ซ่งอี้อันยืนอยู่เงียบ ๆ ที่มุมหนึ่ง ผ้าผืนบางที่ปิดตาของเขาไม่ได้ปิดบังการมองเห็นอย่างสิ้นเชิงเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน ตั้งแต่ฉินเซี่ยงเหิงที่แต่งกายไม่เรียบร้อย ไปจนถึงเสื้อผ้าของจ้าวซูหว่านที่ยุ่งเหยิง ซ่งอี้อันก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นคนทั้งสองนี้แอบลักลอบคบชู้กันลับหลังเขา ถึงขั้นมีบุตรด้วยกันแล้ว และยังจะนำตัวเขามาบังหน้าอีก ช่างน่าขันยิ่งนัก!“ระหว่างเรานั้นบริสุทธิ์ใจต่อกันจริง ตั้งแต่สามเดือนก่อน ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะตั้งใจเตรียมตัวสอบ เราก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก” “หากเจ้าจะตั้งครรภ์จริง ๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าแม้แต่น้อย”ซ่งอี้อันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแผ่วเบาดุจสายน้ำใสที่ไหลริน ชวนให้คนฟังรู้สึกเชื่อถือ ยิ่งไปกว่านั้น หากจ้าวซูหว่านตั้งครรภ์จริง เช่นนั้นแล้วนางย่อมไม่มีทางถอนหมั้นเป็นแน่สีหน้าของจ้าวซูหว่านแข็งค้าง ซ่งอี้อันตัดตัวเองออกจากเรื่องราวนี้อย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้เอ่ยคำใดเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง"จ้าวซูหว่าน หากเจ้าตั้งครรภ์จริง ก็จงสารภาพออกมาเถิด ข้ายังอาจช่วยรักษาเด็กในครรภ์ของเจ้าไว้ได้”“ตอนนี้เด็กยังไม่ถึงสามเดือน แต่หากเลือดออกมากเช่นน
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งรั่วเจิน จ้าวซูหว่านแสดงอาการลังเลออกมา นางเผลอมองไปทางฉินเซี่ยงเหิงโดยไม่รู้ตัวเมื่อฉินเซี่ยงเหิงรับรู้ถึงสายตาของนาง หัวใจของเขาก็เต้นระรัว รีบส่งสายตาห้ามปรามให้แก่นางอย่างสุดชีวิตหากกล้าพูดชื่อเขาออกมา ทุกอย่างจบสิ้นแน่!“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะปิดบังอะไรได้อีก? ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะให้เด็กคนนี้เกิดมา แล้วเจ้าไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลยหรือ?”ซ่งรั่วเจินที่สังเกตเห็นท่าทางของทั้งคู่ จึงเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “หากพลาดโอกาสวันนี้ ต่อให้กระโจนลงแม่น้ำฮวงโห เจ้าก็ชำระล้างชื่อเสียงไม่ได้แล้ว[1]”อวิ๋นเนี่ยนชูที่ดูทุกอย่างอยู่ ยิ่งแสดงอาการรังเกียจจ้าวซูหว่าน นางรู้สึกสงสารซ่งอี้อันอย่างที่สุด แต่เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินยังคงสงบนิ่ง และเลือกพูดเตือนจ้าวซูหว่านอย่างใจเย็น ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจไม่ด่าทอเสียให้สิ้นก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว ยังจะมาเกลี้ยกล่อมนางอีกหรือ?ซ่งรั่วเจินส่งสายตาให้สัญญาณแก่อวิ๋นเนี่ยนชู แม้จ้าวซูหว่านจะน่าชัง แต่เหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้น นางคงไม่สามารถสร้างปัญหาใดได้อีกต่อไปคนที่น่ารังเกียจที่สุดยังคงเป็นฉินเซี่ยงเหิง เขากับฉินซวงซวงเห
ซ่งอี้อันสั่นสะท้านด้วยความโกรธที่เก็บกักไว้ไม่อยู่ คำถามที่หลุดออกมาจากปากเขาแต่ละคำ ทำเอาผู้คนที่ได้ยินอดรู้สึกสงสารไม่ได้เรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงยากที่จะยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้นซ่งอี้อันเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพ อีกทั้งยังเป็นผู้มากความสามารถที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวงครั้งหนึ่งเขาคือบุรุษที่สตรีมากมายทั่วทั้งแคว้นหมายปอง ยามที่เขาหมั้นหมายกับจ้าวซูหว่านนั้น ไม่รู้ว่าทำให้แม่นางน้อยหัวใจสลายไปกี่คนส่วนฉินเซี่ยงเหิง เคยประกาศตนเป็นสหายที่ดีกับซ่งอี้อัน ได้ยินว่ามีครั้งหนึ่งฉินเซี่ยงเหิงร่ำสุราจนเมามายแล้วก่อเรื่อง เกือบถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต แต่โชคดีที่ซ่งอี้อันช่วยเอาไว้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดสองคนนี้ กลับลอบคบหากันลับหลังเขา ทั้งยังทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้สวีเฮ่ออันที่เฝ้าฟังเรื่องราวสุดฉาวระบือโลกเช่นนี้ จากเดิมที่เขาคิดว่าการที่ฉินเซี่ยงเหิงขโมยเรียงความไปก็ถือว่าน่าละอายพอแล้ว ไม่คิดเลยว่าความจริงกลับยิ่งเลวร้ายกว่าที่คิด“ไม่ควรคิดเกินเลยต่อภรรยาของสหาย ฉินเซี่ยงเหิง การกระทำของเจ้าเลวทรามจนทำให้ผู้คนขยะแขยะนัก! เกียรติของสำนักศึกษาหลวงก็เสียหายเ
เมื่อเห็นฉินเซี่ยงเหิงพยายามดึงตัวจ้าวซูหว่านอีกครั้ง สวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงรีบก้าวเข้ามาขวางไว้ทันที“ฉินเซี่ยงเหิง เจ้าบอกเองว่าเจ้ากับคุณหนูจ้าวไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แล้วเจ้าจะมีสิทธิ์อันใดมาจัดการแทน?” สวีเฮ่ออันเอ่ยถามขณะเดียวกัน อวิ๋นเนี่ยนชูก็ฉวยโอกาสยัดยาลูกกลอนใส่มือจ้าวซูหว่าน “รีบกินเถิด!”จ้าวซูหว่านรีบกลืนยาลงไป ซ่งรั่วเจินจับชีพจรของนางอย่างรวดเร็ว และพบว่ากรณีของนางเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงหยิบเข็มเงินออกมาและเริ่มลงมือรักษาทันทีซ่งอี้อันที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบ ๆ สั่งมั่วอวี่ให้ไปเชิญหมอมาในเมื่อจ้าวซูหว่านตั้งครรภ์ เรื่องนี้ก็จะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดในการยืนยันความสัมพันธ์ลับ ๆ ของพวกเขา!อวิ๋นเฉิงเจ๋อมองไปยังเฉียนเหว่ยและพรรคพวก ใบหน้าที่เย็นชาของเขาแสดงถึงความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด “นี่หรือ สหายฉินที่พวกเจ้าชื่นชมกันว่าเป็นผู้มีปณิธานสูงส่ง มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่?”ได้ยินคำเย้ยหยันของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ หากเป็นก่อนหน้านี้ เฉียนเหว่ยและพรรคพวกคงโต้กลับพร้อมกับเหยียดหยามเขาอย่างแน่นอนทว่าในเวลานี้ ทุกคนกลับนิ่งเงียบราวกับกลายเป็นคนบื้อใบ้ ไ
จ้าวซูหว่านร่ำไห้อย่างเสียสติ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นก่อนหน้านี้นางเคยถามฉินเซี่ยงเหิงอยู่หลายครา หากความลับนี้ถูกเปิดเผยจะทำเช่นไรดี?เขาเอ่ยคำสาบานอย่างหนักแน่นว่าจะบอกให้ทุกคนรู้และแต่งนางเป็นภรรยา แต่พอมาถึงวันนี้แล้ว เขานั้นไม่เพียงไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่กลับสาดโคลนมาให้นางสตรีนางหนึ่งถูกทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ นั่นไม่ต่างอะไรกับการผลักนางไปสู่ความตาย!ฝูงชนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน“ฉินเซี่ยงเหิงช่างเลวทรามเกินให้อภัย รู้ดีว่านางเป็นคู่หมั้นของสหายแต่ยังจงใจหลอกล่อ เช่นนี้…คำสอนของนักปราชญ์ที่ร่ำเรียนมาช่างเสียเปล่าโดยแท้!”“คนต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ จะเขียนบทความดี ๆ ได้อย่างไร? เกรงว่าบทความพวกนั้นก็คงขโมยมากระมัง?”“ข้าดูแล้ว จ้าวซูหว่านตั้งครรภ์จริง ๆ ฉินเซี่ยงเหิงยังกล้าพูดปดหน้าตาย รอให้เด็กคลอดออกมา ก็ทำการหยดเลือดพิสูจน์เสียสิ ดูว่าถึงตอนนั้นเขาจะกล้าเถียงอะไรอีก?”อวิ๋นเนี่ยนชูกวาดตามองเฉียนเหว่ยและคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ใช่เคยเอ่ยปากชมฉินเซี่ยงเหิงว่าเป็นคนดีอยู่ร่ำไปหรือ? ข้าขอเตือนพวกเจ้าเสียหน่อย อย่าให้ถึงตอนที่ฮูหยินของตั
เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบกายล้วนเป็นไปในทางเดียวกัน“ฉินเซี่ยงเหิง เราสองคนเป็นสหายร่วมสำนักกันมาหลายปี แท้จริงแล้วข้าเคยทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ ถึงต้องทำเช่นนี้กับข้า?”ซ่งอี้อันหันหน้าไปทางที่ฉินเซี่ยงเหิงยืนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความเจ็บปวดระคนไม่เข้าใจ“ข้าไม่ได้ทำ! พวกเจ้าไม่มีหลักฐานอันใด หรือพวกเจ้าบอกว่าเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นหรือ?”“ข้าไม่มีความสัมพันธ์ใดกับจ้าวซูหว่าน และยิ่งไม่มีทางเป็นคนที่ทำร้ายเจ้า เจ้าคิดจะโยนความผิดมาให้ข้าหรือ ไม่มีทางเด็ดขาด!”ฉินเซี่ยงเหิงกัดฟันแน่นและไม่ยอมรับตราบใดที่พวกเขาหาหลักฐานไม่ได้ ลูกของจ้าวซูหว่านแท้งไป เขาก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังอาจพลิกกลับมาโจมตีให้ตระกูลซ่งต้องมาขอโทษเขาได้!ทว่าใบหน้าของซ่งอี้อันที่งดงามดุจหยกนั้นกลับไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับดูสงบนิ่งอย่างมาก“หากข้ามีหลักฐานเล่า?”ฉินเซี่ยงเหิงตกตะลึง “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”“วันนั้น ข้าได้ต่อสู้กับคนร้ายและบังเอิญเก็บเศษกระเบื้องที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมากรีดแขนของเขา บาดแผลลึกมาก คงทิ้งรอยแผลเป็นไว้อย่างแน่นอน”“ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าตนเป็นผู
ฉินเซี่ยงเหิงเห็นว่าจ้าวซูหว่านถูกคนประคองไว้ได้ ทั้งดูจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอันใด ในใจก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังเขาทุ่มเทไปมากขนาดนี้ แต่กลับต้องมาพังพินาศเพราะน้ำมือสตรีผู้เดียว ต่อให้เขาสอบติดอันดับต้นๆ ในการสอบฤดูใบไม้ผลิ เรื่องนี้ก็ทำให้ชื่อเสียงเขาป่นปี้ไปหมดแล้ว!“ไม่ผิด ข้าเคยหลับนอนกับจ้าวซูหว่านจริงๆ แต่นางเป็นหญิงที่มีสัมพันธ์กับผู้ชายไม่เลือกหน้า ผู้ใดจะไปรู้ว่าเด็กในท้องนางเป็นลูกใครกันแน่?”“ท่านว่าอะไรนะ?”จ้าวซูหว่านสะบัดฝ่ามือออกไปด้วยความโมโห!ฉินเซี่ยงเหิงถูกตบไปหนึ่งฉาด แววตายิ่งแข็งกร้าวกว่าเดิม “หากเจ้าเป็นหญิงที่รักนวลสงวนตัว มีพันธะหมั้นหมายแล้วแท้ๆ ยังจะมาข้องแวะกับข้าอีกทำไม?“ตอนนี้พอเรื่องแดงออกมาก็โยนความรับผิดชอบมาให้ข้า ผู้หญิงคนอื่นไม่มีชายใดมาชมชอบหลังจากหมั้นหมายเลยเช่นนั้นหรือ? เหตุใดถึงมีแต่เจ้าที่คบชู้สู่ชายกันเล่า?”จ้าวซูหว่านโมโหจนทั้งร่างสั่นระริก สีหน้าที่เพิ่งจะมีเลือดฝาดค่อยๆ เผือดสีลงทีละนิด“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ข้าจะบอกพวกท่านก็ได้ว่าทำไมอาภรณ์ข้าจึงไม่เรียบร้อยเช่นนี้? นั่นก็เพราะ...”“ฉินเซี่ยงเหิง ท่านหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”จ
สายตาของซ่งรั่วเจินกวาดไปทางสวีเฮ่ออันและอวิ๋นเฉิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆ สหายของพี่รองล้วนมีชาติสกุลดี ฉินเซี่ยงเหิงไม่ใช่คนที่โดดเด่นที่สุดในจำนวนนั้น เหตุใดจึงมีเขาคนเดียวที่ทำเรื่องแบบนี้?สองคนนี้เดิมทีก็เป็นหญิงร้ายชายเลวไม่มีใครดีสักคน วันนี้พอเรื่องถูกเปิดโปงกลับโยนความผิดให้จ้าวซูหว่านคนเดียว ช่างน่าขันนัก!คนอื่นไม่รู้ แต่นางกลับกระจ่างใจดีว่าฉินเซี่ยงเหิงเป็นคนเริ่มก่อน!แม้ว่าในนิยายสุดท้ายแล้วจ้าวซูหว่านจะได้แต่งให้ฉินเซี่ยงเหิง แต่ก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีแต่ฉินซวงซวงเป็นนางเอกในนิยาย มีนางคอยคิดแผนการ เป็นคนทำให้ทั้งจวนหลินโหวและสกุลฉินได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงสามารถปิดบังเรื่องสกปรกของฉินเซี่ยงเหิงเอาไว้ได้ครั้นพวกสวีเฮ่ออันคนถูกซ่งรั่วเจินมองมาก็รีบก้าวออกมาแสดงท่าที“มีแต่คนหน้าหนาไร้ยางอายอย่างเจ้าถึงทำเรื่องผิดศีลธรรมพรรค์นี้ออกมาได้!”อวิ๋นเฉิงเจ๋อตวัดสายตาไปทางเฉียนเหว่ย “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเจ้ายังยินดีเป็นสหายกับคนแบบฉินเซี่ยงเหิงอยู่อีกงั้นรึ?”พวกเฉียนเหว่ยเปลี่ยนท่าทีตั้งแต่เรื่องราวเปิดเผยออกมาแล้ว ถึงพวกเขาจะอิจฉาซ่งอี้อัน แต่ก็รังเกียจพฤติกรรมของฉินเซี่ยงเห
“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง” ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว “ข้า...” นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด” “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน” จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น นางกำนัลในตำหนักจงเฟยก็พลันเข้ามา“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลก้มกายคำนับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แต่ในมือกลับถือเซียนบุปผาเอาไว้หนึ่งองค์ “แม่นางของบ่าว ให้บ่าวนำเซียนบุปผามาให้ฮองเฮา ขอเพียงทรงบูชาด้วยใจที่ตั้งมั่น ก็จะสามารถเปล่งปลั่งผุดผ่อง ทำให้เยาว์วัยตราบนานเท่านาน” เมื่อวาจาถูกเปล่งออกมาเช่นนั้น ฮองเฮาและลู่หมิ่นฮุ่ย ต่างพินิจพิจารณาเซียนบุปผาที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกเลยว่ารูปปั้นนี้ถูกทำขึ้นได้สมจริงยิ่งนัก เซียนบุปผานั้นก็งามวิจิตรด้วยรูปลักษณ์อันเย้ายวนตา “นี่มันเซียนบุปผาอะไรกัน? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” แววตาของฮองเฮาปรากฏแววประหลาดใจวาบหนึ่ง ในใจกับยิ่งรู้สึกสงสัย จงเฟยมีน้ำใจงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ จึงยอมมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่นาง? นางสนมวังหลัง ต่างกำลังช่วงชิงแข่งขัน หวังเพียงให้ตนสามารถงามล้ำกว่าผู้อื่น เพื่อที่ฮ่องเต้จะได้ต้องตาในคราแรกเห็น จงเฟยในวันนี้ผุดผ่องไปทั้งตัวยิ่งกว่าทุกวัน แค่ฮ่องเต้ได้เห็น ราตรีนี้ย่อมต้องพลิกป้ายชื่อของนางเป็นแน่ หากความลับที่ทำให้จงเฟยงดงามขึ้นเป็นเพราะการบูชาเซียนบุปผ
นับตั้งแต่แต่งงานกันเป็นต้นมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานแล้ว นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยฮองเฮามองแหวนบนมือลู่หมิ่นฮุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอ๋องของเจ้าดีต่อเจ้ามากมาแต่ไหนแต่ไร ส่งของขวัญมาให้รวดเร็วปานนี้ ข้าได้ยินมาว่าแหวนในร้านขายเครื่องประดับทั่วเมืองหลวงถูกขายหมดเกลี้ยงแล้ว เมื่อก่อนหาได้ขายดีเท่าปิ่นปักผมไม่”“ไม่รู้ว่าจวินถิงคิดวิธีแปลกใหม่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมโดยแท้ ช่างชวนให้คนอิจฉานัก”ลู่หมิ่นฮุ่ยดื่มชาจิบหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พี่หญิง ยามนี้ท่านคิดตกแล้วช่างดีเหลือเกิน ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่ไทเฮาทรงทราบว่าฝ่าบาทพระราชทานสมรส ยังให้คนนำของพระราชทานไปส่งที่สกุลซ่งไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าโปรดปรานแม่นางซ่งมาก”ฮองเฮาพยักหน้าน้อยๆ วันนี้ตอนที่นางได้ยินข่าวนี้ก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความโปรดปรานที่ไทเฮามีต่อซ่งรั่วเจินช่างชวนให้คนประหลาดใจโดยแท้แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวดียิ่งโดยไม่ต้องสงสัย“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางสกุลหลิงผู้นั้นหมู่นี้ใกล้ชิดกับเช่ออ๋องมากทีเดียว คน
“ก่อนแต่งงานเขาสามารถคิดวิธีการนี้ออกมาได้ หลังแต่งงานก็ย่อมสามารถคิดวิธีอื่นออกมาได้เหมือนกัน เขาย่อมจะมีวิธีแก้ไข”ซ่งหลินมองไปทางกู้หรูเยียน “คิดถึงสมัยที่แม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”กู้หรูเยียนอึ้งไป คิดถึงเมื่อครั้งที่แม่สามียังอยู่ ระหว่างนางกับแม่สามีก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีความขัดแย้งอันใด ทุกครั้งซ่งหลินล้วนจัดการได้ดีมากตอนเริ่มแรก นางเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะแม่สามีนิสัยดี รู้สถานการณ์ที่นางอยู่ในตระกูลหลิ่วแล้วยังยินดียอมรับนางอย่างไรเสีย รูปแบบการทำเรื่องต่างๆ ของตระกูลหลิ่วหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบมาหาผลประโยชน์จากตระกูลซ่ง นางรู้สึกละอายใจต่อตระกูลซ่งมาโดยตลอดโชคดีที่ทั้งแม่สามีและพ่อสามีล้วนไม่เคยตำหนินางเพราะเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าในเรื่องนี้ย่อมขาดความชอบของซ่งหลินไปไม่ได้เลย“ตอนนั้นท่านโน้มน้าวแม่สามีอย่างไรหรือ?” กู้หรูเยียนถามอย่างสงสัยตอนนั้นนางกังวลใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้งที่ซ่งหลินบอกนางว่าไม่เป็นไร พ่อสามีและแม่สามีจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ แต่กลับเห็นใจนางเป
“เมื่อวานข้าได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ การจัดเตรียมแสนอลังการแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจของฉู่อ๋อง”“ตอนที่ข้าเห็นฉู่อ๋องเป็นฝ่ายถามแม่นางซ่งว่ายินดีแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็รู้สึกว่าถ้าบุรุษในใต้หล้าเป็นเหมือนเขากันทุกคนก็คงดี”“ไม่รู้ว่าการมอบแหวนมีความหมายพิเศษอันใดหรือไม่? ตอนข้าเห็นฉู่อ๋องสวมแหวนให้แม่นางซ่งก็รู้สึกว่าพิเศษเอามากๆ วันหน้าตอนข้าแต่งงานก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน”ทันใดนั้น แหวนในร้านขายเครื่องประดับก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงเช้าวันนี้ แหวนทั้งหมดล้วนขายไปจนหมดเกลี้ยงขณะที่เวลานี้จวนสกุลซ่งเพิ่งได้รับราชโองการพระราชทานสมรส“ยินดีด้วย แม่ทัพซ่ง ซ่งฮูหยิน วันที่แปดเดือนหน้าเป็นวันดี หลังแต่งงานแล้ว แม่นางซ่งก็จะกลายเป็นพระชายาฉู่อ๋อง”ขันทีที่อัญเชิญราชโองการมามีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ตำแหน่งพระชายาฉู่อ๋องว่างเว้นมานานมากแล้ว ฉู่อ๋องควรแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อน แต่ก็ผัดผ่อนมาจนถึงตอนนี้บัดนี้ในที่สุดก็มีว่าที่พระชายาฉู่อ๋องเสียที ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองโดยแท้“เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของพระราชทานจากในวัง ไม่เพ
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ยิ้มเหมือนจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง “ผู้ชายดีๆ ในเมืองหลวงมีไม่น้อย หลังจากหม่อมฉันถอนหมั้น คนที่มาทาบทามสู่ขอหม่อมฉันก็มีมากมาย...”“ยังมีมากมายอีกด้วย? ไหนลองบอกข้ามาซิว่ามีใครบ้าง?”ฉู่จวินถิงรู้ว่าแม่นางผู้นี้กำลังหยอกเย้าตนเองอยู่ แต่ครั้นคิดถึงว่าตอนนั้นนางไม่มีความคิดจะแต่งงานกับเขาเลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ยามนี้ไม่แน่ว่าคงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้วก็เป็นได้มือของเขาเกาะกุมเนื้ออ่อนบริเวณเอวนาง ออกแรงเล็กน้อยก็ทำให้นางหัวเราะคิกขึ้นมา“ฮ่าๆ จั๊กจี้ ท่านปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ”ซ่งรั่วเจินกลัวจั๊กจี้มาแต่ไหนแต่ไร ทั้งร่างพลันอ่อนระทวย ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของฉู่จวินถิง“ท่านปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้นะ เร็วเข้า!”ฉู่จวินถิงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ข้าไม่ปล่อย เจ้าบอกข้ามาก่อนว่ามีใครบ้าง”“ไม่มี ไม่มี นอกจากท่านก็ไม่มีใครทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินอ้อนวอนอย่างอ่อนใจ นางคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จวินถิงจะมาไม้นี้ ยื่นมือเข้าไปคิดจะจั๊กจี้เขาบ้าง แต่กลับพบว่าเนื้อบนตัวชายหนุ่มแข็งกว่านางมากนัก เมื่อแตะถูกบริเวณเอวอย่างไม่ทันระวังก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงเค้าโครงกล้ามเนื
ฉู่อวิ๋นกุยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ชั่วชีวิตนี้ข้าคงคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยนิสัยของเสด็จพี่จะมีวันที่เตรียมการเช่นนี้เอาไว้ด้วย”ก่อนหน้านี้เมื่อเสด็จพี่พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เค้นสมองครุ่นคิด แต่นอกจากเรื่องดอกไม้ไฟแล้ว ความคิดอื่นๆ ล้วนถูกปฏิเสธทันควันเมื่อเทียบกันในยามนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่าความคิดพวกนั้นของตนเองไม่เข้าท่าเอาเสียจริงๆซ่งรั่วเจินขึ้นเรือที่ตกแต่งอย่างหรูหราไปกับฉู่จวินถิงแล้วค่อยพบว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ตามมาด้วยจึงอดถามไม่ได้ว่า “มีแค่พวกเราสองคนหรือ?”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวตรงหน้า สายตาตกลงบนริมฝีปากสีกุหลาบนั้น ความรู้สึกอ่อนนุ่มเมื่อครู่ก่อนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในห้วงคำนึง เพียงปรารถนาจะลิ้มรสอย่างเต็มที่สักคราเขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่นระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง “อืม มีแค่พวกเรา”แววตาของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นลึกล้ำขึ้นมา กระทั่งน้ำเสียงก็ยังแหบพร่าอยู่บ้างครู่ก่อนยังมีท่าทางอบอุ่นดุจอาบไล้อยู่ในสายลมวสันต์อยู่แท้ๆ ฉับพลันนั้นก็เปลี่ยนเป็นเปี่ยมแรงกดดัน ดวงตาคู่นั้นยังคงอ่อนโยนเปี่ยมแววรักใคร่ ทว่าแฝงไว้ซึ่งแววคุกคาม
ซ่งหลินมองรอยยิ้มของลูกสาวตนเอง ในใจรู้สึกเป็นสุขอย่างไม่อาจพรรณนา ประกอบกับได้ยินคำพูดของภรรยาตนเองพอดี เขาจึงอดกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า“ตอนนี้ท่าทีของข้าดีมากแล้ว ไม่ว่าพ่อตาบ้านไหนก็เห็นลูกเขยขัดตาทั้งนั้นแหละ แต่ฉู่อ๋องผู้นี้ นิสัยไร้ที่ติเลยจริงๆ”“ในอดีตตอนข้าอยู่ในสนามรบมักได้หารือกับเขาบ่อยๆ เป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากคนหนึ่ง ทั้งยังมีความรับผิดชอบ เขาจะไม่ทำให้เจินเอ๋อร์ผิดหวังแน่นอน”คิดถึงว่าตอนแรกเขาก็คิดว่าฉู่จวินถิงเป็นลูกเขยที่ดีคนหนึ่ง ไม่ว่าลูกสาวสกุลใดได้แต่งงานกับเขา จะต้องได้มีชีวิตที่ดีพร้อมอย่างแน่นอน แต่เจ้าหมอนี่นิสัยเย็นชาเกินไป ไม่ถูกใจลูกสาวบ้านไหนสักคน เขาจึงเลิกล้มความคิดนี้ไปใครเลยจะคาดว่าวกไปวนมาสุดท้ายทุกอย่างก็กลายเป็นจริง ฉู่อ๋องถึงกับต้องการแต่งงานกับลูกสาวเขาคนเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อพวกสหายเก่าแก่ได้รู้เรื่องนี้ แต่ละคนก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผี ในใจเขาไม่ต้องบอกเลยว่าปลาบปลื้มมากแค่ไหน!กู้หรูเยียนพยักหน้าน้อยๆ “สายตาของเจินเอ๋อร์ก็ดีเหมือนกัน โชคดีที่ถอนหมั้นเสียตั้งแต่ตอนนั้น มิฉะนั้นถ้าเข้าไปอยู่ในจวนสกุลหลิน พ่อแม่อย่างพวกเราก็ทำผิดต่อนางมากเกินไ
แต่หลังจากที่กู้ฮวนเอ๋อร์ได้ยินว่าญาติผู้พี่ไม่เคยได้สิ้นเปลืองความคิดเพื่อเรื่องนี้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับเป็นฉู่อ๋องเสียอีกที่สะสางทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งยังยอมรับต่อหน้าฮองเฮาว่าเขาเป็นฝ่ายพยายามเอาชนะใจนาง ญาติผู้พี่ยังไม่แน่ว่าจะรับปาก นางจึงตระหนักว่าที่แท้สตรีก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเหมือนญาติผู้พี่ได้เหมือนกันไม่ต้องก้มศีรษะให้ครอบครัวสามี ทั้งยังไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว นางมีความกล้าถอนหมั้นในวันแต่งงาน ทั้งยังไม่เกรงกลัวถ้อยคำซุบซิบนินทาต่อให้ใครจะคิดว่านางไม่คู่ควรกับฉู่อ๋อง ทว่าในสายตาฉู่อ๋อง สิ่งที่กลัวกลับเป็นการทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจฉู่มู่เหยาก็เข้าใจความคิดของกู้ฮวนเอ๋อร์เช่นกัน ถึงนางจะเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ไม่กล้ามีความคิดเช่นพี่สะใภ้แต่เมื่อได้เห็นพี่สะใภ้และเสด็จพี่เช่นนี้ นางก็อวยพรให้พวกเขาจากใจจริงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองไม่แน่ว่าจะสามารถใช้ชีวิตแบบพี่สะใภ้ได้ แต่เพียงได้เห็นว่าพวกเขาทำได้ นางก็รู้สึกเป็นเกียรติแล้วสี่พี่น้องสกุลซ่งเห็นว่าฉู่จวินถิงให้ความสำคัญกับน้องสาวของพวกตนเช่นนี้ก็อดมองตากันไม่ได้ ใบหน้