บทที่ 3 สวัสดีฉิงเชาเจ้าของมิติ
"ฟู่เยี่ยนทำไมเธอพึ่งกลับเอาป่านนี้! เถลไถลไปที่ไหนแล้วเธอเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารถ" เธอมองตามต้นเสียงเห็นชายหนุ่มร่างกายบึกบึนยืนชูกระเป๋าเงินของเธอพลางกอดอกใบหน้าบูดบึ้งอย่างกับแบกโลกไว้ทั้งใบ แม้ตอนแรกที่เห็นเธอจะตะลึงในความคมเข้มของใบหน้าแต่ทว่าปากของเขากลับเลี้ยงสุนัขไว้เป็นร้อยตัว ทำให้ความหล่อของเขาได้หายไปหมดสิ้น ผู้ชายอย่างเขาไม่เข้าตาเธอเลยสักนิด
"ฮ่า ฮ่า นี่คุณถามว่าฉันไปเถลไถลที่ไหนอย่างนั้นเหรอ ช่างกล้าพูดออกมานะหรือว่าลืมไปแล้วว่าคุณทำอะไรกับฉันไว้ ส่วนค่ารถฉันขายแหวนจ่ายหมดเรื่องแล้วใช่มั้ยเอากระเป๋าเงินของฉันคืนมา" เธอเดินเข้ามาใกล้ยื้อแย่งเอากระเป๋าเงินคืน แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะคว้าเอากระเป๋าเขาจับแขนของเธอเอวไว้เอ่ยถามเสียงแข็ง
"เธอเอาแหวนแต่งงานไปขายอย่างนั้นเหรอ! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ" เธอถอนใจหายเงยหน้ามองร่างกายที่สูงใหญ่มากกว่าเธอก่อนจะตอบเขาอย่างไม่เกรงกลัว
"ใช่นะสิ ฉันขายแหวนแต่งงานเพื่อนำมาจ่ายค่ารถอย่ามาโทษฉันนะเป็นเพราะใครกันล่ะที่บังคับให้ฉันทำอย่างนี้ อีกอย่างคุณเองก็ไม่ได้สนใจในตัวฉันและไม่เคยรักฉันเลยสักนิดแค่แหวนแต่งงานจะเสียดายไปทำไม อ้อจริงสิ...ฉันมีเรื่องหนึ่งที่จะต้องคุยกับคุณให้รู้เรื่องในวันนี้ "
"คนอย่างเธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน รีบกลับไปเอาแหวนแต่งงานคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ "
"ไม่!! เพราะเรื่องที่ฉันจะพูดกับคุณคือเรื่องหย่า ฉันต้องการหย่าแต่นี่ไม่ใช่การปรึกษาหารือแต่เป็นความต้องการของฉัน พรุ่งนี้เช้าฉันกับคุณจะไปที่อำเภอด้วยกัน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วต่างคนต่างไปดีกว่า อ้อมีอีกเรื่องค่าสินไหมเงินค่าเสียหายที่ฉันต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กับคุณ หวังว่าคุณจะจ่ายให้ฉันสมน้ำสมเนื้อนะ คุณเป็นพวกที่ขี้อายไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้ก็อย่าให้มันน้อยเกินไปนะไม่งั้นอายชาวบ้านตายเลย " มีมี่พูดจบสะบัดแขนของเขาออกเดินไปที่ห้องของตัวเองโดยไม่สนใจเขาอีกต่อไป
"โฮ่! ตั้งแต่ผมรู้จักคุณนายมามีวันนี้ที่ผมพึ่งจะเคยเห็นคุณนายกล้าจ้องหน้าท่านนายพลอีกทั้งยังกล้าขึ้นเสียงใส่ร่างกายไม่สั่นกลัวเหมือนที่ผ่านมาแววตาที่ดูแน่วแน่นั้นด้วย คงเพราะอยากหย่าจริง ๆ " เสี่ยวฮั่วหันควับไปจ้องมองใบหน้าลูกน้องตาขวาง เขารีบหลบหน้าปิดปากทันที
"ฉันแค่ให้เดินกลับบ้านถึงขั้นโมโหพูดเรื่องหย่าขึ้นมาอย่างนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่เธอตามเอาอกเอาใจฉันทุกวันจนน่ารำคาญ เฮอะ! "
"แล้วท่านนายพลจะเอาอย่างไรต่อไปครับ " ตู่หนานเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำอย่างไรกับคุณนายในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้มาถึงแล้ว ไปที่ไหนออกงานครั้งใดมักจะอับอายในเมื่อคุณนายต้องการหย่านับว่าเป็นเรื่องดีต่อตัวของเขาไม่น้อย
เสี่ยวฮั่วจ้องมองด้านหลังของฟู่เยี่ยนที่เดินกระแทกเท้าเข้าห้องปิดประตูเสียงดัง
"ในเมื่ออยากหย่าฉันจะหย่าให้ ดีเหมือนกันต่อจากนี้ไปที่ไหนจะได้ไม่ต้องอับอายที่มีภรรยาด้วยอย่างนี้ " เขาพูดจบไปเดินกลับห้องตัวเอง ตู่หนานมองตามหลังอย่างไม่เข้าใจปากบอกจะหย่าทำไมสีหน้าถึงได้บูดบึ้งไม่พอใจอย่างนั้น
ในห้องนอนของฟู่เยี่ยน
ตอนนี้มีมี่ได้เดินสำรวจห้องนอนคว้ากระเป๋าใบเล็กออกมาเก็บเสื้อผ้าสามสี่ตัวของใช้จำเป็นเพื่อออกไปอยู่ที่อื่น แต่แล้วจู่ ๆ เธอกลับมองเห็นแสงสว่างอยู่ด้านหน้าของตัวเอง
แสงสีขาวสว่างจนแสบตาทำให้เธอสงสัยอยากรู้ว่าแสงนั่นคืออะไรกันแน่ ตอนเข้าห้องมาทำไมเธอถึงไม่เคยเห็น
"นั่นแสงอะไรกัน" มีมี่ลุกขึ้นเดินไปที่ผนังห้องใช้มือสัมผัสแสงสีขาวแต่แล้วจู่ ๆ ร่างกายของเธอได้ดูดเข้าไปในมิติที่แสงสว่างไสวทันที
ตึก ตึก เสียงหัวใจของมีมี่เต้นแรงความหวาดกลัวเริ่มถาโถมเข้ามาเธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต้องทำให้เธอตกใจมากกว่าเดิม ดวงตาเบิกโพลงโตเธอแทบไม่เชื่อสายตาใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าของตัวเองเพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่เห็นอยู่นั่นใช่ความจริงหรือไม่?
"โอ๊ย! เจ็บ ... ว๊าววว^ ^แทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยเหมือนเป็นความฝันก็ไม่ปาน” ใครจะคิดว่าเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตเธอถึงสองครั้ง ดวงตาของเธอเป็นประกายเดินหยิบจับอย่างตื่นเต้น
"ฮ่า ฮ่า ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีกับฉันจริง ๆ เมื่อครู่ฉันคิดอยู่เลยว่าออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วฉันจะทำอะไรดี แม้ว่าฟู่เยี่ยนจะมีครอบครัวของเธอ แต่ถ้าฉันกลับไปได้ยังไงคุณพ่อคงไม่ยอมให้เธอหย่ากับเว่ยเสี่ยวฮั่วง่าย ๆ แน่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ต่อจากนี้ฉันจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ร่ำรวยเลี้ยงลูกโดยไม่ง้อสามีเอง ฮ่า ฮ่า" ในตอนแรกแม้เธอจะตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เธอได้เห็นมิติที่แสดงอยู่ต่อหน้านั่นคือมิติซุปเปอร์มาร์เก็ตของใช้ทุกอย่างมีครบครัน เสมือนในยุคสมัยของเธอเลยไม่ผิดเพี้ยน
"ฉันฟู่เยี่ยนคนใหม่คิดออกแล้ว เมื่อออกจากที่นี่ฉันจะเปิดร้านขายของ เอ๊ะเดี๋ยวสิแล้วฉันจะเอาของจากที่นี่ออกไปได้มั้ยนะ แล้วมิตินี้ใช้งานยังไงกัน" เธอเริ่มสงสัยในการใช้งานของมิติได้เดินสำรวจดูจนทั่วและได้พบวิธีการใช้งาน
ติ่ง! มิติซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เริ่มต้นการใช้งาน
"สวัสดีค่ะฉันฉิงเชาเป็นผู้ดูแลระบบระหว่างมิติยินดีต้อนรับคุณฟู่เยี่ยน" เสียงพูดได้ดังขึ้นในร้านตอนนี้เธอพอเข้าใจแล้วว่านี่คืออะไร เพราะเธอเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับทะลุมิติมามาก ไหนจะทะลุมิติมาพร้อมระบบ ของเธอน่าจะเป็นทะลุมิติมาพร้อมมิติซุปเปอร์มาเก็ตสินะ!
"สวัสดีฉิงเชา ฉันมีเรื่องสงสัยของในนี้ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง"
"ไม่ว่าคุณจะทำอะไรสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ว่าเรามีข้อแม้นั้นก็คือทุกครั้งที่คุณฟู่เยี่ยนนำของออกไปต้องทำความดีช่วยเหลือคนยากไร้ ยิ่งทำมากเท่าไหร่คุณจะยิ่งได้ของไปมากเท่านั้น และของในนี้จะไม่มีวันหมด "
"เอาความดีมาแลกของอย่างนั้นเหรอและยังไม่มีวันหมดอีกด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วทุกครั้งที่ฉันต้องการจะใช้มิติจะทำยังไง "
"เพียงแค่คุณเรียกฉันฉันจะปรากฏต่อหน้าคุณตามที่ต้องการ แต่ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะเห็นเพราะมีเพียงคุณฟู่เยี่ยนเท่านั้นที่จะได้เห็นมิตินี้ นี่เป็นครั้งแรกและคุณงามความดีที่คุณทำมาตลอดสามารถหยิบของที่ต้องการออกไปได้ แต่ครั้งต่อไปฉันจะมาเมื่อเห็นว่าคุณได้ทำความดีแล้วเท่านั้น " เธอเริ่มคิดอย่างหนักในเมื่อตอนนี้เธอยังอยู่ที่นี่จะเอาของออกไปยังไงกัน จนในที่สุดเธอก็คิดบางอย่างออก
"วันนี้ฉันจะยังไม่เอาอะไรทั้งนั้นไว้ฉันออกไปจากที่นี่และมีหน้าร้านของตัวเองฉันจะเรียกเธอได้มั้ย?"
"ได้ค่ะ ต่อจากนี้หากอยากได้ของในมิติเรียกฉันได้เสมอ" เมื่อสิ้นเสียงภาพตรงหน้าของฟู่เยี่ยนได้หายไปเหลือเพียงแค่ห้องของเธอ ทำให้เธอตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าเดิม
"นี่ฉันคงไม่สมองเบลอจนคิดไปเองใช่มั้ย ?ภาพเมื่อครู่นี่คงเป็นของจริงสินะ"
'เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงทั้งหมดค่ะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอก อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดหากความลับนี้แพร่งพรายออกไปมิติจะหายไปทันทีรวมทั้งฉันด้วย'
"เข้าใจแล้ว ฉันไม่ปากโป้งบอกใครหรอกนะ นี่คือหนทางที่จะทำให้ฉันร่ำรวยนี่น่า" หลังจากนั้นเสียงได้เงียบหายไป มีมี่ที่อยู่ในร่างของฟู่เยี่ยนได้อาบน้ำล้างกายแต่งชุดนอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียง แม้ยังไม่คุ้นชินร่างกายที่อวบอ้วนนี่แต่เธอสามารถใช้ชีวิตไม่ต่างจากปกติ
"ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ฉันทะลุมิติมาพร้อมมิติซุปเปอร์มาร์เก็ต นี่เจ้าหนูน้อยต่อจากนี้ฉันจะเป็นแม่ของเธอ เป็นฟู่เยี่ยนแม่หม้ายหย่าผัวที่สวยและร่ำรวยที่สุด ฉันจะเลี้ยงดูแลเจ้าหนูน้อยให้เป็นอย่างดีเอง วันนี้เราเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนอนพักกันเถอะนะ พรุ่งนี้เราจะต้องผจญภัยอีกยาวนาน " เธอลูบท้องเบา ๆ ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
บทที่ 4 เดินทางเช้าของอีกวันฟู่เยี่ยนตื่นแต่เช้ามานั่งคอยเสี่ยวฮั่วบนเก้าอี้หน้าบ้านเพื่อรอจะไปหย่ากับเขาที่อำเภอ ส่วนเสี่ยวฮั่วเขาคิดทั้งคืนแม้เรื่องหย่าเขาจะดีใจที่เธอเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเองแต่เรื่องนี้เขาจะยังไม่ให้ครอบครัวของเขารับรู้เรื่องนี้ หากคุณแม่ได้รู้เข้าคงไม่มีทางยอม เขาจึงคิดจะใช้เงินปิดปากเธอและขอให้เธอเก็บเรื่องที่เขากับเธอหย่าเอาไว้ก่อนพร้อมให้เงินเธอไปตั้งตัวจำนวนหนึ่งเพื่อที่ยังไม่ให้เธอกลับบ้าน เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมจะเป็นฝ่ายทุกคนเองเขาเดินออกจากห้องมองไปยังร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ที่อยู่ด้านนอก ภาพความทรงจำในตอนเด็กได้แวบเข้ามาในความคิด'ฟู่เยี่ยนโตขึ้นเมื่อไหร่เราสองคนมาแต่งงานกันนะ ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดีไม่ให้เธอเสียน้ำตาเลย' เสียงเด็กชายตัวน้อยพูดจาหวานเยิ้มยื่นดอกไม้ในมือให้เด็กหญิงตัวเล็กน่าทะนุถนอม ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเหมือนมะเขือเทศยืนบิดไปมาก่อนจะยื่นมือมาจับดอกไม้จากมือของเขาอย่างเขินอาย"สัญญาแล้วนะโตขึ้นเราจะมาแต่งงานกัน " เด็กชายได้ยินคำตอบจากปากเธอเขายิ้มออกมาอย่างดีใจพุ่งเข้าไปโอบกอดเธอแนบแน่น ตอนนั้นเด็กทั้งสองมีคววามสุขท่ามกลางฝูงแมลงปอที่บินว่อนเ
บทที่ 5 ได้ที่ทำมาหากินรุ่งเช้าของอีกวันฟู่เยี่ยนตื่นมาแต่เช้ารับบรรยากาศดี ๆ ที่นี่เย็นสบายเสียงชาวบ้านในละแวกนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อทำมาหากินพูดคุยกันอย่างครึกครื้น"หนูฟู่เยี่ยนทำไมรีบตื่นล่ะ ไม่นอนต่ออีกสักหน่อย ""ฉันนอนไม่ค่อยหลับนะคะว่าแต่คนที่นี่เขาทำอะไรเป็นอาชีพกันหรือคะ ""มณฑลนี้คนส่วนมากจะยังดำรงชีวิตทำการเกษตรแต่ก็มีโรงงานมาเปิดใหม่อยู่บ้างที่ใกล้ ๆ กับสถานรักษาพยาบาลจริงสิแล้วสิ่งที่หนูฟู่เยี่ยนอยากทำคืออะไรกัน""ฉันอยากหาเช่าพื้นที่ว่างที่สามารถพักอาศัยและเปิดร้านขายของเล็ก ๆ ได้นะจ้ะ ฉันหย่ากับสามีเก่ามาพอจะมีเงินลงทุนติดตัวมาบ้าง คิดว่าหนทางการค้าขายคงเหมาะที่จะทำให้ฉันใช้ชีวิตสบาย อีกอย่างตอนนี้ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวยังมีเด็กน้อยอยู่ในท้องด้วย " เมื่อซือเสียนได้ยินยิ่งนึกโกรธสามีเก่าของฟู่เยี่ยนที่ยอมหย่าภรรยาที่กำลังท้องอ่อน ๆ อย่างนี้ เธอจึงจะช่วยเหลือเต็มที่"อย่างนั้นวันนี้ฉันจะพาหนูไปเดินดูหาเชาห้องว่างใกล้ ๆ โรงงานที่เปิดใหม่ จะได้ช่วยให้ขายดีแต่ว่าที่นั่นค่าเช่าจะแพงมากนะหนูสู้ไหวหรือเปล่า" ฟู่เยี่ยนคิดพักใหญ่ หากเป็นที่ผู้คนพลุกพล่านและยังมีสถานพยาบาลใกล้ ๆ อย่าง
บทที่ 6 เปิดร้านใหม่เช้าตรู่วันต่อมาฟู่เยี่ยนตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อทำการติดต่อกับฉิงเชา"สวัสดีฉิงเชาเธอได้ยินฉันมั้ย"ติ่ง ...!!"สวัสดีฟู่เยี่ยนตอนนี้เธอต้องการสิ่งของแล้วสินะถึงได้เรียกหาฉัน""ใช่แล้ว วันนี้้ฉันต้องการของมาวางขาย" ฟู่เยี่ยนพูดจบมิติได้ถูกเปิดแสงสว่างจ้าของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ส่องสว่างออกมา"เชิญเลือกของที่เธอต้องการได้เลย เธอทำความดีระหว่างที่มาที่นี่ครั้งหน้าเธอจะได้เข้ามาเลือกของโดยไม่ต้องทำความดีเพื่อแลกของ" สิ้นเสียงของฉิงเชาฟู่เยี่ยนจับรถเข็นเดินเลือกหยิบจับของที่จำเป็นของยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาซักผ้า สบู่ครีมแป้งและของใช้ในครัวเรือน ของใช้ในชีวิตประจำวันทุกอย่างเธอไม่ลืมที่จะหยิบออกมา รวมทั้งยาและขนมอีกด้วยเมื่อได้สิ่งที่ต้องการครบครัน แสงสว่างได้หายไปตอนนี้เธอนำของมาวางไว้ด้านล่างของตัวเรือนตอนนี้แสงสว่างของดวงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามา เวลานั้นเจียวเจียนตื่นและลงมาด้านล่างเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง แต่เมื่อลงมาเห็นของที่อยู่ด้านล่างทำให้เธอตกใจดวงตาเบิกโพลง"โอ้โห่ นี่มันอะไรกันคะของพวกนี้มาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่""เจียวเจียนตื่นแล้วเหรอ เมื่อวานตอนที่
บทที่ 7 ตามหา5ปีต่อมากิจการของฟู่เยี่ยนเจริญเติบโตขึ้นมากการค้าขายเป็นที่รู้จักของคนที่อยู่มณฑลยวนอัน เธอคอยสอนงานเจียวเจียนไม่ว่าจะเป็นการคิดเงินบวกลบทุกอย่างและสอนให้เธออ่านหนังสือจนเธอสามารถอ่านออกเขียนได้และคอยเป็นผู้ช่วยของเธอเสมอมา กิจการของเธอได้ขยายร้านใหญ่มากกว่าเดิมเธอต่อเติมร้านน่าดึงดูดและมีลูกค้าประจำที่ได้ใช้สินค้าของที่ร้านและติดใจกลับมาซื้อซ้ำ เพราะไม่ว่าจะไปหาทีร้านไหนก็ไม่มีสินค้าตัวเดียวกับที่ร้านของฟู่เยี่ยน"พี่เจียวเจียน หนูหิวแล้วคุณแม่เมื่อไหร่จะมาสักที" เด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังตัวกลมราวกับซาลาเปานั่งบ่นกับพี่เลี้ยงเพราะเธอรอแม่ของเธอนานจนท้องเล็ก ๆ ร้องประท้วงเสียงดัง"เดี๋ยวพี่ฟู่เยี่ยนออกมารออีกสักหน่อยนะ”“แต่ผิงผิงหิวแล้วนี่คะ ดูสิท้องของผิงผิงเริ่มร้องไห้โยเยแล้ววว” เด็กน้อยอายุ 4 ขวบพูดจาฉะฉานรู้มากยิ่งกว่าเด็กวัยเดียวกันใช้มือเล็ก ๆ อวบอูมลูบท้องไปมา“ไหนใครบอกหิวข้าวกันนะ” ฟู่เยี่ยนเดินออกมาจากในบ้านวันนี้เธอแต่งตัวอย่างสวยงาม ตั้งแต่เธอท้องผิงผิงไม่รู้ว่าเพราะอาการแพ้ท้องหรือว่าเธอเหม็นอาหารทำให้เธอกินอะไรไม่ค่อยได้ ร่างกายที่เคยอ้วนท้วนสมบ
บทที่ 8 แสดงความยินดีเสี่ยวฮั่วเดินตรงเข้าไปในร้านแต่แล้วจู่ ๆ ระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่นั้นมีเด็กหญิงตัวเล็กวิ่งเข้ามาชนจนล้มลงกับพื้น"โอ๊ยยย!! " เสี่ยวฮั่วตกใจใบหน้าเปลี่ยนสีรีบนั่งย่อตัวลงถามอาการเด็กน้อยทันที"หนูน้อยเป็นอะไรมากมั้ย?เจ็บตรงไหนมากหรือเปล่า " เด็กน้อยจับหัวเข่าตัวเองลูบ ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผู้ใหญ่ร่างโตที่เธอพึ่งวิ่งชนเมื่อครู่ แต่เมื่อเด็กน้อยสบตากับเสี่ยวฮั่วแววตาเป็นประกายสีดวงตาน้ำตาลขลับกลมโต จมูกโด่งเข้ารูปหน้าทำให้เขาชะงักเล็กน้อยเด็กคนนี้ช่างเหมือนเขาตอนเด็กเหลือเกิน"คุณลุงคะหนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ดูทางวิ่งชนคุณลุงเข้า""โธ่ ๆ เธอเป็นคนเจ็บแท้ ๆ ทำไมต้องขอโทษฉันด้วยล่ะลุกขึ้นมาเถอะฉันจะดูแผลให้แล้วแม่ของหนูอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงปล่อยหนูออกมาวิ่งเล่นอยู่อย่างนี้""คุณลุงไม่ใช่คนที่นี่สินะคะถึงไม่รู้จักแม่ของผิงผิงคุณแม่เป็นเจ้าของร้านนี้ไงคะ นู้นคุณแม่กำลังรับแขกอยู่ด้านนู้นค่ะ " ผิงผิงยืนขึ้นชี้นิ้วไปทางด้านที่ฟู่เยี่ยนยืนอยู่ เขามองตามนิ้วน้อย ๆ ที่ชี้ไปด้านหน้าทันทีที่เขาเห็นเธอทำให้เขาจำได้ทันที แม้ว่าจะไม่ได้เจอเธอมาหลายปีและรูปร่างของเธอดูเปลี
บทที่ 9 มาทางไหนกลับไปทางนั้นตะวันบ่ายคล้อยคนมาซื้อของเริ่มซาลงรวมทั้งคนที่มาร่วมยินดีกับฟู่เยี่ยนเริ่มกลับกันไปมาก ผิงผิงง่วงนอนจึงให้เจียวเจียนพากลับบ้านไปนอนพักกลางวัน จางจื่อจือออกมาร่วมยินดีกับฟู่เยี่ยนได้เพียงครู่ก็ต้องกลับไปที่อำเภอเพราะมีงานที่ยังทำค้างอยู่“ป้าดีใจกับหนูจริง ๆ เลยไม่คิดเลยว่าหนูจะทำกิจการได้ร่ำรวยขนาดนี้” ป้าซือเสียนนั่งมองร้านค้าของฟู่เยี่ยนอย่างยินดีปรีดาใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“หากไม่มีป้าซือเสียนกับเจียวเจียนก็คงไม่ได้ดีขนาดนี้หรอกค่ะต้องขอบคุณป้าที่คอยช่วยเหลือฉันมาตลอดแถมยังเอ็นดูผิงผิงเหมือนหลานตัวเองอีกด้วย เย็นนี้เราไปกินของอร่อย ๆ กันดีมั้ยคะ”“แค่วันนี้ของกินที่หนูเลี้ยงแขกก็มากพอแล้ว เก็บแรงเอาไว้เถอะนะกว่าจะหมดวันคงต้องใช้พลังงานอีกมาก” ซือเสียนเริ่มเห็นความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นใบหน้าของฟู่เยี่ยน เธอแทบจะทำเองทุกอย่างในร้าน หยัดยืนด้วยขาของตัวเองแสดงให้เห็นความเป็นผู้นำช่างน่านับถือจริง ๆ ซือเสียนย้อนมองไปอดีตของตนเองเธอต้องมาเสียสามีตอนที่ลูกเข้ากรมทหารโชคดีที่ลูกเติบโตหมดแล้วทำให้เธอไม่ต้องดิ้นรนมาก แต่กับฟู่เยี่ยนไม่ใช่อย่างนั้นเธอเป็นทั้งพ่อแล
บทที่ 10 คนรักของฉัน“เมื่อครู่เธอบอกว่าฉันมาจากที่ไหนให้กลับไปซ่ะอย่างนั้นเหรอ ดีอย่างนั้นตู่หนานไปเอากระเป๋าลงมาจากรถให้หน่อยฉันจะได้เข้าบ้านของฉัน”“นี่คุณหาเรื่องอะไรฉันอีก เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนะ" ฟู่เยี่ยนปัดมือไล่เขาออกไปทันทีแต่ทว่าใบหน้าเสี่ยวฮั่วกลับยิ้มออกมาก่อนจะชักสีหน้าตึงใส่ฟู่เยี่ยนพลางเดินไปจับมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้“จะขับไล่ฉันไปไหนก็ที่นี่คือบ้านของฉัน” ฟู่เยี่ยนชะงักรอบที่สองเธอไม่คิดเลยว่าโลกจะกลมได้ถึงเพียงนี้ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าบ้านหลังนี้มีเขาเป็นเจ้าของ“เอามือของคุณออกจากแขนของฉันเดี๋ยวนี้ และเรื่องที่คุณพูดมาเพราะอยากเอาชนะฉันใช่มั้ย ยังไงฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่านี่คือบ้านของคุณ” “คุณแม่มาแล้วเหรอคะ อ้าวนี่คุณลุงที่เจอตอนเช้านี่น่า ” ไม่ทันที่เสี่ยวฮั่วจะได้ตอบเสียงเล็ก ๆ ตะโกนออกมาจากประตูหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงของคุณแม่ของเธอโวยวายเสียงดัง ใบหน้าของฟู่เยี่ยนถอดสีทันทีที่ผิงผิงวิ่งออกมา“โอ๊ะ..หนูน้อยคนเมื่อเช้านี่น่า หัวเข่าของหนูเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง” เสี่ยวฮั่วยิ้มกว้างปล่อยมือจากฟู่เยี่ยนพุ่งตัวไปหาผิงผิงทันที“ตอนน
บทที่ 11 ภารกิจล้มเหลวหลังจากที่ตู่หนานขับรถออกมาจากบ้านของฟู่เยี่ยนเสี่ยวฮั่วได้สั่งการให้เขาจอดรถอยู่ในละแวกนั้นเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าจางจื่อจือกับฟู่เยี่ยนนั้นเป็นคนรัก เพราะสายตาของเธอที่เคยแสดงความรักต่อเขา เขาจำมันได้ดีมิใช่แววตาอย่างที่เธอจ้องมองจางจื่อจือนั้นแน่นอน“ท่านนายพลจะรออีกนานมั้ยครับ แล้ววันนี้เราจะไปนอนที่ไหนกัน” ตู่หนานถามขึ้นเพราะตอนนี้เวลาล่วงเลยมานานมาไม่เห็นว่าชายที่ชื่อจางจื่อจือหรือนายอำเภอผู้นั้นจะออกมาเสียที หากเขาจะเป็นคนรักใหม่ของฟู่เยี่ยนก็ไม่แปลกเพราะตอนนี้คุณนายที่เขาเคยรู้จักเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ“รอดูอีกสักหน่อย ยังไงฉันก็เชื่อว่าชายคนนั้นถูกฟู่เยี่ยนอ้างว่าเป็นคนรักเพราะอยากขับไล่ฉันเท่านั้น ส่วนที่นอนฉันจะไปนอนบ้านญาติและจะคุยเรื่องการเช่าบ้านนี่ด้วยเหมือนกัน หากว่าฟู่เยี่ยนมาอยู่นี่นานแล้วเธอคงเช่าบ้านหลังนี้มาตลอดแต่ทำไมญาติของฉันถึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย เงินสักหยวนยังไม่เห็นแถมคุณแม่ยังส่งเงินให้ทุกเดือนอีกด้วย” “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ เอ่อ..ท่านนายพลครับหากว่าเรารออีกหนึ่งชั่วโมงชายคนนั้นไม่ออกมาครั้งนี้ท่านนายพลจะยอมตัดใจจากคุณฟู่เยี่ย
บทที่ 29 ความรักที่แท้จริงหนึ่งเดือนผ่านมาตอนนี้ฟู่เยี่ยนยังอยู่กับจางจื่อจือแต่ไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนเพราะตอนนี้ทั้งสองได้หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว และวันนี้ทั้งสองตั้งใจจะเดินทางไปที่มณฑลเหิงฉีไปหาพ่อของฟู่เยี่ยนเพื่อทำทุกอย่างให้เป็นทางการและขนบธรรมเนียม ฟู่เยี่ยนเองก็อยากกลับไปขอโทษที่เธอไม่ได้บอกลาและติดต่อไปเลยสักครั้งยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเสียใจที่ละเลยความรู้สึกของคนแก่คนหนึ่งที่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นห่วงเธอมากขนาดไหนติ่ง !! เสียงระบบดังขึ้นในระหว่างที่ฟู่เยี่ยนกำลังแต่งตัวเพื่อออกเดินทาง“สวัสดีฟู่เยี่ยน ดูเหมือนตอนนี้เธอมีความสุขดีสินะ”“ใช่ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก ว่าแต่เธอเถอะเงียบหายไปเลยตั้งแต่มาบอกเรื่องภารกิจ แล้วเรื่องที่ฉันทำภารกิจผ่านไม่ผ่านไม่เห็นจะมาบอกเลยสักครั้งเวลาที่ฉันอยากได้ของเพียงแค่คิดมิติก็เปิดออกเธอไปไหนมา ”“ฉันมีเรื่องให้ทำนิดหน่อยนะ วันนี้ฉันมาเพื่อแจ้งเรื่องภารกิจเธอทำได้สำเร็จ ฉันดีใจด้วยนะและฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะมาแจ้งเธอ”“เรื่องสำคัญอะไรเหรอ ? ว่าแต่ภารกิจที่เธอทำให้ ทำให้คนรักมีความสุขนี่คือใครกันหรือใช่ผิงผิงมั้ย” “เรื่องภารกิจที่ฉันให้เธอทำให้คนรักม
บทที่ 28 ฉันเลือกคุณฟู่เยี่ยนขับรถมาถึงบ้านต้องแปลกใจ บ้านที่สว่างรอเธออยู่ทุกวันวันนี้กลับมืดไร้แสงไฟ เธอดับเครื่องยนต์ทุกคนพากันเดินลงจากรถด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน“พี่ฟู่เยี่ยนนายอำเภอจางจื่อจือวันนี้ออกไปทำงานนอกพื้นที่ใช่มั้ยคะ ”“จริงสิฉันลืมได้ยังไงกันนะ วันนี้เขาคงเหนื่อยมาก ๆ แน่ ๆ เราช่วยกันทำกับข้าวไว้รอเขากันเถอะ ส่วนผิงผิงลูกอิ่มแล้วใช่มั้ยนั่งเล่นของเล่นรอแม่กับพี่เจียวเจียนทำกับข้าวก่อนนะ ทำเสร็จแล้วจะให้พี่เจียวเจียนพาไปอาบน้ำ”“ค่ะคุณแม่ ” ทั้งสามเดินเข้ามาในบ้านพร้อมเปิดไฟแต่เมื่อเดินไปที่ห้องครัวกลับพบว่าตอนนี้บนโต๊ะกับข้าวมีอาหารเต็มไปหมด“เอ๊ะ ! ทำไมกับข้าวถึงมีเต็มโต๊ะแบบนี้คะหรือว่านายอำเภอกลับมาแล้ว ว่าแต่ทำไมถึงไม่เปิดไฟกัน” เจียวเจียนพูดขึ้นด้วยความสงสัยฟู่เยี่ยนพลางครุ่นคิดหรือว่าเขาเหนื่อยมากจนปิดไฟนอน แต่ทว่าเขาไม่เคยเป็นแบบนี้สักครั้ง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกกว่ามีอะไรแปลก ๆ ไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงบอกให้เจียวเจียนพาผิงผิงไปอาบน้ำ“เจียวเจียนเธอพาผิงผิงไปอาบน้ำและให้ผิงผิงเล่นอยู่ในห้องเธอค่อยมากินข้าวนะ ฉันจะไปดูจางจื่อจือก่อนฉันคิดว่าเขาน่าจะไม่สบาย” เธอรู้
บทที่ 27 จากกันด้วยดีแต่ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าและท่าทางของฟู่เยี่ยนต้องทำให้เขาหุบยิ้มทันที ครั้นนั้นฟู่เยี่ยนไม่ได้จะหยิบจับแหวนในกล่องเธอดันกล่องกลับมาหาเขาใบหน้าของเธอแสดงความดุดันและจริงจังอย่างที่เขาเคยเห็นเมื่อครั้งที่เธอขอหย่า“เก็บแหวนของคุณไว้เถอะค่ะ แหวนวงนี้ฉันขายทิ้งไปแล้วเช่นเดียวกับความรู้สึกที่ฉันตัดสินใจขายมัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดี ๆ ความรักความผูกพันมันจบลงตั้วแต่วันนั้นแล้ว เราทั้งสองไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก แต่เราสามารถทำหน้าที่พ่อและแม่ให้แก่ผิงผิงได้ ฉันเปิดใจยอมให้อภัยในสิ่งที่ผ่านมาแต่ทว่าตอนนี้หัวใจของฉันมีคนอื่นเข้ามาอยู่แทนคุณแล้ว คนที่ทำทุกอย่างโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอเขาเป็นห่วงห่วงใยคอยเอาใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยเขาไม่เคยสนใจรูปร่างภายนอกของฉันและไม่เคยอายที่มีฉันเดินเคียงข้าง สิ่งนั้นที่เขามีคุณไม่เคยมีเราทั้งคู่จากกันด้วยดีเถอะนะคะ ฉันไม่อยากจะเกลียดคุณไปมากกว่านี้ ” เสี่ยวฮั่วพูดไม่ออกร่างกายสั่นเทาใจของเขาเริ่มสั่นคลอนไปหมด“ฉันไม่มีทางเข้าไปแทรกเลยสินะ เอาล่ะฉันเองก็เป็นลูกผู้ชายพอในเมื่อเธอตัดสินใจอย่างนั้นฉันเองไม่สามารถ
บทที่ 26 แต่งงานกับฉันนะเสี่ยวฮั่วดีใจมาก ๆ ที่ฟู่เยี่ยนเธอเริ่มเปิดใจให้เขาเข้าใกล้ผิงผิงและตอนนี้เธอยังยอมบอกว่าเขาคือพ่อของผิงผิงอีกด้วย เขาพาเด็กหญิงตัวน้อยนั่งรถไปหาคุณแม่ของเขาที่บ้านป้าไป๋เซียง คุณแม่ต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่ได้เห็นหลายสาวน่ารักคนนี้“ผิงผิงพ่อขอโทษนะ ลูกคงจะโกระจะเกลียดพ่อมากใช่มั้ยที่ไม่ได้ดูแลและเลี้ยงลูกมา” เสี่ยวฮั่วขับรถยนต์พลางหันมามองหน้าของผิงผิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา เด็กหญิงเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกห่างจากอกผู้เป็นแม่เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนจะคอยมีฟู่เยี่ยนคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ“หนูไม่โกรธและก็ไม่เกลียดคุณลุงเลยค่ะ ดีใจเสียอีกที่ได้รู้ว่าพ่อของหนูยังมีชีวิตอยู่ ”“ผิงผิงเป็นเด็กดีจริง ๆ เลิกเรียกคุณลุงได้แล้วนะเรียกคุณพ่อสิ” “ได้ค่ะคุณพ่อ” ผิงผิงยิ้มหวานให้แก่เขา ทั้งสองพากันเดินทางไปถึงบ้านป้าไป๋เซียง แม่ของเสี่ยวฮั่วต่างก็แปลกใจและดีใจที่เห็นหน้าของหลานสาว เธอพาผิงผิงไปกินข้าวพาเที่ยวเล่นและซื้อของเล่นอย่างที่ผิงผิงอย่างได้ จนกระทั่งถึงเวลาไปส่งผิงผิงที่ร้านเพราะตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว ระหว่างทางไปที่ร้านเหมียวเหมียวฉิงถิงได้เอ่ยถามลูกชายเพร
บทที่ 25 ผิงผิงเกลียดคุณแม่“คุณมาทำอะไรที่นี่ผิงผิงมาหาแม่เดี๋ยวนี้” เสียงแหลมตะโกนออกมาดังสนั่นทำให้ทั้งสองหันขวับไปมองทันที ผิงผิงรีบเดินไปหาแม่ของเธออย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะถูกแม่ว่า“ฟู่เยี่ยน... ฉันแค่อยากเจอผิงผิงทำไมเธอถึงใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้” “ใจร้ายเหรอ ? ฮึ..ใช่ฉันมันใจร้ายแต่ใครกันที่ใจร้ายกว่าถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งกับเราสองแม่ลูกฉันจะพาผิงผิงหนีไปให้ไกลที่สุด และรอบนี้คุณจะไม่ได้เห็นเธออีก” “คุณแม่คะคุณลุงรู้สึกผิดและเสียใจที่เคยทำร้ายจิตใจคุณแม่ คุณแม่ยกโทษให้คุณลุงเถอะนะคะ คุณแม่เคยสอนไม่ใช่เหรอคะถ้าเราทำผิดให้ขอโทษการขอโทษคือทางออกที่ดีที่สุด อย่างนั้นแค่คุณลุงขอโทษคุณแม่ก็ควรให้อภัยไม่ใช่หรือคะ”“ผิงผิงเรื่องนี้หนูยังไม่เข้าใจ ชายคนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าที่หนูคิดเชื่อแม่อยู่ให้ไกลจากคน ๆ นี้ ”“ทำไมล่ะ ? ทำไมเธอถึงไม่สนใจความรู้สึกของลูกบ้าง เธอจะพรากฉันกับลูกอีกนานแค่ไหน ฉันเองก็มีสิทธิ์ในตัวลูกเหมือนกันนะฉันขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ฉันผิดไปแล้วให้ฉันได้ทำหน้าที่พ่อให้แก่ผิงผิงเถอะนะ ” เสี่ยวฮั่วเดินเข้ามาใกล้พร้อมบอกผิงผิงว่าเขาคือพ่อของเธอ ตอนนี้ผิงผิงงงงวยไปหมดร
บทที่ 24 ฉันคือพ่อของผิงผิงฝั่งด้านเสี่ยวฮั่วเขาไม่ได้ไปหาฟู่เยี่ยนแต่เลือกที่จะไปหาผิงผิงที่โรงเรียนเขาไม่ลืมที่จะซื้อขนมหวานติดไม้ติดมือมาด้วย เขาให้ตู่หนานพาแม่ไปหาฟู่เยี่ยนส่วนเขามาที่นี่คนเดียว ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาวิ่งเล่นของเด็ก ๆ เขาเดินเข้ามาในโรงเรียนต้องถูกยามที่หน้าโรงเรียนเรียกตัวเองไว้ก่อน“เดี๋ยวครับ คุณเป็นผู้ปกครองหรือเป็นใครที่จะเข้าไปในโรงเรียนครับ ”“ฉันเป็นพ่อของผิงผิง อยากเข้าไปหาเธอสักหน่อยเธอเรียนอยู่ที่นี่ใช่มั้ย” ยามจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเขาก็จำได้ผู้ปกครองที่มารับผิงผิงจะมีแต่ผู้หญิงและยิ่งเรื่องการลักพาตัวเด็กไปแลกค่าไถ่หรือจับตัวไปขอทานช่วงนี้ยิ่งมีเยอะการที่เขาเป็นยามของที่นี่จึงต้องเข้มงวด“ผู้ปกครองของผิงผิงเหรอครับ อย่ามาโกหกเลยแกเป็นพวกลักพาตัวเด็กใช่มั้ย นี่จะเอาขนมมาล่อเด็กและจับตัวไปสินะคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงออกไปจากที่นี่ก่อนที่ฉันจะเรียกจัดการเรียกตำรวจ” เสี่ยวฮั่วตกใจคิดว่าที่นี่จะเข้าง่าย แต่ก็เข้าใจยามที่เฝ้าหน้าประตูดี เขาช่างเป็นคนที่รักในหน้าที่จริง ๆ“ฉันไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ คุณเองก็น่าชื่นชมทำหน้าที่เป็นอย่างดี ฉันคือนายพลเว่ย
บทที่ 23 ตามกลับ“ใช่ครับเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะผม ถ้าผมเจอเธอและลูกแล้วคุณแม่ช่วยไปพูดกับเธอได้มั้ยครับ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำไปจริงๆ” “ลูกพูดเหมือนอย่างกับว่าตอนนี้เจอฟู่เยี่ยนแล้วอย่างนั้นรึ” ดวงตาของฉิงถิงเบิกโพลงวางช้อนลงบนจานข้าวทันทีสายตาจับจ้องมามองเสี่ยวฮั่วอย่างคาดหวังคำตอบ“ใช่ครับ ผมเจอเธอแล้วเมื่อเดือนก่อนตอนที่ผมเดินทางไปบ้านเกิดคุณพ่อ”“ว๊าว สวรรค์เมตตาแล้วชักช้าทำไมล่ะรีบพาแม่ไปหาหลานสิแล้วหลานแม่เติบโตมาเป็นยังไงผู้หญิงหรือว่าผู้ชายสุขภาพแข็งแรงใช่มั้ย? ”“ลูกสาวครับเธอชื่อว่าผิงผิงเป็นเด็กแข็งแรงน่ารักช่างพูดช่างคุย ความบังเอิญที่ผมไม่เคยรู้เลยและถ้าวันนั้นผมไม่กลับไปที่บ้านของคุณพ่อคงไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่เราตามหาเธอ เธอเช่าบ้านหลังนั้นอยู่ ”“เป็นความบังเอิญจริง ๆ แล้วลูกไม่ขอโทษเธอและพาเธอกลับบมาล่ะ”“ผมทำแล้วครับแต่ฟู่เยี่ยนไม่ยอมใจอ่อนเลย อีกอย่างตอนนี้เธอกำลังคบหากับนายอำเภอที่นั่นอยู่ หลังจากที่ผมเจอกับเธอ เธอก็พาผิงผิงหนีไปอีกแล้วครับ ”“ห่ะ !! อะไรนะ อย่างนั้นต้องขอให้พี่ไป๋เซียงช่วยสืบหาที่อยู่ของฟู่เยี่ยนแล้ว”“คุณแม่ครับผมรู้แล้วครับว่าตอนนี้เธ
บทที่ 22 ทำตามความต้องการเธอเดินไปที่ห้องของผิงผิงค่อย ๆ แง้มประตูดูว่าเธอหลับหรือยังก็พบว่าตอนนี้ิผิงผิงหลับไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนจางจื่อจือกำลังปิดไฟและเดินออกมา"เธอมาหาผิงผิงเหรอตอนนี้หลับไปแล้วล่ะ""ขอบคุณนะที่ตามใจเธอทุกอย่างเลย เป็นเพราะฉันที่ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของผิงผิงเห็นว่าเธอไม่ถามหาพ่อ ก็คิดว่าเธอไม่โหยหาฉันนี่เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ไม่รู้แม้กระทั่งความรู้สึกของลูก " เธอเดินนำออกมาและพูดคำพูดที่เธอรู้สึกให้จางจื่อจือฟัง เขาปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะตอบกลับฟู่เยี่ยน"เพราะผิงผิงรักเธอมากนะสิ ถึงไม่เคยงอแงเรื่องพ่อขึ้นมาสักครั้ง ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าความต้องการของผิงผิงคืออะไร ถ้าอยากให้ลูกมีความสุขก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะนะ ไม่ใช่แค่ผิงผิงที่ต้องการฉันเองก็ต้องการเธอเช่นเดียวกัน ระหว่างที่เรามาอยู่บ้านหลังเดียวกันฉันมีความสุขมากเลยนะ กลับจากที่ทำงานทุกวันเพราะคิดว่ามีคนรอคอยอยู่ที่บ้านกลับมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา จนตอนนี้เหมือนฉันเองก็ติดและหลงผิงผิงไปแล้ว เธอพาผิงผิงออกไปฉันคงเศร้าใจ" ฟู่เยี่ยนเริ่มลังเลและคิดว่านี่คือภารกิจที่ฉิงเชาบอกเมื่อครู่กันนะ เรื่องย้ายบ้านเ
บทที่ 21 ทำให้คนรักมีความสุขรุ่งเช้าวันต่อมาไม่รู้ว่าเพราะเธอเหน็ดเหนื่อยหรือสบายใจทำให้หัวถึงหมอนหลับไปเลยทันทีตื่นเช้ามาเธอยังไม่คุ้นชินเพราะเป็นเช้าแรกที่ย้ายมาอยู่บ้านของจางจื่อจือ เธอตื่นขึ้นมาเห็นพ่อของเขานั่งจิบน้ำชาอยู่ที่โต๊ะอาหารเธอรีบเข้าไปทักทาย“เมื่อคืนนี้นอนสบายดีมั้ย?” ไม่ทันทีที่เธอจะได้เอ่ยถามก็ถูกเขาเอ่ยถามเสียก่อน“นอนสบายดีค่ะแล้วคุณลุงละคะนอนสบายดีมั้ย”“คนแก่อย่างฉันเวลามีความสุขมักจะนอนสบายเป็นอย่างดีเลยล่ะ ฉันได้ยินว่าเธอเป็นเจ้าของร้านที่ใหญ่ในละแวกนี้เลยใช่มั้ย?”“ฉันเป็นเจ้าของร้านเหมียวเหมียวที่ไม่ได้ใหญ่อะไร กิจการที่ทำอยู่กำลังขยายตัวและเพิ่งขยายร้านเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ”“เธอเป็นคนฉลาดจริง ๆ เก่งในเรื่องธุรกิจและการจัดการอย่างนั้นเธอเองก็ไม่ค่อยมีเวลาสินะ อย่างนั้นต่อจากนี้ถ้าฉันคิดถึงหนูผิงผิงจะมาหาพวกเธอที่นี่เอง”“คุณพ่อจะเดินทางกลับแล้วหรือครับไม่อยู่ต่ออีกหน่อยล่ะครับ เดี๋ยววันหยุดผมจะไปส่งคุณพ่อเอง”“ไม่เอาล่ะฉันมีฟาร์มต้องดูแล หนูฟู่เยี่ยนฝากเจ้านี่ด้วยนะช่วยดูแลให้ฉันที เขาเป็นคนสนใจงานมากกว่าร่างกายตัวเองเสียอีก วัน ๆ สนใจแต่ทำงานไม่รู้กินอา