หลังจากกลิ่นหอมของอาหารอบอวลไปทั่วบ้าน หลินเสี่ยวเหยาก็ยกจานข้าวสวยร้อนๆ กับผัดผักฝีมือเธอเองมาวางบนโต๊ะอาหารเก่าๆ ที่แม้จะผ่านกาลเวลามานาน แต่ก็ยังคงความแข็งแรงทนทาน ส่วนหยางเฟิง นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลจากภารกิจที่ผ่านมาจะเริ่มสมาน แต่ก็ยังคงความเจ็บปวดอยู่บ้าง
หลินเสี่ยวเหยาตักข้าวใส่จานให้ชายหนุ่ม ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้ "ทานเยอะๆ นะคะ พี่เฟิงจะได้หายไวๆ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วเริ่มทานอาหารของตัวเองบ้าง
หยางเฟิงตักอาหารเข้าปาก รสชาติคุ้นเคยที่หลินเสี่ยวเหยาตั้งใจปรุงให้ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ เมื่อทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาเห็นหยางเฟิงก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
"พี่เฟิงคะ" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้นเบาๆ "ตอนนี้พี่ก็ใกล้จะหายดีแล้ว พี่คิดว่าจะทำยังไงต่อไปดีคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
หยางเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ "พี่กำลังกังวลเรื่องสายลับที่อยู่ในค่ายทหารมาก พี่คิดว่าว่าพวกมันต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ"
"ฉันเห็นด้วยค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาพยักหน
หลินเสี่ยวเหยาถอนหายใจยาว มองไปยังเศษซากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอรู้ดีว่าหากชาวบ้านมาพบเจอศพพวกนี้เข้า คงเกิดเรื่องใหญ่โตวุ่นวายตามมาเป็นแน่"พี่เฟิง" เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มข้างกาย "รอฉันจัดการตรงนี้ก่อนนะคะ" ดวงตากลมโตเหลือบมองไปยังร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนกลาดหยางเฟิงพยักหน้ารับคำ "ได้สิ" เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "พี่จะรอเหยาเหยาอยู่ตรงนี้" แววตาคมกริบฉายแววสงสัยใคร่รู้ว่าคู่หมั้นสาวจะจัดการกับพวกศพเหล่านี้อย่างไรหลินเสี่ยวเหยาคลี่รอยยิ้มบาง ริมฝีปากบางเฉียบยกขึ้นเล็กน้อย "ไม่ต้องห่วงค่ะ" เธอตอบกลับพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบขวดยาเล็กๆ ขึ้นมา"นี่คืออะไร?" หยางเฟิงขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย"ยาสลายกระดูกค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาตอบพร้อมกับหมุนฝาขวดออก ยกขึ้นมาใกล้จมูกสูดดมกลิ่นฉุนเล็กน้อย "มันสามารถย่อยสลายทุกสิ่งที่ไม่มีลมหายใจให้หายไปอย่างไร้ร่องรอยค่ะ""น่าทึ่งจริงๆ" หยางเฟิงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ "เหยาเหยาไปหามันมาจากที่ไหน?""ความลับค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาตอบพร้อมกับขยิบตาให้หยางเฟิงหนึ่งครั้ง ก่อนจะเ
หลังจากที่หลินเสี่ยวเหยาทานข้าวเช้าเสร็จ เธอวางตะเกียบลงบนถ้วยข้าวอย่างแผ่วเบา หันไปมองหยางเฟิงคู่หมั้นหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยนและเอ่ยขึ้นว่า "พี่เฟิงค่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกให้พี่ทราบค่ะ"หลินเสี่ยวเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อ "พี่เฟิง พอจะได้ยินข่าวที่ชาวบ้านพูดคุยกันเมื่อเช้าไหมคะ?" เธอเอ่ยถามเสียงเบา ก้มหน้างุดมองมือตัวเองที่ประสานกันแน่น"พี่พอได้ยินอยู่บ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเหยาเหยาหรือเปล่า" หยางเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล"พอดีว่า... ฉันได้ยินชาวบ้านเล่ากันว่า... ตอนนี้ลุงใหญ่ของฉันโดนจับไปแล้ว ในข้อหาฆ่าพ่อแม่ของฉันแล้วแย่งบ้านไปนะคะ" หลินเสี่ยวเหยาพูดเสียงแผ่วเบา แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของคนทั้งคู่แต่เธอก็รู้สึกปวดใจแทนหลินเสี่ยวหมิงน้องชายที่เธอรักและเอ็นดูเขาเหมือนน้องชายแท้ๆ ของเธอไม่ได้หลินเสี่ยวหมิง... เขาควรที่จะได้เติบโตมาอย่างมีความสุข ได้รับความรักจากพ่อและแม่.. แต่เด็กน้อยกลับต้องมาสูญเสียทุกอย่างไป เพียงเพราะความโลภของคนใจร้าย...หยางเฟิงชะงักมือที่กำลังจะคีบบะหมี่เข้าปาก ชามกระเบื้อง
เมื่อหลินเสี่ยวเหยากลับมาถึงบ้าน เธอเดินมาพร้อมกับน้องชายตัวน้อยที่เดินตามพี่สาวมาติดๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ยุ่งวุ่นของช่างก่อสร้างบ้าน แต่มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไป"พี่สาว ดูสิ! ใครมาน่ะ?" เสียงใสของหลินเสี่ยวหมิงดังขึ้น ทำให้หลินเสี่ยวเหยาละสายตาจากช่างที่ก่อสร้างบ้านมองไปที่โต๊ะทานข้าวที่ตั้งอยู่กลางลานบ้าน มีชายชราผมขาวโพลน นั่งอยู่ข้างๆ หยางเฟิงผู้เป็นคู่หมั้นของเธอ ข้างๆ ชายชรา มีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำยืนอยู่ด้วย"สวัสดีค่ะคุณปู่" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยทักชายชราด้วยความเคารพ ใบหน้าของหยางจิ้งเปื้อนรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นหลานสะใภ้คนโปรดกลับมาถึงบ้าน "หนูเสี่ยวเหยากลับมาแล้วเหรอลูก" น้ำเสียงของคุณปู่อบอุ่นและเป็นมิตร"สวัสดีครับคุณปู่" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยทักทายตามพี่สาวหยางเฟิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหาคู่หมั้นและน้องชาย "เหยาเหยา วันนี้คุณปู่มาหาจะมาทานข้าวด้วย""งั้นเดี๋ยวคุณปู่รอหนูสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูจะไปทำกับข้าวมาให้ค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวด้วยเสียงหวาน ก่อนจะหันไปเรียกน้องชายตัวน้อยที่อยู่ใกล้ๆ "เสี่ยวหมิง ไปยกน้ำมาให้คุณปู่กับคุณจ้าวด้วยนะ เดี๋ยว
เสียงทุ้มต่ำของปู่หยางจิ้งดังขึ้น ทำให้หลินเสี่ยวเหยารู้สึกเขินอายขึ้นมา เธอรีบผละออกจากหยางเฟิงทันที"คุณปู่!" หลินเสี่ยวเหยาอุทานออกมาเบาๆ แก้มของเธอแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย"เจ้าสามแล้วแกวางแผนจะล่อพวกสายลับยังไง?" ชายชราเอ่ยถามหลานชายคนเล็กด้วยความสงสัยหยางเฟิง เงยหน้าสบตากับคุณปู่ของเขาใบหน้าหล่อคมคายประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับนักล่าที่กำลังวางแผนล่อเหยื่อให้ติดกับ"อย่างที่เหยาเหยาพูด สายลับคนนั้นอาจเป็นเพื่อนสนิทของผม" หยางเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ผมกะว่าจะแจ้งให้พวกเพื่อนๆ รู้ว่าผมกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่เซฟเฮาส์ในเมืองจินหลง เมื่อคนที่เป็นสายลับรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน มันจะต้องเคลื่อนไหวแจ้งข่าวให้พวกกบฏรับทราบอย่างแน่นอน"หยางเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง มือที่วางข้างลำตัวกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นขึ้นราง แววตาที่เคยสุขุมเยือกเย็นฉายแววความโกรธเกรี้ยวออกมาชั่วขณะ ก่อนจะสงบลงราวกับพายุที่พัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว"ผมจะให้คนของพลตรีเฉินจับตาดูสหายทั้งสี่ของผม" หยางเฟิงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ แววตาคมกริบจ้องมองไปยังห
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยไม่นานนัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลินเสี่ยวเหยารีบวิ่งไปเปิดประตู พบว่าเป็นจ้าวหลินเลขาคนสนิทของคุณปู่หยางจิ้ง"อรุณสวัสดิ์คุณหนูหลิน" จ้าวหลินยิ้มทักทาย"อรุณสวัสดิ์คุณจ้าว คุณมาแต่เช้าเลยนะ" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับ"ผมมาตามนัดที่นัดหมายคุณชายเฟิงไว้ครับ" จ้าวหลินพูดพลางเดินเข้ามาในบ้าน "แล้วคุณชายเฟิงอยู่ที่ไหนล่ะครับ""ฉันอยู่นี่เลขาจ้าว" หยางเฟิงเดินออกมาจากห้องพร้อมกับอาวุธที่สะพายไว้ที่ด้านหลัง"ดีเลย งั้นพวกเราไปกันเถอะ" จ้าวหลินกล่าวหลินเสี่ยวหมิงเมื่อเห็นจ้าวหลินมารับ เขาจึงเอ่ยถามพี่สาวด้วยแววตาสงสัย "พี่สาวครับ วันนี้เราจะไปไหนกันเหรอครับ?"หลินเสี่ยวเหยายิ้มหวานให้เด็กน้อย "วันนี้คุณจ้าวจะไปส่งน้องเล็กที่โรงเรียนก่อนนะ พอดีพี่สาวต้องไปส่งพี่ชายเฟิงไปทำธุระ อาจจะกลับบ้านมาช้าหน่อย" เธอพูดพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "น้องเล็กอย่าดื้อกับคุณปู่นะ ตอนเย็นท่านจะมารับน้องเล็กกลับบ้าน""ครับพี่สาว" หลินเสี่ยวหมิงพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายเมื่อทุกคนขึ้นรถเสร็จเรียบร้อยแล
หยางเฟิงเมื่อเห็นพวกเพื่อนสนิทยังแซวคู่หมั้นเขาไม่เลิก เขาจึงเอ่ยขึ้นกับเหล่าสหายร่วมรบ"พวกนายก็พอได้แล้ว อย่าแซวเหยาเหยาของฉันให้มากนักสิ ตอนนี้เธอกำลังเขินจะแย่อยู่แล้ว" น้ำเสียงเข้มแฝงความเอ็นดูของหัวหน้าหน่วยที่ 13 ดังขึ้น ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งทุกสายตาจับจ้องไปยังหลินเสี่ยวเหยา หญิงสาวหน้าหวานผู้เป็นคู่หมั้นของหัวหน้าหน่วย แก้มนวลของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดูเมื่อถูกเพื่อนๆ ของหยางเฟิงรุมแซวเรื่องความรักของทั้งคู่"แหมมม หัวหน้าหยางของเรานี่ออกโรงปกป้องคู่หมั้นซะขนาดนี้เลยนะเนี่ย" หมิงฮ่าว รองหัวหน้าหน่วยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวน ๆ ทำให้ทุกคนในห้องหัวเราะกันครืน"ก็คนมันรักนี่หว่า" หลินเฟิง เพื่อนสนิทของหยางเฟิงแซวกลับ ทำเอาหลินเสี่ยวเหยาใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส ถามสารทุกข์สุกดิบของหยางเฟิงที่รอดตายกลับมาจากปฏิบัติภารกิจลับ จนกระทั่งหมิงฮ่าวลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหันมาพูดกับหยางเฟิงด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า"อาเฟิง วันนี้สนุกมากเลยนะเว้ย แต่พ
ที่ห้องขังใต้ดิน ความเงียบสงัดถูกทำลายด้วยเสียงหยดน้ำที่ดังเป็นจังหวะ ทหารสองนายยืนเฝ้าหน้าประตูห้องขังของลู่หาน สายลับของพวกกบฏ เขาถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ไม้เก่าคร่ำคร่า ร่างกายบอบช้ำจากการถูกทรมานก่อนหน้านี้ ใบหน้าของอดีตนายทหารหนุ่มซีดเซียวแต่แววตายังคงแข็งกร้าวประตูห้องขังถูกเปิดออก เหว่ยเจี้ยน นักสืบมือฉมังแห่งกองทัพ ก้าวเข้ามาพร้อมกับท่าทางสุขุมเยือกเย็น เขาเดินเข้ามาในห้องสอบสวนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาวราวหิมะ ดวงตาคมดุจเหยี่ยว สวมเครื่องแบบทหารสีเขียวเข้มประดับด้วยดาวทองแสดงถึงยศของเขา เหว่ยเจี้ยนเดินมาหยุดตรงหน้าลู่หาน ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา"สบายดีไหม ลู่หาน" เหว่ยเจี้ยนเอ่ยเสียงเรียบ ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอดีตนายทหารหนุ่มลู่หานแสยะยิ้มมุมปาก "สบายดีเสียที่ไหน ถ้าแกไม่มัดฉันติดกับเก้าอี้ผุๆ นี่นะ"เหว่ยเจี้ยนหัวเราะในลำคอ "ใจเย็นๆ สหาย ฉันแค่อยากคุยด้วย""คุยเรื่องอะไร?" ลู่หานถามเสียงแข็ง"เรื่องฐานทัพของพวกกบฏไงล่ะ ฉันขอให้นายบอกที่ตั้งของฐานทัพพวกมันมาซะดี ๆ ไม่งั้นนายจะต้องเจอกับคว
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางความโกลาหล หยางเฟิงมองเห็นประกายไฟแลบผ่านหน้า ก่อนที่ร่างกายของเขาจะถูกกระชากหายวับไปในอากาศ เขารู้สึกเพียงลมเย็นปะทะใบหน้า ร่างกายเหมือนลอยละลิ่วไปในห้วงมิติอันดำมืดเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง หยางเฟิงพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ชายหนุ่มเห็นข้าวของเครื่องใช้ที่วางระเกะระกะ ท่ามกลาง สิ่งของเหล่านั้น มีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลาง เหมือนเป็นตึกที่ทันสมัย ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับหลินเสี่ยวเหยาที่หายใจหอบถี่ ยืนประคองร่างคุณตัวร้ายอยู่ข้างๆ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกังวล"พี่เฟิง พี่เป็นไรบ้างหรือเปล่าคะ?" เธอเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือหยางเฟิงคลำแผ่นหลังตัวเอง พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีบาดแผลใดๆ"พี่ไม่ได้เป็นอะไร" เขาตอบเสียงแผ่ว "ที่นี่คือที่ไหนกันครับ?"หลินเสี่ยวเหยาสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์"ที่นี่คือมิติส่วนตัวของฉันค่ะ" เธออธิบาย "ฉันดึงพี่เข้ามาที่นี่ทันทีที่ได้ยินเสียงปืน""มิติส่วนตัว?" หยางเฟิงทวนคำอย่างงุนงง"ใช่ค่ะ แต่พี่อย่าเพิ่งถามอะไรฉันมากในตอนนี้
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ
คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน
พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ
ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส