“นางยังไม่ได้แต่งงานหรือ?”ความเหลือเชื่อวาบผ่านดวงตาซ่งเยี่ยนโจวพวกซ่งรั่วเจินสบตากัน หลิ่วหรูเยียนยิ่งเงียบงันไม่เอ่ยวาจาเหตุใดจึงไม่แต่งงาน พวกเขาคาดเดาในใจ เป็นไปได้มากว่าคงยังไม่ลืมซ่งเยี่ยนโจวแต่คำพูดนี้...ก่อนหน้านี้พวกเขาคนไหนก็ไม่สะดวกจะเอ่ยออกมา ยิ่งรู้เรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อลั่วชิงอิน“พี่ใหญ่ ในเมื่อแม่นางลั่วยังไม่แต่งงาน ตอนนี้ท่านก็หย่าแล้ว ไม่อย่างนั้น...”ความคิดของซ่งจืออวี้เรียบง่ายที่สุดแล้ว ทั้งไม่ได้ห่วงพะวงอะไรมากมาย อย่างไรเสียยามนี้คนทั้งสองล้วนแต่ไร้พันธะ ขอเพียงพวกเขายินดีก็ยังสามารถสานบุพเพได้อีกครั้งแต่เขายังพูดไม่จบก็ถูกซ่งเยี่ยนโจวตัดบทเสียก่อน“อย่าพูดเหลวไหล!”ซ่งเยี่ยนโจวลดสายตามองล่าง ขนตาทอดเงาจางๆ อำพรางแววตาของเขาเอาไว้ ทำให้มองความรู้สึกของเขาไม่ออก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความอ้างว้าง“ตอนนี้ข้าอยู่ในสภาพนี้เสียแล้ว ยังจะคู่ควรกับนางอีกได้อย่างไร? อย่าพูดอะไรเหลวไหล จะทำให้นางเสื่อมเสียได้”ซ่งจืออวี้พยักหน้า เข้าใจความกังวลของซ่งเยี่ยนโจว “พี่ใหญ่วางใจ ข้าแค่พูดที่บ้านเท่านั้น ไม่เอาไปพูดส่งเดชข้างนอกเด็ดขาด”นี่เพิ่งจะหย่า หากม
ซ่งจืออวี้อยากถามมาตลอดว่าในเมื่อฝานซืออิ๋งเป็นคนประเภทนี้ เหตุใดจึงไม่เขียนหนังสือปลดภรรยาไปเสียเลย แต่กลับเลือกการหย่าร้าง?นี่เป็นการไว้หน้าคนพวกนั้นชัดๆ!“ใช่แล้ว” ซ่งรั่วเจินตอบรับ “วันนี้ท่านก็ได้เห็นระดับความหน้าไม่อายของพวกเขาแล้ว”“หากนางออกไปร้องไห้โวยวายข้างนอกว่าตระกูลซ่งทำไม่ดีกับนาง หรือพูดว่าพี่ใหญ่ไปรบสองปี นางดูแลเหย้าเรือน แต่พอพี่ใหญ่กลับมาก็ปลดนางเสียแล้ว พี่ใหญ่ก็จะกลายเป็นคนทรยศไร้หัวใจ”“นับแต่โบราณมา สตรีร้องไห้มักทำให้คนหลงเชื่อได้ง่ายกว่า ถึงตอนนั้นพอพวกเขาโวยวาย คำอธิบายของพี่ใหญ่ก็ยากจะทำให้ใครเชื่อถือ”“แต่สิ่งที่นางได้ไปคือหนังสือหย่า ไม่ใช่หนังสือปลด เรื่องนี้ก็อธิบายง่ายแล้ว”แววตาซ่งรั่วเจินเย็นชาดุจน้ำแข็ง คิดถึงภาพที่ซ่งเยี่ยนโจวในนิยายถูกผู้คนป้ายสีเยาะหยัน สุดท้ายต้องตายอย่างน่าอนาถกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง นางจะทำให้ฝานซืออิ๋งได้รับผลกรรมของตัวเอง!ชาติก่อนพวกเขาเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่บีบคั้นให้ซ่งเยี่ยนโจวถึงแก่ความตาย ชาตินี้พวกนางก็จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่บีบคั้นให้ตระกูลฝานพินาศย่อยยับเช่นกัน!ซ่งจืออวี้กลืนน้ำลาย เดิมทียังคิดว่าตระกู
จวนตระกูลหลินหลังจากพวกหลินจือเยว่กลับมาแล้วก็รู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ อย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่าหลินเดิมนางก็อายุไม่น้อยแล้ว แม้หลายปีนี้จวนตระกูลหลินจะค่อยๆ เสื่อมโทรมลง แต่นางก็มีชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด ไม่เคยต้องตกระกำลำบากถึงเพียงนี้จนกระทั่งได้เข้าไปอยู่ในคุกครั้งนี้ ถูกขังในนั้นหนึ่งวันแล้วยังถูกนำตัวไปสอบสวนก็เสียขวัญจนปล่อยเบาราดตัวเองประกอบกับยังถูกกู้อวิ๋นเวยปาโคลนใส่จนเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ขณะนี้ทั่วร่างจึงส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งชวนคลื่นเหียน“ท่านแม่ ท่านรีบไปอาบน้ำเถิดเจ้าค่ะ”ฉินซวงซวงถูกโบยจึงเจ็บระบมไปทั้งตัว แต่ก็ยังพยายามพูดแสดงความห่วงใยต่อฮูหยินผู้เฒ่าหลินอย่างเต็มที่เพียะ!ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเงื้อมือตบฉาด ในที่สุดก็ไม่สามารถข่มกลั้นความเคียดแค้นทั้งมวลและความโกรธที่ต้องขายหน้าได้อีกต่อไป“ล้วนเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้จือเยว่สูญเสียตำแหน่งราชการ ตอนนี้เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”“เจ้ามันตัวหายนะชัดๆ หลังจากจือเยว่ตบแต่งเจ้าเข้ามา ที่บ้านก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ ตอนนี้ไม่มียศศักดิ์อันใดอีกแล้ว ตระกูลหลินจะใช้ชีวิตต่
“ความฝันที่ข้าได้ฝันถึง บัดนี้ท่านคงเชื่อแล้วกระมัง?” ฉินซวงซวงเอ่ยถามหลินจือเยว่ชะงักไปเล็กน้อย “หรือเจ้าฝันอีกแล้ว?”ฉินซวงซวงพยักหน้า “ข้าฝันว่าอีกไม่กี่วัน ในพิธีล่าสัตว์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ องค์ชายใหญ่จะตกอยู่ในอันตราย”“ขอเพียงพวกเราเข้าช่วยองค์ชายใหญ่ได้ทันการณ์ ฮ่องเต้ย่อมต้องตอบแทนอย่างงาม ถึงยามนั้นแล้วท่านค่อยทูลขอให้ฮ่องเต้คืนตำแหน่งขุนนางให้กับท่าน ไหนจะยังมีตระกูลเซียวคอยช่วยเหลืออีก จะต้องกลับมายิ่งใหญ่เชิดหน้าชูตาได้แน่!”ได้ฟังเช่นนี้ ดวงตาของหลินจือเยว่ก็ทอประกายแสงขึ้นอีกครั้ง “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”"ข้ามีหรือจะโกหกท่านได้? แต่เดิมข้าคิดว่าฝันนั้นเป็นแผนของซ่งรั่วเจินที่จงใจใช้เล่นงานข้า บัดนี้ข้าเชื่อแล้วว่าคงไม่ข้องเกี่ยวกับนางจริงๆ ทว่าเป็นฟ้าดินที่กำลังช่วยเหลือพวกเราอยู่!”“เรื่องเงินนั้นเป็นเพียงความบังเอิญ ยามที่พวกเราขุดสมบัติโชคร้ายที่พวกเขามาพบเข้า ส่วนฝันนี้ที่จริงเป็นฝันที่เกิดขึ้นยามที่ข้าถูกขังอยู่ในคุกแล้ว”“ยามนั้นเป็นโอกาสที่ดีงามที่สุด จะให้ใครพบเห็นมิได้โดยเด็ดขาด น่าเสียดายที่ข้าถูกกักขังอยู่ในคุกเช่นนี้ ทั้งยังไม่มีโอกาสจะพบหน้าเ
ณ จวนสกุลฝานนายท่านฝานเมื่อได้ยินว่าฝานซืออิ๋งถูกขับไล่ออกจากสกุลซ่ง สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน“ดูสิว่าเจ้าไปทำงามหน้าอะไรไว้! เดิมซ่งเยี่ยนโจวก็เจ็บกายสาหัสแล้ว กำลังต้องการการดูแลใกล้ชิดจากเจ้า เจ้าก็ควรเอาใจใส่ดูแลเขา คว้าใจเขาให้อยู่หมัด”“แต่เจ้ากลับดื้อดึงอยากจะกลับบ้านตนให้ได้ บุรุษคนใดจะทานทนได้?”“ตอนนี้เป็นอย่างไร ถูกขับไล่จนต้องหอบหนังสือหย่าร้างออกมา อับอายขายขี้หน้าสกุลฝานของเราจนสิ้น!”แม้จะกล่าวว่าเป็นการหย่าร้างสองฝ่ายมิใช่การขับไล่ภรรยาออก ทว่าสกุลฝานแต่ไหนแต่ไรก็เทียบสกุลซ่งไม่ติดคราแรกที่การแต่งงานถูกกำหนดขึ้น ก็ทำเอาผู้คนต่างพากันอิจฉาตาร้อนแม้ซ่งเยี่ยนโจวจะกลายเป็นคนพิการ ทว่าก็เฉกเช่นที่อูฐยังคงใหญ่กว่าม้า สกุลซ่งยังคงเป็นสกุลใหญ่มีหน้ามีตา จึงนับได้ว่าเป็นการแต่งงานที่ดีบัดนี้ถูกหย่าขาด เกรงว่าคนที่พากันอิจฉาในตอนแรกคงพากันหัวร่องอหายเป็นแน่แท้!“ท่านพ่อ เรื่องนี้โทษข้าได้ที่ไหน! หากไม่ใช่เพราะต้องช่วยเซี่ยงหรงใช้หนี้พนัน ข้าคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”“เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากลงนามหนังสือหย่าร้าง แต่เป็นท่านแม่ที่บอกให้ข้าลงนาม บัดนี้พวกท่านล้วนโทษแ
สองวันนี้เจ้าก็หลบซ่อนอยู่แต่ในเรือนไปก่อนแล้วกัน ยามนี้ข้าจะให้คนไปกระจายข่าว เอาให้คนเขารู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง!””เพียงไม่กี่วันหรอก สกุลซ่งจะต้องมาขอร้องพวกเรา นอกจากเจ้าจะใช้หนี้พนันได้แล้ว จะเรียกเงินสักก้อนก็ไม่นับว่าเกินไป!”เมื่อฝานซืออิ๋งนึกไปถึงว่าสกุลซ่งจะต้องมารับนางกลับไป จิตใจก็พลันสดใสขึ้นมาทันควัน“ท่านแม่ช่างเก่งยิ่งนัก”เฉียนชิวเซียงโบกมือ “เจ้ารีบไปแต่งตัว เปลี่ยนอาภรณ์ให้สะอาสะอ้าน หน้าตาแต่งให้ซูบซีดเหนื่อยล้าสักหน่อย”“ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปพบเหล่าฮูหยินทั้งหลาย ถึงยามนั้นก็บีบน้ำตาร้องไห้เสียหน่อย ทำตามจังหวะที่ข้าส่งให้ก็พอ เข้าใจหรือไม่?”เฉียนชิวเซียงรู้จักฮูหยินทรงอิทธิพลในเมืองหลวงอยู่ไม่น้อย อาศัยวาทศิลป์ช่างจำนรรจาและกมลสันดานใจกล้าลอยหน้าลอยตาของนาง จึงใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกนางได้อย่างมีสุขตราบใดที่ยามนั้นเจ้าเสแสร้งน่าเวทนา พวกนางย่อมต้องสงสารเห็นใจ ชนิดที่ว่าแม้แต่สกุลซ่งก็ทำอะไรมไม่ได้! “ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”ฝานซืออิ๋งดีใจยิ่งนัก รีบกลับไปยังห้องเพื่อผัดแป้งแต่งตัว เลือกเอาเสื้อผ้าที่ตนชอบออกมาจากสัมภาระที่ตนนำกลับมาด้วย สวมใส่เข้ากายอย่า
เมื่อถึงเวลามื้อกลางวัน ซ่งรั่วเจินก็ได้พบกับหลิ่วเฟยเยี่ยนนับแต่นักต้มตุ๋นที่ว่าเป็นผู้มีวิชาถูกเปิดโปง แม้ว่าสกุลหลิ่วจะยืนยันว่าพวกเขาก็ถูกหลอกเช่นกัน แต่ก็ยังถูกผู้คนมากมายสงสัยอย่างไรก็เป็นคนเชิญเขามาเอง จะบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็ยากที่พวกเขาจะทำใจเชื่อได้ลง และต้นสายปลายเหตุผู้ริเริ่มของเรื่องนี้ ผู้ที่เชิญนักต้มตุ๋นมาเองอย่างหลิ่วเฟยเยี่ยนย่อมตกเป็นเป้าโจมตีเป็นธรรมดา ไม่เพียงถูกสกุลหลิ่วต่อว่า กระทั่งการใช้ชีวิตในสกุลซุนก็ไม่ได้สบายนัก“รั่วเจิน ข้าไม่ได้อยากตำหนิเจ้า ถึงแม้เจ้าจะถอนหมั้นแล้ว ก็ไม่ควรยุแยงให้พี่ชายกับพี่สะใภ้หย่ากัน!”หลิ่วเฟยเยี่ยนพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน “เจ้ากับพี่ชายก็โตกันแล้ว เดิมทีพี่ชายรองกับพี่ชายสามของเจ้าก็ควรจะแต่งงานไปตั้งนานแล้ว”“ทว่าพวกเจ้ากลับเลือกจะรอบิดากับพี่ใหญ่กลับมาจากสนามรบ ดูสิว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้ากับอี้อันก็ต่างถอนหมั้นกันหมด ทั้งบ้านมีเพียงเยี่ยนโจวที่เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ทว่าสุดท้ายก็ยังมาจบที่หย่าร้าง”“เรื่องที่จ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิงไร้แม่สื่อแม่ชักนำสมรส แอบอยู่กินกันลับๆ ล่อๆ กระทั่งลูกก็ยังมีแล้ว คงลือก
“ฝานฮูหยินเล่าว่าตั้งแต่รั่วเจินถอนหมั้นไป นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปมาก ทำครอบครัววุ่นวายไร้ความสงบสุข ทั้งยังจองล้างจองผลาญซืออิ๋ง ยุให้รําตําให้รั่วไปทั่ว…”นางพร่ำพูดไปก็ลังเลไป “ดังนั้นเยี่ยนโจวจึงได้หย่าร้างกับซืออิ๋ง”หลิ่วหรูเยียนยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ “คนสกุลนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง เมื่อก่อนบุกมาร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอให้ช่วยใช้หนี้พนันฝานเซี่ยงหรงไปก็หลายครา”“ช่วยไปหลายครั้งแล้วยังพอว่า บัดนี้กลับราวหลุมดำไร้ก้นก็มิปาน คิดใช้สกุลซ่งของเราเป็นถุงเงินพวกเขาเสียแล้ว พอไม่ให้เข้าหน่อยท่าทีก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ราวกับอะไรที่ผิดพลั้งก็ล้วนเป็นเพราะพวกเรา!”“พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่าฝานเซี่ยงหรงติดการพนันอย่างหนัก ติดหนี้คนเขาไว้ไม่น้อย หรือจะเป็นท่านที่คอยช่วยเขาใช้คืนมาโดยตลอด?”หลิ่วเฟยเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินมาบ้าง ทั้งยังแอบหัวเราะเยาะที่พี่สาวตนนับญาติกับคนพรรค์นั้นเข้าแล้ว ก็จะมีแต่ปัญหาเข้ามาไม่รู้จบกระทั่งได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงพลันกระวนกระวายขึ้นมาหรือสกุลฝานจะได้ผลประโยชน์จากสกุลซ่งไปไม่น้อย?“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าพวกเขาเป็นญาติที่ดีอยู่หรื
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข