จวนตระกูลหลินหลังจากพวกหลินจือเยว่กลับมาแล้วก็รู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ อย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่าหลินเดิมนางก็อายุไม่น้อยแล้ว แม้หลายปีนี้จวนตระกูลหลินจะค่อยๆ เสื่อมโทรมลง แต่นางก็มีชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด ไม่เคยต้องตกระกำลำบากถึงเพียงนี้จนกระทั่งได้เข้าไปอยู่ในคุกครั้งนี้ ถูกขังในนั้นหนึ่งวันแล้วยังถูกนำตัวไปสอบสวนก็เสียขวัญจนปล่อยเบาราดตัวเองประกอบกับยังถูกกู้อวิ๋นเวยปาโคลนใส่จนเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ขณะนี้ทั่วร่างจึงส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งชวนคลื่นเหียน“ท่านแม่ ท่านรีบไปอาบน้ำเถิดเจ้าค่ะ”ฉินซวงซวงถูกโบยจึงเจ็บระบมไปทั้งตัว แต่ก็ยังพยายามพูดแสดงความห่วงใยต่อฮูหยินผู้เฒ่าหลินอย่างเต็มที่เพียะ!ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเงื้อมือตบฉาด ในที่สุดก็ไม่สามารถข่มกลั้นความเคียดแค้นทั้งมวลและความโกรธที่ต้องขายหน้าได้อีกต่อไป“ล้วนเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้จือเยว่สูญเสียตำแหน่งราชการ ตอนนี้เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”“เจ้ามันตัวหายนะชัดๆ หลังจากจือเยว่ตบแต่งเจ้าเข้ามา ที่บ้านก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ ตอนนี้ไม่มียศศักดิ์อันใดอีกแล้ว ตระกูลหลินจะใช้ชีวิตต่
“ความฝันที่ข้าได้ฝันถึง บัดนี้ท่านคงเชื่อแล้วกระมัง?” ฉินซวงซวงเอ่ยถามหลินจือเยว่ชะงักไปเล็กน้อย “หรือเจ้าฝันอีกแล้ว?”ฉินซวงซวงพยักหน้า “ข้าฝันว่าอีกไม่กี่วัน ในพิธีล่าสัตว์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ องค์ชายใหญ่จะตกอยู่ในอันตราย”“ขอเพียงพวกเราเข้าช่วยองค์ชายใหญ่ได้ทันการณ์ ฮ่องเต้ย่อมต้องตอบแทนอย่างงาม ถึงยามนั้นแล้วท่านค่อยทูลขอให้ฮ่องเต้คืนตำแหน่งขุนนางให้กับท่าน ไหนจะยังมีตระกูลเซียวคอยช่วยเหลืออีก จะต้องกลับมายิ่งใหญ่เชิดหน้าชูตาได้แน่!”ได้ฟังเช่นนี้ ดวงตาของหลินจือเยว่ก็ทอประกายแสงขึ้นอีกครั้ง “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”"ข้ามีหรือจะโกหกท่านได้? แต่เดิมข้าคิดว่าฝันนั้นเป็นแผนของซ่งรั่วเจินที่จงใจใช้เล่นงานข้า บัดนี้ข้าเชื่อแล้วว่าคงไม่ข้องเกี่ยวกับนางจริงๆ ทว่าเป็นฟ้าดินที่กำลังช่วยเหลือพวกเราอยู่!”“เรื่องเงินนั้นเป็นเพียงความบังเอิญ ยามที่พวกเราขุดสมบัติโชคร้ายที่พวกเขามาพบเข้า ส่วนฝันนี้ที่จริงเป็นฝันที่เกิดขึ้นยามที่ข้าถูกขังอยู่ในคุกแล้ว”“ยามนั้นเป็นโอกาสที่ดีงามที่สุด จะให้ใครพบเห็นมิได้โดยเด็ดขาด น่าเสียดายที่ข้าถูกกักขังอยู่ในคุกเช่นนี้ ทั้งยังไม่มีโอกาสจะพบหน้าเ
ณ จวนสกุลฝานนายท่านฝานเมื่อได้ยินว่าฝานซืออิ๋งถูกขับไล่ออกจากสกุลซ่ง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน“ดูสิว่าเจ้าไปทำงามหน้าอะไรไว้! เดิมซ่งเยี่ยนโจวก็เจ็บกายสาหัสแล้ว กำลังต้องการการดูแลใกล้ชิดจากเจ้า เจ้าก็ควรเอาใจใส่ดูแลเขา คว้าใจเขาให้อยู่หมัด”“แต่เจ้ากลับดื้อดึงอยากจะกลับบ้านตนให้ได้ บุรุษคนใดจะทานทนได้?”“ตอนนี้เป็นอย่างไร ถูกขับไล่จนต้องหอบหนังสือหย่าร้างออกมา อับอายขายขี้หน้าสกุลฝานของเราจนสิ้น!”แม้จะกล่าวว่าเป็นการหย่าร้างสองฝ่ายมิใช่การขับไล่ภรรยาออก ทว่าสกุลฝานแต่ไหนแต่ไรก็เทียบสกุลซ่งไม่ติดคราแรกที่การแต่งงานถูกกำหนดขึ้น ก็ทำเอาผู้คนต่างพากันอิจฉาตาร้อนแม้ซ่งเยี่ยนโจวจะกลายเป็นคนพิการ ทว่าก็เฉกเช่นที่อูฐยังคงใหญ่กว่าม้า สกุลซ่งยังคงเป็นสกุลใหญ่มีหน้ามีตา จึงนับได้ว่าเป็นการแต่งงานที่ดีบัดนี้ถูกหย่าขาด เกรงว่าคนที่พากันอิจฉาในตอนแรกคงพากันหัวร่องอหายเป็นแน่แท้!“ท่านพ่อ เรื่องนี้โทษข้าได้ที่ไหน! หากไม่ใช่เพราะต้องช่วยเซี่ยงหรงใช้หนี้พนัน ข้าคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”“เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากลงนามหนังสือหย่าร้าง แต่เป็นท่านแม่ที่บอกให้ข้าลงนาม บัดนี้พวกท่านล้วนโทษแ
สองวันนี้เจ้าก็หลบซ่อนอยู่แต่ในเรือนไปก่อนแล้วกัน ยามนี้ข้าจะให้คนไปกระจายข่าว เอาให้คนเขารู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง!””เพียงไม่กี่วันหรอก สกุลซ่งจะต้องมาขอร้องพวกเรา นอกจากเจ้าจะใช้หนี้พนันได้แล้ว จะเรียกเงินสักก้อนก็ไม่นับว่าเกินไป!”เมื่อฝานซืออิ๋งนึกไปถึงว่าสกุลซ่งจะต้องมารับนางกลับไป จิตใจก็พลันสดใสขึ้นมาทันควัน“ท่านแม่ช่างเก่งยิ่งนัก”เฉียนชิวเซียงโบกมือ “เจ้ารีบไปแต่งตัว เปลี่ยนอาภรณ์ให้สะอาสะอ้าน หน้าตาแต่งให้ซูบซีดเหนื่อยล้าสักหน่อย”“ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปพบเหล่าฮูหยินทั้งหลาย ถึงยามนั้นก็บีบน้ำตาร้องไห้เสียหน่อย ทำตามจังหวะที่ข้าส่งให้ก็พอ เข้าใจหรือไม่?”เฉียนชิวเซียงรู้จักฮูหยินทรงอิทธิพลในเมืองหลวงอยู่ไม่น้อย อาศัยวาทศิลป์ช่างจำนรรจาและกมลสันดานใจกล้าลอยหน้าลอยตาของนาง จึงใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกนางได้อย่างมีสุขตราบใดที่ยามนั้นเจ้าเสแสร้งน่าเวทนา พวกนางย่อมต้องสงสารเห็นใจ ชนิดที่ว่าแม้แต่สกุลซ่งก็ทำอะไรมไม่ได้! “ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”ฝานซืออิ๋งดีใจยิ่งนัก รีบกลับไปยังห้องเพื่อผัดแป้งแต่งตัว เลือกเอาเสื้อผ้าที่ตนชอบออกมาจากสัมภาระที่ตนนำกลับมาด้วย สวมใส่เข้ากายอย่า
เมื่อถึงเวลามื้อกลางวัน ซ่งรั่วเจินก็ได้พบกับหลิ่วเฟยเยี่ยนนับแต่นักต้มตุ๋นที่ว่าเป็นผู้มีวิชาถูกเปิดโปง แม้ว่าสกุลหลิ่วจะยืนยันว่าพวกเขาก็ถูกหลอกเช่นกัน แต่ก็ยังถูกผู้คนมากมายสงสัยอย่างไรก็เป็นคนเชิญเขามาเอง จะบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็ยากที่พวกเขาจะทำใจเชื่อได้ลง และต้นสายปลายเหตุผู้ริเริ่มของเรื่องนี้ ผู้ที่เชิญนักต้มตุ๋นมาเองอย่างหลิ่วเฟยเยี่ยนย่อมตกเป็นเป้าโจมตีเป็นธรรมดา ไม่เพียงถูกสกุลหลิ่วต่อว่า กระทั่งการใช้ชีวิตในสกุลซุนก็ไม่ได้สบายนัก“รั่วเจิน ข้าไม่ได้อยากตำหนิเจ้า ถึงแม้เจ้าจะถอนหมั้นแล้ว ก็ไม่ควรยุแยงให้พี่ชายกับพี่สะใภ้หย่ากัน!”หลิ่วเฟยเยี่ยนพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน “เจ้ากับพี่ชายก็โตกันแล้ว เดิมทีพี่ชายรองกับพี่ชายสามของเจ้าก็ควรจะแต่งงานไปตั้งนานแล้ว”“ทว่าพวกเจ้ากลับเลือกจะรอบิดากับพี่ใหญ่กลับมาจากสนามรบ ดูสิว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้ากับอี้อันก็ต่างถอนหมั้นกันหมด ทั้งบ้านมีเพียงเยี่ยนโจวที่เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ทว่าสุดท้ายก็ยังมาจบที่หย่าร้าง”“เรื่องที่จ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิงไร้แม่สื่อแม่ชักนำสมรส แอบอยู่กินกันลับๆ ล่อๆ กระทั่งลูกก็ยังมีแล้ว คงลือก
“ฝานฮูหยินเล่าว่าตั้งแต่รั่วเจินถอนหมั้นไป นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปมาก ทำครอบครัววุ่นวายไร้ความสงบสุข ทั้งยังจองล้างจองผลาญซืออิ๋ง ยุให้รําตําให้รั่วไปทั่ว…”นางพร่ำพูดไปก็ลังเลไป “ดังนั้นเยี่ยนโจวจึงได้หย่าร้างกับซืออิ๋ง”หลิ่วหรูเยียนยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ “คนสกุลนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง เมื่อก่อนบุกมาร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอให้ช่วยใช้หนี้พนันฝานเซี่ยงหรงไปก็หลายครา”“ช่วยไปหลายครั้งแล้วยังพอว่า บัดนี้กลับราวหลุมดำไร้ก้นก็มิปาน คิดใช้สกุลซ่งของเราเป็นถุงเงินพวกเขาเสียแล้ว พอไม่ให้เข้าหน่อยท่าทีก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ราวกับอะไรที่ผิดพลั้งก็ล้วนเป็นเพราะพวกเรา!”“พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่าฝานเซี่ยงหรงติดการพนันอย่างหนัก ติดหนี้คนเขาไว้ไม่น้อย หรือจะเป็นท่านที่คอยช่วยเขาใช้คืนมาโดยตลอด?”หลิ่วเฟยเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินมาบ้าง ทั้งยังแอบหัวเราะเยาะที่พี่สาวตนนับญาติกับคนพรรค์นั้นเข้าแล้ว ก็จะมีแต่ปัญหาเข้ามาไม่รู้จบกระทั่งได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงพลันกระวนกระวายขึ้นมาหรือสกุลฝานจะได้ผลประโยชน์จากสกุลซ่งไปไม่น้อย?“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าพวกเขาเป็นญาติที่ดีอยู่หรื
“พี่หญิง ข้าได้ยินว่าพี่เขยกับเซียงอ๋องมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมานาน ท่านช่วยเป็นคนกลางพูดสร้างความสมานฉันท์ให้พวกเราดีหรือไม่?”ภายในสายตาหลิ่วเฟยเยี่ยนเจือความร้อนใจยิ่งยวด อีกเป้าหมายหนึ่งที่นางมาที่นี่ในวันนี้ก็คือเรื่องนี้แล้ว“พี่เขยของเจ้ากับเซียงอ๋องรู้จักกันในราชสำนักเพียงเท่านั้น มิได้พบกันเป็นการส่วนตัวมากมายอะไร” “ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เขาไม่อยู่ ข้ากับเซียงอ๋องและพระชายาเซียงอ๋องก็ไม่เคยติดต่อกัน เช่นนี้แล้วจะสามารถช่วยอะไรได้?”หลิ่วหรูเยียนเผยสีหน้าเอือมระอา ท่าทีแม้มีใจแต่ก็ไร้กำลัง“พี่หญิง ท่านไม่สามารถนั่งนิ่งดูดายได้นะ ท่านเห็นฮั่นเฟยเติบโตมา หากจวนเซียงอ๋องตัดสินใจกล่าวโทษลงมา พวกเราจะแบกรับไหวได้อย่างไร?”หลิ่วเฟยเยี่ยนมีสีหน้าร้อนใจ จวนเซียงอ๋องฐานะสูงศักดิ์ ซื่อจื่อน้อยยังเป็นลูกคนเดียวของเซียงอ๋องและพระชายาเซียงอ๋องอีกด้วยคนทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว เซียงอ๋องและพระชายาเซียงอ๋องรักกันหวานซึ้ง ปีนั้นเพื่อให้ได้อยู่ร่วมกับพระชายาเซียงอ๋อง เซียงอ๋องปฏิเสธสมรสพระราชทานจากอดีตฮ่องเต้ นำพาให้อดีตฮ่องเต้กริ้วหนักเซียงอ๋องกลับยึดมั่นในพระชายาเซียงอ๋
ซ่งรั่วเจินและหลิ่วหรูเยียนยังเดินไม่ถึงห้องก็ได้ยินว่าคนกลับไปแล้ว จึงเดินกลับมากินมื้อกลางวันร่วมกัน“ท่านแม่ เซียงอ๋องกับพระชายาเซียงอ๋องรักซื่อจื่อน้อยมาก ได้ยินมาว่าระยะนี้มีคนไปเยี่ยมเยียนจวนเซียงอ๋องไม่ขาดสาย” “ญาติผู้น้องทำร้ายซื่อจื่อน้อยในช่วงเวลาสำคัญนี้ เซียงอ๋องไม่มีวันปล่อยไปอย่างง่ายดาย ท่านไม่เข้าไปข้องเกี่ยวนั้นถูกแล้ว”ซ่งอี้อันเผยสีหน้าจริงจัง แท้จริงแล้วท่านน้าเองก็ไม่ใช่ญาติที่ดี เพียงน่าเสียดายเป็นน้องสาวแท้ๆ ของมารดา ไม่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ได้“พวกเจ้าวางใจ แม่ไม่เลอะเลือน”หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกๆ ห่วงใยตนเพียงนี้ รู้สึกอบอุ่นใจ “ผ่านเรื่องมามากมาย แม่เองก็เข้าใจแล้ว สกุลฝานก็คือตัวอย่าง” “ดีต่อพวกเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ พวกเจ้าเองก็คิดว่าเมื่อก่อนแม่ตามใจน้ามากเกินไป” “ทั้งๆ ที่นางมาเพื่อหาผลประโยชน์ แต่ก็ไม่เคยห้าม”“เดิมทีข้าคิดว่าข้าและน้าของพวกเจ้าเติบโตมาด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นพี่สาว ต่อให้รู้ว่าหลายปีมานี้นางไม่ค่อยสำรวมตน ก็ยังเลือกปกป้องนาง” “ทว่านับตั้งแต่เรื่องนักต้มตุ๋นเป็นต้นมา ข้าเองก็เข้าใจแล้ว”สายตาหลิ่วหรูเยียนลึกล้ำ แท้จริงแล้ว
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