“ข้าว่าตระกูลซ่งช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน ไม่ใช่แค่ซ่งอี้อันเท่านั้น พวกเจ้าเห็นแม่นางซ่งผู้นั้นหรือไม่?”“หลินจือเยว่เพียงต้องการแต่งงานกับแม่นางฉิน แต่นางกลับปฏิเสธหมั้นหมายทันที แถมยังไปฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ ทำให้หลินจือเยว่ต้องเสียบรรดาศักดิ์โหวไป ทั้งยังทำให้แม่นางฉินถูกขังคุกอีกด้วย”“เจ้าคิดดูสิ สตรีเช่นนี้ไม่ใช่จิตใจชั่วร้ายดั่งอสรพิษหรอกหรือ?”เหล่าคนฟังยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธเคืองกันถ้วนหน้า “ตระกูลซ่งช่างโหดร้ายเหลือเกิน ตั้งใจจะเล่นงานครอบครัวของสหายฉินชัดๆ”“ข้าว่าคนพวกนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปเลย ตายไปเสียยังดีกว่า”เฉียนเหว่ยยิ่งพูดยิ่งเดือดดาล ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงและระยะห่างระหว่างเรือสองลำนั้นใกล้เข้ามา ในใจเขาก็พลันผุดแผนการบางอย่างขึ้นเฉียนเหว่ยล้วงเอาพับไฟ[1]ที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อโยนข้ามไปยังเรือลำตรงข้ามทันที“แม่นางซ่ง ฟ้ามืดแล้ว ยังยืนชมทิวทัศน์ทะเลสาบอยู่อีกหรือ?”สวีเฮ่ออันเห็นซ่งรั่วเจินยืนอยู่ด้านนอกเรือ ปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนพัดผมสีดำของนางพลิ้วไหวไปมา ราวกับภาพวาดในห้วงฝันกลางรัตติกาลที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงซ่งรั่วเจินเหลือบมองไปยังผู้มาใหม่ ก่อนจะคิดใน
“อวิ๋นซีหว่าน เจ้าพูดจาเหลวไหลสิ้นดี! รั่วเจินเป็นสตรีจะให้ไปช่วยบุรุษเช่นนี้ได้อย่างไร? หากเรื่องนี้แพร่ออกไปนางจะเสียชื่อเสียงแค่ไหน เจ้าคิดบ้างหรือไม่?” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธอวิ๋นซีหว่านรีบแก้ต่าง “ก็ญาติผู้พี่กับคุณชายสวีว่ายน้ำไม่เป็น ข้าจึงเสนอเช่นนี้”ส่วนซ่งอี้อัน ตอนนี้การช่วยเหลือตัวเองยังเป็นเรื่องลำบาก เรื่องช่วยผู้อื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวิ๋นเนี่ยนชูถึงกับหมดคำพูด “ถ้าเจ้าอยากช่วยนัก เหตุใดไม่ไปช่วยเองเล่า? ไม่แน่หากเจ้าช่วยชีวิตเขาไว้ เจ้าคงได้แต่งกับฉินเซี่ยงเหิงสมใจ”ทว่าหลังนางฟังคำพูดนั้นแล้วกลับทำให้อวิ๋นซีหว่านนิ่งคิดและไตร่ตรองหากนางช่วยฉินเซี่ยงเหิงไว้ได้ นางก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณของเขา!ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย หากนางสามารถช่วยชีวิตฉินเซี่ยงเหิงได้ เรื่องหมั้นหมายนี้อาจเกิดขึ้นจริงก็เป็นได้!ทุกคนในเมืองหลวงต่างพากันยกย่องในความสามารถของฉินเซี่ยงเหิง อีกทั้งเมื่อการสอบในฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง ไม่แน่ว่าเขาอาจได้เป็นจอหงวน[1]ก็ได้ เช่นนั้นแล้วนางก็จะกลายเป็นฮูหยินของจอหงวนน่ะสิ!ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สังเกต อวิ๋นซีหว่าน
“แค่กๆ”ฉินเซี่ยงเหิงสำลักน้ำออกมาเป็นจำนวนมากก่อนจะค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นสตรีสองนางกำลังตบตีกันอย่างดุเดือดราวกับแม่ค้าร้านตลาด ทำให้เขารู้สึกมึนงงอย่างมาก“คุณชายฉิน ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”อวิ๋นซีหว่านเมื่อเห็นฉินเซี่ยงเหิงฟื้นคืนสติ ก็รีบผละจากการตบตีกับจ้าวซูหว่านทันที นางกล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “โชคดีที่ท่านไม่เป็นไรแล้ว ข้าเพียงตั้งใจจะช่วยชีวิตท่าน แต่จ้าวซูหว่านตบตีข้าราวกับว่าเสียสติไปแล้ว...”ใบหน้าขาวของหญิงสาวยิ่งดูซีดเผือดกว่าเดิมหลังจากถูกแช่ในน้ำเย็น ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงจากการตบตีกัน จนดูราวกับผีสาวประกอบกับสีหน้าที่ดูน่าเวทนานั่น...ยิ่งทำให้ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้“เจ้าช่วยข้าไว้หรือ?” ฉินเซี่ยงเหิงถามด้วยความสงสัย “แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องตบตีกันเล่า?”“พี่เซี่ยงเหิง นางไม่รู้จักอาย กล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นกับท่านต่อหน้าธารกำนัล ข้าจึง...”จ้าวซูหว่านเอ่ยด้วยใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากไร้สีเลือด นางพยายามจะก้าวเข้าไปหาเขา แต่กลับถูกอวิ๋นซีหว่านผลักจนล้มลงกับพื้น“โอ๊ย!” จ้าวซูหว่านร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด“คุณชายฉิน ท่านอย่าไปฟังนา
ซ่งอี้อันยืนอยู่เงียบ ๆ ที่มุมหนึ่ง ผ้าผืนบางที่ปิดตาของเขาไม่ได้ปิดบังการมองเห็นอย่างสิ้นเชิงเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน ตั้งแต่ฉินเซี่ยงเหิงที่แต่งกายไม่เรียบร้อย ไปจนถึงเสื้อผ้าของจ้าวซูหว่านที่ยุ่งเหยิง ซ่งอี้อันก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นคนทั้งสองนี้แอบลักลอบคบชู้กันลับหลังเขา ถึงขั้นมีบุตรด้วยกันแล้ว และยังจะนำตัวเขามาบังหน้าอีก ช่างน่าขันยิ่งนัก!“ระหว่างเรานั้นบริสุทธิ์ใจต่อกันจริง ตั้งแต่สามเดือนก่อน ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะตั้งใจเตรียมตัวสอบ เราก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก” “หากเจ้าจะตั้งครรภ์จริง ๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าแม้แต่น้อย”ซ่งอี้อันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแผ่วเบาดุจสายน้ำใสที่ไหลริน ชวนให้คนฟังรู้สึกเชื่อถือ ยิ่งไปกว่านั้น หากจ้าวซูหว่านตั้งครรภ์จริง เช่นนั้นแล้วนางย่อมไม่มีทางถอนหมั้นเป็นแน่สีหน้าของจ้าวซูหว่านแข็งค้าง ซ่งอี้อันตัดตัวเองออกจากเรื่องราวนี้อย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้เอ่ยคำใดเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง"จ้าวซูหว่าน หากเจ้าตั้งครรภ์จริง ก็จงสารภาพออกมาเถิด ข้ายังอาจช่วยรักษาเด็กในครรภ์ของเจ้าไว้ได้”“ตอนนี้เด็กยังไม่ถึงสามเดือน แต่หากเลือดออกมากเช่นน
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งรั่วเจิน จ้าวซูหว่านแสดงอาการลังเลออกมา นางเผลอมองไปทางฉินเซี่ยงเหิงโดยไม่รู้ตัวเมื่อฉินเซี่ยงเหิงรับรู้ถึงสายตาของนาง หัวใจของเขาก็เต้นระรัว รีบส่งสายตาห้ามปรามให้แก่นางอย่างสุดชีวิตหากกล้าพูดชื่อเขาออกมา ทุกอย่างจบสิ้นแน่!“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะปิดบังอะไรได้อีก? ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะให้เด็กคนนี้เกิดมา แล้วเจ้าไม่คิดจะแต่งงานกับเขาเลยหรือ?”ซ่งรั่วเจินที่สังเกตเห็นท่าทางของทั้งคู่ จึงเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “หากพลาดโอกาสวันนี้ ต่อให้กระโจนลงแม่น้ำฮวงโห เจ้าก็ชำระล้างชื่อเสียงไม่ได้แล้ว[1]”อวิ๋นเนี่ยนชูที่ดูทุกอย่างอยู่ ยิ่งแสดงอาการรังเกียจจ้าวซูหว่าน นางรู้สึกสงสารซ่งอี้อันอย่างที่สุด แต่เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินยังคงสงบนิ่ง และเลือกพูดเตือนจ้าวซูหว่านอย่างใจเย็น ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจไม่ด่าทอเสียให้สิ้นก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว ยังจะมาเกลี้ยกล่อมนางอีกหรือ?ซ่งรั่วเจินส่งสายตาให้สัญญาณแก่อวิ๋นเนี่ยนชู แม้จ้าวซูหว่านจะน่าชัง แต่เหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้น นางคงไม่สามารถสร้างปัญหาใดได้อีกต่อไปคนที่น่ารังเกียจที่สุดยังคงเป็นฉินเซี่ยงเหิง เขากับฉินซวงซวงเห
