บทที่ 4 ความผิดพลาด
ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องกินข้าวเห็นแม่สามีนั่งไม่พอใจอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าบึ้งตึง ซูเม่ยหัวเราะคิกคักเข้ามาเห็นถึงกับหุบยิ้มทันที
“นี่ใครบอกให้เธอเป็นคนสั่งพ่อครัวให้นำเป็ดมาทำอาหารรู้ไม่ว่าจะกินเป็ดแต่ละครั้งต้องมีเทศกาลหรืองานสำคัญ ๆ รวมถึงการแสดงความยินดีไม่ใช่อยากกินก็จะได้กิน สิ้นเปลืองจริง ๆ”
“เฮ้อ! ถ้าคุณแม่ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินค่ะ ฉันกับอ้ายเยว่จะกินเองทำไมต้องรอวันเวลาฤกษ์งามยามดีด้วย อยากกินเมื่อไหร่ก็กินสิตายวันไหนใครจะไปรู้ได้ แค่เป็ดตัวเดียวไม่ทำให้ขนหน้าแข้งท่านนายพลหลุดร่วงหรอกใช่มั้ยคะ อ้ายเยว่นั่งลงที่เก้าอี้เร็วสิแม่จะฉีกเนื้อเป็ดให้วันนี้กินเยอะ ๆ นะเข้าใจมั้ย "ซูเม่ยไม่กลัวแถมยังตอบกลับอย่างหน้าตาเฉยจนสาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ในห้องสองคนถึงกับจ้องมองใบหน้ากันอย่างเลิกลัก ชิงเถานั่งตัวสั่นเทากำมือแน่นโมโหลูกสะใภ้มาก ๆ
“ทำมาก็ต้องกินสิ นี่ชักช้าทำไมมาตักข้าวสิอาหารเย็นเดี๋ยวไม่อร่อย” ซูเม่ยแสยะยิ้มในที่สุดแม่สามีก็ไม่สามารถต่อว่าเธอต่อได้
ทั้งสามกินอาหารกันเสร็จ ซูเม่ยพาอ้ายเยว่มาที่ห้องของเธอวันนี้เป็นวันแรกที่เธอทะลุมิติมาที่นี่การนอนคนเดียวในที่ไม่คุ้นเคยจึงเป็นเรื่องยาก จึงให้อ้ายเยว่มานอนด้วยคืนนี้
ฝั่งด้านชิงเถาเธอเดินกลับมาที่ห้องในใจนึกโมโหซูเม่ยยิ่งนัก จู่ ๆ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปอย่างนี้ ราวกับเป็นคนละคน
“ลูกสะใภ้คนนี้ช่างร้ายกาจหรือว่าที่ผ่านมาเธอแกล้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ไม่น่าจะใช่แววตาของเธอดูเปลี่ยนไปแต่ก่อนแม้แต่เงยหน้ามองฉันยังไม่กล้า แต่วันนี้ต่างจากเดิมไม่ว่าจะกล้าสบตาโดยตรงไหนจะกล้าขัดคำพูดของฉันเถียงคำไม่ตกฟากต่อหน้าคนใช้อีก ไม่ได้การฉันอุตส่าห์ทำให้จิ่นเฉาจื่อรังเกียจและไม่ชอบเธอมาจนป่านนี้แล้ว ฉันจะไม่ให้แผนของฉันพังทลายหรอก” ชิงเถาบ่นพึมพำกอดอกครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมา ลูกชายของเธอไปคว้าเอาซูเม่ยในคืนวันที่มีงานเลี้ยงฉลองด้วยความเมาทำให้เขาพลาดพลั้งได้เสียกับเธอ เธอเป็นลูกสาวชาวบ้านธรรมดามีเพียงแม่ที่เป็นครอบครัวของเธอเพียงคนเดียว ตอนนั้นจิ่นเฉาจื่อยังไม่ได้รับตำแหน่งนายพล เขาเป็นสุภาพบุรุษเมื่อทำสิ่งที่เลวร้ายลงไปจึงน้อมรับความผิดพลาดรับซูเม่ยเข้ามาอยู่ในบ้านฐานะภรรยาของเขา แต่หลังจากที่แต่งงานกันได้เพียงคืนเดียวเขาต้องกลับเข้ากรมทหาร
หลังจากนั้นไม่กี่เดือนซูเม่ยได้ตั้งท้อง ตอนแรกชิงเถายืนยันที่จะไม่รับเธอเป็นลูกสะใภ้แต่เมื่อได้ยินว่าเธอมีหลานจึงยอมให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านแต่ความเกลียดชังยังคงมีอยู่เต็มอกเธอเพราะคนที่เธอหมายตาเอาไว้เป็นลูกสะใภ้คือลูกสาวของนายอำเภอตงหนาน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาฐานะทางบ้านหรือแม้กระทั่งการเล่าเรียนเธอดูเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทำให้เธอเสียใจที่ไม่ได้ดั่งใจแต่กลับได้ลูกสะใภ้บ้านนอกไร้การศึกษาไร้เงินทองมาแทน โชคดีที่หลายปีมานี้ลูกชายของเธอนาน ๆ กลับบ้าน เพราะหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ การติดต่อจึงทำได้เพียงโทรเลขหากันเป็นครั้งคราว เธอพยายามใส่ความซูเม่ยสารพัดให้ลูกชายตัวเองรังเกียจและเกลียดชังตัวของซูเม่ย กลับมาเมื่อไหร่เขาจะได้หย่ากับเธอ และให้หนูยูร์เหยาลูกสาวนายอำเภอเข้ามาแทนที่เป็นลูกสะใภ้เคียงข้างจิ่นเฉาจื่อไม่ว่าจะเดินเคียงคู่ออกงานใดทั้งสองคงเหมาะสมกันน่าดู
ฝั่งด้านนายพลจิ่นเฉาจื่อ
เขายืนจ้องมองดวงจันทร์บนท้องฟ้าคืนนี้ดวงดาวรายล้อมดวงจันทร์เต็มไปหมด สายลมพัดผ่านเอื่อย ๆ มือข้างซ้ายจับบุหรี่ออกมาก่อนที่มือขวาจะหยิบไม้ขีดไฟมาจุดเพื่อสูบระบายอารมณ์
“คืนนี้ท้องฟ้าแจ่มใสจริง ๆ สายลมก็เย็นสบายดีจัง ท่านว่าอย่างนั้นมั้ยท่านนายพล” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้น สองเท้าค่อย ๆ เดินมาใกล้ชายที่เป็นนายพลใหญ่ที่ชานเรือนด้านนอก
“ฮึ ฮึ เวลานี้เป็นนอกเวลางานไม่ต้องเรียกฉันว่านายพลก็ได้ ส่วนดวงจันทร์คืนไหนก็เหมือนกันหมดไม่แตกต่างกันสักนิด” เขาพูดจบคีบบุหรี่เข้าปากสูบลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะพ่นควันออกมา คนมาเยือนคือเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นทหารมาพร้อมกันแต่ตอนนี้เขากลับมียศสูงกว่า
“นายนี่ไม่เปลี่ยนไปสักนิด เอามาสูบบ้างสิ” ตงฉวนยื่นมือไปคว้าบุหรี่ของจิ่นเฉาจื่อมาสูบทันที
“มีเรื่องอะไรปกตินายไม่ค่อยสูบไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันคิดถึงบ้านนะสิ คิดว่าวันหยุดใกล้จะถึงจะกลับไปหาแม่ที่บ้านสักหน่อยไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร ติดต่อกันทางจดหมายแม่ก็ไม่สามารถติดต่อกลับมาได้เพราะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ยิ่งโทรเลขยิ่งยากไปกว่าเดิม ว่าแต่นายเถอะตั้งแต่แต่งงานมาไม่กลับไปบ้านเลยไม่คิดถึงลูกถึงภรรยาเลยหรือไง ป่านนี้คงโตแล้วน่ารักน่าชังแน่ ๆ เลย หากฉันเป็นนายคงจะกลับทุกวันหยุด” ตงฉวนรู้เพียงแต่ว่าเพื่อนของเขาแต่งงานก่อนเข้ามากรมทหารและรู้ว่าตอนนี้เขามีลูกชายที่น่ารักหนึ่งคนเพราะคุณแม่ของเขามักจะโทรเลขมาบ่อย ๆ
“บ้านเหรอ! ไม่รู้สิไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่”
“อะไรกัน..ไม่คิดถึงลูกชายหรือไงตอนนี้ห้าขวบแล้วกำลังพูดกำลังจานายนี่ช่างเป็นนายพลที่ไร้ความรู้สึกอย่างที่พวกทหารว่ากันจริง ๆ ”
“ใช่!! ฉันเป็นนายพลไร้ความรู้สึก นายทหารตงฉวนนายไปวิ่งรอบสนามห้ารอบนี่คือคำสั่งของนายพลใหญ่” ตงฉวนหัวเราะคิกคักก่อนจะวิ่งหนีจากไป พร้อมหันมาโบกมือให้แก่เขา
“นายบอกเองนะว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลางานอย่างนั้นฉันไม่ทำตามคำสั่ง ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับท่านนายพล” จิ่นเฉาจื่อส่ายหน้าไปมาในความทะเล้นของเพื่อนสนิทของเขา ก่อนจะหันไปจ้องมองท้องฟ้าอีกครั้ง พรางคิดถึงคำพูดของตงฉวน
“คิดถึงบ้านเหรอ ...เฮ้อ!! แค่คิดถึงใบหน้าผู้หญิงคนนั้นฉันก็ไม่อยากกลับไปที่บ้านเลย เริ่มแรกแค่คิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปแต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนที่ชั่วร้าย” เขาบ่นพึมพำพรางดูดบุหรี่ต่อ เขาไม่อยากกลับไปเจอหน้าเธอเลยยิ่งคุณแม่โทรมาบอกว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่หลังจากคลอดลูกชายของเขา เธอแสดงตัวตนที่แท้จริงไม่ว่าจะเกียจคร้านวัน ๆ เอาแต่นอนสบาย ๆ ลูกก็ไม่เคยเลี้ยงดูออกไปแต่งสวยที่ร้านเสริมสวยทุกวัน หากกลับไปครั้งนี้ไม่แน่เขาอาจจะหย่ากับเธอและจ่ายเงินที่เธอเสียหายและใช้เวลาอยู่ในครอบครัวของเขามา 5 ปี ในเมื่อความสัมพันธ์ของเขากับเธอไม่ได้เริ่มจากความรักอย่างนี้ไม่ยากที่จะให้เธอยอมหย่ากับเขา
“เห็นทีวันหยุดที่จะมาถึงฉันคงต้องกลับบ้านสักหน่อยแล้ว อ้ายเยว่ที่ได้ยินแต่เสียงตอนนี้จะได้เห็นหน้ากันสักทีหน้าตาจะเป็นอย่างไรนะ!” เขาทิ้งบุหรี่ลงที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะเดินเข้าไปพักผ่อนพร้อมครุ่นคิดเรื่องการเดินทางกลับบ้าน
บทที่ 5 น้อยไปหน่อยรุ่งเช้าวันต่อมาร่างเล็กนอนอุดอู้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่อย่างอบอุ่น แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาเล็ดลอดหน้าต่างทำให้ร่างบางเริ่มแสบตาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองดูเธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นเด็กชายในอ้อมกอด ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเธอทะลุมิติมาเป็นแม่ของเด็กชายคนนี้ เธอหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ กลัวว่าจะทำให้เด็กชายตื่น จ้องมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างละเอียด คิ้วคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากเหมาะเจาะกับใบหน้า ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าเด็กชายคนนี้โตขึ้นต้องหล่อมากแน่ ๆ“อื้อ...” เสียงเล็กครวญครางออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าเช้าแล้ว“ตื่นแล้วหรือ?”“อ้ายเยว่ตื่นแล้วครับ เมื่อคืนนี้อ้ายเยว่ฝันดีมากเลยครับ ฝันว่าคุณพ่อกลับมาครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้า คุณแม่กับคุณพ่อนอนกอดอ้ายเยว่ในอ้อมแขนอบอุ่นเหลือเกินจนไม่อยากจะตื่นเลยครับ”“หื้ม ..ฝันดีจริงๆ ด้วย!! เอาล่ะในเมื่อตื่นแล้วเราไปล้างหน้ากันเถอะนะ” เด็กชายยันกายลุกขึ้นบิดขี้เกียจซูเม่ยก็รีบลุกตามเปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอก วันนี้เธอคิดไว้จะไปทำผมทำเล็บที่ร้านเสริมสวยที่นี่น่าจะมีร้านอยู่บ้างอย่างไรยุคนี้ก็เป็นยุคที่เข้าถึงความเจริญแล้ว“อ้ายเยว่ตอนนี้ลูกได
บทที่ 6 เหลี่ยมมาเหลี่ยมกลับ“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!! เธอจะขูดเลือดฉันไปถึงเมื่อไหร่”“อะไรนะคะ ฉันขูดเลือดจากคุณแม่เมื่อไหร่กันตั้งแต่จำความได้คุณแม่ไม่เคยให้เงินฉันใช้สักหยวน อย่างนี้ใครกันแน่ที่เสียเปรียบหากคุณแม่ไม่อยากให้ฉันก็ไม่มีทางเลือกไปกันเถอะอ้ายเยว่วันนี้เราคงจะต้องไปที่อำเภอเรียกร้องความไม่ยุติธรรมในครั้งนี้เสียหน่อย” ชิงเถาทั้งโมโหทั้งโกรธที่ไม่สามารถเอาชนะซูเม่ยได้เลย“ก็ได้!! ฉันจะให้เธอเพิ่มอีกสักหน่อยเพราะอย่างไรอีกไม่กี่วันเธอจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ให้ฉันรำคาญใจแล้ว” ชิงเถาล้วงเงินออกมาเพิ่มอีก 30 หยวนทั้งหมดเป็น 40 หยวนยื่นให้แก่ซูเม่ยรอบนี้เธอรีบรับทันทีพร้อมคิดตามคำพูดของแม่สามี“อย่างนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย ว่าแต่เมื่อครู่คุณแม่พูดว่าฉันจะไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?ดีเหมือนกันฉันเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอกช่วยโทรเลขบอกท่านนายพลกลับมาหย่าเร็ว ๆ นะคะฉันเองก็เบื่อเต็มทน” อ้ายเยว่ใบหน้าเศร้าสลดอีกครั้งเมื่อได้ยินผู้ใหญ่ทั้งสองพูดคุยกันเขาไม่อยากให้แม่ไปอยู่ที่อื่นเลยซูเม่ยอุ้มอ้ายเยว่เดินมาที่ห้องกินข้าวก่อนจะวางตัวของอ้ายเยว่ให้นั้งที่เก้าอี้ เธอสังเก
บทที่ 7 ฉันไม่หย่า"อาหารที่สั่งมาแล้วครับ " เสียงพนักงานบอกกล่าวว่าตอนนี้อาหารที่ซูเม่ยสั่งได้จัดเตรียมยกมาเสิร์ฟแล้ว อ้ายเยว่วางมือจากของเล่นเหลียวมองอาหารอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นปูนึ่งที่ซูเม่ยสั่งมาให้ เธอไม่ได้สนใจโต๊ะข้าง ๆ อีก หันกลับมาสนใจลูกชายตัวน้อยแทนหลังจากที่ทั้งสองเพลิดเพลินกับการกินอาหารจนอิ่มหนำสำราญซูเม่ยจัดการจ่ายเงินและพาอ้ายเยว่กลับบ้าน ตอนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ผู้คนพากันเดินทางกลับจากการทำงาน วันนี้เธอพาอ้ายเยว่ออกมาเที่ยวเล่นทั้งวันจริง ๆ ทั้งสองเดินมาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจที่เห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นเคยจอดนิ่งอยู่ที่โรงจอดรถ"แม่ครับนั่นรถใครกัน""นั่นสิแม่เองก็ไม่รู้หรือว่าจะมีแขกมาที่บ้านกัน " ซูเม่ยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ไม่ทันให้ได้ได้คาดเดาก็เห็นเจ้าของรถกำลังยืนหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าประตูเสียแล้ว ชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดทหารร่างกายบึกบึนหน้าอกกว้างสง่าผ่าเผย ใบหน้าคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันดวงตาเฉียบแหลม ซูเม่ยเดาได้ทันทีเพราะใบหน้าเขาคล้ายอ้ายเยว่ไม่มีผิด นั่นคือจิ่นเฉาจื่อสามีของซูเม่ย'ว๊าวว หน้าตาหล่อเหลาใช้ได้รูปร่างก็สูงโปร่งบึกบึนดีไม่แปลกเลยที่พวกผู้หญิงพ
บทที่ 8 พูดไปก็เหนื่อยเปล่าในตอนแรกเฉาจื่อตั้งใจจะกลับบ้านในวันหยุด จู่ ๆ มีคำสั่งมาจากเบื้องบนว่าให้เขาหยุดได้ในวันนี้ถึงสามวัน เพราะวันหยุดที่จะมาถึงมีงานที่จะต้องทำ เขาจึงตัดสินใจกลับมาอย่างเร่งด่วนเขามาถึงบ้านก็บ่ายแล้วกลับมาคิดว่าจะได้พบกับอ้ายเยว่และผู้หญิงที่เขาจำหน้าแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอมีหน้าตาอย่างไร นี่มันก็ 5 ปีแล้วไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเขาเดินออกมายืนคอยที่หน้าประตูได้รู้ว่าจากคุณแม่ว่าวันนี้เธอพาอ้ายเยว่ออกไปข้างนอก คุณแม่บอกเธอมักจะออกไปทุกเช้ากลับมาอีกทีก็มืดค่ำ ปกติจะไม่เอาอ้ายเยว่ไปด้วย ทำให้เขาสงสัยเหลือเกินหรือว่าเธอจะมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว และแล้วเขาได้ยินเสียงเด็กชายที่กำลังพูดคุยกับผู้หญิงอย่างสนุกสนานหัวเราะคิกคัก เฉาจื่อคิดในใจอ้ายเยว่ลูกชายของเขาคงมีความสุขมาก ๆ ที่แม่ผู้ที่ไม่เคยสนใจเลี้ยงดูพาออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกครั้นนั้นสองคนได้เดินเข้ามาสายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ ผู้หญิงที่เขาลืมไปแล้วว่าใบหน้าเป็นอย่างไร ไม่คิดว่าการพบกันครั้งนี้จะได้เห็นว่าเธอนั้นงดงามแค่ไหน เป็นผู้หญิงที่งดงามปราดเปรียววงหน้ารูปเมล็
บทที่ 9 ทำตามที่ฉันสั่งชิงเถามานั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดีเธอให้สาวใช้ไปแอบฟังหน้าห้องของลูกชายได้ยินเสียงทั้งสองมีปากเสียงกัน เธอคิดว่าทั้งสองคงพูดคุยกันเรื่องหย่า ยิ่งทำให้เธอมีความสุขสุด ๆ"ว๊าววว วันนี้อ้ายเยว่หลานย่ามีพ่ออุ้มลงมาด้วย นั่งลงสิวันนี้ย่าให้พ่อครัวทำอาหารที่หลานชอบด้วยล่ะ" เธอเห็นลูกชายอุ้มหลานชายลงมาใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฉาจื่อวางอ้ายเยว่ลงที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ หันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาใคร"มองหาใครกัน" ชิงเถาถามลูกชายอย่างสงสัย"ซูเม่ยล่ะครับเธอไม่มานั่งกินข้าวด้วยกันหรือไงไม่มีมารยาทที่สุด ""คุณพ่อครับ คุณย่าครับวันยี้อ้ายเยว่กับคุณแม่กินข้าวมาจากข้างนอกแล้วครับ ตอนนี้ผมอิ่มมาก ๆ เลย คุณแม่ซื้อปูให้กินด้วยอร่อยสุด ๆ ไปเลย วันนี้คุณแม่คงไม่มากินข้าวด้วยอีกอย่างคุณแม่ไม่เคยมานั่งกินข้าวที่โต๊ะนี้ไม่ใช่หรือครับ" อ้ายเยว่บอกทุกคนด้วยใบหน้าชื่นบานก่อนจะคิ้วขมวดหันไปตอบคุณย่าเรื่องที่แม่ของเขาไม่เคยมานั่งร่วมโต๊ะเลยสักครั้งเพราะหากซูเม่ยมานั่งด้วยก็ถูกชิงเถาไล่ออกไปเสมอ และไม่ยอมให้เธอมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันให้เธอไปกินทีหลังทุกคนในครัว"อะไรนะค
บทที่ 10 ความจริงฝั่งด้านเฉาจื่อเมื่อออกมาจากห้องของซูเม่ยเขาได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินที่เธอเคยพูดไหนจะเรื่องที่เธอถูกคุณแม่ของเขาคอยรังแก หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงไม่ว่าจะพูดอย่างไรเธอก็ยังคงดึงดันคำพูดเดิมไม่หยุดหย่อน เรื่องนี้เขาจะต้องสืบความจริงให้ได้ว่าเธอเกลียดแม่ของเขามากจนเสียต้องใส่ร้ายหรือแม่ของเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ปรับสีหน้าของตัวเองให้ดีขึ้นก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนหาอ้ายเยว่ที่รอเขาอยู่"อ้ายเยว่พ่อมาแล้วขอเข้าไปด้านในได้มั้ย"เด็กชายกำลังนั่งเล่นของเล่นที่แม่ซื้อให้วันนี้เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อเด็กน้อยรีบวางของเล่นทันทีเดินออกมารับพ่อด้วยใบหน้าแจ่มใส"ได้ครับ พ่อไปหาคุณแม่มาแล้วใช่มั้ยครับผมดีใจจริง ๆ ที่ต่อจากนี้คุณพ่อคุณแม่อ้ายเยว่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา "ยิ่งเขาเห็นว่าลูกชายมีความสุขเขายิ่งอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมา"อ้ายเยว่ลูกอยากให้พ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าลูกต้องบอกความจริงพ่อแล้วล่ะ" เขาจูงมืออ้ายเยว่ไปที่เตียงพร้อมเอ่ยถามเรื่องของซูเม่ย"อ้ายเยว่ไม่เคยโกหกเพราะคุณแม่สอนเอ
บทที่ 11 แขกของคุณแม่แต่ทว่าสายตาของเฉาจื่อที่จ้องมองไปยังยูร์เหยากลับเย็นชาแถมคิ้วยังขมวดเข้าหากันอีกด้วย"คนนี้เป็นแขกของคุณแม่หรือครับ อย่างนั้นผมขอพาอ้ายเยว่ไปกินข้าวเช้าก่อนนะครับวันนี้จะพาอ้ายเยว่ออกไปเที่ยวข้างนอก "สีหน้าของยูร์เหยาซีดเซียวเมื่ออีกคนจำตนเองไม่ได้ ชิงเถาเห็นอย่างนั้นรีบเข้ามาตีเข้าที่แขนของเฉาจื่อ“ทำไมถึงขี้ลืมอย่างนี้หนูยูร์เหยาอย่าน้อยใจไปเลยนะ เฉาจื่อคงทำแต่งานคงเลอะ ๆ เลือน ๆ ใครจะไปลืมหนูยูร์เหยาได้ใช่มั้ยล่ะ หนูเองยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาสินะไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เฉาจื่อน้องนำของมาให้รีบรับไว้สิ” ซูเม่ยยืนอยู่หัวเราะคิกคักรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเฉาจื่อจำคนที่แม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ไม่ได้ ชิงเถาเห็นรีบเดินเข้าไปใกล้ดันกายของซูเม่ยออกเพื่อให้ยูร์เหยาเดินเคียงข้างไปกับลูกชายของตนเองเฉาจื่อรับของเล่นของอ้ายเยว่ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารสายตาของเขาจ้องมองมายังซูเม่ย เขาคิดว่าเธอจะไม่ลงมาตามที่สั่งเสียอีก วันนี้เขาตั้งใจจะพาเธอกับอ้านเยว่ออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ชดใช้เวลาที่ผ่านมาให้แก่เธอแต่ทว่าเมื่อเขาลงมาได้เห็นหญิงสาวที่เขาเองแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำมาว่าเป็นใคร ด
บทที่ 12 ขนมอร่อยหลังจากที่ซูเม่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอเดินลงมาด้านล่างเห็นชิงเถากับยูร์เหยามานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นทั้งสองจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมากก่อนที่แม่สามีจะลุกเดินมาหาเธอ“แหม แหมแต่งตัวอย่างนี้คิดจะยั่วยวนให้เฉาจื่อลูกชายของฉันไม่ยอมหย่ากับเธอใช่ไหม ไหนปากบอกว่าจะหย่ากับลูกชายของฉันเมื่อเขากลับมาอย่างไรล่ะ”"ฉันเองก็อยากจะหย่ามาก ๆ ค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลูกชายของคุณแม่ไม่ยอมหย่าสักที คุณแม่ไม่ลองพูดเรื่องนี้กับลูกชายเองละคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้หรอกคะ " ซูเม่ยพูดก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกเห็นท่าทางของชิงเถาที่อยากขับไล่เธออกจากบ้านเต็มทน จนเธอไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยไม่นานเฉาจื่อได้เดินลงมาด้านล่างพร้อมอ้ายเยว่เด็กน้อยเห็นคุณย่ารีบวิ่งไปหาเธอทั้งรอยยิ้ม"คุณย่าครับวันนี้คุณย่ามีแขกเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับอ้ายเยว่แต่คุณย่าไม่ต้องเสียใจไปนะครับเดี๋ยวผมจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากเอง " ชิงเถาที่ยืนอารมณ์เสียอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายเธอใบหน้ายิ้มแย้มทันที"โธ่ ๆ หลานชายของย่าทำไมถึงจิตใจดีอย่างนี้นะเที่ยวให้สนุกนะ " เธอล
บทที่ 20 หลงรักภรรยาฝั่งด้านเฉาจื่อเขาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเลือกที่จะเข้าไปที่สวนหลังบ้านพื้นที่ที่คุณแม่ใช้ปลูกผักมากมาย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ เขาจึงจัดการซ่อมแซมไม้ที่รกและของที่ผุพัง จนกระทั่งถึงตอนบ่ายเขากำลังนั่งพักก่อนที่จะทำต่อเนื่องจากแดดเริ่มร้อนระอุ จึงเอนกายนอนลงที่นั่งพักของสวนพักหูของเขาแว่วได้ยินเสียงเท้าที่เร่งรีบเดินมาใกล้ เขาคงไม่ต้องเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าคงเป็นซูเม่ย เขาจึงแกล้งหลับตาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอมาหาเขาทำไม“นี่!! ไม่ต้องทำมาเป็นนอนหลับเลยนะ ลืมตาลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เรื่องเมื่อคืนนี้ฉันรู้นะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรฉัน ที่คุณพาฉันไปที่ห้องคุณและแกล้งทำเป็นว่าเรานอนด้วยกัน เพราะคุณรู้แผนการณ์ของฉันใช่มั้ย เฮอะ! รู้แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจฉันจะเป็นจะตายตอนนี้ทำไมถึงไม่อยากหย่าขึ้นมาล่ะ คงไม่ได้พึ่งจะมารู้สึกกับฉันตอนนี้หรอกนะ นี่คุณได้ยินมั้ยตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ซูเม่ยพยายามปลุกเขาที่หลับปุ๋ยอยู่ จู่ ๆ เมื่อเธอพูดจบถูกเขากระชากแขนดึงร่างกายของเธอเข้าไปหาจนตอนนี้เธอนอนอยู่บนตัวของเขาและถูกเขาโ
บทที่ 19 ผิดแผนไม่นานซูเม่ยได้กลับมาพร้อมถังและผ้าเธอคิดว่าเฉาจื่อจะดื่มแล้วเสียอีกแต่ทว่าเขายังอยู่ท่าเดิมส่วนยูร์เหยาดวงตาเริ่มเคลิ้มแล้ว เธอจึงรีบเก็บกวาดตอนนั้นสาวใช้ลงพาจากด้านบนพอดีจึงเป็นคนจัดการต่อ"ทำไมคุณไม่ดื่มละคะ ยูร์เหยาเอาอีกมั้ยฉันจะรินให้""ได้ค่ะ แต่ฉันขออีกแก้วก็พอนะคะฉันดื่มไม่ค่อยเก่งแถมตอนนี้รู้สึกง่วงนอนอย่างไรก็ไม่รู้" แค่ได้ยินอย่างนั้นซูเม่ยตื่นเต้นเหลือเกินแค่เพียงเฉาจื่อดื่มหมดแก้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบสิ้นลง"ได้สิ" ซูเม่ยลุกขึ้นไปรินให้ยูร์เหยาอีกแก้วเธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ยกแก้วขึ้นอีกครั้ง"มาดื่มพร้อม ๆ กันเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณก็กลับแล้ววันนี้ปลดปล่อยตัวเองหน่อยสิคะ" เฉาจื่อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมายิ้มกว้างให้ซูเม่ย"เอาสิแก้วนี้ฉันขอดื่มให้เธอแล้วกัน" เขาดื่มจนหมดไม่เหลือสักหยดซูเม่ยดีใจมาก ๆ จึงยกไวน์ในมือดื่มจนหมดเหมือนกัน ไม่นานนักยูร์เหยาได้สลบลงซูเม่ยรียเข้าไปประคองทันนี"ไม่คิดเลยว่าเธอจะคออ่อนอย่างนี้ฉันจะพาไปนอนตรงโต๊ะด้านนู้นนะ สาวใช้กลับมาจะให้ไปตามคนขับรถมาพาเธอกลับบ้าน ถ้ารู้อย่างนี้ฉันไม่ให้เธอมาดื่มด้วยหรอกเป็นความผิดของฉันแท้ ๆ "เมื่อเห็นอย่างน
บทที่ 18 ตลบหลังตอนเย็นมาถึงวันนี้ชิงเถาลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง จนถึงเวลากินอาหารให้สาวใช้ไปตาทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อทุกคนมานั่งประจำที่สาวใช้กำลังตักข้าวใส่จานเสียงรถยนต์ได้ขับเคลื่อนเข้ามาที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าใครมาเยือน“เย็นขนาดนี้ใครมากันนะ!” ชิงเถาพูดขึ้นอย่างสงสัย“คุณแม่นั่งกินเถอะครับเดี๋ยวผมจะออกไปดูเองว่าใครมา” เฉาจื่อลุกขึ้นเดินออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน ซูเม่ยแอบยิ้มมุมปาก‘มาถูกเวลาจริง ๆ ’วันนี้ยูร์เหยาดีใจมาก ๆ ที่จะได้พบกับเฉาจื่ออีกเธอจะทำทุกวิถีทางมัดใจของเขาให้ได้“พี่เฉาจื่อออกมารับฉันด้วย หรือว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่เมื่อวานทำตัวเหินห่างฉันกันนะ!! ดีเลยวันนี้ฉันจะใช้มารยาที่ฉันมีทั้งหมดใช้กับเขาเอง”เฉาจื่อเห็นคนที่เดินลงมาจากรถคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เธอมาที่นี่อีกทำไมกันนะ!! หรือว่าคุณแม่จะเป็นคนเรียกเธอมาให้มากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อเขานึกย้อนไปเมื่อครู่คุณแม่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีคนมา หรือว่าจะเป็นซูเม่ยเพราะช่วงเช้าเขาเห็นเธออยู่ใกล้ ๆ โทรศัพท์แถมยังยิ้มเล็กยิ้มน้อย เมื่อครู่เขาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ หรือว่าเธอมีแผนการอะไรบางอ
บทที่ 17 หยุดเถอะครับบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใหญ่มากสามคนนอนเบียดกันแน่นแต่ทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอ้ายเยว่หลับปุ๋ยในอ้อมกอดทั้งสองคน ก่อนที่เขาจะนอนหลับได้จับมือของซูเม่ยกับเฉาจื่อให้กอดตัวเองสองมือประกบกันอยู่บนตัวของเด็กชาย เมื่อเห็นว่าอ้ายเยว่หลับสนิทเฉาจื่อรีบดึงมือออกมาจากตัวของอ้ายเยว่โดยเร็วและค่อย ๆ ลุกจากเตียงนอน ซูเม่ยเองเธอเคยเข้าฉากอย่างนี้มามากเพียงเท่านี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเพราะคิดอย่างเดียวว่าทำเพื่ออ้ายเยว่แต่ใครจะไปคิดว่าเธอนอนไปเรื่อย ๆ จนเผลอหลับไปพร้อมอ้ายเยว่“ฟู่!!! ทำไมวันนี้อากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ ฉันคงนอนที่นี่ไม่ได้หรอก” เขาพูดพลางมองไปยังเตียงนอนเห็นซูเม่ยกับลูกชายนอนกอดกันแน่นหัวใจของเขาดังโครมครามมากกว่าเดิม“ทำไมถึงกล้าหลับทั้งที่ฉันอยู่ในห้องนี่ด้วยนะ แต่วันนี้เธอเองก็คงตกใจเหนื่อยมาทั้งวัน” เฉาจื่อห่มผ้าให้ทั้งสองพร้อมปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มเช้าวันต่อมาซูเม่ยลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเงาของเขาแล้วมีเพียงอ้ายเยว่ที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด“นี่ฉันเผลอหลับไปหรือเนี่ย.. แล้วฉันไว้ใจเขาได้ยังไงกันนะ!!แม้เขาจะปกป้องและทำดีกับฉันก็เถอะ แต่
บทที่ 16 อ้ายเยว่ฝันดีเวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจผู้กองผู้ที่เป็นตำรวจใหญ่ที่สุดในย่านนี้ที่นี่เป็นสถานีไม่ได้ใหญ่นัก ใหญ่สุดก็คือผู้กองเท่านั้น ได้เดินทางมาถึงสีหน้าท่าทางรำคาญและโมโหที่ต้องถูกเรียกนอกเวลางาน"ไหน ๆ ไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ไหนทำให้ฉันต้องออกมาตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นกับครอบครัว ""ต้องขอโทษด้วยนะครับท่านพอดีชายคนนี้ยืนยันอยากเจอท่านอย่างเดียว เขาอยู่ทางนั้นครับ" ตำรวจเวรรีบผายมือไปทางด้านของเฉาจื่อ"แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าตัวเองเป็นถึงท่านนายพลแต่ผมว่าน่าจะเป็นคนบ้ามากกว่าครับ "แต่ทว่าเมื่อสายตาของผู้กองจับจ้องไปยังเฉาจื่อใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีรีบเดินหาสั่งการให้ตำรวจเวรปลดกุญแจมือทันที"งานเข้าแล้วรีบไปปลดกุญแจมือเดี๋ยวนี้ แกนี่โง่จริง ๆ เลยหาเรื่องใหญ่มาให้ปวดหัวอีกแล้ว" เขากระซิบข้างหูของตำรวจเวร ยามนี้เขาเองต้องคิ้วขมวดกันอย่างสงสัยก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงโต ใบหน้าซีดเซียวไปอีกคนหรือว่าชายคนนี้จะเป็นท่านนายพลอย่างที่พูดจริง ๆ"ท่านนายพลจิ่นเฉาจื่อ ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะครับที่ทำเรื่องใหญ่วุ่นวายอย่างนี้ แฮะ ๆ ท่านเป็นคนใหญ่คนโตไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อีกอย่างนายตำรวจ
บทที่ 15 เฉาจื่อโดนจับตำรวจรถไฟมองใบหน้าของชายสองคนอย่างสับสน ราวกับว่าเขารับส่วยจากคนพวกนี้ เฉาจื่อสังเกตเห็นสายตามี่จ้องมองก็พอเข้าใจ นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนรถไฟแน่นอนเรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่านให้คนชั่วช้าพวกนี้ไปทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงคนอื่นอีกต่อไป“เรื่องที่คุณถูกลวนลามนั้นคนพวกนี้อาจจะทำผิดแต่ว่าสามีคุณลงมือฆ่าคนนี่คือเรื่องใหญ่ ฉันต้องใส่กุญแจมือเอาไว้ก่อนเมื่อรถไฟถึงสถานีทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ”“เอาสิฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ที่ฉันทำไปทั้งหมดเพราะป้องกันตัวเองทุกคนบนรถไฟเองก็เห็นว่าชายคนนี้ตั้งใจหันปลายมีดมาหาฉัน หรือว่าจะหลับหูหลับตาไม่ยอมพูดความจริงกันเพราะกลัวอำนาจแก๊งมังกรดำ ถ้าหากฉันไม่ป้องกันตัวเองคนที่นอนตายอยู่ตรงนี้ก็คงเป็นฉันหรือจะเป็นผู้หญิงที่ถูกย่ำยี เมื่อสมใจหวังก็โดนศพทิ้งระหว่างทางทำราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสินะ ฉันเคยได้ยินคร่าว ๆ ว่าปี1986เกิดเหตุการณ์หญิงสาวตกรถไฟตาย หรือว่านั้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นเหตุการณ์แบบนี้กัน” จู่ ๆ เฉาจื่อก็คิดถึงเรื่องที่เขาพอได้ยินมาจากหทารที่พากันพูดถึงเหตุการณ์นี้แต่ว่าแม่ของหญิงสาวเป็นเพียงหญ
บทที่ 14 เกิดเรื่องใหญ่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเครื่องจักยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องอ้ายเยว่ตื่นขึ้นมามองดูอากาศรอบ ๆ อย่างตื่นตาเช่นเคย"ดูอ้ายเยว่สักครู่นะเดี๋ยวฉันกลับมา ลูกอยู่กับแม่ก่อนนะพ่อขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่""พ่อครับผมเองก็อยากเข้าห้องน้ำขอไปด้วยได้มั้ย ""อย่างนั้นมาเถอะพ่อจะจับมือลูกไปเอง อยู่ได้ใช่มั้ย? " เขาจับมือของอ้ายเยว่ก่อนจะหันมาถามซูเม่ยที่ต้องนั่งคอยอยู่เพียงลำพัง"ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้" เฉาจื่อพาอ้ายเยว่ไปเข้าห้องน้ำระหว่างนั้นซูเม่ยทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดูดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนต่ำลง"สาวสวยอย่างนี้เดินทางคนเดียวคงเหงามากเลยสินะให้พวกฉันนั่งเป็นเพื่อนมั้ยรับรองว่าจะลืมความเหงาจนกว่ารถไฟจะหยุดที่สถานีเลย" เสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นซูเม่ยหันขวับมามองใจเต้นแรงระรัว จ้องมองชายที่เดินเข้ามานั่งกับเธอถึงสามคนใบหน้าของแต่ละคนค่อนข้างน่ากลัวแถมร่างกายยังสักลายเต็มตัวอีกด้วย ความหวาดกลัวเริ่มก่อเกิดในใจยิ่งยุคนี้แล้วทุกคนช่างน่ากลัวจริง ๆ"ออกไปนะ ฉันไม่ได้มาคนเดียวสักหน่อยไม่ต้องการให้คนไม่รู้จักมานั่งเป็นเพื่อนด้วย”“แหมน้องสาวอย่าเล่นตัวนักเลยให้เรานั่งเป็นเพื่อนก
บทที่ 13 เริ่มวางแผน'คิดอะไรของเขากันนะ ไหนที่ในบันทึกว่าเขาเกลียดซูเม่ยไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้สายตาของเขาถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้ หรือว่าเขาเพียงแค่แสดงต่อหน้าอ้ายเยว่กันใช่ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เฮอะ! คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงฉันเป็นนักแสดงนะย่ะ ' ซูเม่ยไม่ได้ใจเต้นแรงเพียงแค่คำพูดและการกระทำของเขาหรอกนะ เธอนะเป็นนักแสดงหากจะให้เล่นเป็นครอบครัวอบอุ่นเรื่องแค่นี้ง่ายมากสำหรับเธอ"พ่อครับที่นี่มันไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นัก หากวันหน้าอ้ายเยว่อยากมาจะมาได้มั้ยครับ ""ได้สิหากจะมาลูกก็บอกให้แม่พามาสิ""อ้ายเยว่กลัวคุณย่าไม่ให้คุณแม่พามานะสิครับ วัน ๆ คุณแม่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำคุณพ่อช่วยพูดเรื่องนี้กับคุณย่าให้หน่อยได้มั้ยครับ""ได้สิก่อนกลับพ่อจะจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยลูกวางใจเถอะนะจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก" เฉาจื่อลูบหัวอ้ายเยว่อย่างเอ็นดูและนึกสงสารลูกชาย"ไม่ยากหรอกหากอยากจัดการให้ถูกต้อง คุณเพียงแค่ไปอำเภอกับฉันและหย่าให้เรื่องเท่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อให้คุณบอกว่าคุณจะจัดการให้แต่เมื่อคุณกลับไปคิดหรือว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "จู่ ๆ เธอก็ได้พูดออกอย่างลื
บทที่ 12 ขนมอร่อยหลังจากที่ซูเม่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอเดินลงมาด้านล่างเห็นชิงเถากับยูร์เหยามานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นทั้งสองจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมากก่อนที่แม่สามีจะลุกเดินมาหาเธอ“แหม แหมแต่งตัวอย่างนี้คิดจะยั่วยวนให้เฉาจื่อลูกชายของฉันไม่ยอมหย่ากับเธอใช่ไหม ไหนปากบอกว่าจะหย่ากับลูกชายของฉันเมื่อเขากลับมาอย่างไรล่ะ”"ฉันเองก็อยากจะหย่ามาก ๆ ค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลูกชายของคุณแม่ไม่ยอมหย่าสักที คุณแม่ไม่ลองพูดเรื่องนี้กับลูกชายเองละคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้หรอกคะ " ซูเม่ยพูดก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกเห็นท่าทางของชิงเถาที่อยากขับไล่เธออกจากบ้านเต็มทน จนเธอไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยไม่นานเฉาจื่อได้เดินลงมาด้านล่างพร้อมอ้ายเยว่เด็กน้อยเห็นคุณย่ารีบวิ่งไปหาเธอทั้งรอยยิ้ม"คุณย่าครับวันนี้คุณย่ามีแขกเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับอ้ายเยว่แต่คุณย่าไม่ต้องเสียใจไปนะครับเดี๋ยวผมจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากเอง " ชิงเถาที่ยืนอารมณ์เสียอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายเธอใบหน้ายิ้มแย้มทันที"โธ่ ๆ หลานชายของย่าทำไมถึงจิตใจดีอย่างนี้นะเที่ยวให้สนุกนะ " เธอล