มือคู่นั้นเกาะสายไฟอย่างสั่นเทา มือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน
“ทำไมเธอจะต้องคอยทำเครื่องดื่มให้คนพวกนั้นด้วย ทำไมเป็นฉันไม่ได้...อลิษา”
วัยเด็กของราเชนทร์ในบ้านเด็กกำพร้า เขามักจะถูกหมาง ด้วยความที่เป็นคนเก็บตัว เด็กคนอื่นมองว่าเขาเป็น "ตัวประหลาด" เพราะความเงียบขรึมและไม่เข้าหาใคร แม้คนที่ดูแลบ้านเด็กกำพร้าก็ไม่ได้ใส่เขา
มีเพียงอลิษาที่นึกสงสารในโชคชะตานั้น เธอคอยให้ความช่วยเหลือราเชนทร์ เป็นคนแรกที่ไม่หันหลังให้เขา ทำให้ความรักและคลั่งไคล้ที่ราเชนทร์ที่มีต่ออลิษานั้นดูรุนแรง เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียของสำคัญอย่างเธอไป
หลายวันผ่านไปอลิสาก็ยังคงมาทำงานที่ผับเดอะริชเหมือนเช่นเคย ชงเครื่องดื่มเมนูแล้วเมนูเหล่าให้กับลูกค้า มีเพียงสิ่งหนึ่งที่อลิสารู้สึกได้ว่าเปลี่ยนไป
วายุแวะเวียนมาที่นี่บ่อยขึ้น เขามักจะมานั่งที่เคาท์เตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มวิสกี้เหมือนเดิมทุกวัน และแน่นอนว่าคนที่ต้องทำเครื่องดื่มให้กับวายุก็คืออลิษานั่นเอง
แม้จะมีสาวสวยมาขอชนแก้วครั้งแล้วครั้งเล่าแต่วายุก็ไม่สนใจ เขาเอาแต่นั่งตรงบาร์ตัวเดิมตำแหน่งเดิม ใกล้ๆ กับบริเวณที่อริสากำลังยืนทำงานอยู่ อลิษาที่วุ่นวายกับการทำงาน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นวายุแล้ว เห็นแค่เพียงแก้วิสกี้ที่ดื่มไปได้แค่ครึ่งเดียว
“สงสัยเขาคงจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก”
"วี๊วอ! วี๊วอ! วี๊วอ!" เสียงสัญญาณไฟไหม้ดังไปทั่ว ความตื่นตระหนกไหลทะลักเข้ามาในหัวใจของทุกคนที่ได้ยินเสียงของมัน
“ว้าย มีคนวางเพลิง!” ทุกคนในผับต่างวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ควันไฟสีดำทะลุพวยพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง หลายคนออกมาถึงประตูหน้าได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถฝ่าเพลิงที่โหมกระหน่ำออกมาได้
ในมุมมืด ชายหนุ่มสวมหมวกดำและแจ็คเก็ตซอมซ่อกำลังมองมายังทิศทางของเพลิง
“อลิษา ผมเคยบอกคุณแล้วว่าไม่ให้เข้าใกล้ชายอื่น แต่คุณก็ไม่ฟังผม ฉะนั้นจงตายอยู่ในกองเพลิงนี้เสียเถอะ” พูดจบแล้วราเชนทร์ก็หันหลังจากไปทันที ทิ้งหญิงสาวและเหยื่อบริสุทธิ์มากมายให้ตายในกองเพลิง
“แค่ก แค่ก” มือเรียวบางถูกยกขึ้นมาปิดจมูก อลิษาได้แต่คลานลงต่ำเพื่อหลบควันดำที่ลอยอยู่ด้านบน แต่ความร้อนจากเพลิงที่ลามเข้ามาใกล้ทำให้สิ่งรอบตัวดูพร่ามัวไปหมด
เธอรู้สึกได้ว่าสติของตัวเองกำลังจะหมดลงทุกที
“นี่หรือ จุดจบของคนสู้ชีวิตอย่างฉัน” คิดแล้วก็รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน อุตส่าห์พยายามหาเลี้ยงตัวเองมาหลายปี เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดี แต่กลับต้องมาตายในกองเพลิงนี้
ในขณะที่ลมหายใจของหญิงสาวกำลังจะหมดลง...
“อลิษา คุณอยู่ตรงไหน? อดทนไว้นะ ผมจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้!” เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความร้อนรนดังก้องท่ามกลางความวุ่นวาย มันแทรกผ่านเสียงเปลวเพลิงเข้ามายังโสตประสาทของเธอที่เหลือน้อยเต็มที
“เสียงของใครกัน...”