ซ่งอี้อันสั่นสะท้านด้วยความโกรธที่เก็บกักไว้ไม่อยู่ คำถามที่หลุดออกมาจากปากเขาแต่ละคำ ทำเอาผู้คนที่ได้ยินอดรู้สึกสงสารไม่ได้เรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงยากที่จะยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้นซ่งอี้อันเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพ อีกทั้งยังเป็นผู้มากความสามารถที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวงครั้งหนึ่งเขาคือบุรุษที่สตรีมากมายทั่วทั้งแคว้นหมายปอง ยามที่เขาหมั้นหมายกับจ้าวซูหว่านนั้น ไม่รู้ว่าทำให้แม่นางน้อยหัวใจสลายไปกี่คนส่วนฉินเซี่ยงเหิง เคยประกาศตนเป็นสหายที่ดีกับซ่งอี้อัน ได้ยินว่ามีครั้งหนึ่งฉินเซี่ยงเหิงร่ำสุราจนเมามายแล้วก่อเรื่อง เกือบถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต แต่โชคดีที่ซ่งอี้อันช่วยเอาไว้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดสองคนนี้ กลับลอบคบหากันลับหลังเขา ทั้งยังทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้สวีเฮ่ออันที่เฝ้าฟังเรื่องราวสุดฉาวระบือโลกเช่นนี้ จากเดิมที่เขาคิดว่าการที่ฉินเซี่ยงเหิงขโมยเรียงความไปก็ถือว่าน่าละอายพอแล้ว ไม่คิดเลยว่าความจริงกลับยิ่งเลวร้ายกว่าที่คิด“ไม่ควรคิดเกินเลยต่อภรรยาของสหาย ฉินเซี่ยงเหิง การกระทำของเจ้าเลวทรามจนทำให้ผู้คนขยะแขยะนัก! เกียรติของสำนักศึกษาหลวงก็เสียหายเ
เมื่อเห็นฉินเซี่ยงเหิงพยายามดึงตัวจ้าวซูหว่านอีกครั้ง สวีเฮ่ออันกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อจึงรีบก้าวเข้ามาขวางไว้ทันที“ฉินเซี่ยงเหิง เจ้าบอกเองว่าเจ้ากับคุณหนูจ้าวไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แล้วเจ้าจะมีสิทธิ์อันใดมาจัดการแทน?” สวีเฮ่ออันเอ่ยถามขณะเดียวกัน อวิ๋นเนี่ยนชูก็ฉวยโอกาสยัดยาลูกกลอนใส่มือจ้าวซูหว่าน “รีบกินเถิด!”จ้าวซูหว่านรีบกลืนยาลงไป ซ่งรั่วเจินจับชีพจรของนางอย่างรวดเร็ว และพบว่ากรณีของนางเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงหยิบเข็มเงินออกมาและเริ่มลงมือรักษาทันทีซ่งอี้อันที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบ ๆ สั่งมั่วอวี่ให้ไปเชิญหมอมาในเมื่อจ้าวซูหว่านตั้งครรภ์ เรื่องนี้ก็จะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดในการยืนยันความสัมพันธ์ลับ ๆ ของพวกเขา!อวิ๋นเฉิงเจ๋อมองไปยังเฉียนเหว่ยและพรรคพวก ใบหน้าที่เย็นชาของเขาแสดงถึงความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด “นี่หรือ สหายฉินที่พวกเจ้าชื่นชมกันว่าเป็นผู้มีปณิธานสูงส่ง มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่?”ได้ยินคำเย้ยหยันของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ หากเป็นก่อนหน้านี้ เฉียนเหว่ยและพรรคพวกคงโต้กลับพร้อมกับเหยียดหยามเขาอย่างแน่นอนทว่าในเวลานี้ ทุกคนกลับนิ่งเงียบราวกับกลายเป็นคนบื้อใบ้ ไ
จ้าวซูหว่านร่ำไห้อย่างเสียสติ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นก่อนหน้านี้นางเคยถามฉินเซี่ยงเหิงอยู่หลายครา หากความลับนี้ถูกเปิดเผยจะทำเช่นไรดี?เขาเอ่ยคำสาบานอย่างหนักแน่นว่าจะบอกให้ทุกคนรู้และแต่งนางเป็นภรรยา แต่พอมาถึงวันนี้แล้ว เขานั้นไม่เพียงไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่กลับสาดโคลนมาให้นางสตรีนางหนึ่งถูกทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ นั่นไม่ต่างอะไรกับการผลักนางไปสู่ความตาย!ฝูงชนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน“ฉินเซี่ยงเหิงช่างเลวทรามเกินให้อภัย รู้ดีว่านางเป็นคู่หมั้นของสหายแต่ยังจงใจหลอกล่อ เช่นนี้…คำสอนของนักปราชญ์ที่ร่ำเรียนมาช่างเสียเปล่าโดยแท้!”“คนต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ จะเขียนบทความดี ๆ ได้อย่างไร? เกรงว่าบทความพวกนั้นก็คงขโมยมากระมัง?”“ข้าดูแล้ว จ้าวซูหว่านตั้งครรภ์จริง ๆ ฉินเซี่ยงเหิงยังกล้าพูดปดหน้าตาย รอให้เด็กคลอดออกมา ก็ทำการหยดเลือดพิสูจน์เสียสิ ดูว่าถึงตอนนั้นเขาจะกล้าเถียงอะไรอีก?”อวิ๋นเนี่ยนชูกวาดตามองเฉียนเหว่ยและคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ใช่เคยเอ่ยปากชมฉินเซี่ยงเหิงว่าเป็นคนดีอยู่ร่ำไปหรือ? ข้าขอเตือนพวกเจ้าเสียหน่อย อย่าให้ถึงตอนที่ฮูหยินของตั
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด