“ตอนนี้มันเป็นยังไง ประคบประหงมลูกสะใภ้อย่างกับอะไร บอกว่าไม่กลัวใครเขาจะหัวเราะเยาะและเข้าใจผิดเหรอ”ยิ่งพูดแม่เฒ่าเซี่ยงก็ยิ่งอุกอาจ โดยที่ใบหน้าของพ่อเฒ่าซูนั้นกลับดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็คิดว่าภรรยาเฒ่าของตัวเองช่างโง่จนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ คำพูดอะไรก็สามารถพูดออกมาได้ทั้งนั้น “ยัยเ
แม่เฒ่าเซี่ยงขี้เกียจเกินกว่าจะฟังคำพูดของซูหวั่น ดื้อดึง ในความคิดของนาง การที่ซูหวั่นปฏิเสธที่จะแต่งงานกับตระกูลเจิ้งจนฆ่าตัวตายนั้น ก็เพื่อที่จะได้อยู่กับเจียงถงลู่นั่นเอง ตอนนี้พ่อเฒ่าซูได้กลับมาแล้ว สมองของนางก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เอะอะก็จะเล่นแต่ละครการขู่บังคับ ซูหว
ซูลิ่วหลางขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เมื่อขอบตาเจ็บแปลบๆ น้ำตาก็ได้ไหลออกมาเป็นสาย นางหลี่ย่อตัวลง และลูบศีรษะของซูลิ่วหลางด้วยความรัก“แม่ไม่ระวังตัวแล้วไปกระแทกกับขอบโต๊ะเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่กี่วันก็หายแล้ว” ซูลิ่วหลางเอาตัวถูกับนางหลี่ไปมา พร้อมกับเป่าไปที่นางหลี่เบ
พ่อเฒ่าซูสูบบุหรี่ และบอกให้ซูหวั่นไปทำงานของตัวเองเถอะ และซูหวั่นก็ไม่ได้อยู่นานเช่นกัน จากนั้นนางก็กลับบ้านเพื่อรายงานอาการป่วยของพ่อเฒ่าซูกับนางหลี่และซูเหลียนเฉิงโดยตรง จากนั้นไม่นาน ซูชิงก็ได้พาคนอื่นๆมาทำงานที่บ้านแล้ว จากนั้นไม่นาน ถังเสี่ยวจิ่วก็ได้นำกลุ่มองครักษ์มาปรากฏตัวที่หน้
หลังจากส่งถังเสี่ยวจิ่วออกจากบ้านตระกูลซูไปแล้ว ซูหวั่นถึงได้อธิบายที่มาที่ไปของถังเสี่ยวจิ่วให้นางหลี่ฟัง นางหลี่เป็นคนที่ซื่อๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่สูงศักดิ์ นางก็ต้องรู้สึกประหม่าเป็นธรรมดา“อาหวั่น งั้นท่านชายคนนี้ เจ้ารู้ตื้นลึกหนาบางของเขาหรือเปล่า หากไปมาหาสู่กันแบบนี้ มันจะเป็นกา
นางหวางก็ร้อนใจขึ้นมาเช่นกัน โดยที่ตีก้นของซูอู่หลางอยู่ไม่หยุด“เจ้าเด็กบ้า ไม่รู้ว่าเหมือนใครกัน ทำไมถึงขี้ขลาดขนาดนี้ รีบลุกขึ้นมา เสื้อผ้าเลอะไปหมดแล้ว!” ซูอู่หลางยังคงร้องไห้และกลิ้งไปมา นางหวางไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป จึงทำได้เพียงยิ้มให้กับซูหวั่นอย่างทื่อๆ“อาหวั่น เจ้าพาซานหลางและซ
อายุยังน้อย แต่กลับคิดที่จะข่มขู่คนอื่นแล้วงั้นรึ ซูหวั่นจ้องเขม็งมาที่ซานหลาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา ลูกที่นางหวางเลี้ยงดูมา มันก็ไม่ได้ซื่อสัตย์อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เมื่อกี้ยังพูดจาน่าสงสารอยู่เลยนะ และมันก็เปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตาเดียว ซูหวั่นปัดมือออก ความสูงของนาง
ซูหวั่นกระโดดขึ้นโขดหินที่อยู่ข้างๆเพื่อหลบตามสัญชาตญาณ ฟลุ่บ! เสียงน้ำได้ดังขึ้น ซานหลางผลักไม่โดนซูหวั่น เนื่องจากใช้แรงมากเกินไป จึงตกไปในน้ำโดยตรง เขาพยายามตะเกียกตะกายอยู่อย่างนั้น น้ำตาและน้ำมูกไหลออกมาเต็มไปหมด“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย——” ซื่อหลางถึงกับตะลึงงัน เขานั่งจ้ำเบ้าล
มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห
"ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน
เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ
เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม
แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง
ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซูหวั่นถาม โดยปล่อยให้คนเสิร์ฟน้ำชา ไม่ใช่ว่านางแปลกใจ แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว แม่เฒ่าเซี่ยงและพวกเขาก็เข้าหน้ากันไม่ติด และไม่มีใครกลับมาที่บ้านหลักอีก ควรจะห้ามไว้ชัดแจ้งแล้ว เมื่อซูซานหลางมาแล้วแบบนี้ นี่เขาได้รับคำสั่งมาหรือมาเองกันแน่? ซูซานหลางกระแ
"ไม่มีค่ะ ท่านยาย ข้ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้เลยเสียด้วยซ้ำ" หลายคนเห็นซูหวั่นหน้าตาแดงก่ำ และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสี่ยวอาหลีหัวเราะอีกครั้งบนเปล น้ำเสียงของทารกแตกต่างจากเสียงของคนทั่วไปซึ่งทำให้ผู้คนมีความสุขเป็นพิเศษ "ดูสิ เสี่ยวอาหลีของเราก็เห็นด้วยกับส
แม่เฒ่าเซี่ยงสะดุ้ง ตบหน้าอกของนางแล้วพูดว่า "เจ้าจะไล่ข้าออกไปเหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นแม่ของเจ้านะ!" "ใช่!" ซูเหลียนเฉิงผลักนางออกไป "ถ้าท่านคิดว่าท่านเป็นแม่ของข้าจริงๆ ก็รีบออกไป อย่าให้ข้าต้องเป็นฝ่ายไล่ตะเพิดออกไป!" นางจางพูดอย่างกระตือรือร้น พยายามโน้มน้าว "น้องรอง..." ดวงตาของนางเห