แชร์

บทที่ 60 ผู้หญิงบ้านนอก

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-08 22:57:19

ตระกูลหมิงปฏิเสธทุกข้อหาที่บ้านอี้กล่าวอ้าง และมีพยานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันกับทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็บอกว่าถูกตระกูลหมิงบีบ บังคับไม่อย่างนั้นเขาจะถูกสั่งย้าย ทั้งสองฝั่งยังไม่มีใครได้เจอกันจึงเล่าเป็นหนังคนละม้วน แน่นอนว่าคำพูดของผู้อำนวยการโรงเรียนอำเภอมีน้ำหนักมากกว่าเพราะเขาไม่ได้พลิกลิ้น แต่ไม่มีพยานมันจึงปัดตกได้เลย

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือคนบ้านอี้่ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรกับคนอื่น และพวกเขาถูกนำมาฝากขังก่อนคนอื่นทำให้มีสภาพที่อ่อนแรง อี้เหม่ยเฟิ่งได้รับการดูแลที่ดีกว่าคนอื่นหน่อยเพราะหล่อนตั้งครรภ์ ซึ่งในส่วนนี้พลตำรวจจางชิวหลงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงงานตำรวจท่านอื่นได้ หากต้องการความสงบก็ต้องอยู่อย่างเงียบ ๆ

เฉินเฟิ่นอี้มองคนตระกูลหมิงที่ถูกนำตัวออกมาสอบปากคำเพิ่มเติม ในตอนนี้ข้อกล่าวหามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า ติดสินบน ลอบติดตามคนอื่นและช่วยเหลือคนร้าย ถือว่าเป็นคดีที่ใหญ่คดีหนึ่ง ปู่หมิงกับลูกชายและญาติ ๆ อาจรอดตัวไป หมิงหลานฮุ่ยกับแม่มีพยานที่ว่ารู้เห็นกับอี้เหม่ยเฟิ่ง รวมถึงการติดสินบนผู้อำนวยการโรงเรียน

"นั่นโม่เหลียนใช่ไหมคะ" เฉินเฟิ่นอ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 61 ปล่อยตัว

    บทสรุปยังไม่แน่ชัด เฉินเฟิ่นอี้เดินออกมาที่รถก่อนเพราะรู้สึกไม่สบายตัว ไม่นานเธอก็เห็นเด็กบ้านอี้เดินออกมา ยกเว้นอี้เหม่ยเฟิ่งที่ต่อให้ทุกคนรอดหล่อนก็ไม่รอด ข้างหลังมีลุงสามเดินตามมาด้วย พวกเขาหยุดคุยกันครู่หนึ่งก็เดินมาหาเฉินเฟิ่นอี้"เด็กบ้านอี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงถูกปล่อยตัวออกมาก่อน แต่หลังจากนี้ถ้าทำอะไรผิดก็จับกุมได้เลย ส่วนคนบ้านอี้ลุงจางจะจัดการให้หลานเอง อย่างน้อยพวกผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถสร้างความรำคาญให้พวกเราได้อย่างน้อยสองปี ส่วนเด็กคนนั้นมีส่วนรู้เห็นหลายเรื่อง" และเฉินหมิงไม่ยอมความ อาจถูกขังหลายปีหน่อย ตอนนั้นหลานสาวของเขาคงแต่งงานมีลูกแล้ว"ตระกูลหมิงล่ะคะ""ปู่หมิงโยนทุกเรื่องให้ลูกสะใภ้อาจรอดตัวไปได้ แต่หลานไม่ต้องห่วง ตอนนี้ลุงกำลังสืบ ๆ เรื่องเบื้องหลัง มันน่าจะเกี่ยวกับบ้านเฉินแน่นอน" หนีไปได้หลายปีในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้า แต่ก่อนเขายังมีความกลัวแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ทุกคนเข้มแข็งและพร้อมเผชิญหน้า"หมิงหลานฮุ่ยคงไม่รอดตัวนะคะ""ไม่หรอก เขามีความผิดพอ ๆ กับอี้เหม่ยเฟิ่ง ไม่สิมากกว่าด้วยซ้ำ"ถ้าเรื่องอยู่ในมณฑลใหญ่หรือเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ไม่แน่ว่าอี้เหม่ยเฟิ่งจะถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 62 อุปสรรค

    ผ่านมาเป็นสัปดาห์ สมาชิกบ้านเฉินก็ยังไม่ได้ลงแปลงนา ทั้งที่ีไปสอบถามก็ไม่ได้รับคำตอบ สร้างความไม่สบายให้กับหลายคน โดยเฉพาะเหล่าสะใภ้ที่กลัวว่าเงินของบ้านจะหมด สะใภ้แต่ละคนล้วนถูกเลี้ยงมาด้วยการทำงาน ไม่ทำงานก็คือไม่มีเงิน และไม่มีเงินก็ไม่มีอาหารให้ประทังชีวิต แม้ลูกชายคนที่สามของบ้านและหลานชายคนโตจะทำงานมีเงินเดือนก็ตามเฉินจงถึงวัยที่ควรแต่งงานแล้ว แต่เขากลับเจริญรอยตามลุงสามไปพร้อมกับการขอหาภรรยาเอง ซึ่งปู่เฉินกับย่าเฉินไม่บังคับหลาน ต่อให้ปีนี้อายุจะเข้าเลขสอง เด็กที่เหลือก็ยังเรียนอยู่ จำเป็นต้องใช้เงินมากมาย ผักในสวนหลังบ้านที่เคยนำไปขายก็ถูกเฉินเฟิ่นอี้ห้ามไว้ ไข่ไก่ก็เก็บไว้กินขายไม่ได้ ทำให้บ้านเฉินไม่มีรายได้เข้ามาตลอดสัปดาห์แต่เฉินเฟิ่นอี้ไม่มีอะไรให้เดือดร้อนเพราะเธอนำเงินไปให้ย่าเฉินใช้จ่ายแล้ว แถมเวลาไปซื้อของเข้าบ้านก็ไม่ได้ไปสหกรณ์ตำบล เป็นเฉินเฟิ่นอี้กับลุงสามที่ไปซื้อของเข้าบ้าน และก็เป็นของในระบบทั้งนั้นที่เธอหยิบออกมาใช้ที่ีสำคัญเพราะผู้ชายบ้านเฉินไม่ได้ทำงานในแปลงนา เฉินเฟิ้่นอี้จึงสั่งให้ทำของให้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระดานไม้ โต๊ะ เก้าอี้ กล่อง และของอื่น ๆ ไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 63 มารผจญ

    ต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 1970 เป็นวันเปิดภาคเรียนที่สองของเด็ก ๆ บ้านเฉิน พวกเขาทั้งห้าคน ไม่สิต้องบอกว่าหกคนรวมพี่สาวรองกลับมานอนพักในบ้านเช่าเป็นวันที่สาม ลุงสามก็กลับไปประจำการที่ทำงานเดิมได้ห้าวันแล้ว ส่วนบ้านเฉินหลังจากมีการพูดคุยครั้งนั้นก็ได้กลับไปทำงานเหมือนเดิมเฉินเฟิ่นอี้นำจักรยานออกมาใช้เพิ่มสามคันเพราะมันมีความจำเป็น พี่สาวรองบังเอิญรู้เรื่องระบบก่อนที่เฉินเฟิ่นอี้จะบอก การที่นำจักรยานออกมาใช้จึงไม่ใช่ปัญหา วันนี้พี่สาวรองที่หัดปั่นจักรยานได้สองวันก็ปั่นไปทำงานที่สหกรณ์ เฉินไห่หลิวปั่นจักรยานไปโรงเรียนโดยที่มีเฉินจางนั่งซ้อน เฉินตงนั่งคนเดียว ส่วนเฉินเฟิ่นอี้ปั่นไปเองโดยมีน้องสาวนั่งซ้อนเช้าวันนี้เป็นวันที่สดใสสำหรับเฉินเฟิ่นอี้ เพราะทางโรงเรียนประกาศการจัดระดับชั้นใหม่ รวมถึงเปลี่ยนผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่เพราะคนเก่ารับสินบน สมาคมผู้ปกครองต่างยื่นเรื่องไม่ยอมให้เขายังทำงานอยู่ในโรงเรียนจักรยานทั้งสามคันถูกจูงมาจอดที่โรงรถพร้อมโซ่และล็อกด้วยกุญแจ จักรยานในยุคนี้มันมีค่ามาก ถ้าจำไม่ผิดสองร้อยกว่าหยวนเลย แถมมีตั้งสามคัน ถ้าหายไปพวกเธอแย่แน่แม้ไม่ได้ใช้เงินซื้อมาเดินส่งเฉินเหม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 64 ย้ายห้อง

    นักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่งห้องเรียนอันดับสามย้ายออกไปยี่สิบคน ผู้ชายย้ายไปห้องเรียนอันดับต้นสิบคน ส่วนผู้หญิงก็ย้ายออกไปสิบเอ็ดคน เฉินเฟิ่นอี้เข้าใจพวกหล่อนดี ลูกหลานผู้หญิงกดดันกว่าลูกหลานผู้ชายมาก ที่สำคัญไม่มีใครได้ย้ายมาห้องเรียนอันดับสามสักคน ตามข้อตกลงที่เฉินเฟิ่นอี้ไปตกลงกับทางโรงเรียนหลายวันก่อนแต่ของเธอมันอยู่บนความถูกต้องที่ว่าหากนักเรียนคนที่ีไม่ผ่านการสอบหรือไม่มีสิทธิ์เลือกห้องให้อยู่ห้องอันดับสอง ส่วนใครอยากย้ายออกห้องอันดับสามหรือย้ายเข้าก็แล้วแต่เธอไม่สามารถห้ามได้ ทำให้ห้องเรียนของเธอเหลือเพียงยี่สิบเจ็ดคน แบ่งเป็นผู้ชายยี่สิบคนผู้หญิงเจ็ดคน ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มที่สนิทกันสุด ๆถ้าถามว่าทำไมเฉินเฟิ่นอี้ถึงไม่ยอมย้ายไปห้องเรียนอันดับต้นหรือห้องเรียนอันดับสอง เพราะเธอไม่ต้องการความวุ่นวาย ตอนสอบเลือกห้องทั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ตั้งใจตอบผิดกลับได้คะแนนเต็ม มันก็เป็นที่จับตาของคณะครู แถมวันนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่ยังมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ อีกเฉินเฟิ่นอี้กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงนั่งมองผู้ชายในห้องที่กำลังจัดโต๊ะที่นั่งใหม่ ด้วยจำนวนที่น้อยลงและนำโต๊ะไปให้ห้องที่ไม่พอใช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 65 พี่หยางจิง

    "ขอบคุณค่ะ"เฉินเฟิ่นอี้รับแก้วน้ำจากโอวหยางจิงที่ไปซื้อมาให้ สุดท้ายเธอก็ยอมมาดูหนังกับเขาท่ามกลางการเอาใจช่วยของคนอื่น ยกเว้นเฉินไห่หลิวที่อยากจะปฏิเสธแต่ยังปากหนักอยู่ เฉินเฟิ่นอี้ตามใจเขา เมื่อไหร่อยากคุยก็คุย ก็แล้วกัน"เธออยากไปเดินเล่นก่อนไหม น่าจะต้องรออีกครึ่งชั่วโมง"เพราะคำนวณเวลาผิดพลาดทำให้ต้องรอรอบฉายที่จะมาถึง โอวหยางจิงจึงพาเด็กสาวมานั่งรอใต้ต้นไม้ที่ไม่มีแดด รอบข้างก็มีคนมานั่งรอรอบฉาย ซึ่งยังดีที่อากาศไม่ได้ร้อนถึงกับนั่งไม่ได้ แต่โอวหยางจิงก็รีบไปซื้อน้ำมาให้เด็กสาวระหว่างนั่งรอพร้อมขนม"ฉันไม่มีที่อยากไปเลยค่ะ" เฉินเฟิ่นอี้ปฏิเสธ"อ้อ แล้วชอบดูหนังไหม เห็นน้องชายของเธอชอบนักแสดงเฉินหาน” ระหว่างนั่งรอเขาก็ชวนเด็กสาวคุยไปด้วยเพื่อทำลายความเงียบ"ฉันไม่ค่อยดูหนังหรอกค่ะรุ่นพี่โอวหยาง ส่วนมากจะพาน้องชายน้องสาวมาดูมากกว่า" เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้พูดเล่นส่วนมากจะพาน้องชายน้องสาวมาดูมากกว่า ส่วนเธอมีหน้าที่ดูแลน้อง ๆ อีกที อย่างเช่นการแกะเปลือกเม็ดแตงโมให้ทั้งสี่คน"น่าเสียดายนะ ไว้วันหลังพวกเราค่อยมาใหม่อีกก็ได้""ค่ะ"เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มเล็กน้อยมองโอวหยางจิงที่ชวนพูดคุยทั้งที่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 66 ความสัมพันธ์

    เฉินเฟิ่นอี้ผงกหัวทักทายรุ่นพี่โอวหยางจิงหรือที่เธอเรียกว่า พี่หยางจิง ในตอนนี้ เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมาเป็นเดือนแล้วเธอยังไม่ได้กลับไปดูหนังเรื่องที่ดูค้างคาเอาไว้ เห็นว่าจอพังต้องส่งซ่อมหลายเดือน พี่หยางจิงจึงขอเลี้ยงข้าวทดแทนที่ดูไม่จบและวันนี้ก็เป็นครั้งที่สิบ ที่เขาชวนเธอไปรับประทานอาหารนอกบ้านหลังเรียนพิเศษภาษาต่างประเทศในวันหยุดเสร็จแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ได้ชวน ทั้งมีนัดกันหมดความสัมพันธ์ของเธอกับรุ่นพี่คนนี้เรียกว่าไปได้ดี แต่เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้ตกลงเป็นคนรักกับเขา รวมถึงเขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะขอเธอเป็นแฟนด้วย จะให้ว่ายังไงดีล่ะ พวกเธอเป็นเพียงรุ่นพี่รุ่นน้องกันก็เท่านั้น เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับรุ่นพี่ดีที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้ก็คือเว่ยฟ่งคบหาดูใจกับเจียวซีแล้ว แถมคนในบ้านเว่ยยังเจอเจียวซีแล้วอีกด้วย เป็นเว่ยฟ่งที่โป๊ะแตกพาหล่อนไปเช่าห้องแถวของที่บ้านด้วยการลดราคาให้หลายหยวน จี้หลันเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่เค้นถามว่าทำไมถึงลดราคาให้เพื่อนร่วมห้อง เว่ยฟ่งหลุดปากออกไปกำลังตามจีบเจียวซีอยู่ ดีที่บ้านของเว่ยฟ่งไม่กีดกันแต่ขอให้คิดให้ดี ตอนนี้ทุกคนยังเรียนอยู่“มาเร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 67 ตัวแทนโรงเรียน

    "ฉันไปให้ได้ค่ะ หากเฉินเหม่ยเย่ได้เป็นตัวแทนระดับมัธยมต้น" เฉินเฟิ่นอี้ต่อรองวันที่ 7 เดือน 10 จะมีการแข่งขันวิชาการในมณฑลสำหรับตัวแทนที่จะไปแข่งในปักกิ่ง เฉินเฟิ่นอี้ถูกทาบทามเป็นตัวแทนการแข่งขันภาษาต่างประเทศ เนื่องจากเธอเป็นครูสอนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนหลายคนไม่แปลกจะถูกครูเสนอ และเฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้ต้องการไปแข่งอะไรแต่ว่าเฉินเหม่ยเย่มีสิทธิ์สูงมากที่จะได้เป็นตัวแทนมัธยมต้นของฝ่ายหญิงที่จะไปแข่ง เฉินเฟิ่นอี้อยากให้หล่อนลองแข่งครั้งนี้ดูแต่ก็ไม่กล้าพอจะปล่อยหล่อนไปคนเดียว เฉินไห่หลิวกับเฉินตงถูกครูเรียกไปแข่งขันวิชาการไม่ต่างกันและยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด พอ ๆ กับเฉินจางที่คาดว่าจะลงวิชาคณิตศาสตร์แน่นอนว่าเด็กบ้านเฉินต่างได้รับเสนอในการไปแข่งขันและขึ้นอยู่ว่าต้องการไปหรือไม่ สำหรับเฉินเฟิ่นอี้เธอไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการแข่งขันอะไรทั้งสิ้น แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการสร้างชื่อเสียงหากชนะการแข่งขัน มีเวลาอีกเป็นเดือนสำหรับการฝึกซ้อม"เฉินเหม่ยเย่หล่อนก็ถูกครูที่ปรึกษาของหล่อนเรียกพบ" ครูที่ปรึกษาจูไห่หลิวบอกตอนนี้เขาเป็นครูที่ปรึกษาคนเดียวของห้องเรียนเธอ ส่วนครูเซี่ยอันลี่ได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11
  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 68 ตัวสำรอง

    เฉินเฟิ่นอี้มองตัวแทนตัวจริงและตัวสำรองที่เดินมารวมกลุ่มกัน รุ่นพี่ลู่ที่เอ่ยค้านครูด้วยความไม่พอใจก่อนหน้านี้ได้เป็นตัวสำรองของเธอ ตัวแทนมีสองระดับชั้นคือมัธยมต้นและมัธยมปลาย แบ่งเป็นผู้ชายหนึ่งและผู้หญิงหนึ่ง ตอนนี้จึงมีตัวจริงและตัวสำรองอย่างละสี่คน"สวัสดีจ้ะ ครูชื่อเหอหนี่ จะเป็นครูที่ปรึกษาสำหรับการแข่งวิชาการภาษาต่างประเทศ""ส่วนครู จูไห่หลิวเป็นครูที่ปรึกษาเหมือนกันครับ"สองครูผู้ดูแลการแข่งขันวิชาภาษาต่างประเทศเอ่ยแนะนำตัวท่ามกลางตัวแทน นับว่าตัวแทนครั้งนี้เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับคุณครูที่มาคัดเลือก แต่ละคนล้วนผ่านการเรียนมากับเฉินเฟิ่นอี้แทบจะทุกวันที่มาสอน พวกเขาเชื่อว่าการแข่งขันครั้งนี้จะชนะแน่นอน"โอวหยางจิง เฉินเฟิ่นอี้ เกาชิงเฉิน และเฉินเหม่ยเย่จะเป็นตัวแทนการแข่งขันนะคะ พรุ่งนี้จะเริ่มซ้อมกัน ช่วงบ่ายมาเจอกันที่นี่ได้เลย วันนี้ทำความรู้จักกันไปก่อน ส่วนตัวแทนก็ต้องซ้อมเหมือนกัน แต่มาแค่ช่วงเวลาว่างเท่านั้น" ครูเหอหนี่อธิบาย"ช่วงเวลาว่างเท่านั้นเหรอ อย่างนี้ก็เหมือนเป็นตัวแทนไปงั้น ๆ" ลู่เสียนรู้สึกว่าหล่อนเสียเปรียบไปทุกอย่าง ทั้งที่ปกติต่อให้เป็นตัวจริงหรือตัวสำรองก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-11

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทส่งท้าย

    วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 156 เติบโต

    ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 155 ยุติการขาย

    งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 154 บ้านหลังแรก

    วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 153 เวลาไม่รอคอย

    หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 152 งานเลี้ยงต้อนรับ

    หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 151 ผู้นำตระกูลที่แท้จริง

    ข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งของหลายวันมานี้จะเป็นข่าวอะไรไปไม่ได้นอกจากข่าวผลัดเปลี่ยนผู้นำตระกูลเฉิน เป็นผู้นำที่หลาย ๆ คนคิดว่าเหมาะสมที่สุด นั่นก็คือ เฉินจงอี้ หรือปู่เฉินของเด็ก ๆ บ้านเฉิน ที่รับช่วงต่อระหว่างรอลูกชายทั้งสี่เรียนรู้งานเฉินเฟิ่นอี้ให้พี่ใหญ่เฉินส่งคนคอยตามคนตระกูลเฉินไปอย่างลับ ๆ เธอไม่ไว้ใจพวกเขา อย่าลืมว่าเฉินหานกับ เฉินหว่านทั้งสองต่างมีชื่อเสียง เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ และปู่รอง ปู่สามของตระกูลจะไม่มีน้ำยาทำอะไรจริง ๆ น่ะหรือ"ปู่คะ ฉันว่าพวกเราอยู่ที่บ้านนี้สักพักก่อนดีกว่าค่ะ ส่วนบ้านหลังนั้นก็ให้คนเข้าไปเก็บกวาดซ่อมแซมใหม่ก่อน" เฉินเฟิ่นอี้เสนอเมื่อปู่เฉินจะพาทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านตระกูลเฉินบ้านมันเก่ามากแล้วควรทำความสะอาดครั้งใหญ่ อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าข้างในจะมีอะไรที่เป็นอันตรายหรือไม่ และเธอสะดวกใจที่จะอยู่บ้านพักหลังนี้มากกว่า แต่ว่าถ้าปู่เฉินต้องการที่จะย้ายไปเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอเพียงให้มั่นใจก่อนว่ามันจะปลอดภัยจริง ๆช่วงนี้เธอไม่สามารถติดต่อกับระบบได้และมันก็หายไปหลายวันแล้ว ทำให้เฉินเฟิ่นอี้เป็นกังวลและคิดว่าควรรอมากกว่า"ทำไมล่ะ ที่จริงพวกเร

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 150 ตระกูลบรรพบุรุษ

    ปู่เฉิน ย่าเฉิน ลุงใหญ่ ลุงรอง ลุงสาม พ่อของเธอ พี่ใหญ่เฉิน และเฉินเฟิ่นอี้อยู่บนรถยนต์เพื่อเดินทางไปยังตระกูลเฉินตามที่เคยบอกเฉินหว่านเอาไว้ เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้พูดเล่น ตอนนี้ตระกูลเฉินมีหนี้และอีกไม่นานกิจการค้าขายที่เคยเป็นของปู่เฉินก็จะถูกยึด พี่ใหญ่เฉินกล่าวว่ามีคนจากตระกูลเฉินขอกู้เงินจำนวนหนึ่งล้านหยวนแลกกับกิจการเฉินเฟิ่นอี้นั่งข้างคนขับซึงก็คือพี่ใหญ่เฉิน นอกจากพวกเธอแล้วยังมีนายทหารอีกสองคันที่พี่ใหญ่เฉินพามาด้วย ดูเหมือนว่าตระกูลเฉินจะไม่มีเงินจ้างคนทำความสะอาดทางเข้า เขตบ้านตระกูลเฉินรกมากรถยนต์ดับลงหน้าบ้าน สมาชิกบ้านเฉินลงจากรถ เฉินเฟิ่นอี้เดินไปหาย่าเฉินที่อยู่ในวงล้อมของลูก ๆ เฉินเฟิ่นไม่ได้กลัวแต่ถ้าเกิดมีการลงไม้ลงมือกัน อย่างน้อยอยู่ใกล้ย่าเฉินจะปลอดภัยที่สุด“ที่นี่คือตระกูลเฉินเหรอคะ?”เฉินเฟิ่นอี้มองไปยังบ้านหลายหลังที่อยู่ติดกัน ด้านหน้าทางเข้าพบว่าเป็นบ้านสมัยใหม่ที่ดูดี แต่พอเข้ามาด้านหลังต้องบอกว่ามันทรุดโทรมมาก โดยเฉพาะหลังที่เป็นเหมือนบ้านรวม ตัวหลังคาหน้าบ้านมันแตกแล้ว“เปลี่ยนไปมากจริง ๆ” ปู่เฉินว่าด้วยความเสียดาย ที่ผ่านมาเขาคิดว่าจะมีคนดูแลที่นี่เหมือนก

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 149 ตามหาจนพบ

    เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดร้านนานหลายวัน เฉินเฟิ่นอี้กลับมาเปิดร้านอีกครั้งและจ้างคนมาเฝ้าหน้าร้านถึงสามคนเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย หนังสือพิมพ์ลงข่าวทายาทของเจ้าของกิจการที่ยกให้น้องชายก่อนที่เขาจะหายตัวไปพร้อมครอบครัว ทำให้ร้านผ้าถุงมีลูกค้าเข้ามาซื้อของมากขึ้น และมีหลายร้านที่มาจ้างให้เฉินเหม่ยเย่ไปถ่ายงาน นอกจากนี้กลุ่มเพื่อนผู้หญิงก็ยังมีงานตามมาอีกไม่ต่างกันเฉินเฟิ่นอี้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อตรวจสอบบัญชีของเมื่อวานที่ยังไม่ได้จัดการ ข้าง ๆ กันมีโอวหยางจิงที่ตามมาด้วย เห็นบอกว่างานในโรงงานไม่ได้มีอะไรให้ทำและไม่ได้รับลูกค้าเพิ่ม เพียงตัดเย็บให้ร้านของเธอกับตัดเย็บเสื้อผ้าให้ร้านเยว่ซินก็ทำแทบไม่ทันแล้ว"เมื่อวานโจวซิงฉือบอกว่าที่บ้านติดต่อมา มีคนเข้าไปหาพวกเขาสอบถามถึงเรื่องของเธอ แต่ครอบครัวของเขาบอกไปว่าไม่รู้จักเธอ" โอวหยางจิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่นั่งมองคนรักทำงานทุกคนติดต่อไปยังครอบครัวเพื่อให้บอกว่าไม่รู้จักบ้านเฉินหรือหากพวกเขามีพยานให้ตอบว่าเป็นเพื่อนของลูกเท่านั้นไม่ได้รู้จักสนิทสนม และเป็นคำสั่งของเฉินเฟิ่นอี้เองเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และไม่มีใครถามเนื่องจากเชื่อในตัวของเพื่อน

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status