“เหยาฮูหยิน วันนี้พวกข้าตั้งใจมาเยี่ยมชิงอิน ในอดีตลูกชายข้าผิดต่อชิงอินจริงๆ ตระกูลลั่วจะต่อว่าพวกข้าเช่นไร พวกข้าล้วนยอมรับ”“แต่ตระกูลซ่งของข้าไม่ได้ผิดต่อตระกูลเหยา ระหว่างเยี่ยนโจวกับคุณชายเหยาก็ไม่มีความขัดแย้งใดต่อกัน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตำหนิติติงเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางยอมด้วย”หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาเสียดสีของสวี่ซืออี้ก็มีสีหน้าไม่พอใจตระกูลลั่วตำหนิพวกตนเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล แต่ตระกูลเหยามาตำหนิก้าวล่วงกันเช่นนี้ออกจะน่าขันเกินไปแล้วสวี่ซืออี้หน้าเปลี่ยนสี “ท่าทีของพวกท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพอหย่าร้างก็หันมาหมายตาชิงอิน”“จงใจก่อกวนการพบกันระหว่างลูกชายข้ากับชิงอิน ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกท่านก็ยังไม่ยอมรับอีก?”“เหยาฮูหยิน ตระกูลต่งเชิญพวกข้าไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกท้อ พวกข้าไปร่วมไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซ่งเยี่ยนโจวถามกลับหลิ่วหรูเยียนยังกล่าวว่า “ถ้าชิงอินหมั้นหมายกับครอบครัวพวกท่านแล้ว พวกข้ามาคราวนี้ย่อมไม่เหมาะสม แต่ชิงอินยังไม่ได้หมั้นหมายกับพวกท่าน”“กุลสตรีดีพร้อมเป็นที่ใฝ่ปองของวิญญูชน ต่อให้ลูกชายข้ามีใจเช่นนั้นจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวก
เหยาจิ่นเฉิงตวัดสายตามองซ่งเยี่ยนโจว “สมัยที่ยังแข็งแรงไม่พิการก็ทำผิดต่อชิงอิน ตอนนี้กลายเป็นคนพิการไม่มีโอกาสยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ยังจะมาทำให้นางเสียเวลาชีวิตอีก”“ซ่งเยี่ยนโจว ชิงอินติดค้างอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เอาแต่ทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้?”“ขาของข้าสามารถรักษาให้หายดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง” แววตาซ่งเยี่ยนโจวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “กลับเป็นเจ้าเสียอีก ได้ยินว่าตอนภรรยาคนก่อนเสียชีวิต บนตัวมีบาดแผลอยู่หลายแห่งเลยนี่” ใบหน้าเหยาจิ่นเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”สวี่ซืออี้ก้าวเข้ามาขวางเหยาจิ่นเฉิงไว้ข้างหลัง หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ซ่งฮูหยิน ถึงพวกท่านริษยาจิ่นเฉิงก็ไม่ควรปั้นน้ำเป็นตัวมาใส่ร้ายกันแบบนี้ จะต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“ความจริงเป็นอย่างไรย่อมสามารถตรวจสอบได้ไม่ช้าก็เร็ว” ซ่งเยี่ยนโจวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปทางเยี่ยนชิงอวี้ “ท่านป้า หวังว่าท่านจะตรวจสอบให้ดี อย่าให้ชิงอินแต่งให้ผิดคน”เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “คุณชายเหยาดีต่อภรรยาคนก่อนอย่างมากมาโดยตลอด เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบดี”“ท่านแม่ เรื่องที่เหยาจิ่นเฉิงทำให้หวงโต้วตาย ท่านลืมไปแล้ว
“เดิมพันอะไร?”เหยาจิ่นเฉิงหัวเราะหยัน ตอนนี้ซ่งรั่วเจินมีชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่น้อย หลังถอนหมั้นไม่เพียงแต่ไม่ทำตัวสงบเสงี่ยม แต่กลับเหิมเกริมกว่าเดิม“เดิมพันกับร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาก็แล้วกัน ถ้าพี่ใหญ่ของข้าสามารถยืนขึ้นได้จะต้องยกร้านขายสมุนไพรร้านนั้นให้พวกข้า!”เห็นซ่งรั่วเจินไม่เกรงอกเกรงใจขนาดนี้ อ้าปากก็คิดจะเอาร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยา สวี่ซืออี้อดจะร้อนใจไม่ได้ “เฉิงเอ๋อร์ กิจการร้านขายสมุนไพรทำกำไรที่สุดแล้วนะ!”ซ่งเยี่ยนโจวกับหลิ่วหรูเยียนเข้าใจว่าเหตุใดซ่งรั่วเจินจึงเลือกร้านขายสมุนไพร ซ่งรั่วเจินเชี่ยวชาญการค้าขายเป็นทุนเดิม เคยจับการค้าขายในเมืองหลวงมาหลายประเภทแล้ว มีเพียงกิจการร้านขายสมุนไพรเท่านั้นที่ยังเป็นรองตระกูลเหยาหากร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยากลายเป็นของพวกตน เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ค้าสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล หมอแทบทั้งเมืองหลวงล้วนไปดูอาการที่จวนตระกูลซ่งหมดแล้ว หรือท่านเชื่อคำพูดของพวกเขา?”ดวงตาเหยาจิ่นเฉิงฉายแววมาดมั่น “ได้ ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ก็ต้องยกร้านขายเครื่องประดับของตระกูลซ่งให้พวกข้า!”สวี่ซืออี้
“ลั่วกั๋วกง ในเมื่อตกลงเดิมพันกันแล้ว ไยจะต้องยกเลิก?”“ในเมื่อพวกเขาแน่ใจว่าลูกชายข้าใส่ร้ายพวกเขา เช่นนั้นมิสู้เดิมพันกันต่อไป ต่อให้เสียร้านขายสมุนไพรไปหนึ่งร้านก็ถือว่าเป็นคำขอขมาของพวกข้า”ซ่งรั่วเจินลอบยินดีในใจ เหยาฮูหยินช่างขุดหลุมฝังตัวเองเก่งจริงๆ!“ข้าก็คิดว่าการเดิมพันนี้ไม่เลวเลย งั้นก็ตกลงกันตามนี้” ฉู่จวินถิงกล่าวเดิมทีลั่วหยวนหงยังอยากห้ามปราม แต่ฉู่อ๋องออกปากแล้ว เขาไม่กล้าแย้งอีกจึงได้แต่ตอบรับ“เช่นนั้นอีกเจ็ดวันหลังจากนี้ ข้าไม่เรียกร้องให้เจ้าเดินได้ ขอเพียงเจ้ายืนขึ้นมาได้ก็จะถือว่าข้าแพ้เดิมพัน!” เหยาจิ่นเฉิงแสร้งเป็นยอมอ่อนข้อให้ซ่งรั่วเจินตวัดสายตาไปสบตากับซ่งเยี่ยนโจวโดยบังเอิญ ทั้งคู่มองหน้ากันพลางยิ้มออกมา“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอถึงเจ็ดวันแล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ย “ตอนนี้พี่ชายข้าสามารถยืนขึ้นได้แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทุกคนบริเวณนั้นล้วนตกใจกันหมด ตอนนี้ก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว?หลิ่วหรูเยียนตวัดสายตามาด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่อี้อันกลับมามองเห็นได้ นางก็เชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินอย่างเต็มที่ ทั้งยังรู้ว่าช่วงนี้นางกำลังรักษาเยี่ยนโจวแต่อา
สิ่งที่ซ่งรั่วเจินหมายตาก็คือร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาช่วงเวลาที่ผ่านมานางหาเวลาไปดูกิจการของตระกูลซ่งแล้ว ทราบว่าในด้านสมุนไพรนั้น ร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยานับว่าค้าขายดีที่สุด ทำเลยอดเยี่ยม นำหน้าร้านขายสมุนไพรของตระกูลซ่งมาโดยตลอดตอนนี้เหยาจิ่นเฉิงคิดจะใช้เงินมาแลกเปลี่ยน นางย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฉู่จวินถิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกราวกับล่วงรู้ความในใจของนาง“คุณชายเหยาไม่เข้าใจว่าการเดิมพันหมายความว่าอะไรหรือ? ให้ข้าช่วยหาคนมาสั่งสอนเจ้าสักหน่อยดีหรือไม่?”องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก้าวออกมาข้างหน้า มือแตะกระบี่พก สีหน้าดุดัน เหยาจิ่นเฉิงเห็นแล้วก็ใจสั่นสะท้าน โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน“ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งต่อทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย”ตอนแรกลั่วหยวนหงเข้าใจว่าสหายตามคำพูดของฉู่อ๋องหมายถึงเหยาจิ่นเฉิงเสียอีก แต่ตอนนี้ไม่ต้องคิดก็ดูออกว่าหมายถึงคนตระกูลซ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นซ่งเยี่ยนโจวหรือซ่งรั่วเจินเหยาจิ่นเฉิงมีเรื่องกับตระกูลซ่งวันนี้ นับว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยแท้!“พี่ใหญ่ซ่ง ขาของท่านสามา
หากสามารถแต่งลั่วชิงอินเข้าบ้านย่อมเป็นเรื่องมีหน้ามีตาสำหรับตระกูลเหยาโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าลั่วชิงอินร่างกายอ่อนแอเกินไป ทั้งยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ จะแต่งเข้าบ้านมาเพื่ออะไร?แต่งเข้ามาบูชางั้นรึ?“ฮูหยิน สิ่งที่ข้าพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง เดิมทีร่างกายแม่นางลั่วก็อ่อนแออยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมา ข้าช่วยบำรุงร่างกายให้แม่นางลั่วมาโดยตลอด”“คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องตกน้ำ สถานการณ์เลวร้ายเกินไป ตอนนี้ไม่อาจแก้ไขกลับกลาย การมีลูกย่อมเป็นไปไม่ได้แล้ว”เยี่ยนชิงอวี้ใบหน้าเผือดสี รีบเข้ามาจับหมอโจวไว้ “ท่านลองตรวจอาการอย่างละเอียดอีกสักครั้งเถอะ เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!”“ลั่วฮูหยิน อาจเป็นเพราะวิชาแพทย์ของข้าน้อยไม่ดีเอง พวกท่านลองเชิญหมอท่านอื่นๆ มาตรวจอาการดีกว่า”เยี่ยนชิงอวี้คลายมือออก ในใจเข้าใจความหมายในคำพูดของหมอโจวดี อันที่จริงก่อนที่จะตกน้ำ ท่านหมอเคยพูดจาทำนองนี้ไว้ตั้งแต่ตอนจับชีพจรให้ชิงอินแล้วบอกว่าร่างกายอ่อนแอเกินไป ต้องบำรุงอย่างเอาใจใส่ มิฉะนั้นเกรงว่าตอนตั้งครรภ์อาจมีอันตรายถึงชีวิตแต่ตอนนี้...แม้แต่ตั้งครรภ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้ แบบนี้จะทำอย่างไรดีเล
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าล้วนไม่เปลี่ยนใจ”ซ่งเยี่ยนโจวน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาทอแววกังวล “ชิงอินสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้ ข้ากลัวว่านางจะรับไม่ไหว”“หากท่านลุงท่านป้ายินดีให้โอกาสข้าได้ดูแลชิงอินไปชั่วชีวิต พวกเราสามารถหมั้นหมายกันโดยเร็ว เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนาง”เยี่ยนชิงอวี้กับลั่วหยวนหงมองหน้ากัน อดจะประหลาดใจไม่ได้ คำพูดของซ่งเยี่ยนโจวตรงกับสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่พอดีชิงอินในตอนนี้ไม่อาจรับความสะเทือนใจได้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่อย่างการที่ไม่สามารถมีบุตรได้ หากรู้เรื่องนี้ เกรงว่านางอาจรับไม่ไหวเข้าจริงๆตอนนี้การไม่บอกนางย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยซ่งเยี่ยนโจวสามารถคิดได้เช่นนี้ย่อมหมายความว่าเขาคำนึงถึงชิงอินอย่างจริงใจดุจเดียวกับพวกตน“หากพวกท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถเชิญคนมาเขียนหนังสือสมรสเดี๋ยวนี้เลย แม่ข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย รอเพียงชิงอินพยักหน้า ข้ากลับไปแล้วก็จะเตรียมสินสอดมาสู่ขอชิงอิน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกชายตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ชิงอวี้ เรื่องในปีนั้นเป็นความผิดของพวกข้า ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใด พวกข้าก็ผิดต่อชิงอิน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวน่าไว้วางใจกว่าเหยาจิ่นเฉิงมากนัก“ข้าเข้าใจ แต่สวี่ซืออี้ไม่ใช่คนที่จะยอมเลิกราโดยง่าย เมื่อวานแค่เกิดเรื่องเล็กน้อย นางก็มาโวยวายเสียแล้ว”“หากรู้เรื่องนี้เกรงว่าคงจะนำไปขยายความสร้างปัญหาให้อย่างไม่อาจเลี่ยง ข้าต้องบอกพวกเขาให้ชัดเจน จะได้ไม่กระทบต่อชื่อเสียงของชิงอิน”ในฐานะที่เป็นแม่คน เยี่ยนชิงอวี้ย่อมใคร่ครวญเพื่อลั่วชิงอินอย่างรอบด้าน ก่อนหน้านี้สองบ้านแค่ดูตัวกันเท่านั้น ตอนนี้จะยกเลิกเรื่องมงคลย่อมไม่เป็นไร แต่ไม่อาจปล่อยให้คนพวกนั้นใช้เรื่องนี้มาทำร้ายชิงอินพวกซ่งรั่วเจินได้ยินการตัดสินใจของคนตระกูลลั่วก็ทราบว่าพฤติกรรมเมื่อครู่ของคนตระกูลเหยาทำให้พวกเขาไม่คิดจะเป็นดองกับทางนั้นอีกแล้ว เนื่องจากการสนับสนุนของพวกตน ซ่งเยี่ยนโจวจึงได้รับการยอมรับจากตระกูลลั่วอีกครั้ง“ข้าขอจับชีพจรให้พี่หญิงลั่วได้ไหมเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถามดวงตาเยี่ยนชิงอวี้ฉายแววประหลาดใจ “รั่วเจินไปเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“สองปีนี้พอได้เรียนรู้มาบ้างเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มบางตอบอย่างรวบรัด ก่อนหน้านี้ตระกูลลั่วสนิทสนมกับครอบครัวนาง ย่อมทราบว่าไม่กี
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป