออี้อดจะร้อนใจไม่ได้ “เฉิงเอ๋อร์ กิจการร้านขายสมุนไพรทำกำไรที่สุดแล้วนะ!”ซ่งเยี่ยนโจวกับหลิ่วหรูเยียนเข้าใจว่าเหตุใดซ่งรั่วเจินจึงเลือกร้านขายสมุนไพร ซ่งรั่วเจินเชี่ยวชาญการค้าขายเป็นทุนเดิม เคยจับการค้าขายในเมืองหลวงมาหลายประเภทแล้ว มีเพียงกิจการร้านขายสมุนไพรเท่านั้นที่ยังเป็นรองตระกูลเหยาหากร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยากลายเป็นของพวกตน เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ค้าสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล หมอแทบทั้งเมืองหลวงล้วนไปดูอาการที่จวนตระกูลซ่งหมดแล้ว หรือท่านเชื่อคำพูดของพวกเขา?”ดวงตาเหยาจิ่นเฉิงฉายแววมาดมั่น “ได้ ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ก็ต้องยกร้านขายเครื่องประดับของตระกูลซ่งให้พวกข้า!”สวี่ซืออี้
“ลั่วกั๋วกง ในเมื่อตกลงเดิมพันกันแล้ว ไยจะต้องยกเลิก?”“ในเมื่อพวกเขาแน่ใจว่าลูกชายข้าใส่ร้ายพวกเขา เช่นนั้นมิสู้เดิมพันกันต่อไป ต่อให้เสียร้านขายสมุนไพรไปหนึ่งร้านก็ถือว่าเป็นคำขอขมาของพวกข้า”ซ่งรั่วเจินลอบยินดีในใจ เหยาฮูหยินช่างขุดหลุมฝังตัวเองเก่งจริงๆ!“ข้าก็คิดว่าการเดิมพันนี้ไม่เลวเลย งั้นก็ตกลงกันตามนี้” ฉู่จวินถิงกล่าวเดิมทีลั่วหยวนหงยังอยากห้ามปราม แต่ฉู่อ๋องออกปากแล้ว เขาไม่กล้าแย้งอีกจึงได้แต่ตอบรับ“เช่นนั้นอีกเจ็ดวันหลังจากนี้ ข้าไม่เรียกร้องให้เจ้าเดินได้ ขอเพียงเจ้ายืนขึ้นมาได้ก็จะถือว่าข้าแพ้เดิมพัน!” เหยาจิ่นเฉิงแสร้งเป็นยอมอ่อนข้อให้ซ่งรั่วเจินตวัดสายตาไปสบตากับซ่งเยี่ยนโจวโดยบังเอิญ ทั้งคู่มองหน้ากันพลางยิ้มออกมา“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอถึงเจ็ดวันแล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ย “ตอนนี้พี่ชายข้าสามารถยืนขึ้นได้แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทุกคนบริเวณนั้นล้วนตกใจกันหมด ตอนนี้ก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว?หลิ่วหรูเยียนตวัดสายตามาด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่อี้อันกลับมามองเห็นได้ นางก็เชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินอย่างเต็มที่ ทั้งยังรู้ว่าช่วงนี้นางกำลังรักษาเยี่ยนโจวแต่อา
สิ่งที่ซ่งรั่วเจินหมายตาก็คือร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาช่วงเวลาที่ผ่านมานางหาเวลาไปดูกิจการของตระกูลซ่งแล้ว ทราบว่าในด้านสมุนไพรนั้น ร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยานับว่าค้าขายดีที่สุด ทำเลยอดเยี่ยม นำหน้าร้านขายสมุนไพรของตระกูลซ่งมาโดยตลอดตอนนี้เหยาจิ่นเฉิงคิดจะใช้เงินมาแลกเปลี่ยน นางย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฉู่จวินถิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกราวกับล่วงรู้ความในใจของนาง“คุณชายเหยาไม่เข้าใจว่าการเดิมพันหมายความว่าอะไรหรือ? ให้ข้าช่วยหาคนมาสั่งสอนเจ้าสักหน่อยดีหรือไม่?”องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก้าวออกมาข้างหน้า มือแตะกระบี่พก สีหน้าดุดัน เหยาจิ่นเฉิงเห็นแล้วก็ใจสั่นสะท้าน โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน“ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งต่อทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย”ตอนแรกลั่วหยวนหงเข้าใจว่าสหายตามคำพูดของฉู่อ๋องหมายถึงเหยาจิ่นเฉิงเสียอีก แต่ตอนนี้ไม่ต้องคิดก็ดูออกว่าหมายถึงคนตระกูลซ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นซ่งเยี่ยนโจวหรือซ่งรั่วเจินเหยาจิ่นเฉิงมีเรื่องกับตระกูลซ่งวันนี้ นับว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยแท้!“พี่ใหญ่ซ่ง ขาของท่านสามา
หากสามารถแต่งลั่วชิงอินเข้าบ้านย่อมเป็นเรื่องมีหน้ามีตาสำหรับตระกูลเหยาโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าลั่วชิงอินร่างกายอ่อนแอเกินไป ทั้งยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ จะแต่งเข้าบ้านมาเพื่ออะไร?แต่งเข้ามาบูชางั้นรึ?“ฮูหยิน สิ่งที่ข้าพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง เดิมทีร่างกายแม่นางลั่วก็อ่อนแออยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมา ข้าช่วยบำรุงร่างกายให้แม่นางลั่วมาโดยตลอด”“คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องตกน้ำ สถานการณ์เลวร้ายเกินไป ตอนนี้ไม่อาจแก้ไขกลับกลาย การมีลูกย่อมเป็นไปไม่ได้แล้ว”เยี่ยนชิงอวี้ใบหน้าเผือดสี รีบเข้ามาจับหมอโจวไว้ “ท่านลองตรวจอาการอย่างละเอียดอีกสักครั้งเถอะ เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!”“ลั่วฮูหยิน อาจเป็นเพราะวิชาแพทย์ของข้าน้อยไม่ดีเอง พวกท่านลองเชิญหมอท่านอื่นๆ มาตรวจอาการดีกว่า”เยี่ยนชิงอวี้คลายมือออก ในใจเข้าใจความหมายในคำพูดของหมอโจวดี อันที่จริงก่อนที่จะตกน้ำ ท่านหมอเคยพูดจาทำนองนี้ไว้ตั้งแต่ตอนจับชีพจรให้ชิงอินแล้วบอกว่าร่างกายอ่อนแอเกินไป ต้องบำรุงอย่างเอาใจใส่ มิฉะนั้นเกรงว่าตอนตั้งครรภ์อาจมีอันตรายถึงชีวิตแต่ตอนนี้...แม้แต่ตั้งครรภ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้ แบบนี้จะทำอย่างไรดีเล
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าล้วนไม่เปลี่ยนใจ”ซ่งเยี่ยนโจวน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาทอแววกังวล “ชิงอินสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้ ข้ากลัวว่านางจะรับไม่ไหว”“หากท่านลุงท่านป้ายินดีให้โอกาสข้าได้ดูแลชิงอินไปชั่วชีวิต พวกเราสามารถหมั้นหมายกันโดยเร็ว เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนาง”เยี่ยนชิงอวี้กับลั่วหยวนหงมองหน้ากัน อดจะประหลาดใจไม่ได้ คำพูดของซ่งเยี่ยนโจวตรงกับสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่พอดีชิงอินในตอนนี้ไม่อาจรับความสะเทือนใจได้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่อย่างการที่ไม่สามารถมีบุตรได้ หากรู้เรื่องนี้ เกรงว่านางอาจรับไม่ไหวเข้าจริงๆตอนนี้การไม่บอกนางย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยซ่งเยี่ยนโจวสามารถคิดได้เช่นนี้ย่อมหมายความว่าเขาคำนึงถึงชิงอินอย่างจริงใจดุจเดียวกับพวกตน“หากพวกท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถเชิญคนมาเขียนหนังสือสมรสเดี๋ยวนี้เลย แม่ข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย รอเพียงชิงอินพยักหน้า ข้ากลับไปแล้วก็จะเตรียมสินสอดมาสู่ขอชิงอิน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกชายตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ชิงอวี้ เรื่องในปีนั้นเป็นความผิดของพวกข้า ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใด พวกข้าก็ผิดต่อชิงอิน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวน่าไว้วางใจกว่าเหยาจิ่นเฉิงมากนัก“ข้าเข้าใจ แต่สวี่ซืออี้ไม่ใช่คนที่จะยอมเลิกราโดยง่าย เมื่อวานแค่เกิดเรื่องเล็กน้อย นางก็มาโวยวายเสียแล้ว”“หากรู้เรื่องนี้เกรงว่าคงจะนำไปขยายความสร้างปัญหาให้อย่างไม่อาจเลี่ยง ข้าต้องบอกพวกเขาให้ชัดเจน จะได้ไม่กระทบต่อชื่อเสียงของชิงอิน”ในฐานะที่เป็นแม่คน เยี่ยนชิงอวี้ย่อมใคร่ครวญเพื่อลั่วชิงอินอย่างรอบด้าน ก่อนหน้านี้สองบ้านแค่ดูตัวกันเท่านั้น ตอนนี้จะยกเลิกเรื่องมงคลย่อมไม่เป็นไร แต่ไม่อาจปล่อยให้คนพวกนั้นใช้เรื่องนี้มาทำร้ายชิงอินพวกซ่งรั่วเจินได้ยินการตัดสินใจของคนตระกูลลั่วก็ทราบว่าพฤติกรรมเมื่อครู่ของคนตระกูลเหยาทำให้พวกเขาไม่คิดจะเป็นดองกับทางนั้นอีกแล้ว เนื่องจากการสนับสนุนของพวกตน ซ่งเยี่ยนโจวจึงได้รับการยอมรับจากตระกูลลั่วอีกครั้ง“ข้าขอจับชีพจรให้พี่หญิงลั่วได้ไหมเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถามดวงตาเยี่ยนชิงอวี้ฉายแววประหลาดใจ “รั่วเจินไปเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“สองปีนี้พอได้เรียนรู้มาบ้างเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มบางตอบอย่างรวบรัด ก่อนหน้านี้ตระกูลลั่วสนิทสนมกับครอบครัวนาง ย่อมทราบว่าไม่กี
เหอเซียงหนิงตัวไร้ประโยชน์คนนี้ถึงขั้นคิดดึงนางมารับเคราะห์ไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าไม่อยากดึงนางออกมาถังเสวี่ยหนิงก็ยืนอยู่ทางฝั่งนาง สกุลถังเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหลวง เดิมทีก็ไม่กลัวสกุลซ่ง ตัวโง่งมคนนี้ใช้ประโยชน์จากสกุลถังเป็นโล่กำบัง ต้องการโยนความผิดมาที่ตน!“หากไม่ใช่เจ้า ข้าจะตกลำบากถึงขั้นนี้ได้เยี่ยงไร?”เหอเซียงหนิงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว นางย่อมรู้ว่าสกุลถังยอดเยี่ยมกว่าสกุลฉิน ไฉนเลยนางจะกล้าป้ายความผิดให้สกุลถัง?ต่อให้ทำสำเร็จ ตนเองก็ถูกตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ล่วงเกินสกุลถังยังมีผลดีอะไรกันเล่า?“เจ้าเกลียดซ่งรั่วเจินมาโดยตลอด เก็บข้าไว้ก็เพื่อใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”“เดิมทีก็ไม่ต้องตกลำบากถึงขั้นนี้ มุ่งร้ายต่อซ่งรั่วเจินมีอะไรดีต่อข้าเล่า? อย่างไรเสียคุณชายสวีก็ไม่ชอบข้า ปาไข่กระทบหินเช่นนี้ข้ายังไม่กลายเป็นตัวโง่งมอีกหรือ?”“ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของเจ้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังดีรับเจ้าไว้ เจ้าจะเนรคุณปรักปรำข้า!” ฉินซวงซวงพูดอย่างโมโหซ่งรั่วเจินมองสองคนตรงหน้าทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจที่ฉินซวงซวงเก็บเหอ
“ข้า ข้าเปล่า”เหอเซียงหนิงว้าวุ่นหนัก ไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดี นึกเสียใจภายหลังคิดว่าสมควรยอมแพ้ตั้งแต่ตอนที่กังวลใจ บัดนี้ชุลมุนวุ่นวายจนจบไม่ลงแล้ว“เจ้ายังพูดว่าเปล่า? พวกเขาล้วนสารภาพแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเจ้า หากเจ้าไม่ได้ทำจริงก็สาบานต่อฟ้าสิ!”ถังหงจี้สีหน้าปึ่งชา มีตัวอย่างดั่งเช่นพวกอวิ๋นจู๋สองคน ขอเพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ถังเสวี่ยหนิงก็เพียงพอแล้ว“ข้า ข้า...” เหอเซียงหนิงรีบหันมองทางฉินซวงซวง หวังให้นางช่วยตนคิดหาวิธีก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่เป็นนางรับปากว่าจะจัดการทั้งหมดอย่างดี ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาด!จากนั้น ฉินซวงซวงเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ ถูกเปิดโปงอย่างว่องไวก็ตกตะลึงเหม่อไป รีบหลบเข้ากลุ่มคน ต้องการลอบออกจากที่นี่นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตนเองไม่ได้อีก หาไม่แล้วจะต้องซวยไปด้วยกัน!เพียงเหอเซียงหนิงมองไปก็เห็นฉินซวงซวงเตรียมพาหลินจือเยว่หนีไป ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้นางไปเช่นนี้ได้?“เป็นฉินซวงซวง! เป็นนางบงการให้ข้าทำเช่นนี้!”ทุกคนล้วนหันมองตามมือของเหอเซียงหนิงไป ก็ได้เห็นใบหน้าร้อนตัวของฉินซวงซวง ท่าทางคือกำลังต้องการหนีไ
ได้ยินถ้อยคำเจ้าเล่ห์ของเหอเฉิงหยาง พี่น้องสกุลซ่งรู้สึกเพียงน่าขันก่อนหน้านี้ดีดลูกคิดว่องไวจนแผนการภายในใจแทบจะระเบิดออกมาใส่หน้าพวกเขาแล้ว บัดนี้เพียงหนึ่งประโยคขอขมาก็อยากให้เรื่องจบลง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันสบตากันแวบหนึ่ง เกิดความคิดแล้วซ่งรั่วเจินกำลังจะอ้าปากก็มองเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสอง ทันใดนั้นเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไป“ก่อนหน้านี้เหอเซียงหนิงถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเหอไปแล้ว”“ได้ยินมาว่ายามนางถูกขับไล่ออกไปก็ได้เงินติดตัวไปไม่มาก ทว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกนางซื้อมา พูดว่าไม่มีคนช่วยเหลือ นั่นเป็นไปไม่ได้”“คุณชายเหอ เจ้าไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามสายตาซ่งอี้อันตกลงบนตัวถังหงจี้ ครุ่นคิดพลางพูด “หรือว่าคนที่มีส่วนร่วมด้วยก็คือสกุลถังกันเล่า? มิสู้พวกเจ้าพูดออกมาตามตรง มีฮองเฮาและท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนศาลาว่าการแล้ว”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนย่อมรู้ความหมาย“พูดไปแล้วก็จริงเสียด้วย! เหอเซียงหนิงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่มีที่ไป ทำได้เพียงไปอาศัยที่
เมิ่งชิ่นพูดแขวะ “เพียงได้เห็นท่าทางร้อนตัวเช่นนี้ก็รู้ว่าหลอกลวง ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองต่ำช้าแต่ยังทำให้สองคนต้องตายไปอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร มิสู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด!”ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถรังแกนางได้นาง...จะต้องไม่ใช่ซ่งรั่วเจินในตอนแรก กลับเป็นแม่นางที่เขาชมชอบด้วยใจจริงบางที ความหมายในการเกิดใหม่ของเขาก็คือได้พบกับนาง“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องคนที่เหลือเหล่านั้น หยิบกระดาษเขียนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นอย่างไม่ใส่ใจ“ข้าไม่มีความอดทนมากถึงเพียงนั้น พวกเจ้ารู้ความสักหน่อย อย่าให้ข้าถามทีละคนเลย”เดิมทีคนเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าเผือดซีดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างจ้ากลับเกิดฟ้าผ่าได้ คราวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีอีกอย่างที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ จึงรีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา“ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมดเลย!”“เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ เป็นเหอเซียงหนิงมอบเงินให้พวกเรา ให้พวกเรารวมหัวกันพูดปด”“พวกเราตอบตกลงก็เพราะเงิน ขอร้องแม่นางซ่งได้โปรดไว้ชีวิตพว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