เด็กกำพร้าอย่างที่ไม่มีใครเหลียวแลมาตลอดอย่างอลิษางั้นหรือ จะมีใครที่เรียกหาเธออย่างกระวนกระวายแบบนี้?
เป็นไปไม่ได้หรือเธอกำลังจินตนาการไปเอง ด้วยความหวังที่ว่าใครสักคนจะมาช่วยเอให้รอดพ้นจากความตาย
แต่เดี๋ยวนะ...เสียงนี้...ทำไมถึงคุ้นจัง?
“วายุ...เป็นนายหรือเปล่า?”
แสงแดดรำไรส่องผ่านเข้ามา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง กลิ่นหอมเย็นของกำยานจันทน์หอมกำลังลอยอบอวลชวนให้ผ่อนคลายอลิษาค่อยๆ ลืมเปลือกตาขึ้นมา หรี่ตาสู้กับแสงเพื่อที่จะมองว่าภาพเบื้องหน้าของเธอนั้นคือสถานที่ใดกันแน่ เธอเข้ามาพักฟื้นที่โรงพยาบาล หรือว่าเสียชีวิตแล้วได้ขึ้นสวรรค์ผนังห้องทั้งสี่ทิศเป็นลายไม้ดูโบราณมาก จะบอกว่าเป็นโรงพยาบาลมันก็แปลกมากทีเดียว หรือว่าเธอตายไปแล้วขึ้นสวรรค์กันแต่เธอก็ต้องตกใจเพราะบรรยากาศมันดูวินเทจแปลกตาเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังหลุดเข้าไปมินิซีรี่ย์จีนโบราณที่อยู่ตามแอพโทรศัพท์มือถือหลังจากนั้นภาพก็ไหลเข้ามาในสมองของอลิษา คล้ายกับว่าเป็นกระแสความทรงจำของใครคนหนึ่ง“ไป๋ลู่...”ดรุณีน้อยรูปงามย่างเท้าออกมานอกจวนในยามวิกาล พร้อมกับควันจางๆ ที่พรั่งพรูออกมาพร้อมกับลมหายใจ นางมองไปยังสระน้ำเบื้องหน้า แววตาคู่งามแลดูมีความเหยื่อยล้าอยู่ในนั้น“ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านโหวกำลังจะกลับมา...”แม้จะบอกว่าให้ตัดใจจากบุรุษผู้นั้น แต่แววตาของนางช่างตรงข้ามกับสิ่งที่คิดเสียเหลือเกิน นางไม่อาจปล่อยวาง ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คงไม่อนุญาตให้นางอยู่เคียงข้างเขาในฐานะภรรยาอีกแล้ว“ตู้ม!”ดรุณ
หลังจากที่นั่งและนอนทำใจอยู่หลายชั่วนาที อลิษาจึงตัดสินใจที่จะสวมรอยเป็นไป๋ลู่และใช้ชีวิตที่นี่ไปก่อน หากในวันหน้าสามารถหาหนทางไปได้ ค่อยว่ากันอีกทีสักวันเธออาจจะได้กลับไปยังโลกเดิมที่จากมาก็เป็นได้...อีกฟากฝั่งหนึ่งของจวน ในศาลาเล็กริมสวนใหญ่ที่มีดอกเหมยแดงบานสะพรั่งท้าลมหนาว เอกบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งคอยฮูหยินของเขาอยู่บนโต๊ะหินทรงกลมที่มีอาหารวางอยู่เรียงรายดวงตาเฉี่ยวคมสีทองอร่าม เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดอย่างเป็นระเบียบในชุดสีแดง ซึ่งเป็นสีประจำตัวของโหวแห่งดินแดนเหนือ “หวังจิ่นหรง”คือแม่ทัพใหญ่หนึ่งในสี่ของแผ่นดิน ได้รับบรรดาศักดิ์โหวสืบต่อจากบิดาที่ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน“ท่านโหวขอรับ” ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดเกราะก้าวเข้ามายังศาลาเล็ก เพื่อนำข่าวมาแจ้งแก่ผู้เป็นนายของเขา“ว่าอย่างไร หานชิง” หวังจิ่นหรงพียงปรายตามองไปยังคนสนิทของเขา โดยยังคงมองตรงไปยังทางด้านหน้า ราวกับกำลังจดจ่อรอคอยการมาถึงของใครบางคน“ภารกิจที่ท่านมอบหมายให้กองทัพ มีพลทหารคนหนึ่งทำผิดพลาดขอรับ เขาดื่มสุราจนเมาและเผลอแพร่งพรายแผนการออกไป”“ข้าเกลียดคำว่าผิดพลาดยิ่งนัก!” เสียงทุ้มต่ำดูนุ่มลึก แต่ทว่ามันกลับเจ
“นี่ก็ผ่านไปหลายเค่อแล้ว ฮูหยินของข้านั้นมีปัญหาอันใด ทำไมถึงยังไม่มาหาข้า”“ท่านโหวเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะไปตามฮูหยินมาให้ท่านเอง”บ่าวรับใช้สาวผู้มีใบหน้าสวยงามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวานล้ำ“รบกวนเจ้าด้วย เหลียนฮวา”หวังจิ่นหรงกล่าวออกมาโดยที่ไม่หันไปมอง เสียงทุ้มต่ำนั้นเรียบนิ่งแต่ดุดันเหมือนกับสั่งงานพลทหารอย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าความงดงามของบ่าวคนนี้ไม่ได้ส่งผลตอ่หัวใจที่แข็งราวกับเหล็กกล้าของเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อก้าวเท้าถอยหลังออกมาจากศาลาเล็ก เหลียนฮวาหมุนตัวออกไป โดยที่มือเรียวกำลังกำจิกชายกระโปรงแน่น ราวกับคำว่า “ฮูหยิน” ที่หลุดออกมาจากปากนั้นเป็นราวกับหนอนแมลงวันที่น่ารังเกียจแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกไป ฮูหยินที่นางจงเกลียดจงชังก็เข้ามายังบริเวณสวนสวยเป็นที่เรียบร้อยไป๋ลู่ย่างกรายเข้ามาอย่างอ่อนช้อย วันนี้นางสวมใส่อาภรณ์สีเขียวอ่อน ประดับเรือนผมสีปีกกาด้วยผ้าผูกผมสีแดงและเครื่องประดับผมที่มีรูปร่างคล้ายพัด สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็น โดยเฉพาะเจ้าของจวนใหญ่แห่งนี้ใบหน้าคมที่ดูเคร่งขรึมนั้นกลับขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ราวกับว่าสตรีตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับ
“ไป๋ลู่!” ภรรยาคนนี้ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว ขนาดวันแรกที่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันในฐานะสามีภรรยายังเป็นได้ขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ควบคุมนางให้อยู่หมัด มีหวังว่าในอนาคตนางจะต้องนำความยุ่งยากมาให้ที่จวนโหวแห่งนี้อย่างแน่นอน“วันหลังหากท่านหิวข้าวหรืออยากรับสำรับอาหารแจ้งกับบ่าวได้เลย ไม่ต้องรอข้าอีก เพราะข้าจะไม่ขอไม่ร่วมโต๊ะกับท่าน เกรงว่าข้าคงมารยาทไม่ดีพอที่จะอยู่ร่วมชายคากับท่าน”ไป๋ลู่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังเดินจากไป ทิ้งท่านโหวแดนเหนือผู้ยิ่งใหญ่ให้ยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่ศาลาโดยที่ไม่สนว่าเขาจะทำอย่างไรกับนางต่อไป“ลู่เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้?”แววตาของหวังจิ่นหรงที่มองคล้อยหลังไป๋ลู่ไปนั้นกลับเกิดประกายวูบไหวอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากศาลาไปด้วยความขุ่นเคืองด้านท้ายของจวนโหว ฮูหยินคนงามกำลังนั่งปรับทุกข์กับต้นเหมยแดงต้นหนึ่ง แม้ในจวนแห่งนี้จะมีต้นเหมยแดงมากมาย แต่ว่าต้นไม้ต้นนี้ใหความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ไม่รู้ว่าทำไมแต่นางรู้สึกคุ้นเคยกับเหมยแดงต้นนี้เป็นอย่างมากไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับความทรงจำของร่างเดิมหรือไม่ เพราะกระแสความทรงจำนั้นได้ฉายให้เห็นเ
“คุณอลิษาใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ”“กระผมสารวัตรสมเจตน์นะครับ ทางเรานั้นอยากจะมาแจ้งข่าวให้คุณทราบว่านายราเชนทร์นั้นได้ถูกทางตำรวจปล่อยตัวออกมาแล้ว เนื่องจากหลักฐานที่มีไม่เพียงพอที่จะเอาผิดได้”“ค่ะ...”“ถ้าเขามาป้วนเปี้ยนรอบตัวคุณหรือสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างของคุณอีก สามารถโทรแจ้งผมที่เบอร์นี้ได้เลยนะครับ”“ขอบคุณมากค่ะ คุณสารวัตร” ช่างเป็นบทสนทนาสั้นๆ ที่สามารถทำให้หนักใจได้เสียจริงในยามค่ำคืนที่เงียบสงบของกรุงเทพมหานคร ใครหลายคนกำลังหลับใหล แต่ทว่าหลายคนก็ยังวุ่นวายกับการทำงาน และอลิษาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น“ซ่าาา""เชค เชค เชค""แกร๊กๆ แกร๊กๆ"เสียงเขย่าขึ้นลงของแก้วเชคที่มีน้ำแข็งและส่วนผสมของเหล้าอยู่ในนั้น กำลังถูกสร้างสรรค์โดยอลิษา มันเป็นเครื่องดื่มเมนูซิกเนจอร์ของผับเดอะริช สถานที่ท่องราตรีที่มีชื่อเสียงในขณะนี้“ฉ่อก ฉ่อก” เครื่องดื่มซิกเนเจอร์กำลังถูกเทลงในแก้วค็อกเทลสีใส จังหวะการเขย่าของอลิษานั้นคลอเคลียไปกับเสียงเพลงมันส์ในยามค่ำคื่นท่ามกลางเสียงและบรรยากาศที่ดูสนุกและเมามันส์นั้น มือที่เขย่าอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นกลับความอ่อนแรงเอาไว้ภายในใจเมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ออกจาส
“ไป๋ลู่!” ภรรยาคนนี้ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว ขนาดวันแรกที่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันในฐานะสามีภรรยายังเป็นได้ขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ควบคุมนางให้อยู่หมัด มีหวังว่าในอนาคตนางจะต้องนำความยุ่งยากมาให้ที่จวนโหวแห่งนี้อย่างแน่นอน“วันหลังหากท่านหิวข้าวหรืออยากรับสำรับอาหารแจ้งกับบ่าวได้เลย ไม่ต้องรอข้าอีก เพราะข้าจะไม่ขอไม่ร่วมโต๊ะกับท่าน เกรงว่าข้าคงมารยาทไม่ดีพอที่จะอยู่ร่วมชายคากับท่าน”ไป๋ลู่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังเดินจากไป ทิ้งท่านโหวแดนเหนือผู้ยิ่งใหญ่ให้ยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่ศาลาโดยที่ไม่สนว่าเขาจะทำอย่างไรกับนางต่อไป“ลู่เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้?”แววตาของหวังจิ่นหรงที่มองคล้อยหลังไป๋ลู่ไปนั้นกลับเกิดประกายวูบไหวอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากศาลาไปด้วยความขุ่นเคืองด้านท้ายของจวนโหว ฮูหยินคนงามกำลังนั่งปรับทุกข์กับต้นเหมยแดงต้นหนึ่ง แม้ในจวนแห่งนี้จะมีต้นเหมยแดงมากมาย แต่ว่าต้นไม้ต้นนี้ใหความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ไม่รู้ว่าทำไมแต่นางรู้สึกคุ้นเคยกับเหมยแดงต้นนี้เป็นอย่างมากไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับความทรงจำของร่างเดิมหรือไม่ เพราะกระแสความทรงจำนั้นได้ฉายให้เห็นเ
“นี่ก็ผ่านไปหลายเค่อแล้ว ฮูหยินของข้านั้นมีปัญหาอันใด ทำไมถึงยังไม่มาหาข้า”“ท่านโหวเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะไปตามฮูหยินมาให้ท่านเอง”บ่าวรับใช้สาวผู้มีใบหน้าสวยงามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวานล้ำ“รบกวนเจ้าด้วย เหลียนฮวา”หวังจิ่นหรงกล่าวออกมาโดยที่ไม่หันไปมอง เสียงทุ้มต่ำนั้นเรียบนิ่งแต่ดุดันเหมือนกับสั่งงานพลทหารอย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าความงดงามของบ่าวคนนี้ไม่ได้ส่งผลตอ่หัวใจที่แข็งราวกับเหล็กกล้าของเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อก้าวเท้าถอยหลังออกมาจากศาลาเล็ก เหลียนฮวาหมุนตัวออกไป โดยที่มือเรียวกำลังกำจิกชายกระโปรงแน่น ราวกับคำว่า “ฮูหยิน” ที่หลุดออกมาจากปากนั้นเป็นราวกับหนอนแมลงวันที่น่ารังเกียจแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกไป ฮูหยินที่นางจงเกลียดจงชังก็เข้ามายังบริเวณสวนสวยเป็นที่เรียบร้อยไป๋ลู่ย่างกรายเข้ามาอย่างอ่อนช้อย วันนี้นางสวมใส่อาภรณ์สีเขียวอ่อน ประดับเรือนผมสีปีกกาด้วยผ้าผูกผมสีแดงและเครื่องประดับผมที่มีรูปร่างคล้ายพัด สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็น โดยเฉพาะเจ้าของจวนใหญ่แห่งนี้ใบหน้าคมที่ดูเคร่งขรึมนั้นกลับขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ราวกับว่าสตรีตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับ
หลังจากที่นั่งและนอนทำใจอยู่หลายชั่วนาที อลิษาจึงตัดสินใจที่จะสวมรอยเป็นไป๋ลู่และใช้ชีวิตที่นี่ไปก่อน หากในวันหน้าสามารถหาหนทางไปได้ ค่อยว่ากันอีกทีสักวันเธออาจจะได้กลับไปยังโลกเดิมที่จากมาก็เป็นได้...อีกฟากฝั่งหนึ่งของจวน ในศาลาเล็กริมสวนใหญ่ที่มีดอกเหมยแดงบานสะพรั่งท้าลมหนาว เอกบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งคอยฮูหยินของเขาอยู่บนโต๊ะหินทรงกลมที่มีอาหารวางอยู่เรียงรายดวงตาเฉี่ยวคมสีทองอร่าม เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดอย่างเป็นระเบียบในชุดสีแดง ซึ่งเป็นสีประจำตัวของโหวแห่งดินแดนเหนือ “หวังจิ่นหรง”คือแม่ทัพใหญ่หนึ่งในสี่ของแผ่นดิน ได้รับบรรดาศักดิ์โหวสืบต่อจากบิดาที่ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน“ท่านโหวขอรับ” ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดเกราะก้าวเข้ามายังศาลาเล็ก เพื่อนำข่าวมาแจ้งแก่ผู้เป็นนายของเขา“ว่าอย่างไร หานชิง” หวังจิ่นหรงพียงปรายตามองไปยังคนสนิทของเขา โดยยังคงมองตรงไปยังทางด้านหน้า ราวกับกำลังจดจ่อรอคอยการมาถึงของใครบางคน“ภารกิจที่ท่านมอบหมายให้กองทัพ มีพลทหารคนหนึ่งทำผิดพลาดขอรับ เขาดื่มสุราจนเมาและเผลอแพร่งพรายแผนการออกไป”“ข้าเกลียดคำว่าผิดพลาดยิ่งนัก!” เสียงทุ้มต่ำดูนุ่มลึก แต่ทว่ามันกลับเจ
แสงแดดรำไรส่องผ่านเข้ามา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง กลิ่นหอมเย็นของกำยานจันทน์หอมกำลังลอยอบอวลชวนให้ผ่อนคลายอลิษาค่อยๆ ลืมเปลือกตาขึ้นมา หรี่ตาสู้กับแสงเพื่อที่จะมองว่าภาพเบื้องหน้าของเธอนั้นคือสถานที่ใดกันแน่ เธอเข้ามาพักฟื้นที่โรงพยาบาล หรือว่าเสียชีวิตแล้วได้ขึ้นสวรรค์ผนังห้องทั้งสี่ทิศเป็นลายไม้ดูโบราณมาก จะบอกว่าเป็นโรงพยาบาลมันก็แปลกมากทีเดียว หรือว่าเธอตายไปแล้วขึ้นสวรรค์กันแต่เธอก็ต้องตกใจเพราะบรรยากาศมันดูวินเทจแปลกตาเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังหลุดเข้าไปมินิซีรี่ย์จีนโบราณที่อยู่ตามแอพโทรศัพท์มือถือหลังจากนั้นภาพก็ไหลเข้ามาในสมองของอลิษา คล้ายกับว่าเป็นกระแสความทรงจำของใครคนหนึ่ง“ไป๋ลู่...”ดรุณีน้อยรูปงามย่างเท้าออกมานอกจวนในยามวิกาล พร้อมกับควันจางๆ ที่พรั่งพรูออกมาพร้อมกับลมหายใจ นางมองไปยังสระน้ำเบื้องหน้า แววตาคู่งามแลดูมีความเหยื่อยล้าอยู่ในนั้น“ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านโหวกำลังจะกลับมา...”แม้จะบอกว่าให้ตัดใจจากบุรุษผู้นั้น แต่แววตาของนางช่างตรงข้ามกับสิ่งที่คิดเสียเหลือเกิน นางไม่อาจปล่อยวาง ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คงไม่อนุญาตให้นางอยู่เคียงข้างเขาในฐานะภรรยาอีกแล้ว“ตู้ม!”ดรุณ
มือคู่นั้นเกาะสายไฟอย่างสั่นเทา มือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน“ทำไมเธอจะต้องคอยทำเครื่องดื่มให้คนพวกนั้นด้วย ทำไมเป็นฉันไม่ได้...อลิษา”วัยเด็กของราเชนทร์ในบ้านเด็กกำพร้า เขามักจะถูกหมาง ด้วยความที่เป็นคนเก็บตัว เด็กคนอื่นมองว่าเขาเป็น "ตัวประหลาด" เพราะความเงียบขรึมและไม่เข้าหาใคร แม้คนที่ดูแลบ้านเด็กกำพร้าก็ไม่ได้ใส่เขามีเพียงอลิษาที่นึกสงสารในโชคชะตานั้น เธอคอยให้ความช่วยเหลือราเชนทร์ เป็นคนแรกที่ไม่หันหลังให้เขา ทำให้ความรักและคลั่งไคล้ที่ราเชนทร์ที่มีต่ออลิษานั้นดูรุนแรง เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียของสำคัญอย่างเธอไปหลายวันผ่านไปอลิสาก็ยังคงมาทำงานที่ผับเดอะริชเหมือนเช่นเคย ชงเครื่องดื่มเมนูแล้วเมนูเหล่าให้กับลูกค้า มีเพียงสิ่งหนึ่งที่อลิสารู้สึกได้ว่าเปลี่ยนไปวายุแวะเวียนมาที่นี่บ่อยขึ้น เขามักจะมานั่งที่เคาท์เตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มวิสกี้เหมือนเดิมทุกวัน และแน่นอนว่าคนที่ต้องทำเครื่องดื่มให้กับวายุก็คืออลิษานั่นเองแม้จะมีสาวสวยมาขอชนแก้วครั้งแล้วครั้งเล่าแต่วายุก็ไม่สนใจ เขาเอาแต่นั่งตรงบาร์ตัวเดิมตำแหน่งเดิม ใกล้ๆ กับบริเวณที่อริสากำลังยืนทำงานอยู่ อลิษาที่วุ่นวายกับการทำงา
“คุณอลิษาใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ”“กระผมสารวัตรสมเจตน์นะครับ ทางเรานั้นอยากจะมาแจ้งข่าวให้คุณทราบว่านายราเชนทร์นั้นได้ถูกทางตำรวจปล่อยตัวออกมาแล้ว เนื่องจากหลักฐานที่มีไม่เพียงพอที่จะเอาผิดได้”“ค่ะ...”“ถ้าเขามาป้วนเปี้ยนรอบตัวคุณหรือสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างของคุณอีก สามารถโทรแจ้งผมที่เบอร์นี้ได้เลยนะครับ”“ขอบคุณมากค่ะ คุณสารวัตร” ช่างเป็นบทสนทนาสั้นๆ ที่สามารถทำให้หนักใจได้เสียจริงในยามค่ำคืนที่เงียบสงบของกรุงเทพมหานคร ใครหลายคนกำลังหลับใหล แต่ทว่าหลายคนก็ยังวุ่นวายกับการทำงาน และอลิษาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น“ซ่าาา""เชค เชค เชค""แกร๊กๆ แกร๊กๆ"เสียงเขย่าขึ้นลงของแก้วเชคที่มีน้ำแข็งและส่วนผสมของเหล้าอยู่ในนั้น กำลังถูกสร้างสรรค์โดยอลิษา มันเป็นเครื่องดื่มเมนูซิกเนจอร์ของผับเดอะริช สถานที่ท่องราตรีที่มีชื่อเสียงในขณะนี้“ฉ่อก ฉ่อก” เครื่องดื่มซิกเนเจอร์กำลังถูกเทลงในแก้วค็อกเทลสีใส จังหวะการเขย่าของอลิษานั้นคลอเคลียไปกับเสียงเพลงมันส์ในยามค่ำคื่นท่ามกลางเสียงและบรรยากาศที่ดูสนุกและเมามันส์นั้น มือที่เขย่าอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นกลับความอ่อนแรงเอาไว้ภายในใจเมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ออกจาส