เมื่อทุกคนได้ยินซูซานหลางพูดแบบนั้น ยังไม่อะไรที่ไม่เข้าใจอยู่งั้นเหรอ โดยต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว “เพื่อกระต่ายตัวเดียวถึงกับคิดฆ่าพี่สาวของตัวเอง คนแบบนี้น่ะ ช่างโหดเหี้ยมเสียจริงๆ!” “ใช่ๆ นางหวางยังพาคนมาอาละวาดอย่างไม่อายแบบนี้อีก! ช่างเลอะเลือน และร้ายกาจเสียจริงๆ!” และนางห
ใบหน้าของป้าหวังมืดมนยิ่งกว่าเดิม นางจัดระเบียบเสื้อผ้า แล้วพูดว่า“นี่ป้า การที่ข้ายืนอยู่ที่นี่โดยไม่จากไปไหนก็เพราะเห็นแก่อาหวั่น ส่วนคนในบ้านของพวกเจ้า ข้าขี้เกียจที่จะสนทนาด้วยอยู่แล้ว ต่ำทรามด้วยกันทั้งนั้น” ซูหวั่นพยักหน้าเป็นการขอบคุณป้าหวัง และมองมายังแม่เฒ่าเซี่ยงอีกครั้ง“ท่านย่า น้
เดิมทีมันก็เป็นความผิดของบ้านใหญ่ คิดที่จะปีนป่ายคนใหญ่คนโต แต่คิดไม่ถึงเลยว่าใครเขาจะไม่ต้องการซูฝูเสียแล้ว โดยยังทำให้ตระกูลซูต้องวุ่นวายไปหมดอีก และก็ไม่รู้ว่าซูฝูไปเอาความกล้ามาจากไหนที่อุ้มท้องโตกลับมาบ้านแบบนี้ แม่เฒ่าเซี่ยงเหล่ตามองมายังนางหวาง และคิดทบทวนเรื่องนี้ในใจไปด้วย เพราะ
ถุย! แม้ว่าในใจของนางจางจะคิดแบบนั้น แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับมากขึ้นกว่าเดิมมาก เมื่อนางหวางได้รับคำตอบแบบนั้น นางก็ยิ้มอย่างสดใสเช่นกัน …… ในห้องทิศตะวันออก ซูหวั่นนอนอยู่บนเตียงอิฐไฟเมื่ออาบน้ำเสร็จ ผ้าห่มฟางหญ้าได้เอาออกไปตากแดดแล้ว จึงไม่มีกลิ่นราอีกต่อไป และมันก็เต็มไปด้วยกลิ่
ป่วยเป็นอะไร นางไปดูแล้วถึงจะรู้ “ได้ๆ!” ป้าหวังปาดน้ำตาและเดินนำทางไป นางหลี่รีบเดินตามมาจากด้านหลัง และยังปิดประตูให้“ข้าจะไปด้วย!” ดึกดื่นขนาดนี้ ด้านนอกก็ไร้แสงไฟ ซูหวั่นไม่อยากให้นางหลี่ไปด้วย เพราะหากเกิดหกล้มขึ้นมา เด็กในท้องจะรักษาเอาไว้ไม่อยู่ แต่นางหลี่ยังคงยืนกรานอยู่อ
ก่อนที่ฉ่ายอวิ๋นจะได้ถามออกมา ป้าหวังก็ได้พูดด้วยความร้อนใจออกมาเสียก่อนว่า“โรคอะไร?” แค่ป่วยเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว! ในที่สุดชื่อเสียงของลูกสาวก็สามารถรักษาเอาไว้ได้ เพียงแต่ว่าท้องที่โตนี้จะทำอย่างไรดี ซูหวั่นสวมเสื้อผ้าให้ฉ่ายอวิ๋น แล้วบอกให้ป้าหวังนำกระดาษและปากกามาให้ นางเขียนใบสั่งยา
ซูหวั่นจังมือของนางหลี่ แล้วพูดปลอบโยนว่า“เป็นพยาธิที่ดูดเลือดค่ะ แค่ฆ่าพวกมันให้ตาย ท้องของพี่ฉ่ายอวิ๋นก็จะยุบลงไปแล้ว พวกเราไม่มีหรอกค่ะ ท่านแม่สบายใจได้” นางหลี่รู้สึกหนาวสั่นเมื่อนึกถึงท้องของฉ่ายอวิ๋น และก็ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่ซูหวั่นกลับกำลังคิดถึงสาเหตุของอาการป่วยนี้อย
…… ซูฉางโซว่และซูซานหลางกลับมาจากภูเขาด้วยความหิวโหย เขาโกรธมาก หลังจากดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ท้องของเขาก็กลับร้องโครกครากเสียงดังออกมา และถลึงตาใส่นางหวาง พร้อมกับพูดว่า“มันมีสัตว์อะไรกันล่ะ ข้ากับซานหลางเฝ้าอยู่ครึ่งค่อนวัน แม้แต่ขนก็ยังไม่เห็นเลย!” นางหวางขมวดคิ้ว และคิดว่ามันจะเป็น
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห