“จริงหรือ?” ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ “เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”“ไป๋โหวสมควรโดนอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงแววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ทำร้ายสตรีบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เขาอยากรับอนุภรรยาให้กำเนิดทายาท มีคนมากมายที่ยินดี แต่กลับมาทำร้ายคนอื่นเช่นนี้”“ข้าคิดว่าอวี้เยว่หลิงไม่ควรให้อภัยเขา ไป๋ฮูหยินย่อมน่าแค้นใจ แต่คนที่ทำทุกอย่างคือไป๋โหว”“เจ้าให้ไป๋โหวไปคืนนี้ เพราะคิดว่าอวี้เยว่หลิงจะยอมพบเขางั้นหรือ?”“พูดยากเพคะ” ซ่งรั่วเจินมีท่าทางครุ่นคิด “อวี้เยว่หลิงแค้นเคืองไป๋โหว แต่คนที่นางเป็นห่วงคือคุณชายไป๋”“ส่วนไป๋โหว ชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องพบกันอีก ปล่อยให้เขาสำนึกเสียใจไปตลอดกาลก็ดีเหมือนกัน”“แต่ท่านอาจไม่ทราบ ผีบางตนตอนยังมีชีวิตก็มีนิสัยตรงไปตรงมา ผีบางตนพอตายไปแล้วถึงค่อยปลงตก”“ถ้านางเจอคุณชายไป๋แล้วเกิดปลงตก อยากด่าไป๋โหวหนักๆ สักครั้ง หรือข่มขู่ให้ไป๋โหวดูแลคุณชายไป๋ดีๆ มิฉะนั้นแล้วจะเอาชีวิตเขาเล่า?”“เรื่องนี้ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เกิดเรื่องกับหลี่ว์เหวินซิ่วแล้ว ไป๋โหวจะต้องหวาดกลัวจนเสียขวัญอย่างแน่นอน พวกไป๋จวิ้นอวี่สองคนนั้นคิดจะก้าวข้ามคุณชายไป๋ย่อมเป็นไปไม่ไ
“เหยาฮูหยิน วันนี้พวกข้าตั้งใจมาเยี่ยมชิงอิน ในอดีตลูกชายข้าผิดต่อชิงอินจริงๆ ตระกูลลั่วจะต่อว่าพวกข้าเช่นไร พวกข้าล้วนยอมรับ”“แต่ตระกูลซ่งของข้าไม่ได้ผิดต่อตระกูลเหยา ระหว่างเยี่ยนโจวกับคุณชายเหยาก็ไม่มีความขัดแย้งใดต่อกัน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตำหนิติติงเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางยอมด้วย”หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาเสียดสีของสวี่ซืออี้ก็มีสีหน้าไม่พอใจตระกูลลั่วตำหนิพวกตนเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล แต่ตระกูลเหยามาตำหนิก้าวล่วงกันเช่นนี้ออกจะน่าขันเกินไปแล้วสวี่ซืออี้หน้าเปลี่ยนสี “ท่าทีของพวกท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพอหย่าร้างก็หันมาหมายตาชิงอิน”“จงใจก่อกวนการพบกันระหว่างลูกชายข้ากับชิงอิน ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกท่านก็ยังไม่ยอมรับอีก?”“เหยาฮูหยิน ตระกูลต่งเชิญพวกข้าไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกท้อ พวกข้าไปร่วมไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซ่งเยี่ยนโจวถามกลับหลิ่วหรูเยียนยังกล่าวว่า “ถ้าชิงอินหมั้นหมายกับครอบครัวพวกท่านแล้ว พวกข้ามาคราวนี้ย่อมไม่เหมาะสม แต่ชิงอินยังไม่ได้หมั้นหมายกับพวกท่าน”“กุลสตรีดีพร้อมเป็นที่ใฝ่ปองของวิญญูชน ต่อให้ลูกชายข้ามีใจเช่นนั้นจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวก
เหยาจิ่นเฉิงตวัดสายตามองซ่งเยี่ยนโจว “สมัยที่ยังแข็งแรงไม่พิการก็ทำผิดต่อชิงอิน ตอนนี้กลายเป็นคนพิการไม่มีโอกาสยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ยังจะมาทำให้นางเสียเวลาชีวิตอีก”“ซ่งเยี่ยนโจว ชิงอินติดค้างอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เอาแต่ทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้?”“ขาของข้าสามารถรักษาให้หายดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง” แววตาซ่งเยี่ยนโจวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “กลับเป็นเจ้าเสียอีก ได้ยินว่าตอนภรรยาคนก่อนเสียชีวิต บนตัวมีบาดแผลอยู่หลายแห่งเลยนี่” ใบหน้าเหยาจิ่นเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”สวี่ซืออี้ก้าวเข้ามาขวางเหยาจิ่นเฉิงไว้ข้างหลัง หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ซ่งฮูหยิน ถึงพวกท่านริษยาจิ่นเฉิงก็ไม่ควรปั้นน้ำเป็นตัวมาใส่ร้ายกันแบบนี้ จะต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“ความจริงเป็นอย่างไรย่อมสามารถตรวจสอบได้ไม่ช้าก็เร็ว” ซ่งเยี่ยนโจวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปทางเยี่ยนชิงอวี้ “ท่านป้า หวังว่าท่านจะตรวจสอบให้ดี อย่าให้ชิงอินแต่งให้ผิดคน”เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “คุณชายเหยาดีต่อภรรยาคนก่อนอย่างมากมาโดยตลอด เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบดี”“ท่านแม่ เรื่องที่เหยาจิ่นเฉิงทำให้หวงโต้วตาย ท่านลืมไปแล้ว
