บทที่ 6.3การกลับมาของคนที่หายไปอาซาน!ที่แท้ชายแปลกหน้าที่เขาเห็นเพียงด้านหลังเมื่อครู่คือสหายสนิทตั้งแต่เด็กของเขา ถังซาน คิ้วเข้มขมวดแน่นเกิดอะไรขึ้นทำไมเฉินซิ่วลี่ที่รังเกียจถังซานจนไม่ยอมแม้แต่จะไปเหยียบไร่ของอีกฝ่าย วันนี้จึงได้มาด้วยกันแบบนี้“เสื้อผ้าพวกนี้ราคาเท่าไหร่หรือคะ”เสียงหวานที่คุ้นเคยดึงสายตาเขาไปที่คนเจรจาซื้อผ้า ดวงตาคมมองผ้าในมือเรียวแล้วคิ้วที่ขมวดแน่นก็ยิ่งขยับเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม เมื่อเห็นว่าขนาดชุดในมือขาวนั้นเล็กเกินกว่าจะเป็นชุดใหม่ของเฉินซิ่วลี่ แต่กลับพอเหมาะสำหรับเด็กวัย 5 ขวบนี่เธอคงไม่คิดซื้อผ้าให้ลูกๆ ของเขาหรอกนะ หึ! ดวงตะวันคงได้ขึ้นทางทิศตะวันตกกันพอดี“ชุดเด็กพวกนี้ตัวละ 4 หยวน เอากี่ตัวดีจ้ะ”เสียงแม่ค้าเอ่ยบอกราคาด้วยท่าทางสดใส แม้สองสามีภรรยาตรงหน้าจะดูแต่งตัวธรรมดา แต่ท่าทางที่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วของชายหนุ่มด้านข้างก็ทำให้คนขายผ้าคาดเดาได้ว่าเสื้อผ้าราคานี้สำหรับเขาแล้วไม่ใช่จำนวนเงินที่จ่ายไม่ได้เฉินซิ่วลี่มองชุดที่ดูแล้วเหมาะสมกับเด็กชายทั้งสองอย่างพิจารณา แม้รูปแบบการตัดเย็บจะเหมาะสมกับพวกเขา แต่เนื้อผ้าค่อนข้างแข็งและหยาบ หากใส่จริง
บทที่ 7.1อย่างนั้นไม่สู้พวกเราแยกบ้าน“แม่ค้าโบว์ติดผมนี่ราคาเท่าไหร่หรือคะ”“2 เหมาจ้ะ 3 อัน 5 เหมา นี่แบบใหม่เลยนะ ฉันกำลังไปเอามาวันนี้เอง”“อย่างนั้นฉันเอา 3 อัน”เฉินซิ่วลี่ได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่ค้ากับลูกค้าอีกคนก็สนใจขึ้นมา เมื่อลูกค้าคนนั้นจากไปแล้วก็เปิดบทสนทนาธุรกิจในทันที“แม่ค้าพอดีว่าที่บ้านฉันมีจักรเย็บผ้าและฉันก็พอจะมีฝีมือเย็บปักอยู่บ้าง หากฉันจะทำโบว์ติดผมมาส่งขายให้คุณจะได้ราคาเท่าไหร่หรือ”“2 อัน 1 เหมา”“อะไรกันเมื่อครู่คุณขายไปที่อันละ 2 เหมาไม่ใช่หรือ”ถังซานที่เห็นว่าเฉินซิ่วลี่กำลังถูกแม่ค้าตรงหน้าเอาเปรียบก็เอ่ยคัดค้านในทันที เฉินซิ่วลี่จับต้นแขนหนาของเขาเป็นการปลอบใจ และส่งสายตาเตือนเขา ก่อนจะหันไปยิ้มกับแม่ค้า“พี่ชายของฉันเป็นคนใจร้อนและไม่ค่อยเข้าใจเรื่องค้าขาย อย่างนั้นเข้าเมืองครั้งหน้าฉันลองเอาตัวอย่างมาส่งให้คุณนะคะ”เมื่อได้ยินเฉินซิ่วลี่แนะนำสถานะของตนว่าพี่ชาย ใบหน้าที่ก่อนหน้ามีรอยยิ้มระบายกว้างของถังซานก็หุบลงในทันที ตรงข้ามกลับชายที่ยืนอ่านหนังสือพิมพ์ที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างพึงพอใจโดยไม่รู้ตัว“ได้เลย ลองเอามาก่อนสัก 50 ชิ้น ถ้าขายได้ดีครั้
บทที่ 7.2อย่างนั้นไม่สู้พวกเราแยกบ้านหลังจากกินบะหมี่จนอิ่มท้อง เฉินซิ่วลี่ก็เดินไปที่ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน เธอเลือกซื้อสมุดราคาระดับกลางห้าเล่มและดินสอพร้อมยางลบอีกสามแท่ง“เด็กๆ ใกล้เข้าโรงเรียนแล้ว เธอซื้อมากอีกสักหน่อยก็ได้ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ ถือเป็นของขวัญให้พวกเขา”ถังซานยกเด็กๆ มาอ้างเพราะรู้ดีว่าหากไม่พูดเช่นนี้ เฉินซิ่วลี่คงไม่ยอมให้เขาซื้อของให้อีก“พี่ซาน วันนี้คุณ ซื้อของให้พวกเรามากเกินไปแล้ว หากยังจ่ายเงินให้อีกฉันก็คงเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของคุณแล้ว”“ฉันเป็นคนซื้อให้เอง เธอจะมาเป็นหนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าหากเธออยากชดใช้จริงๆ อย่างนั้นเธอก็ใช้ด้วยอาหารวันละ 3 มื้อ คิดมื้อละ 1 หยวนเป็นอย่างไร”ถึงถังซานจะพูดเช่นนั้นแต่เฉินซิ่วลี่ก็ไม่คิดรับเงินจากเขาเพิ่ม คนที่แอบตามติดสังเกตเด็กๆ กำมือแน่น ทั้งให้ตัดเย็บชุดใหม่ ทั้งให้ชดใช้ด้วยอาหาร 3 มื้อ ถังซานเห็นเฉินซิ่วลี่เป็นภรรยาในบ้านของตนเองหรือยังไง เคยลิ้มรสมือของผู้หญิงคนนี้หรือยัง หึ! ขนาดเขาที่เป็นทหารยังต้องขอเข้าครัวปรุงอาหารกินเองเลย สหายน่าโมโหนี่กลับกล้าเอ่ยปากฝากท้องไว้กับเธอถึง 3 มื้อ ไม่อยากมีชีวิตยืนยาวแล้วหรือไง“ไ
บทที่ 7.3อย่างนั้นไม่สู้พวกเราแยกบ้านเพราะกู้เหยียนบอกให้เฉินซิ่วลี่พักอยู่ที่บ้านเด็กชายทั้งสองคนจึงคอยดูแลเธอทุกฝีก้าว แม้แต่งานครัวก็ไม่ให้เธอทำ ดังนั้นเฉินซิ่วลี่จึงไม่ได้ไปส่งซาลาเปาให้ถังซานมาหลายวันแล้ว แม้แต่ไปเยี่ยมเขาก็ไม่ได้ไป"เมื่อวานพี่ชายไปเยี่ยมลุงสามถังมาแล้วครับ เขาสบายดีไม่มีแผลสาหัสอะไร บนตัวมีแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อย ตอนนี้ไปทำงานที่ไร่ได้แล้วครับ"หลี่ชุนเอ่ยบอกเสียงสดใส วันนี้เขาตื่นแต่เช้าหลังจากทำความสะอาดบ้านก็เข้ามานั่งเฝ้าแม่ในห้องเพื่อคอยดูแล หากเธอต้องการอะไรแค่เพียงเอ่ยปากเขาก็จะไปหยิบมาให้ในทันที"แม่เองก็แค่ฟกช้ำเล็กน้อย อาชุน แม่ว่า...""ได้เวลากินยาแล้วครับ"เฉินซิ่วลี่พูดไม่ทันจบประโยคหลี่หมิงก็เดินถือถาดไม้เข้ามา บนถาดไม้มีข้าวหนึ่งถ้วยและกับข้าวอีกสองอย่าง ที่ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นฝีมือของเด็กชายทั้งสอง"เมื่อเช้าคุณลุงหมอกู้มาเยี่ยมแม่ครับ เขาทำกับข้าวมาฝากพวกเราด้วย บอกว่าแม่ไม่สบายคงเข้าครัวไม่สะดวก"เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาว เพียงถูกคนตบหน้าหนึ่งทีเท่านั้น ต้องดูแลใกล้ชิดถึงเพียงนี้เชียวหรือ นี่พวกเขากังวลมากไปหรือไม่ ทว่าทั้งหมดล้วนเป็นความห่วงใยและห
บทที่ 7.4อย่างนั้นไม่สู้พวกเราแยกบ้าน“หยุดนะ!”เฉินซิ่วลี่พูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปใช้เท้ายันคนตรงหน้า หม่าอิงหงที่ไม่ทันระวังตัวเสียหลักล้มลงกระแทกพื้นร้องโอดครวญลั่น ก่อนจะชี้นิ้วด่าคนด้วยคำหยาบคายมากมาย“เฉินซิ่วลี่แกกล้าถีบฉันเหรอ!”“โอว้คุณนายหลี่! เป็นคุณเเองหรือคะขอโทษด้วย ฉันไม่คิดว่าหญิงแก่ใจร้ายที่ทุบตีเด็กๆ จะเป็นย่าของพวกเขา"จะเป็นย่าของพวกเขา เฉินซิ่วลี่จงใจเน้นคำท้ายประโยค ชาวบ้านที่มามุงดูอยู่นอกรั้วต่างพากันฉะเง้อดูเรื่องสนุกด้านใน บางคนยังวิ่งไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านถังด้วย หม่าอิงหงถูกคนกระซิบนินทาก็ขบกรามพยุงร่างที่ปวดไปทั้งตัวของตนเองลุกขึ้นชี้หน้าคนที่กำลังนั่งกอดปลอบเด็กๆ"นางผู้หญิงชั้นต่ำ สารเลว ฉวยโอกาสตอนฉันกับอันอันไม่อยู่แอบคบชู้ ยังกล้ามาว่าฉันอีกเหรอ"ในยุคนี้การคบชู้นั้นเป็นความผิดร้ายแรงและเรื่องที่น่าอับอายมาก เมื่อหม่าอิงหงประกาศออกมาเช่นนี้ผู้คนก็เริ่มซุบซิบนินทาเฉินซิ่วลี่กันซึ่งหน้า"คุณกล่าวหาฉันเช่นนี้ออกจะร้ายแรงไปหน่อยหรือไม่”ตอนนี้เฉินซิ่วลี่ไม่สนใจคำซุบซิบของชาวบ้าน แต่ที่เธอสนใจก็คือหากเรื่องนี้ถูกพ่อตัวร้ายหลี่อันเฉิงรู้เข้า ให้เธอทำดีแค่ไหนเขาก็ค
บทที่ 8.1ลงทุนวันนีัรับผลกำไรวันหน้า“ในเมื่อพี่เฉิงก็ตายจากไปแล้ว อย่างนั้นไม่สู้พวกเราแยกบ้านกันเถอะค่ะ”สิ้นคำของเฉินซิ่วลี่รอบตัวก็พลันเงียบงัน เธอเป็นสตรีหม้ายสามีตายอีกทั้งยังมีลูกแฝดวัยเพียง 5 ขวบ คิดแยกบ้านออกไปก็เท่ากับหาทางตันให้ตนเอง ช่างเป็นสตรีไร้ความคิดจริงๆ"อาลี่เธอใจเย็นๆ ก่อน"ผู้ใหญ่บ้านถังพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องราวตรงหน้าด้วยความเป็นกลาง บ้านไหนบ้างไม่มีเรื่องสะใภ้และแม่สามีผิดใจ หากแต่จะมีสักกี่หลังกันที่พวกเขาจบด้วยการแยกบ้านกันจริงๆ แน่นอนว่าประโยคนี้ล้วนพูดเพื่อให้อีกฝ่ายยอมถอยให้ตนเองทั้งสิ้นทว่าสำหรับเฉินซิ่วลี่นั้น การแยกบ้าน จากคนตรงหน้าคือสิ่งแรกที่เธอต้องการจัดการเป็นอันดับแรก เพราะหากไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยภายหน้าคิดกระทำการใดก็ล้วนตกเป็นกิจการของตระกูลหลี่ที่ต้องแบ่งปันผลประโยชน์กับหม่าอิงหงและลูกๆ ของเธอด้วย"ผู้ใหญ่ถังคะ ถึงคุณจะไม่สงสารฉันก็สงสารเด็กๆ เถอะค่ะ เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้วันหน้าคุณนายหลี่ยังจะเลี้ยงดูเด็กๆ ของพวกเราด้วยใจจริงอีกหรือคะ"หม่าอิงหงขบกรามกำมือแน่น ยกมือขึ้นชี้หน้าหญิงสาวจอมเสแสร้งตรงหน้าแล้วตะโกนลั่น “ได้! แยกก็แยก ฉัน
บทที่ 8.2ลงทุนวันนี้รับผลกำไรวันหน้าเพราะได้ถังซานนำรถเกษตรในไร่มาช่วยขนข้าวของ เฉินซิ่วลี่จึงสามารถย้ายทุกอย่างเข้าบ้านพักของเจ้าหน้าที่ประจำสถานพยาบาลหมู่บ้านได้ทันก่อนฟ้ามืด“วันนี้ขอบคุณพี่ซาน กับผู้ใหญ่ถังมากนะคะ คุณหมอกู้ด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยเหลือฉันกับเด็กๆ คงลำบากมาก”เฉินซิ่วลี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจ เดิมทีเธอคิดว่าเจ้าของร่างเดิมร้ายกาจถึงเพียงนั้น หากเกิดเรื่องใดๆ ขึ้นทุกคนคงเมินหน้าหนี เหมือนกับที่ตระกูลเฉินบ้านเดิมของเจ้าของร่างทำในเวลานี้“อาลี่ หากเธอต้องการความช่วยเหลืออย่าได้ลืมว่ามีฉันอยู่”ถังซานเอ่ยบอกเสียงหนักแน่น ดวงตาคมมองหญิงสาวและเด็กๆ ด้วยความห่วงใย ก่อนจะตวัดสายตามองไปยังสหายร่วมชั้นเรียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ“อาเหยียน หวังว่านายจะดูแลเธอให้ดี อย่าได้ลืมว่าเธอเป็นภรรยาของอาเฉิง”“ฉันย่อมไม่ลืมว่าคุณเฉินเป็นภรรยาของอาเฉิง และเขาได้ตายไปแล้ว”กู้เหยียนเอ่ยเสียงหนักแน่นตอบกลับ โดยจงใจเน้นคำว่า ตาย อย่างชัดเจน แววตาที่มักอ่อนโยนอยู่เป็นนิจมองผ่านแว่นกลมไปยังสหายด้วยความแข็งกร้าวไม่หวั่นเกรง ความรู้สึกที่ถังซานมีต่อเฉินซิ่วลี่นั้นเขาที่เป็นผู้ชายเช่นเ
บทที่ 8.3ลงทุนวันนี้รับผลกำไรวันหน้า เช้าวันต่อมาเฉินซิ่วลี่นำซาลาเปาใส่ตะกร้าหาบเพื่อไปส่งที่ไร่ของถังซานเหมือนทุกครั้ง หยวนกู้ที่ตื่นมาเห็นจึงให้เธอนำจักรยานของเขาไปใช้ แต่จักรยานเป็นของมีราคาในยุคนี้ เฉินซิ่วลี่จะกล้าเอาของเขามาใช้ได้อย่างไร แค่ครั้งก่อนยืมของถังซานปั่นเข้าไปในตัวเมืองเธอก็เกรงใจเขาจะแย่“ไร่ตระกูลถังอยู่ไกลจากที่นี่มาก กว่าคุณจะเดินไปถึงก็คงไม่ทันมื้อเช้าของคนในไร่”หากยึดเอาบ้านตระกูลหลี่เป็นจุดตรงกลาง ไร่ตระกูลถังก็นับว่าอยู่ทางเหนือส่วนสถานพยาบาลหมู่บ้านแห่งนี้ก็นับว่าอยู่ทางใต้ ระยะทางที่เพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัวย่อมทำให้การเดินทางล่าช้าเช่นที่กู้เหยียนบอกจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเฉินซิ่วลี่ก็ยังคงลังเลอยู่ในที“เชื่อผมเถอะครับใช้จักรยานจะสะดวกกว่า หรือคุณจะให้ผมปั่นไปส่งแทนก็ได้นะครับตอนนี้ยังเช้ามากไม่มีคนไข้อีกอย่างแขนคุณก็ยังเจ็บอยู่”ปั่นจักรยานไม่เพียงแต่ต้องใช้กำลังขา ยังต้องใช้กำลังแขนในการบังคับทิศทาง กู้เหยียนเห็นว่าแขนของเฉินซิ่วลี่ยังเจ็บอยู่จึงเอ่ยอาสา ไปส่งเธอ แต่เฉินซิ่วลี่พึ่งพาเขาเรื่องบ้านแล้วยังจะรบกวนเขาในเรื่องอื่นอีกได้อย่างไรกัน“ไม่เป็นไรค่
“คุณพ่อ คุณแม่ อาเหม่ยอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้”เสียงเด็กหญิงไว้ 3 ขวบร้องบอกคนเป็นพ่อและแม่ กวงซุนหลี่ยิ้มรับทว่าขณะที่กำลังจะเดินไปซื้อของให้ลูกสาวคนเล็ก มือข้างซ้ายก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน“อาเหม่ยเพิ่งซื้อของเล่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หากจะซื้อชิ้นใหม่ต้องเป็นเดือนหน้า”เฉินซิ่วลี่ห้ามปรามเด็กหญิงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้ากลมสดใสพลันสลดน้ำตาคลอก้มหน้ามองพื้น หลี่ชุนในวัย 10 ขวบรีบเข้ามาอุ้มน้องสาวตัวน้อยขึ้นแล้วเอ่ยกระซิบปลอบประโลม“ไม่เป็นไรนะอาเหม่ย เดี๋ยวเดือนหน้าพี่ซื้อให้”ด้วยฐานะทางบ้านของพวกเขาตอนนี้ แค่ของเล่นเพียงชิ้นเดียวไม่ใช่เรื่องยากที่จะซื้อหามาครอบครอง แต่เพราะพวกเขาเคยผ่านความยากลำบากมาก่อนจึงได้เรียนรู้คุณค่าของเงิน ในบ้านจึงมีกฎให้ซื้อของเล่นได้เพียงเดือนละ 1 ชิ้นเท่านั้น“ผมเอาตัวนี้ ใส่ถุงให้ด้วยครับ”เสียงเข้มราบเรียบเอ่ยบอก ทุกสายตาพลันหันมาจดจ้องที่หลี่หมิงขณะที่พนักงานขายรีบหยิบตุ๊กตาที่เด็กหญิงร้องบอกอยากได้เมื่อครู่ใส่ถุงอย่างรวดเร็ว“อาหมิงลูกกำลังจะทำลายกฎของบ้านเรา”เฉินซิ่วลี่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แม้จะไม่ได้มีน้ำเสียงหรือท่าทางตำหนิ แต่สายตานั้นชัดเจ
“คืนนี้พวกเราจะได้น้องสาวแล้วใช่ไหมครับ”หลี่ชุนกระซิบเสียงเบา มุมปากของคนเป็นพ่อยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้ารับด้วยสายตามุ่งมั่น“พ่อรับรองว่าเดือนหน้าน้องสาวของลูกต้องมาแน่ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของคนเป็นพ่อสองเด็กชายก็ย้ายไปนอนที่ห้องถัดไป ขณะที่ร่างสูงโปร่งของกวงซุนหลี่ขยับเดินเข้าห้องลงกลอนแน่นหนาฉับไว “อื้ม...”เฉินซิ่วลี่ร้องครวญในลำคอเมื่อร่างกายถูกรบกวน ความเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะผิวกายทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนที่ดวงตาจะเปิดออก“คุณกวง! เข้ามาทำไมคะ”เพราะความแนบชิดที่ไม่เหมาะสมทำให้เธอตื่นตระหนกรีบมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง“หยุดนะคะ เดี๋ยวเด็กๆ เห็น”“เด็กๆ ย้ายไปนอนอีกห้องแล้ว”คนตัวโตที่ปลดเปลื้องผ้าของเธอจนเหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเขากระซิบบอกเสียงแหบพร่า แนบชิดร่างกายกำยำลงทาบทับบนตัวนุ่ม“คุณกวงหยุดก่อนค่ะ เราต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อน”“เดี๋ยวค่อยคุยนะ”ริมฝีปากร้อนขยับจากลำคอขาวกดแนบชิดบดเบียดริมฝีปากบาง พร้อมกับวางมือบีบเคล้นอกอวบอิ่มทั้งสองข้าง ร่างกายของเฉินซิ่วลี่พลันตื่นตัวขนกายสาวลุกชัน สองเนื้อนิ่มแข็งสู้กับมือหนากวงซุนหลี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ถอนริมฝ
“แค่ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกก็พอ”ใบหน้าของกู้เหยียนพลันร้อนผ่าวแดงก่ำไปจนถึงลำคอ เดิมทีเขาเสนอตัวช่วยแก้ปัญหานี้ก็เพราะว่าเงื่อนไขของคุณหนูกวงเพียงแค่อยากแต่งงาน แต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ทั้งทางกายและใจ ให้แยกบ้านเธอก็ยินดี ในเมื่อชีวิตนี้เขาเองก็ไม่คิดแต่งงานกับใครอีกแล้ว ให้แต่งหลอกๆ เป็นหุ่นเชิดให้เธอก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร แต่งเสร็จเขาก็กลับไปเมืองเจียงเป็นคุณหมอกู้ของชาวบ้านต้าหยางต่อไปก็เท่านั้นเพียงแต่แค่เรื่องหลอกๆ เรื่องหนึ่งทำไมต้องให้เขานอนกับเธอด้วย ทำแบบนี้กวงจือหลินย่อมต้องถูกผู้คนครหาติฉินนินทา ทว่าเขาไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธกวงจือหลินก็ตอบรับแผนการของกวงซุนหลี่ไปแล้ว“ได้!”“ดี! อาหย่งเอาเหล้ามา”กู้เหยียนมองเหล้าดีกรีแรงตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ทั้งชีวิตของเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางอบายมุขไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ ฝิ่น การพนัน และผู้หญิง ล้วนไม่เคยข้องเกี่ยว ดังนั้นเมื่อกวงซุนหลี่ส่งแก้วเหล้าให้ มือหนาจึงยื่นไปรับด้วยท่าทางลังเล“อาหลี่ ฉัน... ไม่กินได้หรือไม่ นายก็รู้ว่าฉัน...”กู้เหยียนพูดยังไม่ทันจบประโยคแก้วเหล้าในมือก็ถูกกวงซุนหลี่จับจรดที่ริมฝีปากของเขา ตอนนี้แม
“นอกจากเธอฉันไม่เคยสัญญาจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น”เฉินซิ่วลี่ขมวดคิ้วเรียวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสับสน กวงซุนหลี่จับมือซ้ายของเธอมากอบกุมแล้วกดจุมพิตที่หลังมือนุ่มก่อนจะสวมใส่แหวนลงไปที่นิ้วนางเธอเหมือนเดิม“คุณกวง คุณจะทำอะไร ฉันไม่ยินดีแต่งเป็นภรรยารองให้คุณหรอกนะ หรือต่อให้เป็นภรรยาเอก ฉันก็ไม่ยินดี”“เอาไว้ไปถึงบ้านฉันจะอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เธอฟัง แต่นับจากนี้ห้ามเธอถอดแหวนวงนี้อีก และห้ามเธอทอดทิ้งฉันด้วย แค่คิดก็ไม่ได้เข้าใจไหม”น้ำเสียงกระซิบอ้อนวอนราวกับสาวน้อยถูกรังแก ทำให้ความกรุ่นโกรธในใจของเฉินซิ่วลี่จางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น “ได้! ฉันจะรอฟังคำอธิบายของคุณ แต่ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอเรื่องของเราก็ยังคงต้องยุติ”“ไม่ได้! ฉันไม่ยอม”กวงซุนหลี่เอ่ยบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่น เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวไม่คิดทำเรื่องที่เสียแรงเปล่าอย่างการดิ้นรนขัดขืนเขา รั้งรอจนรถหยุดลงกวงซุนหลี่ก็อุ้มคนลงจากรถเดินเข้าบ้านในทันที“คุณกวงปล่อยฉันนะคะ ฉันเดินเองได้”“ไม่!”เสียงเข้มหนักแน่นตอบกลับพลางก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องโถงแล้วนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวโดยยังคงกอดรัดเฉินซิ่วลี่ไว้บนตักไม่ยอมปล
นี่เขาคงไม่คิดจะประกาศแต่งงานกับเธอในเวลานี้หรอกนะดวงตาคมของคนบนเวทีมองตอบกลับสอดประสานดวงตาเรียว ก่อนที่เขาจะประกาศก้องอีกครั้ง“ลี่ลี่ แต่งงานกับฉันนะ”เมื่อได้ยินกวงซุนหลี่เอ่ยชื่อหญิงสาวที่เขาต้องการแต่งงาน บรรดาแขกในงานก็ส่งเสียงวิจารณ์อื้ออึงอีกครั้ง“ลี่ลี่เหรอ ใครกัน”“นั่นสิ! คุณกวงไม่ใช่ว่ากำลังคบหาดูใจกับคุณหนูกวงจือหลินอยู่หรือ ทำไมถึงประกาศแต่งกับคนอื่นได้”“แบบนี้คุณกวงจือเหลียงจะยอมหรือ”“กวงซุนหลี่ เขาไม่รักลมหายใจของตนเองแล้วหรือไง”คำพูดของผู้คนมากมายดังก้องไปทั่วงานจนกวงซุนหลี่ขบกรามแน่น หากแต่ใครจะพูดอย่างไรเขาล้วนไม่สนใจ ที่เขาสนใจมีเพียงเฉินซิ่วลี่ที่ยังนั่งนิ่งไม่ตอบรับคำขอของเขา“ลี่ลี่ ฉันสัญญาหากเธอตกลงแต่งงานกับฉัน ฉันจะมีแค่เธอ จะปกป้องดูแลเธอและครอบครัวของเราด้วยชีวิตของฉัน”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นระรัว มองสบดวงตาคมด้วยแววตาสั่นไหว ดูแลด้วยชีวิต เมื่อได้ยินคำพูดนี้ความรู้สึกในวันที่เธอคิดว่าเขาตายจากไปแล้วก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสแบบเธอ ในเมื่อมีโอกาสแล้วยังต้องยึดติดกับทิฐิและข้อสงสัยมากมายทำไมกัน เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินซิ่วลี่ก็โยนท
เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของกวงซุนหลี่ เฉินซิ่วลี่ก็เลือกสวมชุดสีฟ้าเข้ารูปคอสูงเพื่อปกปิดร่องรอยที่กวงซุนหลี่ทิ้งเอาไว้บนลำคอระหง แล้วออกเดินทางไปยังสถานที่จัดเลี้ยงกู้เหยียนใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็ขับรถมาถึงหน้าโรงแรมจัดเลี้ยง ชายในชุดสูทแบบตะวันตกก็เดินมาเปิดประตูรถทั้ง 4 ด้าน กู้เหยียนส่งกุญแจรถให้พนักงานตรงหน้านำรถไปจอดในสถานที่จอดรถ ส่วนตัวเขาเดินมารับเฉินซิ่วลี่ ขณะที่หลี่หมิงและหลี่ชุนเดินขนาบข้างซ้ายขวาหวังรั่วซีตามหลังคนเป็นแม่เข้างานอย่างสงบเสงี่ยมรู้ความและในทันทีที่เฉินซิ่วลี่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น จึงทำให้สายตาชายหนุ่มในงานจดจ้องมาที่เธออย่างมากมาย หากไม่เพราะข้างกายเธอมีกู้เหยียนเคียงข้างอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าคืนนี้เฉินซิ่วลี่คงไม่อาจนั่งอย่างสงบแน่นอน“คุณกวงจัดที่นั่งไว้ให้คุณเฉินและผู้ติดตามเป็นพิเศษ เชิญพวกคุณทางด้านนี้ครับ”เมื่อทุกคนในงานได้เห็นตำแหน่งที่นั่งของเฉินซิ่วลี่ผู้คนในงานต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะความสำคัญของเธอและกู้เหยียน จวบจนกระทั่งกวงซุนหลี่ก้าวเท้าเข้ามาความสนใจของผู้คนจึงเปลี่ยนไปที่เขาแทน“สวัสดีค่ะคุณก
บทสุดท้ายเมื่อหวังรั่วซีตื่นมาตอนเช้าแล้วพบว่าเฉินซิ่วลี่หายตัวไปก็ตื่นตระหนก รีบไปแจ้งกู้เหยียนที่ห้องของเขาด้วยความร้อนใจ“รั่วซี! มาหาฉันแต่เช้ามีเรื่องด่วนอะไรหรือ”กู้เหยียนเอ่ยถามเสียงเบา เพราะเด็กชายทั้งสองยังนอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะปิดประตูเดินออกมาคุยกับหวังรั่วซีที่หน้าห้อง“พี่ลี่หายตัวไปค่ะหมอกู้”เมื่อได้ยินว่าเฉินซิ่วลี่หายตัวไป กู้เหยียนก็ตื่นตระหนกจนหน้าซีดรีบหมุนตัวเปิดประตูเข้าไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถในทันที“จะเป็นพวกเดียวที่ลักพาตัวอาหมิงกับอาชุนไปเมื่อคราวก่อนไหมคะ”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เรื่องที่หลี่หมิงกับหลี่ชุน ถูกลักพาตัวไปเมื่อเดือนก่อน จนเป็นเหตุให้หลี่อันเฉิงตายจากไป เขายังจดจำไม่ลืม ดังนั้นไม่ว่าครั้งนี้จะอันตรายแค่ไหน เขาจะต้องปกป้องช่วยเหลือเฉินซิ่วลี่ให้ได้“เธอเข้าไปรอฉันในห้องกับเด็กๆ ก่อน ฉันจะไปตามหาคุณเฉิน”กู้เหยียนยืนยันเสียงหนักแน่นพร้อมกับวางเสื้อคลุมของตนเองลงบนไหล่บาง ใบหน้าของหวังรั่วซีพลันแดงก่ำเมื่อตระหนักได้ว่าตนเองสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมนัก“ขอโทษค่ะ”“ไม่เป็นไร เธอเข้าไปรอในห้องก่อนไม่ต้องกังวลฉันจะพาคุณเฉินกลับมาอย่างปลอดภั
“ตอนนี้ฉันคือภรรยาของหลี่อันเฉิงค่ะ” กวงซุนหลี่กำมือแน่น รู้สึกอิจฉาตนเองในอดีตขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ทว่าสุดท้ายก็ยอมถอยขยับตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาว เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างไร สุดท้ายหลังจากหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ก็ลุกขึ้นหมายใจถอยกลับไปตั้งหลัก“ฉันกลับก่อนนะคะ”ทว่าเท้าเล็กก้าวลงเตียงแต่ไม่ทันได้ขยับเดิน เอวบางก็ถูกดึงรั้งจนเธอเซถลาลงนั่งบนตักกว้าง“อย่าไปได้ไหม”เสียงออดอ้อนแผ่วเบากระซิบที่ข้างใบหูเล็ก“ลี่ลี่ อย่าไปได้ไหม”วงแขนแกร่งกระชับแน่นมากขึ้น กดปลายจมูกลงบนไหล่เล็กแล้วกระซิบเสียงอ้อนเว้าวอน“ลี่ลี่ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ เธอจะทุบตีจะด่าทอฉันก็ได้ แต่อย่าไปจากฉันได้ไหม”เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวก่อนจะบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฉันไม่มีเหตุผลต้องอยู่ทุบตีด่าทอคุณ อีกอย่างเด็กๆ ยังอยู่ที่โรงแรมฉันไม่กลับไม่ได้ค่ะ”“เธอกลับไปตอนนี้พวกเขาก็หลับกันหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่หลับและคงหลับไม่ลงทั้งคืนถ้าเธอจากไป ลี่ลี่... คืนนี้อยู่กับฉันนะ”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นสะท้าน เม้มริมฝีปากบางอย่างสับสน หากคิดตามเหตุผลเธอไม่สมควรอยู่ต่อ แต่หากถามคว
“ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันเป็นการส่วนตัวสักทีนะคุณกวง”“ส่งคนคืนฉันมา”กวงซุนหลี่ขบกรามกำหมัดแน่นพร้อมกับเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้เหลียงเหว่ยพึงพอใจมาก มือหนากระชับไหล่บางเข้าประชิดตัวก่อนจะส่งสายตาเยาะเย้ยเขา“ไม่เอาน่าคุณกวงของดีๆ แบบนี้เราแบ่งกันเล่นสนุกดีกว่านะ”เหลียงเหว่ยพูดพลางหันไปกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม ทว่าปลายจมูกยังไม่ทันสัมผัสผิวของเฉินซิ่วลี่ ร่างกายก็ถูกเธอจับพลิกหมุนเคว้ง รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเขาก็กระแทกลงกับพื้นจนปวดไปทั้งตัว คนของเหลียงเหว่ยชักปืนออกมาในทันที แต่ไม่ทันได้ขยับลั่นไกปืนในมือชายคนหนึ่งก็ย้ายมาอยู่ในมือของกวงซุนหลี่แล้วปัง! ปัง! เสียงปืนดังลั่นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากต้นขาของเหลียงเหว่ยทั้งสองข้าง คอเสื้อด้านหลังถูกกระชากยกขึ้น ก่อนที่ขมับขวาของเขาจะเย็นวาบเพราะปลายกระบอกปืนที่จ่อแนบลงมา“เหลียงเหว่ย คุณคงรู้ว่าต้องบอกคนของตนเองยังไง”“ถอย! ถอยไปให้หมด”สิ้นคำสั่งของเหลียงเหว่ยคนนับสามสิบคนก็ขยับหลีกทางให้กวงซุนหลี่ เขาหันมาส่งสัญญาณให้เฉินซิ่วลี่เดินประกบตามหลังเขาไปที่รถยนต์ด้านหน้าตึก“ลี่ลี่ คุณขับรถได้ไหม”“ได้ค่ะ”เหลียงเหว่ยตัวสั่นสะ