“หนังสือหย่าหรือ? ในเรื่องราวนี้มีเรื่องลับอะไรซ่อนอยู่กระนั้นหรือ?”“ข้าก็พอรู้มาว่าซ่งเยี่ยนโจวเพิ่งกลับมาไม่นาน ฝานซืออิ๋งก็กลับบ้านเดิมแล้ว ว่ากันว่าซ่งรั่วเจินเป็นคนขับไล่นางออกไป ส่วนจะจริงหรือไม่นั้น ข้าก็ไม่แน่ใจหรอก”ผู้คนรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบ ซ่งเยี่ยนโจวกับฝานซืออิ๋งหย่ากันอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นวี่แววสัญญาณเตือนอะไรวันนี้ในเมื่อได้มีโอกาสรับรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ใครเล่าจะยอมพลาดโอกาสเช่นนี้?ใบหน้าของฝานซืออิ๋งเปลี่ยนสีเล็กน้อย รีบคิดทบทวนว่านางอาจมีหลักฐานใดตกอยู่ในมือของซ่งรั่วเจินหรือไม่ แต่เมื่อตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คิดว่าน่าจะไม่มีหลักฐานใด ๆ เหลืออยู่หนังสือสัญญาเงินกู้ถูกฉีกทำลายไปนานแล้ว ส่วนหลิ่วหรูเยียนก็คอยรักษาหน้าตาของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยนำเรื่องการกู้เงินเผยแพร่ออกไปแม้จะพูดออกมาในตอนนี้ นางก็ยังมีวิธีปฏิเสธได้อยู่ดี!“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลฝานยืมเงินจากตระกูลเรามาเท่าใด ข้าก็ไม่คิดจะกล่าวถึงหรอก”“มารดาของข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าอยู่กับพี่ใหญ่ของข้าอย่างสงบ ไม่ว่าเจ้าจะเรียกร้องสิ่งใด หากรับปากได้ก็ยอมทั้งหมด แต่เ
“แม่ข้ายังอยู่ ไม่พูดถึงว่ายังไม่ถึงรอบผู้เยาว์มาเจ้ากี้เจ้าการ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าที่เป็นสะใภ้ใหญ่ซึ่งควรอ่อนน้อมถ่อมตนยอมถอยให้ แต่เจ้ากลับเอาแต่สร้างปัญหา ข้าถึงได้หย่าร้างกับเจ้า!”ฝานซืออิ๋งปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ “ข้า ข้าเปล่านะ...”“ถ้าเจ้าต้องการหลักฐาน ข้าก็มีพยานเหลือเฟือ!”“แม่นมสาวใช้ในจวน อาจารย์ที่สอนบัญชีให้เจ้า ลูกค้าของที่ร้าน ข้าล้วนสามารถเชิญมาได้!”น้ำเสียงของซ่งเยี่ยนโจวไม่เร็วไม่ช้า แต่กลับไม่เปิดช่องให้ฝานซืออิ๋งแก้ตัวแม้แต่น้อยฝานซืออิ๋งรู้สึกว่าหนังศีรษะชาหนึบ หลังจากแต่งงานมา ซ่งเยี่ยนโจวคร้านจะสนใจนาง แม้แต่คำพูดยังคร้านจะพูดด้วย ย่อมไม่มีทางมาถือสาหาความจนกระทั่งบัดนี้ นางจึงนึกขึ้นได้ว่าซ่งเยี่ยนโจวเดิมก็เป็นคนละเอียดรอบคอบเช่นนี้เองหากเขาตัดสินใจจะจัดการนางแล้ว ด้วยความสามารถของนางไม่สามารถรับมือได้เลย!คนทั้งหลายเห็นใบหน้าซีดเผือดของฝานซืออิ๋งก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ฝานซืออิ๋งก็ใส่ร้ายซ่งรั่วเจินกับตระกูลซ่งมาโดยตลอดหรือนี่?“ฝานซืออิ๋งกลับดำเป็นขาวเช่นนี้ทำกันเกินไปแล้ว ซ่งรั่วเจินไม่ได้เอาเรื่องเอาราวกับนางด้วยซ้ำ แต่นางยังคิดจะมาใส่ร้ายซ่งเยี่ยนโจว
“ซวงซวง เจ้าอย่าลดตัวไปเถียงกับนางเลย นางเป็นหญิงปากร้าย!”หลินจือเยว่ดึงฉินซวงซวงมาไว้ข้างหลัง มองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาเย็นชา “เป็นสาวเป็นนางควรอ่อนโยนอ่อนหวานถึงจะถูก มาทำตาต่อตาฟันต่อฟันเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ดีตรงไหน?”โป๊ก!ซ่งรั่วเจินกำลังจะเอ่ยปาก แต่ได้ยินเสียงดังขึ้นกะทันหัน ตามด้วยเห็นหลินจือเยว่ถูกตีเข้าที่หน้า เรี่ยวแรงหนักหน่วงกระแทกเขาถอยหลังไปอย่างไม่อาจควบคุมจนถลาไปชนฉินซวงซวง“กรี๊ด!”ฉินซวงซวงอุทานด้วยความตกใจแล้วล้มลงบนพื้นอย่างหมดรูป มือข้างหนึ่งคว้าหลินจือเยว่เอาไว้จนล้มกลิ้งลงไปทั้งคู่“ใคร?”หลินจือเยว่ผุดขึ้นยืนด้วยความโมโห ใบหน้าถูกตีจนบวมปูด ในมือถือจี้หยกชิ้นหนึ่ง ท่าทางเดือดดาลสุดระงับ“ข้าเอง”ริมฝีปากบางของซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยออกมา น้ำเสียงเย็นชาดุจใบมีดเย็นเฉียบ ดวงตาลึกล้ำทอประกายคมกริบ“หลินจือเยว่ ที่ผ่านมาข้าเห็นเจ้าเป็นสหาย เคยช่วยเจ้าในสนามรบหลายครั้งก็เพราะเชื่อว่าเจ้าจะไม่ผิดต่อน้องสาวข้า”“ตอนนี้เจ้ากลับรังแกน้องสาวข้าเพื่อหญิงอื่น ทำให้ช่วงวัยแรกแย้มอันล้ำค่าของนางต้องสูญเปล่า ต่อให้เจ้าคุกเข่าขอโทษก็ยังไม่หายแค้น เจ้ายังกล้ามาตำหนินางอีก?”
“ถ้าเจ้าปฏิเสธ ข้าเอาพยานกับหลักฐานมาสอบถามกันต่อหน้าเลยก็ได้ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะสามารถปกปิดต่อไปได้หรือไม่”“กล้ารังแกน้องสาวของข้าซ่งเยี่ยนโจว เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วรึ?”“เยี่ยนโจว ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...”หลินจือเยว่มีสีหน้าปั้นยาก เขารู้จักซ่งเยี่ยนโจวมาหลายปีจึงรู้จักนิสัยใจคอและฝีมือของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีในเมื่อเขาเอ่ยปากแล้วก็แสดงว่าเขาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมาแต่แรกเขาจะโต้แย้งไปก็ไร้ประโยชน์ คนที่รู้เรื่องนี้มีจำนวนไม่น้อย มีแต่จะทำให้พวกตนดูน่าเกลียดกว่าเดิมฉินซวงซวงกัดฟันกรอดด้วยความโมโห ซ่งเยี่ยนโจวก็แค่คนพิการที่ใกล้ตายคนหนึ่ง แต่กลับกล้ามาเหยียดหยามนาง!“ไม่ต้องรีบ หนี้แค้นนี้พวกเราค่อยๆ ชำระไปก็ได้”ซ่งเยี่ยนโจวหรี่ตาลงเล็กน้อย รอจนขาสองข้างของเขารักษาหายดีแล้ว จะต้องคิดบัญชีกับหลินจือเยว่จนอีกฝ่ายลงจากเตียงไม่ได้อย่างแน่นอน!หลินจือเยว่ใจสั่นสะท้าน นึกเสียใจที่เมื่อครู่มาดูเรื่องชาวบ้าน แต่มาคิดดูอีกที ตอนนี้ซ่งเยี่ยนโจวเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง ยังจะทำอันใดได้?ยามนั้น เฉียนชิวเซียงเร่งรุดมาถึง นางรู้มาว่าลูกสาวของตนจับจุดอ่อนที่ซ่งเยี่ย
“ข้าจะไปตามจ้าวหงมาเอง!”ลั่วหวยหลี่รีบเอ่ยขึ้นแล้วเรียกบ่าวรับใช้ไปตามหาคนโดยไม่ลังเลตอนนี้เขาดูออกแล้วว่าตระกูลฝานไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด ตนเองทำเรื่องน่าละอายแล้วยังมาใส่ร้ายตระกูลซ่ง ทั้งยังคิดจะลากพี่หญิงรองของเขาลงน้ำไปด้วย ไม่มีวันเสียหรอก!ผ่านไปไม่นาน จ้าวหงก็ถูกคนลากตัวมาโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ผู้ที่มาพร้อมกันยังมีเหยาจิ่นเฉิงอีกคนเห็นว่าตรงหน้ามีผู้คนมากมาย จ้าวหงมีสีหน้าประหลาดใจ “พวกเจ้าจับข้ามาทำไม?”“ค้นตัว!” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยเสียงเย็นชาซ่งจืออวี้ลงมือทันที จ้าวหงเกร็งคอแผดเสียงลั่น “พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาค้นตัวข้า? ข้าเป็นแขกของตระกูลต่ง หนึ่งไม่ได้ลักขโมย สองไม่ได้ปล้นชิงสิ่งใด พวกเจ้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้!”ทว่าความเร็วของซ่งจืออวี้ไวกว่า ค้นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูออกมาจากอกเสื้อจ้าวหงได้ในทันที“มีผ้าเช็ดหน้าจริงๆ ด้วย!” ทุกคนร่ำร้องฮือฮาจ้าวหงมองผ้าเช็ดหน้าจากในอกเสื้อของตนด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวจะมีอะไรนักหนา ไม่แน่ว่าอาจเป็นแม่นางคนไหนแอบยัดไว้ก็เป็นได้แต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของฝานซืออิ๋ง เขาก็พลันตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ยิ่งเมื่อสบกับ
“ข้า ข้าเปล่านะ”จ้าวหงส่ายหน้าไปมา ตอนนั้นหลังเกิดเรื่อง เขารู้สึกหวาดกลัวจึงเอาแต่หลบซ่อนตัวไม่ยอมออกไปไหนถึงจะเป็นตอนนี้ เขาก็พยายามหลบหน้าซ่งเยี่ยนโจวอย่างเต็มที่ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกคนจับตัวมา!“วางยาอะไรกัน?” ลั่วหวยหลี่ตระหนักได้ถึงเลศนัยที่ซ่อนอยู่จึงรีบถามทันที “ตกลงปีนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ความอึดอัดใจวาบผ่านใบหน้าของซ่งเยี่ยนโจว เขามองไปทางลั่วชิงอินโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นแววตาอ่อนโยนของนาง ราวกับให้กำลังใจให้เขาพูดต่อไป“ปีนั้นข้าถูกวางยาจนสลบไป พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ฝานซืออิ๋งก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของข้า”ความจริงในปีนั้นถูกเปิดเผยในชั่วขณะนี้เอง!ทุกคนเบิกตากว้าง ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจมาตลอด ว่าเหตุใดคุณชายใหญ่ตระกูลซ่งจึงทอดทิ้งคู่หมายที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก มาสู่ขอฝานซืออิ๋งราวตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วทุกคนล้วนคาดเดากันว่าคนทั้งสองคงเข้ากันไม่ได้จึงเกิดเป็นช่องว่างขึ้นมา มิฉะนั้นก็เป็นซ่งเยี่ยนโจวที่ไปสู่ขอคนอื่นเพราะความโมโหชั่วแล่น ถึงขั้นมีคนเดาว่าลั่วชิงอินร่างกายอ่อนแอเกินไป อาจมีลูกยากแต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าซ่งเยี่ยนโจวถูกวางแผนร้าย!เ
“เป็นจริงแล้ว!”ทุกคนชมดูฉากนั้นด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ดวงตาสะท้อนความแตกตื่น รู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก!คำสาบานที่เป็นจริงนั้นใช่ว่าจะไม่เคยมี แต่เห็นผลรวดเร็วปานนี้ต้องยกให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก!ซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งจืออวี้มองไปทางซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้ตัว คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้ความสามารถของน้องสาวของพวกตนดีกล้าลั่นคำสาบานพล่อยๆ ต่อหน้าซ่งรั่วเจิน นี่มิเท่ากับรนหาที่ตายหรอกรึ?“เห็นผลทันตาขนาดนี้ แสดงว่าจ้าวหงโกหกน่ะสิ?”“จ้าวหงยืนกรานไม่ยอมรับ เห็นได้ชัดว่ามีอะไรในกอไผ่กับฝานซืออิ๋ง ทั้งยังช่วยนางวางยาซ่งเยี่ยนโจว เกรงว่าทรัพย์สมบัติที่ฝานซืออิ๋งหลอกลวงไปจากตระกูลซ่งในช่วงหลายปีนี้คงมีส่วนที่แบ่งไปให้เขาด้วยกระมัง?”ทุกคนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ สองคนนี้ร่วมมือกันทำชั่วชัดๆ เป็นพวกตะเภาเดียวกันน่าเสียดายก็แต่ซ่งเยี่ยนโจวกับลั่วชิงอินที่ต้องแยกจากกันเพราะเรื่องนี้ คนหนึ่งแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก อีกคนต้องเจ็บช้ำใจมานานหลายปี“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้าทำอะไรข้า?”จ้าวหงลนลานเสียแล้ว คำโกหกทำนองเดียวกันเขาพูดมามากกว่าหนึ่งครั้ง คำสาบานยิ่งไม่เคยสำแดงผลออกมาสักครั้ง
“วันถัดมา พวกข้าก็ส่งคนไปจับคู่หนุ่มสาวที่ลักลอบได้เสียกัน ทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปโดยปริยาย ซ่งเยี่ยนโจวไม่อาจไม่สู่ขอนาง”สิ้นเสียงจ้าวหง ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในปีนั้นก็ถูกเปิดโปงออกมาจนหมดสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นฝานซืออิ๋งที่วางแผนและสวมบทบาทด้วยตนเอง“เป็นการแต่งงานที่หลอกลวงมาแต่แรก นางยังมีหน้ามาหลงลำพองใจ กระทั่งไปพูดจาเยาะเย้ยต่างๆ นานาต่อหน้าแม่นางลั่วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้!”“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะมากเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ คนพรรค์นี้แค่ปลดยังเป็นการไว้หน้านางด้วยซ้ำ ควรส่งตัวให้ทางการเลยต่างหาก!”แววตารังเกียจเหยียดหยามจับจ้องมาที่ฝานซืออิ๋ง พอได้ยินหนึ่งประโยค ใบหน้าฝานซืออิ๋งก็จะซีดลงหนึ่งส่วน แทบอยากจะขุดหลุมมุดแผ่นดินหนีเสียให้ได้“จ้าวหง ทำไมท่านถึงใส่ร้ายข้า!”ฝานซืออิ๋งพุ่งตัวไปถึงตรงหน้าจ้าวหงราวคนเสียสติ มือหนึ่งกระชากผมเขาพลางตบเพียะๆ สองฉาด“ข้าไปทำอะไรให้ท่าน ท่านถึงมาปรักปรำข้าแบบนี้!”เฉียนชิวเซียงก็ตระหนักว่าไม่อาจยอมรับความผิดนี้เป็นอันขาดจึงตวาดเสียงเกรี้ยว “ตระกูลซ่งให้ผลประโยชน์เจ้าไปมากเท่า
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน