บทที่ 5 น้อยไปหน่อย
รุ่งเช้าวันต่อมา
ร่างเล็กนอนอุดอู้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่อย่างอบอุ่น แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาเล็ดลอดหน้าต่างทำให้ร่างบางเริ่มแสบตาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองดูเธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นเด็กชายในอ้อมกอด ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเธอทะลุมิติมาเป็นแม่ของเด็กชายคนนี้ เธอหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ กลัวว่าจะทำให้เด็กชายตื่น จ้องมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างละเอียด คิ้วคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากเหมาะเจาะกับใบหน้า ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าเด็กชายคนนี้โตขึ้นต้องหล่อมากแน่ ๆ
“อื้อ...” เสียงเล็กครวญครางออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าเช้าแล้ว
“ตื่นแล้วหรือ?”
“อ้ายเยว่ตื่นแล้วครับ เมื่อคืนนี้อ้ายเยว่ฝันดีมากเลยครับ ฝันว่าคุณพ่อกลับมาครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้า คุณแม่กับคุณพ่อนอนกอดอ้ายเยว่ในอ้อมแขนอบอุ่นเหลือเกินจนไม่อยากจะตื่นเลยครับ”
“หื้ม ..ฝันดีจริงๆ ด้วย!! เอาล่ะในเมื่อตื่นแล้วเราไปล้างหน้ากันเถอะนะ” เด็กชายยันกายลุกขึ้นบิดขี้เกียจซูเม่ยก็รีบลุกตามเปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอก วันนี้เธอคิดไว้จะไปทำผมทำเล็บที่ร้านเสริมสวยที่นี่น่าจะมีร้านอยู่บ้างอย่างไรยุคนี้ก็เป็นยุคที่เข้าถึงความเจริญแล้ว
“อ้ายเยว่ตอนนี้ลูกได้เรียนหนังสือหรือยัง”
“คุณย่าบอกว่าอายุของอ้ายเยว่ยังไม่ถึงครับ” เด็กชายเดินลงจากเตียงพร้อมตอบคำถามแม่
“อย่างนั้นหรือ?งั้นวันนี้เราออกไปข้างนอกดีมั้ยไปเที่ยวเล่นกัน”
“จริงเหรอครับ ดีเลยอย่างนั้นอ้ายเยว่จะไปที่ห้องแต่งตัวก่อนนะครับ” เด็กน้อยยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างดีใจที่ซูเม่ยจะพาออกไปเที่ยวเล่น
หลังจากนั้นเธอได้ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แต่เมื่อกำลังแต่งแต้มใบหน้าก็เห็นถึงความงดงามของใบหน้านี้
“อื้อหื้อ เมื่อวานฉันตกใจอยู่สินะเลยไม่ได้มองดูใบหน้านี้อย่างละเอียดทำไมถึงได้สวยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งหน้าอย่างนี้หากอยู่ในยุคปัจจุบันคงเป็นดาราได้ง่าย ๆ เลย อย่างนี้ฉันจะต้องแต่งหน้าหน่อยแล้ว ออกไปข้างนอกทั้งทีต้องสวย ให้แต่อยู่ในบ้านทำงานก้นครัวเสียดายความงามแย่” ซูเม่ยเริ่มแต่งหน้าตามของที่มีอยู่แม้จะดูเก่าแต่ก็ยังพอใช้ได้ ด้วยอาชีพของเธอที่เป็นนักแสดงจับแต่งนิดแต่งหน่อยก็ออกมาดูดีแล้ว ซูเม่ยจ้องมองตัวเองในกระจกอย่างพึงพอใจก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง จู่ ๆ ก็ต้องหยุดชะงักไม่เดินต่อ
“เดี๋ยวสิฉันจะออกไปอย่างนี้ได้อย่างไงกัน เมื่อวานฉันเก็บของไม่เห็นเงินในห้องสักหยวน อย่าบอกนะว่าแม่สามีไม่ให้เธอได้ใช้เงินเลย โห่! เกินไปแล้วนะ ใช้งานเยี่ยงทาสฉันเป็นถึงลูกสะใภ้ไม่ให้เงินใช้เลยหรือไงกัน ไหนจะเงินถุงเงินถังตอนแต่งงานอีก ฮึ ฮึ เรื่องนี้ฉันยอมไม่ได้หรอกนะต้องไปหาแม่สามีหน่อยแล้ว” พูดจบซูเม่ยได้เดินไปหาชิงเถาที่ห้องแต่ไม่พบเลยเดินลงมาดูข้างล่าง เห็นเธอกำลังนั่งจิบชาอย่างอารมณ์ดี
ชิงเถาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อตอนเช้าตรู่มีเสียงของโทรเลขโทรเข้ามาปลายสายแจ้งว่าจะกลับบ้านในวันหยุดนี้ ทำให้คนเป็นแม่ที่ไม่ได้พบลูกเสียนานดีใจที่สุดแต่เมื่อเห็นใบหน้าของซูเม่ยเดินลงมาอารมณ์ของเธอได้เปลี่ยนไปทันที
“นึกอะไรขึ้นมาถึงได้แต่งหน้าแต่งตาอย่างนี้แล้วนั่นชุดอะไรของเธอ แหวกขาขนาดนั้นจะใส่ไปอ่อยใครกัน” ซูเม่ยเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้มีแต่ชุดเก่า ๆ เชย ๆ เธอเลยจัดการเปลี่ยนแปลงให้ชุดธรรมดากลายเป็นชุดที่แปลกใหม่และดูดีกว่าเดิมแต่ไม่ถูกใจแม่สามีสักนิด
“ทำไมหรือคะ คุณแม่ไม่ชอบหรือไงที่ลูกสะใภ้แต่งตัวสวยงามแต่งหน้าให้ดูดี อย่างนี้ไม่ดีต่อตระกูลของคุณแม่หรือคะวันนี้ฉันจะออกไปข้างนอกค่ะและมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ด้วย”
“เฮอะ! ออกไปให้อายคนอื่นทำไมกัน เรื่องที่เธออยากคุยกับฉันเรื่องอะไรว่ามา”
“ฉันต้องการเงินเดือนค่ะ คุณแม่จะให้ฉันใช้ชีวิตอย่างไรหากไม่มีเงินติดตัว อ้อฉันพึ่งนึกออกตอนแต่งงานเงินถุงเงินถังที่เป็นส่วนของฉันคุณแม่ก็เก็บเอาไว้หมดอย่างนี้ไม่เป็นธรรมต่อฉันเลยนะคะ หรือว่าเรื่องนี้คุณแม่อยากให้คนอื่นได้รู้ ตลอดเวลาห้าปีกับการเป็นลูกสะใภ้เป็นภรรยาของท่านนายพลยิ่งใหญ่ ต้องพบเจอเรื่องอะไรแถมยังโดนกดขี่สารพัด ไหนจะไม่ให้เงินใช้สักหยวนอย่างนี้มันไม่เกินไปหรือ?หรือว่าคุณแม่อยากให้คนอื่นรู้คะ” ซูเม่ยเปิดหีบเล็กที่อยู่ในห้องเห็นสมุดบันทึกแม้ว่าเธอจะไม่ได้เรียนสูงแต่เธอยังพอมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ในบันทึกเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอความทุกข์ทรมานใจที่เธอต้องเจอมาโดยตลอดเธอไม่รู้ว่าจะไปเล่าให้ใครฟังทำได้เพียงเขียนเพื่อระบายความรู้สึกลงในกระดาษเท่านั้น
“นี่เธอไม่คิดถึงเรื่องที่เธอกินเธออยู่ทุกวันนี้เลยหรือไง!! ไหนจะอ้ายเยว่ต้องกินต้องใช้อีกไม่นานจะเข้าเรียนแล้วด้วย อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัดสิ” ชิงเถาใบหน้าซีดเซียวเมื่อซูเม่ยถามเรื่องเงินสินสอด และเงินที่เธอจะได้ใช้ในแต่ละเดือน ที่ผ่านมาทุกอย่างในบ้านชิงเถาเธอเป็นคนจัดการเองทุกอย่างและไม่ยอมให้เงินตกถึงมือของซูเม่ย
“ฮึ ฮึ คุณแม่สามีใช้ฉันอย่างกับสาวใช้อย่างนี้ฉันจะต้องได้ค่าแรงเพิ่มสองเท่าหรือเปล่านะ …เอาอย่างนี้ดีมั้ยฉันจะไปหานายอำเภอเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ไม่ว่าจะมองไปทางใดฉันก็ถูกเอาเปรียบทุกทาง ยิ่งมีอ้ายเยว่ฉันยิ่งต้องได้เงินเดือนสิคะคุณแม่” ชิงเถาเห็นท่าทางยิ่งผยองแถมยังไม่กลัวเธออีกด้วย แต่เธอจะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูนายอำเภอตงหนาน กลัวหนูยูร์เหยาได้ยินเรื่องที่เธอทำกับลูกสะใภ้ เรื่องนี้เธอจะยอม ๆ ไปก่อนเพราะอย่างไรอีกไม่กี่วันลูกชายของเธอจะกลับมาหย่ากับซูเม่ย การให้เงินครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะให้
“ไม่เห็นจะต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็ได้ก็ได้ป้าหลินไปหยิบกระเป๋าฉันมาให้ที” ชิงเถารีบเรียกสาวใช้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่เพราะดูจะมีอายุมากแล้ว
“ได้ค่ะคุณนายใหญ่” ป้าหลินรีบเดินขึ้นไปด้านหยิบกระเป๋าของชิงเถาทันที ส่วนซูเม่ยแสยะยิ้มมุมปากอย่างดีใจที่เธอเอาชนะแม่สามีได้อีกหนึ่งเรื่อง
ไม่นานนักอ้ายเยว่ได้เดินลงมาจากห้องของตัวเองเขาแต่งตัวอย่างน่าเอ็นดูจนซูเม่ยต้องรีบเดินเข้าไปอุ้มเด็กชายอย่างทะนุถนอม
“ว๊าว ^ ^วันนี้อ้ายเยว่ของแม่น่ารักจังเลย หิวแล้วใช่มั้ยไปกินข้าวกันเถอะจะได้ออกไปข้างนอกกัน”
“ผมดีใจที่สุดเลยครับที่จะได้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่วันนี้เลยเลือกเสื้อผ้าเป็นพิเศษ” เด็กชายยิ้มระเรื่อ ชิงเถามองดูอยู่ถึงกับไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนป้าหลินเดินลงมาจากด้านบนพร้อมกระเป๋าของเธอ เธอล้วงเงินจำนวน 10 หยวนยื่นให้ซูเม่ย
“นี่เงินของเธอรับไปสิ” ซูเม่ยเห็นเงินที่น้อยนิดเกิดความไม่พอใจทันที เงินเพียงเท่านี้จะไปทำอะไรได้
“มันไม่น้อยไปหน่อยหรือคะ?ค่าทำผมทำเล็บไหนจะเลือกซื้อผ้าชุดใหม่อีกสิบหยวนคงไม่พอ คุณแม่ก็แต่งตัวดูดีสีผมก็ดัดลอนสวยงามดูเล็บสิสีแดงฉาดแบบนั้นคงรู้ราคาใช่มั้ยคะว่าสิบหยวนทำอะไรได้แค่ไหน เฮ้อ! อ้ายเยว่วันนี้แม่คงพาลูกไปเที่ยวเล่นไม่ได้แล้ว เราจะต้องไปที่อำเภอกันก่อน” ซูเม่ยคิดไว้แล้วว่าอย่างไรชิงเถาคงไม่ยอมให้เงินเธอง่าย ๆ แน่นอนคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาต้องเจอคนเจ้าเล่ห์กว่า
บทที่ 6 เหลี่ยมมาเหลี่ยมกลับ“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!! เธอจะขูดเลือดฉันไปถึงเมื่อไหร่”“อะไรนะคะ ฉันขูดเลือดจากคุณแม่เมื่อไหร่กันตั้งแต่จำความได้คุณแม่ไม่เคยให้เงินฉันใช้สักหยวน อย่างนี้ใครกันแน่ที่เสียเปรียบหากคุณแม่ไม่อยากให้ฉันก็ไม่มีทางเลือกไปกันเถอะอ้ายเยว่วันนี้เราคงจะต้องไปที่อำเภอเรียกร้องความไม่ยุติธรรมในครั้งนี้เสียหน่อย” ชิงเถาทั้งโมโหทั้งโกรธที่ไม่สามารถเอาชนะซูเม่ยได้เลย“ก็ได้!! ฉันจะให้เธอเพิ่มอีกสักหน่อยเพราะอย่างไรอีกไม่กี่วันเธอจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ให้ฉันรำคาญใจแล้ว” ชิงเถาล้วงเงินออกมาเพิ่มอีก 30 หยวนทั้งหมดเป็น 40 หยวนยื่นให้แก่ซูเม่ยรอบนี้เธอรีบรับทันทีพร้อมคิดตามคำพูดของแม่สามี“อย่างนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย ว่าแต่เมื่อครู่คุณแม่พูดว่าฉันจะไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?ดีเหมือนกันฉันเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอกช่วยโทรเลขบอกท่านนายพลกลับมาหย่าเร็ว ๆ นะคะฉันเองก็เบื่อเต็มทน” อ้ายเยว่ใบหน้าเศร้าสลดอีกครั้งเมื่อได้ยินผู้ใหญ่ทั้งสองพูดคุยกันเขาไม่อยากให้แม่ไปอยู่ที่อื่นเลยซูเม่ยอุ้มอ้ายเยว่เดินมาที่ห้องกินข้าวก่อนจะวางตัวของอ้ายเยว่ให้นั้งที่เก้าอี้ เธอสังเก
บทที่ 7 ฉันไม่หย่า"อาหารที่สั่งมาแล้วครับ " เสียงพนักงานบอกกล่าวว่าตอนนี้อาหารที่ซูเม่ยสั่งได้จัดเตรียมยกมาเสิร์ฟแล้ว อ้ายเยว่วางมือจากของเล่นเหลียวมองอาหารอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นปูนึ่งที่ซูเม่ยสั่งมาให้ เธอไม่ได้สนใจโต๊ะข้าง ๆ อีก หันกลับมาสนใจลูกชายตัวน้อยแทนหลังจากที่ทั้งสองเพลิดเพลินกับการกินอาหารจนอิ่มหนำสำราญซูเม่ยจัดการจ่ายเงินและพาอ้ายเยว่กลับบ้าน ตอนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ผู้คนพากันเดินทางกลับจากการทำงาน วันนี้เธอพาอ้ายเยว่ออกมาเที่ยวเล่นทั้งวันจริง ๆ ทั้งสองเดินมาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจที่เห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นเคยจอดนิ่งอยู่ที่โรงจอดรถ"แม่ครับนั่นรถใครกัน""นั่นสิแม่เองก็ไม่รู้หรือว่าจะมีแขกมาที่บ้านกัน " ซูเม่ยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ไม่ทันให้ได้ได้คาดเดาก็เห็นเจ้าของรถกำลังยืนหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าประตูเสียแล้ว ชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดทหารร่างกายบึกบึนหน้าอกกว้างสง่าผ่าเผย ใบหน้าคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันดวงตาเฉียบแหลม ซูเม่ยเดาได้ทันทีเพราะใบหน้าเขาคล้ายอ้ายเยว่ไม่มีผิด นั่นคือจิ่นเฉาจื่อสามีของซูเม่ย'ว๊าวว หน้าตาหล่อเหลาใช้ได้รูปร่างก็สูงโปร่งบึกบึนดีไม่แปลกเลยที่พวกผู้หญิงพ
บทที่ 8 พูดไปก็เหนื่อยเปล่าในตอนแรกเฉาจื่อตั้งใจจะกลับบ้านในวันหยุด จู่ ๆ มีคำสั่งมาจากเบื้องบนว่าให้เขาหยุดได้ในวันนี้ถึงสามวัน เพราะวันหยุดที่จะมาถึงมีงานที่จะต้องทำ เขาจึงตัดสินใจกลับมาอย่างเร่งด่วนเขามาถึงบ้านก็บ่ายแล้วกลับมาคิดว่าจะได้พบกับอ้ายเยว่และผู้หญิงที่เขาจำหน้าแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอมีหน้าตาอย่างไร นี่มันก็ 5 ปีแล้วไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเขาเดินออกมายืนคอยที่หน้าประตูได้รู้ว่าจากคุณแม่ว่าวันนี้เธอพาอ้ายเยว่ออกไปข้างนอก คุณแม่บอกเธอมักจะออกไปทุกเช้ากลับมาอีกทีก็มืดค่ำ ปกติจะไม่เอาอ้ายเยว่ไปด้วย ทำให้เขาสงสัยเหลือเกินหรือว่าเธอจะมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว และแล้วเขาได้ยินเสียงเด็กชายที่กำลังพูดคุยกับผู้หญิงอย่างสนุกสนานหัวเราะคิกคัก เฉาจื่อคิดในใจอ้ายเยว่ลูกชายของเขาคงมีความสุขมาก ๆ ที่แม่ผู้ที่ไม่เคยสนใจเลี้ยงดูพาออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกครั้นนั้นสองคนได้เดินเข้ามาสายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ ผู้หญิงที่เขาลืมไปแล้วว่าใบหน้าเป็นอย่างไร ไม่คิดว่าการพบกันครั้งนี้จะได้เห็นว่าเธอนั้นงดงามแค่ไหน เป็นผู้หญิงที่งดงามปราดเปรียววงหน้ารูปเมล็
บทที่ 9 ทำตามที่ฉันสั่งชิงเถามานั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดีเธอให้สาวใช้ไปแอบฟังหน้าห้องของลูกชายได้ยินเสียงทั้งสองมีปากเสียงกัน เธอคิดว่าทั้งสองคงพูดคุยกันเรื่องหย่า ยิ่งทำให้เธอมีความสุขสุด ๆ"ว๊าววว วันนี้อ้ายเยว่หลานย่ามีพ่ออุ้มลงมาด้วย นั่งลงสิวันนี้ย่าให้พ่อครัวทำอาหารที่หลานชอบด้วยล่ะ" เธอเห็นลูกชายอุ้มหลานชายลงมาใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฉาจื่อวางอ้ายเยว่ลงที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ หันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาใคร"มองหาใครกัน" ชิงเถาถามลูกชายอย่างสงสัย"ซูเม่ยล่ะครับเธอไม่มานั่งกินข้าวด้วยกันหรือไงไม่มีมารยาทที่สุด ""คุณพ่อครับ คุณย่าครับวันยี้อ้ายเยว่กับคุณแม่กินข้าวมาจากข้างนอกแล้วครับ ตอนนี้ผมอิ่มมาก ๆ เลย คุณแม่ซื้อปูให้กินด้วยอร่อยสุด ๆ ไปเลย วันนี้คุณแม่คงไม่มากินข้าวด้วยอีกอย่างคุณแม่ไม่เคยมานั่งกินข้าวที่โต๊ะนี้ไม่ใช่หรือครับ" อ้ายเยว่บอกทุกคนด้วยใบหน้าชื่นบานก่อนจะคิ้วขมวดหันไปตอบคุณย่าเรื่องที่แม่ของเขาไม่เคยมานั่งร่วมโต๊ะเลยสักครั้งเพราะหากซูเม่ยมานั่งด้วยก็ถูกชิงเถาไล่ออกไปเสมอ และไม่ยอมให้เธอมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันให้เธอไปกินทีหลังทุกคนในครัว"อะไรนะค
บทที่ 10 ความจริงฝั่งด้านเฉาจื่อเมื่อออกมาจากห้องของซูเม่ยเขาได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินที่เธอเคยพูดไหนจะเรื่องที่เธอถูกคุณแม่ของเขาคอยรังแก หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงไม่ว่าจะพูดอย่างไรเธอก็ยังคงดึงดันคำพูดเดิมไม่หยุดหย่อน เรื่องนี้เขาจะต้องสืบความจริงให้ได้ว่าเธอเกลียดแม่ของเขามากจนเสียต้องใส่ร้ายหรือแม่ของเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ปรับสีหน้าของตัวเองให้ดีขึ้นก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนหาอ้ายเยว่ที่รอเขาอยู่"อ้ายเยว่พ่อมาแล้วขอเข้าไปด้านในได้มั้ย"เด็กชายกำลังนั่งเล่นของเล่นที่แม่ซื้อให้วันนี้เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อเด็กน้อยรีบวางของเล่นทันทีเดินออกมารับพ่อด้วยใบหน้าแจ่มใส"ได้ครับ พ่อไปหาคุณแม่มาแล้วใช่มั้ยครับผมดีใจจริง ๆ ที่ต่อจากนี้คุณพ่อคุณแม่อ้ายเยว่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา "ยิ่งเขาเห็นว่าลูกชายมีความสุขเขายิ่งอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมา"อ้ายเยว่ลูกอยากให้พ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าลูกต้องบอกความจริงพ่อแล้วล่ะ" เขาจูงมืออ้ายเยว่ไปที่เตียงพร้อมเอ่ยถามเรื่องของซูเม่ย"อ้ายเยว่ไม่เคยโกหกเพราะคุณแม่สอนเอ
บทที่ 11 แขกของคุณแม่แต่ทว่าสายตาของเฉาจื่อที่จ้องมองไปยังยูร์เหยากลับเย็นชาแถมคิ้วยังขมวดเข้าหากันอีกด้วย"คนนี้เป็นแขกของคุณแม่หรือครับ อย่างนั้นผมขอพาอ้ายเยว่ไปกินข้าวเช้าก่อนนะครับวันนี้จะพาอ้ายเยว่ออกไปเที่ยวข้างนอก "สีหน้าของยูร์เหยาซีดเซียวเมื่ออีกคนจำตนเองไม่ได้ ชิงเถาเห็นอย่างนั้นรีบเข้ามาตีเข้าที่แขนของเฉาจื่อ“ทำไมถึงขี้ลืมอย่างนี้หนูยูร์เหยาอย่าน้อยใจไปเลยนะ เฉาจื่อคงทำแต่งานคงเลอะ ๆ เลือน ๆ ใครจะไปลืมหนูยูร์เหยาได้ใช่มั้ยล่ะ หนูเองยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาสินะไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เฉาจื่อน้องนำของมาให้รีบรับไว้สิ” ซูเม่ยยืนอยู่หัวเราะคิกคักรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเฉาจื่อจำคนที่แม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ไม่ได้ ชิงเถาเห็นรีบเดินเข้าไปใกล้ดันกายของซูเม่ยออกเพื่อให้ยูร์เหยาเดินเคียงข้างไปกับลูกชายของตนเองเฉาจื่อรับของเล่นของอ้ายเยว่ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารสายตาของเขาจ้องมองมายังซูเม่ย เขาคิดว่าเธอจะไม่ลงมาตามที่สั่งเสียอีก วันนี้เขาตั้งใจจะพาเธอกับอ้านเยว่ออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ชดใช้เวลาที่ผ่านมาให้แก่เธอแต่ทว่าเมื่อเขาลงมาได้เห็นหญิงสาวที่เขาเองแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำมาว่าเป็นใคร ด
บทที่ 12 ขนมอร่อยหลังจากที่ซูเม่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอเดินลงมาด้านล่างเห็นชิงเถากับยูร์เหยามานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นทั้งสองจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมากก่อนที่แม่สามีจะลุกเดินมาหาเธอ“แหม แหมแต่งตัวอย่างนี้คิดจะยั่วยวนให้เฉาจื่อลูกชายของฉันไม่ยอมหย่ากับเธอใช่ไหม ไหนปากบอกว่าจะหย่ากับลูกชายของฉันเมื่อเขากลับมาอย่างไรล่ะ”"ฉันเองก็อยากจะหย่ามาก ๆ ค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลูกชายของคุณแม่ไม่ยอมหย่าสักที คุณแม่ไม่ลองพูดเรื่องนี้กับลูกชายเองละคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้หรอกคะ " ซูเม่ยพูดก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกเห็นท่าทางของชิงเถาที่อยากขับไล่เธออกจากบ้านเต็มทน จนเธอไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยไม่นานเฉาจื่อได้เดินลงมาด้านล่างพร้อมอ้ายเยว่เด็กน้อยเห็นคุณย่ารีบวิ่งไปหาเธอทั้งรอยยิ้ม"คุณย่าครับวันนี้คุณย่ามีแขกเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับอ้ายเยว่แต่คุณย่าไม่ต้องเสียใจไปนะครับเดี๋ยวผมจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากเอง " ชิงเถาที่ยืนอารมณ์เสียอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายเธอใบหน้ายิ้มแย้มทันที"โธ่ ๆ หลานชายของย่าทำไมถึงจิตใจดีอย่างนี้นะเที่ยวให้สนุกนะ " เธอล
บทที่ 13 เริ่มวางแผน'คิดอะไรของเขากันนะ ไหนที่ในบันทึกว่าเขาเกลียดซูเม่ยไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้สายตาของเขาถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้ หรือว่าเขาเพียงแค่แสดงต่อหน้าอ้ายเยว่กันใช่ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เฮอะ! คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงฉันเป็นนักแสดงนะย่ะ ' ซูเม่ยไม่ได้ใจเต้นแรงเพียงแค่คำพูดและการกระทำของเขาหรอกนะ เธอนะเป็นนักแสดงหากจะให้เล่นเป็นครอบครัวอบอุ่นเรื่องแค่นี้ง่ายมากสำหรับเธอ"พ่อครับที่นี่มันไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นัก หากวันหน้าอ้ายเยว่อยากมาจะมาได้มั้ยครับ ""ได้สิหากจะมาลูกก็บอกให้แม่พามาสิ""อ้ายเยว่กลัวคุณย่าไม่ให้คุณแม่พามานะสิครับ วัน ๆ คุณแม่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำคุณพ่อช่วยพูดเรื่องนี้กับคุณย่าให้หน่อยได้มั้ยครับ""ได้สิก่อนกลับพ่อจะจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยลูกวางใจเถอะนะจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก" เฉาจื่อลูบหัวอ้ายเยว่อย่างเอ็นดูและนึกสงสารลูกชาย"ไม่ยากหรอกหากอยากจัดการให้ถูกต้อง คุณเพียงแค่ไปอำเภอกับฉันและหย่าให้เรื่องเท่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อให้คุณบอกว่าคุณจะจัดการให้แต่เมื่อคุณกลับไปคิดหรือว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "จู่ ๆ เธอก็ได้พูดออกอย่างลื
บทที่ 20 หลงรักภรรยาฝั่งด้านเฉาจื่อเขาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเลือกที่จะเข้าไปที่สวนหลังบ้านพื้นที่ที่คุณแม่ใช้ปลูกผักมากมาย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ เขาจึงจัดการซ่อมแซมไม้ที่รกและของที่ผุพัง จนกระทั่งถึงตอนบ่ายเขากำลังนั่งพักก่อนที่จะทำต่อเนื่องจากแดดเริ่มร้อนระอุ จึงเอนกายนอนลงที่นั่งพักของสวนพักหูของเขาแว่วได้ยินเสียงเท้าที่เร่งรีบเดินมาใกล้ เขาคงไม่ต้องเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าคงเป็นซูเม่ย เขาจึงแกล้งหลับตาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอมาหาเขาทำไม“นี่!! ไม่ต้องทำมาเป็นนอนหลับเลยนะ ลืมตาลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เรื่องเมื่อคืนนี้ฉันรู้นะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรฉัน ที่คุณพาฉันไปที่ห้องคุณและแกล้งทำเป็นว่าเรานอนด้วยกัน เพราะคุณรู้แผนการณ์ของฉันใช่มั้ย เฮอะ! รู้แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจฉันจะเป็นจะตายตอนนี้ทำไมถึงไม่อยากหย่าขึ้นมาล่ะ คงไม่ได้พึ่งจะมารู้สึกกับฉันตอนนี้หรอกนะ นี่คุณได้ยินมั้ยตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ซูเม่ยพยายามปลุกเขาที่หลับปุ๋ยอยู่ จู่ ๆ เมื่อเธอพูดจบถูกเขากระชากแขนดึงร่างกายของเธอเข้าไปหาจนตอนนี้เธอนอนอยู่บนตัวของเขาและถูกเขาโ
บทที่ 19 ผิดแผนไม่นานซูเม่ยได้กลับมาพร้อมถังและผ้าเธอคิดว่าเฉาจื่อจะดื่มแล้วเสียอีกแต่ทว่าเขายังอยู่ท่าเดิมส่วนยูร์เหยาดวงตาเริ่มเคลิ้มแล้ว เธอจึงรีบเก็บกวาดตอนนั้นสาวใช้ลงพาจากด้านบนพอดีจึงเป็นคนจัดการต่อ"ทำไมคุณไม่ดื่มละคะ ยูร์เหยาเอาอีกมั้ยฉันจะรินให้""ได้ค่ะ แต่ฉันขออีกแก้วก็พอนะคะฉันดื่มไม่ค่อยเก่งแถมตอนนี้รู้สึกง่วงนอนอย่างไรก็ไม่รู้" แค่ได้ยินอย่างนั้นซูเม่ยตื่นเต้นเหลือเกินแค่เพียงเฉาจื่อดื่มหมดแก้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบสิ้นลง"ได้สิ" ซูเม่ยลุกขึ้นไปรินให้ยูร์เหยาอีกแก้วเธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ยกแก้วขึ้นอีกครั้ง"มาดื่มพร้อม ๆ กันเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณก็กลับแล้ววันนี้ปลดปล่อยตัวเองหน่อยสิคะ" เฉาจื่อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมายิ้มกว้างให้ซูเม่ย"เอาสิแก้วนี้ฉันขอดื่มให้เธอแล้วกัน" เขาดื่มจนหมดไม่เหลือสักหยดซูเม่ยดีใจมาก ๆ จึงยกไวน์ในมือดื่มจนหมดเหมือนกัน ไม่นานนักยูร์เหยาได้สลบลงซูเม่ยรียเข้าไปประคองทันนี"ไม่คิดเลยว่าเธอจะคออ่อนอย่างนี้ฉันจะพาไปนอนตรงโต๊ะด้านนู้นนะ สาวใช้กลับมาจะให้ไปตามคนขับรถมาพาเธอกลับบ้าน ถ้ารู้อย่างนี้ฉันไม่ให้เธอมาดื่มด้วยหรอกเป็นความผิดของฉันแท้ ๆ "เมื่อเห็นอย่างน
บทที่ 18 ตลบหลังตอนเย็นมาถึงวันนี้ชิงเถาลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง จนถึงเวลากินอาหารให้สาวใช้ไปตาทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อทุกคนมานั่งประจำที่สาวใช้กำลังตักข้าวใส่จานเสียงรถยนต์ได้ขับเคลื่อนเข้ามาที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าใครมาเยือน“เย็นขนาดนี้ใครมากันนะ!” ชิงเถาพูดขึ้นอย่างสงสัย“คุณแม่นั่งกินเถอะครับเดี๋ยวผมจะออกไปดูเองว่าใครมา” เฉาจื่อลุกขึ้นเดินออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน ซูเม่ยแอบยิ้มมุมปาก‘มาถูกเวลาจริง ๆ ’วันนี้ยูร์เหยาดีใจมาก ๆ ที่จะได้พบกับเฉาจื่ออีกเธอจะทำทุกวิถีทางมัดใจของเขาให้ได้“พี่เฉาจื่อออกมารับฉันด้วย หรือว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่เมื่อวานทำตัวเหินห่างฉันกันนะ!! ดีเลยวันนี้ฉันจะใช้มารยาที่ฉันมีทั้งหมดใช้กับเขาเอง”เฉาจื่อเห็นคนที่เดินลงมาจากรถคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เธอมาที่นี่อีกทำไมกันนะ!! หรือว่าคุณแม่จะเป็นคนเรียกเธอมาให้มากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อเขานึกย้อนไปเมื่อครู่คุณแม่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีคนมา หรือว่าจะเป็นซูเม่ยเพราะช่วงเช้าเขาเห็นเธออยู่ใกล้ ๆ โทรศัพท์แถมยังยิ้มเล็กยิ้มน้อย เมื่อครู่เขาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ หรือว่าเธอมีแผนการอะไรบางอ
บทที่ 17 หยุดเถอะครับบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใหญ่มากสามคนนอนเบียดกันแน่นแต่ทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอ้ายเยว่หลับปุ๋ยในอ้อมกอดทั้งสองคน ก่อนที่เขาจะนอนหลับได้จับมือของซูเม่ยกับเฉาจื่อให้กอดตัวเองสองมือประกบกันอยู่บนตัวของเด็กชาย เมื่อเห็นว่าอ้ายเยว่หลับสนิทเฉาจื่อรีบดึงมือออกมาจากตัวของอ้ายเยว่โดยเร็วและค่อย ๆ ลุกจากเตียงนอน ซูเม่ยเองเธอเคยเข้าฉากอย่างนี้มามากเพียงเท่านี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเพราะคิดอย่างเดียวว่าทำเพื่ออ้ายเยว่แต่ใครจะไปคิดว่าเธอนอนไปเรื่อย ๆ จนเผลอหลับไปพร้อมอ้ายเยว่“ฟู่!!! ทำไมวันนี้อากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ ฉันคงนอนที่นี่ไม่ได้หรอก” เขาพูดพลางมองไปยังเตียงนอนเห็นซูเม่ยกับลูกชายนอนกอดกันแน่นหัวใจของเขาดังโครมครามมากกว่าเดิม“ทำไมถึงกล้าหลับทั้งที่ฉันอยู่ในห้องนี่ด้วยนะ แต่วันนี้เธอเองก็คงตกใจเหนื่อยมาทั้งวัน” เฉาจื่อห่มผ้าให้ทั้งสองพร้อมปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มเช้าวันต่อมาซูเม่ยลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเงาของเขาแล้วมีเพียงอ้ายเยว่ที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด“นี่ฉันเผลอหลับไปหรือเนี่ย.. แล้วฉันไว้ใจเขาได้ยังไงกันนะ!!แม้เขาจะปกป้องและทำดีกับฉันก็เถอะ แต่
บทที่ 16 อ้ายเยว่ฝันดีเวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจผู้กองผู้ที่เป็นตำรวจใหญ่ที่สุดในย่านนี้ที่นี่เป็นสถานีไม่ได้ใหญ่นัก ใหญ่สุดก็คือผู้กองเท่านั้น ได้เดินทางมาถึงสีหน้าท่าทางรำคาญและโมโหที่ต้องถูกเรียกนอกเวลางาน"ไหน ๆ ไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ไหนทำให้ฉันต้องออกมาตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นกับครอบครัว ""ต้องขอโทษด้วยนะครับท่านพอดีชายคนนี้ยืนยันอยากเจอท่านอย่างเดียว เขาอยู่ทางนั้นครับ" ตำรวจเวรรีบผายมือไปทางด้านของเฉาจื่อ"แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าตัวเองเป็นถึงท่านนายพลแต่ผมว่าน่าจะเป็นคนบ้ามากกว่าครับ "แต่ทว่าเมื่อสายตาของผู้กองจับจ้องไปยังเฉาจื่อใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีรีบเดินหาสั่งการให้ตำรวจเวรปลดกุญแจมือทันที"งานเข้าแล้วรีบไปปลดกุญแจมือเดี๋ยวนี้ แกนี่โง่จริง ๆ เลยหาเรื่องใหญ่มาให้ปวดหัวอีกแล้ว" เขากระซิบข้างหูของตำรวจเวร ยามนี้เขาเองต้องคิ้วขมวดกันอย่างสงสัยก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงโต ใบหน้าซีดเซียวไปอีกคนหรือว่าชายคนนี้จะเป็นท่านนายพลอย่างที่พูดจริง ๆ"ท่านนายพลจิ่นเฉาจื่อ ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะครับที่ทำเรื่องใหญ่วุ่นวายอย่างนี้ แฮะ ๆ ท่านเป็นคนใหญ่คนโตไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อีกอย่างนายตำรวจ
บทที่ 15 เฉาจื่อโดนจับตำรวจรถไฟมองใบหน้าของชายสองคนอย่างสับสน ราวกับว่าเขารับส่วยจากคนพวกนี้ เฉาจื่อสังเกตเห็นสายตามี่จ้องมองก็พอเข้าใจ นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนรถไฟแน่นอนเรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่านให้คนชั่วช้าพวกนี้ไปทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงคนอื่นอีกต่อไป“เรื่องที่คุณถูกลวนลามนั้นคนพวกนี้อาจจะทำผิดแต่ว่าสามีคุณลงมือฆ่าคนนี่คือเรื่องใหญ่ ฉันต้องใส่กุญแจมือเอาไว้ก่อนเมื่อรถไฟถึงสถานีทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ”“เอาสิฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ที่ฉันทำไปทั้งหมดเพราะป้องกันตัวเองทุกคนบนรถไฟเองก็เห็นว่าชายคนนี้ตั้งใจหันปลายมีดมาหาฉัน หรือว่าจะหลับหูหลับตาไม่ยอมพูดความจริงกันเพราะกลัวอำนาจแก๊งมังกรดำ ถ้าหากฉันไม่ป้องกันตัวเองคนที่นอนตายอยู่ตรงนี้ก็คงเป็นฉันหรือจะเป็นผู้หญิงที่ถูกย่ำยี เมื่อสมใจหวังก็โดนศพทิ้งระหว่างทางทำราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสินะ ฉันเคยได้ยินคร่าว ๆ ว่าปี1986เกิดเหตุการณ์หญิงสาวตกรถไฟตาย หรือว่านั้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นเหตุการณ์แบบนี้กัน” จู่ ๆ เฉาจื่อก็คิดถึงเรื่องที่เขาพอได้ยินมาจากหทารที่พากันพูดถึงเหตุการณ์นี้แต่ว่าแม่ของหญิงสาวเป็นเพียงหญ
บทที่ 14 เกิดเรื่องใหญ่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเครื่องจักยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องอ้ายเยว่ตื่นขึ้นมามองดูอากาศรอบ ๆ อย่างตื่นตาเช่นเคย"ดูอ้ายเยว่สักครู่นะเดี๋ยวฉันกลับมา ลูกอยู่กับแม่ก่อนนะพ่อขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่""พ่อครับผมเองก็อยากเข้าห้องน้ำขอไปด้วยได้มั้ย ""อย่างนั้นมาเถอะพ่อจะจับมือลูกไปเอง อยู่ได้ใช่มั้ย? " เขาจับมือของอ้ายเยว่ก่อนจะหันมาถามซูเม่ยที่ต้องนั่งคอยอยู่เพียงลำพัง"ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้" เฉาจื่อพาอ้ายเยว่ไปเข้าห้องน้ำระหว่างนั้นซูเม่ยทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดูดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนต่ำลง"สาวสวยอย่างนี้เดินทางคนเดียวคงเหงามากเลยสินะให้พวกฉันนั่งเป็นเพื่อนมั้ยรับรองว่าจะลืมความเหงาจนกว่ารถไฟจะหยุดที่สถานีเลย" เสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นซูเม่ยหันขวับมามองใจเต้นแรงระรัว จ้องมองชายที่เดินเข้ามานั่งกับเธอถึงสามคนใบหน้าของแต่ละคนค่อนข้างน่ากลัวแถมร่างกายยังสักลายเต็มตัวอีกด้วย ความหวาดกลัวเริ่มก่อเกิดในใจยิ่งยุคนี้แล้วทุกคนช่างน่ากลัวจริง ๆ"ออกไปนะ ฉันไม่ได้มาคนเดียวสักหน่อยไม่ต้องการให้คนไม่รู้จักมานั่งเป็นเพื่อนด้วย”“แหมน้องสาวอย่าเล่นตัวนักเลยให้เรานั่งเป็นเพื่อนก
บทที่ 13 เริ่มวางแผน'คิดอะไรของเขากันนะ ไหนที่ในบันทึกว่าเขาเกลียดซูเม่ยไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้สายตาของเขาถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้ หรือว่าเขาเพียงแค่แสดงต่อหน้าอ้ายเยว่กันใช่ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เฮอะ! คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงฉันเป็นนักแสดงนะย่ะ ' ซูเม่ยไม่ได้ใจเต้นแรงเพียงแค่คำพูดและการกระทำของเขาหรอกนะ เธอนะเป็นนักแสดงหากจะให้เล่นเป็นครอบครัวอบอุ่นเรื่องแค่นี้ง่ายมากสำหรับเธอ"พ่อครับที่นี่มันไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นัก หากวันหน้าอ้ายเยว่อยากมาจะมาได้มั้ยครับ ""ได้สิหากจะมาลูกก็บอกให้แม่พามาสิ""อ้ายเยว่กลัวคุณย่าไม่ให้คุณแม่พามานะสิครับ วัน ๆ คุณแม่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำคุณพ่อช่วยพูดเรื่องนี้กับคุณย่าให้หน่อยได้มั้ยครับ""ได้สิก่อนกลับพ่อจะจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยลูกวางใจเถอะนะจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก" เฉาจื่อลูบหัวอ้ายเยว่อย่างเอ็นดูและนึกสงสารลูกชาย"ไม่ยากหรอกหากอยากจัดการให้ถูกต้อง คุณเพียงแค่ไปอำเภอกับฉันและหย่าให้เรื่องเท่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อให้คุณบอกว่าคุณจะจัดการให้แต่เมื่อคุณกลับไปคิดหรือว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "จู่ ๆ เธอก็ได้พูดออกอย่างลื
บทที่ 12 ขนมอร่อยหลังจากที่ซูเม่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอเดินลงมาด้านล่างเห็นชิงเถากับยูร์เหยามานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นทั้งสองจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมากก่อนที่แม่สามีจะลุกเดินมาหาเธอ“แหม แหมแต่งตัวอย่างนี้คิดจะยั่วยวนให้เฉาจื่อลูกชายของฉันไม่ยอมหย่ากับเธอใช่ไหม ไหนปากบอกว่าจะหย่ากับลูกชายของฉันเมื่อเขากลับมาอย่างไรล่ะ”"ฉันเองก็อยากจะหย่ามาก ๆ ค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลูกชายของคุณแม่ไม่ยอมหย่าสักที คุณแม่ไม่ลองพูดเรื่องนี้กับลูกชายเองละคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้หรอกคะ " ซูเม่ยพูดก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกเห็นท่าทางของชิงเถาที่อยากขับไล่เธออกจากบ้านเต็มทน จนเธอไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยไม่นานเฉาจื่อได้เดินลงมาด้านล่างพร้อมอ้ายเยว่เด็กน้อยเห็นคุณย่ารีบวิ่งไปหาเธอทั้งรอยยิ้ม"คุณย่าครับวันนี้คุณย่ามีแขกเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับอ้ายเยว่แต่คุณย่าไม่ต้องเสียใจไปนะครับเดี๋ยวผมจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากเอง " ชิงเถาที่ยืนอารมณ์เสียอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายเธอใบหน้ายิ้มแย้มทันที"โธ่ ๆ หลานชายของย่าทำไมถึงจิตใจดีอย่างนี้นะเที่ยวให้สนุกนะ " เธอล