“เดิมพันอะไร?”เหยาจิ่นเฉิงหัวเราะหยัน ตอนนี้ซ่งรั่วเจินมีชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่น้อย หลังถอนหมั้นไม่เพียงแต่ไม่ทำตัวสงบเสงี่ยม แต่กลับเหิมเกริมกว่าเดิม“เดิมพันกับร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาก็แล้วกัน ถ้าพี่ใหญ่ของข้าสามารถยืนขึ้นได้จะต้องยกร้านขายสมุนไพรร้านนั้นให้พวกข้า!”เห็นซ่งรั่วเจินไม่เกรงอกเกรงใจขนาดนี้ อ้าปากก็คิดจะเอาร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยา สวี่ซืออี้อดจะร้อนใจไม่ได้ “เฉิงเอ๋อร์ กิจการร้านขายสมุนไพรทำกำไรที่สุดแล้วนะ!”ซ่งเยี่ยนโจวกับหลิ่วหรูเยียนเข้าใจว่าเหตุใดซ่งรั่วเจินจึงเลือกร้านขายสมุนไพร ซ่งรั่วเจินเชี่ยวชาญการค้าขายเป็นทุนเดิม เคยจับการค้าขายในเมืองหลวงมาหลายประเภทแล้ว มีเพียงกิจการร้านขายสมุนไพรเท่านั้นที่ยังเป็นรองตระกูลเหยาหากร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยากลายเป็นของพวกตน เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ค้าสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล หมอแทบทั้งเมืองหลวงล้วนไปดูอาการที่จวนตระกูลซ่งหมดแล้ว หรือท่านเชื่อคำพูดของพวกเขา?”ดวงตาเหยาจิ่นเฉิงฉายแววมาดมั่น “ได้ ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ก็ต้องยกร้านขายเครื่องประดับของตระกูลซ่งให้พวกข้า!”สวี่ซืออี้
“ลั่วกั๋วกง ในเมื่อตกลงเดิมพันกันแล้ว ไยจะต้องยกเลิก?”“ในเมื่อพวกเขาแน่ใจว่าลูกชายข้าใส่ร้ายพวกเขา เช่นนั้นมิสู้เดิมพันกันต่อไป ต่อให้เสียร้านขายสมุนไพรไปหนึ่งร้านก็ถือว่าเป็นคำขอขมาของพวกข้า”ซ่งรั่วเจินลอบยินดีในใจ เหยาฮูหยินช่างขุดหลุมฝังตัวเองเก่งจริงๆ!“ข้าก็คิดว่าการเดิมพันนี้ไม่เลวเลย งั้นก็ตกลงกันตามนี้” ฉู่จวินถิงกล่าวเดิมทีลั่วหยวนหงยังอยากห้ามปราม แต่ฉู่อ๋องออกปากแล้ว เขาไม่กล้าแย้งอีกจึงได้แต่ตอบรับ“เช่นนั้นอีกเจ็ดวันหลังจากนี้ ข้าไม่เรียกร้องให้เจ้าเดินได้ ขอเพียงเจ้ายืนขึ้นมาได้ก็จะถือว่าข้าแพ้เดิมพัน!” เหยาจิ่นเฉิงแสร้งเป็นยอมอ่อนข้อให้ซ่งรั่วเจินตวัดสายตาไปสบตากับซ่งเยี่ยนโจวโดยบังเอิญ ทั้งคู่มองหน้ากันพลางยิ้มออกมา“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอถึงเจ็ดวันแล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ย “ตอนนี้พี่ชายข้าสามารถยืนขึ้นได้แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทุกคนบริเวณนั้นล้วนตกใจกันหมด ตอนนี้ก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว?หลิ่วหรูเยียนตวัดสายตามาด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่อี้อันกลับมามองเห็นได้ นางก็เชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินอย่างเต็มที่ ทั้งยังรู้ว่าช่วงนี้นางกำลังรักษาเยี่ยนโจวแต่อา
สิ่งที่ซ่งรั่วเจินหมายตาก็คือร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาช่วงเวลาที่ผ่านมานางหาเวลาไปดูกิจการของตระกูลซ่งแล้ว ทราบว่าในด้านสมุนไพรนั้น ร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยานับว่าค้าขายดีที่สุด ทำเลยอดเยี่ยม นำหน้าร้านขายสมุนไพรของตระกูลซ่งมาโดยตลอดตอนนี้เหยาจิ่นเฉิงคิดจะใช้เงินมาแลกเปลี่ยน นางย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฉู่จวินถิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกราวกับล่วงรู้ความในใจของนาง“คุณชายเหยาไม่เข้าใจว่าการเดิมพันหมายความว่าอะไรหรือ? ให้ข้าช่วยหาคนมาสั่งสอนเจ้าสักหน่อยดีหรือไม่?”องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก้าวออกมาข้างหน้า มือแตะกระบี่พก สีหน้าดุดัน เหยาจิ่นเฉิงเห็นแล้วก็ใจสั่นสะท้าน โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน“ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งต่อทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย”ตอนแรกลั่วหยวนหงเข้าใจว่าสหายตามคำพูดของฉู่อ๋องหมายถึงเหยาจิ่นเฉิงเสียอีก แต่ตอนนี้ไม่ต้องคิดก็ดูออกว่าหมายถึงคนตระกูลซ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นซ่งเยี่ยนโจวหรือซ่งรั่วเจินเหยาจิ่นเฉิงมีเรื่องกับตระกูลซ่งวันนี้ นับว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยแท้!“พี่ใหญ่ซ่ง ขาของท่านสามา
หากสามารถแต่งลั่วชิงอินเข้าบ้านย่อมเป็นเรื่องมีหน้ามีตาสำหรับตระกูลเหยาโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าลั่วชิงอินร่างกายอ่อนแอเกินไป ทั้งยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ จะแต่งเข้าบ้านมาเพื่ออะไร?แต่งเข้ามาบูชางั้นรึ?“ฮูหยิน สิ่งที่ข้าพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง เดิมทีร่างกายแม่นางลั่วก็อ่อนแออยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมา ข้าช่วยบำรุงร่างกายให้แม่นางลั่วมาโดยตลอด”“คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องตกน้ำ สถานการณ์เลวร้ายเกินไป ตอนนี้ไม่อาจแก้ไขกลับกลาย การมีลูกย่อมเป็นไปไม่ได้แล้ว”เยี่ยนชิงอวี้ใบหน้าเผือดสี รีบเข้ามาจับหมอโจวไว้ “ท่านลองตรวจอาการอย่างละเอียดอีกสักครั้งเถอะ เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!”“ลั่วฮูหยิน อาจเป็นเพราะวิชาแพทย์ของข้าน้อยไม่ดีเอง พวกท่านลองเชิญหมอท่านอื่นๆ มาตรวจอาการดีกว่า”เยี่ยนชิงอวี้คลายมือออก ในใจเข้าใจความหมายในคำพูดของหมอโจวดี อันที่จริงก่อนที่จะตกน้ำ ท่านหมอเคยพูดจาทำนองนี้ไว้ตั้งแต่ตอนจับชีพจรให้ชิงอินแล้วบอกว่าร่างกายอ่อนแอเกินไป ต้องบำรุงอย่างเอาใจใส่ มิฉะนั้นเกรงว่าตอนตั้งครรภ์อาจมีอันตรายถึงชีวิตแต่ตอนนี้...แม้แต่ตั้งครรภ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้ แบบนี้จะทำอย่างไรดีเล
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าล้วนไม่เปลี่ยนใจ”ซ่งเยี่ยนโจวน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาทอแววกังวล “ชิงอินสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้ ข้ากลัวว่านางจะรับไม่ไหว”“หากท่านลุงท่านป้ายินดีให้โอกาสข้าได้ดูแลชิงอินไปชั่วชีวิต พวกเราสามารถหมั้นหมายกันโดยเร็ว เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนาง”เยี่ยนชิงอวี้กับลั่วหยวนหงมองหน้ากัน อดจะประหลาดใจไม่ได้ คำพูดของซ่งเยี่ยนโจวตรงกับสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่พอดีชิงอินในตอนนี้ไม่อาจรับความสะเทือนใจได้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่อย่างการที่ไม่สามารถมีบุตรได้ หากรู้เรื่องนี้ เกรงว่านางอาจรับไม่ไหวเข้าจริงๆตอนนี้การไม่บอกนางย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยซ่งเยี่ยนโจวสามารถคิดได้เช่นนี้ย่อมหมายความว่าเขาคำนึงถึงชิงอินอย่างจริงใจดุจเดียวกับพวกตน“หากพวกท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถเชิญคนมาเขียนหนังสือสมรสเดี๋ยวนี้เลย แม่ข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย รอเพียงชิงอินพยักหน้า ข้ากลับไปแล้วก็จะเตรียมสินสอดมาสู่ขอชิงอิน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกชายตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ชิงอวี้ เรื่องในปีนั้นเป็นความผิดของพวกข้า ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใด พวกข้าก็ผิดต่อชิงอิน
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข