“จริงหรือ?” ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ “เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”“ไป๋โหวสมควรโดนอยู่แล้ว” ฉู่จวินถิงแววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ทำร้ายสตรีบริสุทธิ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เขาอยากรับอนุภรรยาให้กำเนิดทายาท มีคนมากมายที่ยินดี แต่กลับมาทำร้ายคนอื่นเช่นนี้”“ข้าคิดว่าอวี้เยว่หลิงไม่ควรให้อภัยเขา ไป๋ฮูหยินย่อมน่าแค้นใจ แต่คนที่ทำทุกอย่างคือไป๋โหว”“เจ้าให้ไป๋โหวไปคืนนี้ เพราะคิดว่าอวี้เยว่หลิงจะยอมพบเขางั้นหรือ?”“พูดยากเพคะ” ซ่งรั่วเจินมีท่าทางครุ่นคิด “อวี้เยว่หลิงแค้นเคืองไป๋โหว แต่คนที่นางเป็นห่วงคือคุณชายไป๋”“ส่วนไป๋โหว ชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องพบกันอีก ปล่อยให้เขาสำนึกเสียใจไปตลอดกาลก็ดีเหมือนกัน”“แต่ท่านอาจไม่ทราบ ผีบางตนตอนยังมีชีวิตก็มีนิสัยตรงไปตรงมา ผีบางตนพอตายไปแล้วถึงค่อยปลงตก”“ถ้านางเจอคุณชายไป๋แล้วเกิดปลงตก อยากด่าไป๋โหวหนักๆ สักครั้ง หรือข่มขู่ให้ไป๋โหวดูแลคุณชายไป๋ดีๆ มิฉะนั้นแล้วจะเอาชีวิตเขาเล่า?”“เรื่องนี้ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เกิดเรื่องกับหลี่ว์เหวินซิ่วแล้ว ไป๋โหวจะต้องหวาดกลัวจนเสียขวัญอย่างแน่นอน พวกไป๋จวิ้นอวี่สองคนนั้นคิดจะก้าวข้ามคุณชายไป๋ย่อมเป็นไปไม่ไ
“เหยาฮูหยิน วันนี้พวกข้าตั้งใจมาเยี่ยมชิงอิน ในอดีตลูกชายข้าผิดต่อชิงอินจริงๆ ตระกูลลั่วจะต่อว่าพวกข้าเช่นไร พวกข้าล้วนยอมรับ”“แต่ตระกูลซ่งของข้าไม่ได้ผิดต่อตระกูลเหยา ระหว่างเยี่ยนโจวกับคุณชายเหยาก็ไม่มีความขัดแย้งใดต่อกัน ท่านไม่จำเป็นต้องมาตำหนิติติงเช่นนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางยอมด้วย”หลิ่วหรูเยียนได้ยินวาจาเสียดสีของสวี่ซืออี้ก็มีสีหน้าไม่พอใจตระกูลลั่วตำหนิพวกตนเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล แต่ตระกูลเหยามาตำหนิก้าวล่วงกันเช่นนี้ออกจะน่าขันเกินไปแล้วสวี่ซืออี้หน้าเปลี่ยนสี “ท่าทีของพวกท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพอหย่าร้างก็หันมาหมายตาชิงอิน”“จงใจก่อกวนการพบกันระหว่างลูกชายข้ากับชิงอิน ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ พวกท่านก็ยังไม่ยอมรับอีก?”“เหยาฮูหยิน ตระกูลต่งเชิญพวกข้าไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกท้อ พวกข้าไปร่วมไม่เหมาะสมตรงไหน?” ซ่งเยี่ยนโจวถามกลับหลิ่วหรูเยียนยังกล่าวว่า “ถ้าชิงอินหมั้นหมายกับครอบครัวพวกท่านแล้ว พวกข้ามาคราวนี้ย่อมไม่เหมาะสม แต่ชิงอินยังไม่ได้หมั้นหมายกับพวกท่าน”“กุลสตรีดีพร้อมเป็นที่ใฝ่ปองของวิญญูชน ต่อให้ลูกชายข้ามีใจเช่นนั้นจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับพวก
เหยาจิ่นเฉิงตวัดสายตามองซ่งเยี่ยนโจว “สมัยที่ยังแข็งแรงไม่พิการก็ทำผิดต่อชิงอิน ตอนนี้กลายเป็นคนพิการไม่มีโอกาสยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ยังจะมาทำให้นางเสียเวลาชีวิตอีก”“ซ่งเยี่ยนโจว ชิงอินติดค้างอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้เอาแต่ทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้?”“ขาของข้าสามารถรักษาให้หายดีได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง” แววตาซ่งเยี่ยนโจวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง “กลับเป็นเจ้าเสียอีก ได้ยินว่าตอนภรรยาคนก่อนเสียชีวิต บนตัวมีบาดแผลอยู่หลายแห่งเลยนี่” ใบหน้าเหยาจิ่นเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”สวี่ซืออี้ก้าวเข้ามาขวางเหยาจิ่นเฉิงไว้ข้างหลัง หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ซ่งฮูหยิน ถึงพวกท่านริษยาจิ่นเฉิงก็ไม่ควรปั้นน้ำเป็นตัวมาใส่ร้ายกันแบบนี้ จะต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“ความจริงเป็นอย่างไรย่อมสามารถตรวจสอบได้ไม่ช้าก็เร็ว” ซ่งเยี่ยนโจวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปทางเยี่ยนชิงอวี้ “ท่านป้า หวังว่าท่านจะตรวจสอบให้ดี อย่าให้ชิงอินแต่งให้ผิดคน”เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “คุณชายเหยาดีต่อภรรยาคนก่อนอย่างมากมาโดยตลอด เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบดี”“ท่านแม่ เรื่องที่เหยาจิ่นเฉิงทำให้หวงโต้วตาย ท่านลืมไปแล้ว
“เดิมพันอะไร?”เหยาจิ่นเฉิงหัวเราะหยัน ตอนนี้ซ่งรั่วเจินมีชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่น้อย หลังถอนหมั้นไม่เพียงแต่ไม่ทำตัวสงบเสงี่ยม แต่กลับเหิมเกริมกว่าเดิม“เดิมพันกับร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาก็แล้วกัน ถ้าพี่ใหญ่ของข้าสามารถยืนขึ้นได้จะต้องยกร้านขายสมุนไพรร้านนั้นให้พวกข้า!”เห็นซ่งรั่วเจินไม่เกรงอกเกรงใจขนาดนี้ อ้าปากก็คิดจะเอาร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยา สวี่ซืออี้อดจะร้อนใจไม่ได้ “เฉิงเอ๋อร์ กิจการร้านขายสมุนไพรทำกำไรที่สุดแล้วนะ!”ซ่งเยี่ยนโจวกับหลิ่วหรูเยียนเข้าใจว่าเหตุใดซ่งรั่วเจินจึงเลือกร้านขายสมุนไพร ซ่งรั่วเจินเชี่ยวชาญการค้าขายเป็นทุนเดิม เคยจับการค้าขายในเมืองหลวงมาหลายประเภทแล้ว มีเพียงกิจการร้านขายสมุนไพรเท่านั้นที่ยังเป็นรองตระกูลเหยาหากร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยากลายเป็นของพวกตน เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ค้าสมุนไพรรายใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล หมอแทบทั้งเมืองหลวงล้วนไปดูอาการที่จวนตระกูลซ่งหมดแล้ว หรือท่านเชื่อคำพูดของพวกเขา?”ดวงตาเหยาจิ่นเฉิงฉายแววมาดมั่น “ได้ ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ก็ต้องยกร้านขายเครื่องประดับของตระกูลซ่งให้พวกข้า!”สวี่ซืออี้
“ลั่วกั๋วกง ในเมื่อตกลงเดิมพันกันแล้ว ไยจะต้องยกเลิก?”“ในเมื่อพวกเขาแน่ใจว่าลูกชายข้าใส่ร้ายพวกเขา เช่นนั้นมิสู้เดิมพันกันต่อไป ต่อให้เสียร้านขายสมุนไพรไปหนึ่งร้านก็ถือว่าเป็นคำขอขมาของพวกข้า”ซ่งรั่วเจินลอบยินดีในใจ เหยาฮูหยินช่างขุดหลุมฝังตัวเองเก่งจริงๆ!“ข้าก็คิดว่าการเดิมพันนี้ไม่เลวเลย งั้นก็ตกลงกันตามนี้” ฉู่จวินถิงกล่าวเดิมทีลั่วหยวนหงยังอยากห้ามปราม แต่ฉู่อ๋องออกปากแล้ว เขาไม่กล้าแย้งอีกจึงได้แต่ตอบรับ“เช่นนั้นอีกเจ็ดวันหลังจากนี้ ข้าไม่เรียกร้องให้เจ้าเดินได้ ขอเพียงเจ้ายืนขึ้นมาได้ก็จะถือว่าข้าแพ้เดิมพัน!” เหยาจิ่นเฉิงแสร้งเป็นยอมอ่อนข้อให้ซ่งรั่วเจินตวัดสายตาไปสบตากับซ่งเยี่ยนโจวโดยบังเอิญ ทั้งคู่มองหน้ากันพลางยิ้มออกมา“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอถึงเจ็ดวันแล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ย “ตอนนี้พี่ชายข้าสามารถยืนขึ้นได้แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทุกคนบริเวณนั้นล้วนตกใจกันหมด ตอนนี้ก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว?หลิ่วหรูเยียนตวัดสายตามาด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่อี้อันกลับมามองเห็นได้ นางก็เชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินอย่างเต็มที่ ทั้งยังรู้ว่าช่วงนี้นางกำลังรักษาเยี่ยนโจวแต่อา
สิ่งที่ซ่งรั่วเจินหมายตาก็คือร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาช่วงเวลาที่ผ่านมานางหาเวลาไปดูกิจการของตระกูลซ่งแล้ว ทราบว่าในด้านสมุนไพรนั้น ร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยานับว่าค้าขายดีที่สุด ทำเลยอดเยี่ยม นำหน้าร้านขายสมุนไพรของตระกูลซ่งมาโดยตลอดตอนนี้เหยาจิ่นเฉิงคิดจะใช้เงินมาแลกเปลี่ยน นางย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฉู่จวินถิงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกราวกับล่วงรู้ความในใจของนาง“คุณชายเหยาไม่เข้าใจว่าการเดิมพันหมายความว่าอะไรหรือ? ให้ข้าช่วยหาคนมาสั่งสอนเจ้าสักหน่อยดีหรือไม่?”องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก้าวออกมาข้างหน้า มือแตะกระบี่พก สีหน้าดุดัน เหยาจิ่นเฉิงเห็นแล้วก็ใจสั่นสะท้าน โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน“ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งต่อทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย”ตอนแรกลั่วหยวนหงเข้าใจว่าสหายตามคำพูดของฉู่อ๋องหมายถึงเหยาจิ่นเฉิงเสียอีก แต่ตอนนี้ไม่ต้องคิดก็ดูออกว่าหมายถึงคนตระกูลซ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นซ่งเยี่ยนโจวหรือซ่งรั่วเจินเหยาจิ่นเฉิงมีเรื่องกับตระกูลซ่งวันนี้ นับว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยแท้!“พี่ใหญ่ซ่ง ขาของท่านสามา
หากสามารถแต่งลั่วชิงอินเข้าบ้านย่อมเป็นเรื่องมีหน้ามีตาสำหรับตระกูลเหยาโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าลั่วชิงอินร่างกายอ่อนแอเกินไป ทั้งยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ จะแต่งเข้าบ้านมาเพื่ออะไร?แต่งเข้ามาบูชางั้นรึ?“ฮูหยิน สิ่งที่ข้าพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง เดิมทีร่างกายแม่นางลั่วก็อ่อนแออยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมา ข้าช่วยบำรุงร่างกายให้แม่นางลั่วมาโดยตลอด”“คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องตกน้ำ สถานการณ์เลวร้ายเกินไป ตอนนี้ไม่อาจแก้ไขกลับกลาย การมีลูกย่อมเป็นไปไม่ได้แล้ว”เยี่ยนชิงอวี้ใบหน้าเผือดสี รีบเข้ามาจับหมอโจวไว้ “ท่านลองตรวจอาการอย่างละเอียดอีกสักครั้งเถอะ เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!”“ลั่วฮูหยิน อาจเป็นเพราะวิชาแพทย์ของข้าน้อยไม่ดีเอง พวกท่านลองเชิญหมอท่านอื่นๆ มาตรวจอาการดีกว่า”เยี่ยนชิงอวี้คลายมือออก ในใจเข้าใจความหมายในคำพูดของหมอโจวดี อันที่จริงก่อนที่จะตกน้ำ ท่านหมอเคยพูดจาทำนองนี้ไว้ตั้งแต่ตอนจับชีพจรให้ชิงอินแล้วบอกว่าร่างกายอ่อนแอเกินไป ต้องบำรุงอย่างเอาใจใส่ มิฉะนั้นเกรงว่าตอนตั้งครรภ์อาจมีอันตรายถึงชีวิตแต่ตอนนี้...แม้แต่ตั้งครรภ์ก็ยังเป็นไปไม่ได้ แบบนี้จะทำอย่างไรดีเล
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าล้วนไม่เปลี่ยนใจ”ซ่งเยี่ยนโจวน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาทอแววกังวล “ชิงอินสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้ ข้ากลัวว่านางจะรับไม่ไหว”“หากท่านลุงท่านป้ายินดีให้โอกาสข้าได้ดูแลชิงอินไปชั่วชีวิต พวกเราสามารถหมั้นหมายกันโดยเร็ว เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนาง”เยี่ยนชิงอวี้กับลั่วหยวนหงมองหน้ากัน อดจะประหลาดใจไม่ได้ คำพูดของซ่งเยี่ยนโจวตรงกับสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่พอดีชิงอินในตอนนี้ไม่อาจรับความสะเทือนใจได้อีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่อย่างการที่ไม่สามารถมีบุตรได้ หากรู้เรื่องนี้ เกรงว่านางอาจรับไม่ไหวเข้าจริงๆตอนนี้การไม่บอกนางย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยซ่งเยี่ยนโจวสามารถคิดได้เช่นนี้ย่อมหมายความว่าเขาคำนึงถึงชิงอินอย่างจริงใจดุจเดียวกับพวกตน“หากพวกท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถเชิญคนมาเขียนหนังสือสมรสเดี๋ยวนี้เลย แม่ข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย รอเพียงชิงอินพยักหน้า ข้ากลับไปแล้วก็จะเตรียมสินสอดมาสู่ขอชิงอิน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกชายตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ชิงอวี้ เรื่องในปีนั้นเป็นความผิดของพวกข้า ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใด พวกข้าก็ผิดต่อชิงอิน
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน