บทที่ 2 ฉันไม่ทน
เมื่อหมิงลู่ได้ยินเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม ยิ่งรู้สึกสงสารทั้งเธอและลูกชายทำไมชีวิตของทั้งสองถึงได้รันทดอย่างนี้ แต่งงานเข้ามาในบ้านของนายทหารแต่ทว่าทั้งสองไม่ได้แต่งกันด้วยความรัก อีกทั้งแม่สามียังคอยรังแกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา และที่เธอนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ได้สติมาหลายวันเพราะแม่สามีใช้งานเธอทั้งที่ฝนตกลงมากระหน่ำแต่ไม่ยอมให้เธอเข้าร่ม ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนอ่อนแอจนทนไม่ไหว เป็นลมท่ามกลางสายฝน เมื่ออ้ายเยว่ไม่เห็นแม่ของตัวเองทั้งที่ฝนตกกระโชกแรงจึงออกตามหาเห็นแม่ของตัวเองหมดสติกลางสายฝน เขาตกใจรีบเรียกให้คนมาช่วยเหลือ เวลาล่วงเลยจนมาถึงวันนี้วันที่ 3 อ้ายเยว่ดีใจมากที่เธอฟื้นขึ้นมา หมิงลู่ได้ฟังถึงกับรับไม่ได้ส่วนนายทหารผู้เป็นสามีหลังจากคืนแต่งงานเขาไม่เคยสนใจตัวเธอด้วยซ้ำ มีเพียงแม่ของเขาที่โทรเลขไปเล่าเรื่องของเธอให้สามีฟังแถมยังใส่ไฟให้สามีเกลียดเธอมากกว่าเดิม
“ฮึ ฮึ อะไรกันทำไมถึงได้หูเบาเชื่อฟังแต่แม่ตัวเองไม่สนใจลูกเมีย เอาล่ะในเมื่อสวรรค์ส่งฉันมาอยู่ในร่างนี้ฉันจะทำทุกวิถีทางไม่ให้แม่สามีมารังแกได้อีก เป็นถึงภรรยาของท่านนายพลแต่กลับใช้งานยิ่งกว่าสาวรับใช้ในบ้านอีกด้วยซ้ำ ไม่ยุติธรรมกับซูเม่ยสักนิดว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่หย่ากันล่ะในเมื่อไม่ได้มีความรักให้กัน เอ๊ะ! เดี๋ยวสิแล้วมีเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยนี่ได้ยังไงกันนะ” หมิงลู่คิดในใจพลางจ้องมองใบหน้าของเด็กชายที่ยิ้มระเรื่อให้เธออยู่
“เอาล่ะ อ้ายเยว่ตอนนี้แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ร่างกายของแม่เป็นปกติดีต่อจากนี้แม่จะไม่ยอมอยู่เหมือนเดิมอีกต่อไปในเมื่อลูกบอกว่าแม่เป็นภรรยาของนายพลพ่อของลูกทำไมห้องนี้ถึงได้ทรุดโทรมแถมยังไม่มีของใช้อีกต่างหากไม่สมฐานะเลย ไม่ได้ฉันจะต้องเริ่มจากตรงนี้ ไปกันเถอะไปหาคุณย่าของลูกกัน” หมิงลู่ลุกขึ้นจากเตียงยื่นมือไปจับมือเล็ก ๆ ของเด็กชายก่อนจะให้เขาพาตนเองไปหาแม่สามี วันนี้หมิงลู่จะทำให้เห็นว่าซูเม่ยคนใหม่จะไม่ยอมทนอีกต่อไป รอรับมือจากเธอได้เลยหากรับไม่ได้ก็หย่าให้เธอไปซ่ะ
ทันทีที่อ้ายเยว่พาเธอเดินออกมาจากห้องสายตาของเธอกวาดมองไปทั่ว ในห้องที่เธออยู่เป็นด้านล่างของตัวบ้าน บ้านหลังนี้ใหญ่โตสมฐานะของนายพลผู้ยิ่งใหญ่ อ้ายเยว่พาเดินขึ้นบันไดจนถึงชั้นที่ 3 ก่อนจะพาเดินไปฝั่งขวามือเธอเห็นห้องที่เหมือนจะใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้หากไม่บอกเธอก็เดาถูกแน่ ๆ ว่าห้องนี้คงเป็นห้องของแม่สามี
“นั่นใช่มั้ยห้องของคุณย่า” เด็กชายพยักหน้าตอบกลับคนเป็นแม่
“ครับ… เวลานี้เป็นเวลานอนกลางวันของคุณย่าคงกำลังให้สาวใช้นวดหลังให้อยู่ครับ”
“อื้ม ...อย่างนั้นอ้ายเยว่ไปทำอะไรที่ลูกอยากทำเถอะนะ ไม่งั้นก็ไปรอแม่อยู่ด้านล่างเมื่อแม่เข้าหาคุณย่าเสร็จแล้วจะลงไปหาลูกเข้าใจมั้ย”
“เอ่อ....อ้ายเยว่ขอเข้าไปด้วยไม่ได้เหรอครับ ผมกลัวคุณย่าจะทำร้ายคุณแม่”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเพราะตอนนี้แม่เปลี่ยนไปแล้วซูเม่ยนางมารร้ายได้ถือกำเนิด ไปเถอะไปรอแม่อยู่ด้านล่าง” อ้ายเยว่แม้จะเป็นห่วงแม่แค่ไหนแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้และยอมลงไปด้านล่างตามคำสั่ง
เมื่อหมิงลู่เห็นอ้ายเยว่เดินลงไปข้างล่างเธอค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปก้าวเท้าเข้าไปอย่างเบา ๆ ใช้สายตากวาดมองในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามตามประสาของผู้หญิงที่มีอายุ ของใช้ครบครันต่างจากห้องของซูเม่ยที่เป็นลูกสะใภ้อย่างมากมาย ยิ่งเห็นหมิงลู่ยิ่งไม่พอใจในการกระทำของแม่สามีคนนี้ยิ่งนัก เธอจะแก้เผ็ดให้หายโมโหเลย
เธอเดินเข้ามาเห็นสาวใช้กำลังนวดหลังให้แม่สามีอยู่อย่างที่อ้ายเยว่บอกไว้ไม่มีผิด หมิงลู่หันไปสบตากับสาวใช้ก่อนจะใช้มือปัดให้เธอลุกขึ้นเดินออกไป เธอจะเป็นคนนวดหลังให้แม่สามีเอง สาวใช้คิดว่าคุณนายเรียกให้ลูกสะใภ้ขึ้นมานวดเธอจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเบาเสียงเพราะตอนนี้ ชิงเถาหรือว่าคุณนายแม่ของนายพลกำลังเคลิ้มหลับ เธอเดินขึ้นไปนั่งที่เตียงก่อนจะกดมือทั้งสองข้างบีบนวดที่บ่าด้วยแรงทั้งหมดที่มีทำเอาคนที่โดนนวดถึงกับสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย!! นี่แกตั้งใจหรือยังไง ทำไมถึงได้บีบจนฉันเจ็บอย่างนี้ต้องโดนหักเงินเดือน " เสียงแผดร้องของชิงเถาดังไปทั่งห้อง ซูเม่ยถูกใจจริง ๆ ที่ได้แก้เผ็ดแม่สามีอย่างเธอ
"เจ็บเป็นด้วยหรือคะคุณแม่สามี" ทันทีที่ได้ยินเสียงของซูเม่ยชิงเถารีบหันขวับมองทันที
"นี่แก มาอยู่ที่นี่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โอ๊ย!!" ชิงเถาตกใจที่เป็นลูกสะใภ้ของตัวเองมานวดให้เธอ เธอรีบลุกขึ้นแต่ทว่าจู่ ๆ หลังของเธอเจ็บจี้ดขึ้นมา
“ไม่ต้องลุกก็ได้ค่ะ ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยเห็นแม่สามีกำลังเพลิดเพลินกับการนวดหลัง ฉันลูกสะใภ้ที่ดีจึงอยากนวดให้ไม่คิดว่าจะทำให้เแม่สามีตื่นขึ้นมา สงสัยมือฉันจะหนักไปหน่อย”
“แกมีเรื่องอะไรอีก ไหนอ้ายเยว่บอกว่าแกหมดสติไม่สบายหลายวันหรือว่าที่ผ่านมาแกแสร้งทำเป็นไม่สบายเพราะขี้เกียจอย่างนั้นหรือ ร้ายกาจจริง ๆ เรื่องนี้ฉันจะต้องบอกกับจิ่นเฉาจื่อให้ได้รู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของเธอ”
“เฮอะ! หากคุณแม่สามีว่าฉันแกล้ง ลองไปนั่งตากฝนดูมั้ยคะจะได้รู้ว่าฉันแกล้งทำหรือเปล่า?ที่ฉันมาหาคุณแม่ที่ห้องเพราะมีเรื่องที่ฉันไม่สามารถทนได้อีกต้องเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมของฉัน” ชิงเถาจ้องมองซูเม่ยอย่างสงสัยตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยกล้าที่จะเดินขึ้นมาชั้นบนด้วยซ้ำ วันนี้เกิดอะไรขึ้นทำให้เธอกล้าเสนอหน้ามาที่นี่กัน
“เรื่องอะไรที่เธอจะมาเรียกร้องว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยจะเรียกร้องอะไรด้วยซ้ำ”
“เมื่อก่อนอาจจะใช่แต่ต่อจากนี้ฉันจะไม่ยอมอีกต่อไป ฉันเป็นลูกสะใภ้เป็นภรรยาของท่านนายพลคุณแม่ให้ฉันไปอยู่ห้องด้านล่างที่เก่าทรุดโทรมยิ่งกว่าห้องของสาวใช้อย่างนี้เหมาะสมแล้วหรือคะ อีกอย่างของใช้ที่ฉันควรจะมีก็ไม่มีต่อจากนี้ฉันจะย้ายขึ้นมาอยู่ชั้นบน และฉันจะซื้อของใช้ทุกอย่างที่ฉันไม่มีไว้ในห้องให้หมดและอีกเรื่องคือต่อจากนี้ฉันจะไม่มีทางทำงานบ้านอีกต่อไป ดูสิเล็บมือของคุณนายภรรยานายพลทั้งดำทั้งฉีกขาดจากการทำงานบ้าน ไหนมือที่หยาบกร้านนี่อีก เฮ้อ! ไม่ได้การล่ะฉันจะต้องออกไปเสริมสวยสักหน่อยแล้ว ที่ฉันมาบอกไม่ใช่มาขอนะคะ แค่มาแจ้งให้ทราบเท่านั้น อ้อ ..จริงสิส่วนเรื่องที่คุณแม่สามีจะโทรหาสามีฉันฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าฉันคิดถึงเขามาก ๆ มีเรื่องมากมายที่จะต้องคุยกับเขาเยอะมาก ๆ ว่าง ๆ ช่วยกลับมาที่บ้านเสียบ้าง อีกเรื่องนะคะหากคุณแม่ไม่ยอมให้ฉันทำตามใจฉันเองก็ไม่ยอมเช่นกัน เรื่องนี้อาจจะเผยแพร่ออกไปด้านนอกคนอื่นได้ยินเข้าจะคิดอย่างไรที่แม่สามีกับท่านนายพลปฏิบัติกับสะใภ้อย่างไร ไปก่อนนะคะจะได้เดินเลือกดูห้องที่จะย้ายเข้ามานอนในคืนนี้" ซูเม่ยโบกมือลาพร้อมแสยะยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ทั้งโมโหทั้งเจ็บใจแต่ไม่สามารถโต้ตอบได้เลย
บทที่ 3 เริ่มเปลี่ยนแปลงซูเม่ยเดินออกมาจากห้องอย่างพอใจเธอเดินสำรวจแต่ละห้องอย่างใจเย็น ห้องด้านบนมีสี่ห้องด้วยกัน ถัดจากห้องของชิงเถาก็เป็นห้องว่างที่กว้างใหญ่เหมือนกันแต่เธอไม่เอาหรอกไม่อยากอยู่ใกล้ให้ปวดหัว อีกสองห้องฝั่งซ้ายเธอเดินดูด้านในหนึ่งห้องเป็นห้องของนายพลจิ่นเฉาจื่อผู้เป็นสามีของเธอ‘เฮอะ!หากเป็นสามีภรรยาคู่อื่นคงได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่ทำไมซูเม่ยถึงได้อยู่ห้องข้างล่างนั่นนะ หรือว่าไม่ใช่แค่แม่สามีที่ไม่ชอบสามีของเธอก็ไม่ชอบเธอเหมือนกันเหรอะเนี่ย!! ช่างน่าปวดหัวเสียจริง แต่เอาล่ะอย่างไรเขาก็ไม่กลับมาง่าย ๆ คงยังไม่ต้องคิดหาทางรับมือ ตอนนี้ต้องรับมือกับแม่สามีให้ได้เสียก่อน’ ซูเม่ยเดินลงมาชั้นสองเดินสำรวจดูทุกห้องชั้นสองน่าจะเป็นห้องรับรองแขกเวลาที่มาเยี่ยมเยือน เธอเลยคิดว่าจะอยู่ที่ชั้นสองให้ไกลจากแม่สามีจะได้หลีกเลี่ยงการปะทะหน้ากัน เธอเห็นสาวใช้เดินผ่านมาพอดีจึงจะโกนเรียกให้สาวใช้ปัดกวาดเช็ดถูห้องนี้ให้เธอ“นี่!! เธอเดินมาที่นี่พอดี ฉันมีเรื่องจะให้ทำให้หน่อย”“เอ่อ...มีเรื่องอะไรให้ทำเหรอคะคุณนายเล็ก” สาวใช้ในบ้านเคยได้รับคำสั่งจากคุณนายใหญ่ไม่ให้ช่วยเหลืองานคุณนายเล็ก
บทที่ 4 ความผิดพลาดทั้งสองเดินเข้ามาในห้องกินข้าวเห็นแม่สามีนั่งไม่พอใจอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าบึ้งตึง ซูเม่ยหัวเราะคิกคักเข้ามาเห็นถึงกับหุบยิ้มทันที“นี่ใครบอกให้เธอเป็นคนสั่งพ่อครัวให้นำเป็ดมาทำอาหารรู้ไม่ว่าจะกินเป็ดแต่ละครั้งต้องมีเทศกาลหรืองานสำคัญ ๆ รวมถึงการแสดงความยินดีไม่ใช่อยากกินก็จะได้กิน สิ้นเปลืองจริง ๆ”“เฮ้อ! ถ้าคุณแม่ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินค่ะ ฉันกับอ้ายเยว่จะกินเองทำไมต้องรอวันเวลาฤกษ์งามยามดีด้วย อยากกินเมื่อไหร่ก็กินสิตายวันไหนใครจะไปรู้ได้ แค่เป็ดตัวเดียวไม่ทำให้ขนหน้าแข้งท่านนายพลหลุดร่วงหรอกใช่มั้ยคะ อ้ายเยว่นั่งลงที่เก้าอี้เร็วสิแม่จะฉีกเนื้อเป็ดให้วันนี้กินเยอะ ๆ นะเข้าใจมั้ย "ซูเม่ยไม่กลัวแถมยังตอบกลับอย่างหน้าตาเฉยจนสาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ในห้องสองคนถึงกับจ้องมองใบหน้ากันอย่างเลิกลัก ชิงเถานั่งตัวสั่นเทากำมือแน่นโมโหลูกสะใภ้มาก ๆ“ทำมาก็ต้องกินสิ นี่ชักช้าทำไมมาตักข้าวสิอาหารเย็นเดี๋ยวไม่อร่อย” ซูเม่ยแสยะยิ้มในที่สุดแม่สามีก็ไม่สามารถต่อว่าเธอต่อได้ทั้งสามกินอาหารกันเสร็จ ซูเม่ยพาอ้ายเยว่มาที่ห้องของเธอวันนี้เป็นวันแรกที่เธอทะลุมิติมาที่นี่การนอนคนเดียวใน
บทที่ 5 น้อยไปหน่อยรุ่งเช้าวันต่อมาร่างเล็กนอนอุดอู้อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่อย่างอบอุ่น แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาเล็ดลอดหน้าต่างทำให้ร่างบางเริ่มแสบตาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองดูเธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นเด็กชายในอ้อมกอด ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเธอทะลุมิติมาเป็นแม่ของเด็กชายคนนี้ เธอหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ กลัวว่าจะทำให้เด็กชายตื่น จ้องมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างละเอียด คิ้วคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากเหมาะเจาะกับใบหน้า ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าเด็กชายคนนี้โตขึ้นต้องหล่อมากแน่ ๆ“อื้อ...” เสียงเล็กครวญครางออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าเช้าแล้ว“ตื่นแล้วหรือ?”“อ้ายเยว่ตื่นแล้วครับ เมื่อคืนนี้อ้ายเยว่ฝันดีมากเลยครับ ฝันว่าคุณพ่อกลับมาครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้า คุณแม่กับคุณพ่อนอนกอดอ้ายเยว่ในอ้อมแขนอบอุ่นเหลือเกินจนไม่อยากจะตื่นเลยครับ”“หื้ม ..ฝันดีจริงๆ ด้วย!! เอาล่ะในเมื่อตื่นแล้วเราไปล้างหน้ากันเถอะนะ” เด็กชายยันกายลุกขึ้นบิดขี้เกียจซูเม่ยก็รีบลุกตามเปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอก วันนี้เธอคิดไว้จะไปทำผมทำเล็บที่ร้านเสริมสวยที่นี่น่าจะมีร้านอยู่บ้างอย่างไรยุคนี้ก็เป็นยุคที่เข้าถึงความเจริญแล้ว“อ้ายเยว่ตอนนี้ลูกได
บทที่ 6 เหลี่ยมมาเหลี่ยมกลับ“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!! เธอจะขูดเลือดฉันไปถึงเมื่อไหร่”“อะไรนะคะ ฉันขูดเลือดจากคุณแม่เมื่อไหร่กันตั้งแต่จำความได้คุณแม่ไม่เคยให้เงินฉันใช้สักหยวน อย่างนี้ใครกันแน่ที่เสียเปรียบหากคุณแม่ไม่อยากให้ฉันก็ไม่มีทางเลือกไปกันเถอะอ้ายเยว่วันนี้เราคงจะต้องไปที่อำเภอเรียกร้องความไม่ยุติธรรมในครั้งนี้เสียหน่อย” ชิงเถาทั้งโมโหทั้งโกรธที่ไม่สามารถเอาชนะซูเม่ยได้เลย“ก็ได้!! ฉันจะให้เธอเพิ่มอีกสักหน่อยเพราะอย่างไรอีกไม่กี่วันเธอจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ให้ฉันรำคาญใจแล้ว” ชิงเถาล้วงเงินออกมาเพิ่มอีก 30 หยวนทั้งหมดเป็น 40 หยวนยื่นให้แก่ซูเม่ยรอบนี้เธอรีบรับทันทีพร้อมคิดตามคำพูดของแม่สามี“อย่างนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย ว่าแต่เมื่อครู่คุณแม่พูดว่าฉันจะไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?ดีเหมือนกันฉันเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอกช่วยโทรเลขบอกท่านนายพลกลับมาหย่าเร็ว ๆ นะคะฉันเองก็เบื่อเต็มทน” อ้ายเยว่ใบหน้าเศร้าสลดอีกครั้งเมื่อได้ยินผู้ใหญ่ทั้งสองพูดคุยกันเขาไม่อยากให้แม่ไปอยู่ที่อื่นเลยซูเม่ยอุ้มอ้ายเยว่เดินมาที่ห้องกินข้าวก่อนจะวางตัวของอ้ายเยว่ให้นั้งที่เก้าอี้ เธอสังเก
บทที่ 7 ฉันไม่หย่า"อาหารที่สั่งมาแล้วครับ " เสียงพนักงานบอกกล่าวว่าตอนนี้อาหารที่ซูเม่ยสั่งได้จัดเตรียมยกมาเสิร์ฟแล้ว อ้ายเยว่วางมือจากของเล่นเหลียวมองอาหารอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นปูนึ่งที่ซูเม่ยสั่งมาให้ เธอไม่ได้สนใจโต๊ะข้าง ๆ อีก หันกลับมาสนใจลูกชายตัวน้อยแทนหลังจากที่ทั้งสองเพลิดเพลินกับการกินอาหารจนอิ่มหนำสำราญซูเม่ยจัดการจ่ายเงินและพาอ้ายเยว่กลับบ้าน ตอนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ผู้คนพากันเดินทางกลับจากการทำงาน วันนี้เธอพาอ้ายเยว่ออกมาเที่ยวเล่นทั้งวันจริง ๆ ทั้งสองเดินมาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจที่เห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นเคยจอดนิ่งอยู่ที่โรงจอดรถ"แม่ครับนั่นรถใครกัน""นั่นสิแม่เองก็ไม่รู้หรือว่าจะมีแขกมาที่บ้านกัน " ซูเม่ยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ไม่ทันให้ได้ได้คาดเดาก็เห็นเจ้าของรถกำลังยืนหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าประตูเสียแล้ว ชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดทหารร่างกายบึกบึนหน้าอกกว้างสง่าผ่าเผย ใบหน้าคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันดวงตาเฉียบแหลม ซูเม่ยเดาได้ทันทีเพราะใบหน้าเขาคล้ายอ้ายเยว่ไม่มีผิด นั่นคือจิ่นเฉาจื่อสามีของซูเม่ย'ว๊าวว หน้าตาหล่อเหลาใช้ได้รูปร่างก็สูงโปร่งบึกบึนดีไม่แปลกเลยที่พวกผู้หญิงพ
บทที่ 8 พูดไปก็เหนื่อยเปล่าในตอนแรกเฉาจื่อตั้งใจจะกลับบ้านในวันหยุด จู่ ๆ มีคำสั่งมาจากเบื้องบนว่าให้เขาหยุดได้ในวันนี้ถึงสามวัน เพราะวันหยุดที่จะมาถึงมีงานที่จะต้องทำ เขาจึงตัดสินใจกลับมาอย่างเร่งด่วนเขามาถึงบ้านก็บ่ายแล้วกลับมาคิดว่าจะได้พบกับอ้ายเยว่และผู้หญิงที่เขาจำหน้าแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอมีหน้าตาอย่างไร นี่มันก็ 5 ปีแล้วไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเขาเดินออกมายืนคอยที่หน้าประตูได้รู้ว่าจากคุณแม่ว่าวันนี้เธอพาอ้ายเยว่ออกไปข้างนอก คุณแม่บอกเธอมักจะออกไปทุกเช้ากลับมาอีกทีก็มืดค่ำ ปกติจะไม่เอาอ้ายเยว่ไปด้วย ทำให้เขาสงสัยเหลือเกินหรือว่าเธอจะมีคนที่เธอรักอยู่แล้ว และแล้วเขาได้ยินเสียงเด็กชายที่กำลังพูดคุยกับผู้หญิงอย่างสนุกสนานหัวเราะคิกคัก เฉาจื่อคิดในใจอ้ายเยว่ลูกชายของเขาคงมีความสุขมาก ๆ ที่แม่ผู้ที่ไม่เคยสนใจเลี้ยงดูพาออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกครั้นนั้นสองคนได้เดินเข้ามาสายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ ผู้หญิงที่เขาลืมไปแล้วว่าใบหน้าเป็นอย่างไร ไม่คิดว่าการพบกันครั้งนี้จะได้เห็นว่าเธอนั้นงดงามแค่ไหน เป็นผู้หญิงที่งดงามปราดเปรียววงหน้ารูปเมล็
บทที่ 9 ทำตามที่ฉันสั่งชิงเถามานั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดีเธอให้สาวใช้ไปแอบฟังหน้าห้องของลูกชายได้ยินเสียงทั้งสองมีปากเสียงกัน เธอคิดว่าทั้งสองคงพูดคุยกันเรื่องหย่า ยิ่งทำให้เธอมีความสุขสุด ๆ"ว๊าววว วันนี้อ้ายเยว่หลานย่ามีพ่ออุ้มลงมาด้วย นั่งลงสิวันนี้ย่าให้พ่อครัวทำอาหารที่หลานชอบด้วยล่ะ" เธอเห็นลูกชายอุ้มหลานชายลงมาใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฉาจื่อวางอ้ายเยว่ลงที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ หันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาใคร"มองหาใครกัน" ชิงเถาถามลูกชายอย่างสงสัย"ซูเม่ยล่ะครับเธอไม่มานั่งกินข้าวด้วยกันหรือไงไม่มีมารยาทที่สุด ""คุณพ่อครับ คุณย่าครับวันยี้อ้ายเยว่กับคุณแม่กินข้าวมาจากข้างนอกแล้วครับ ตอนนี้ผมอิ่มมาก ๆ เลย คุณแม่ซื้อปูให้กินด้วยอร่อยสุด ๆ ไปเลย วันนี้คุณแม่คงไม่มากินข้าวด้วยอีกอย่างคุณแม่ไม่เคยมานั่งกินข้าวที่โต๊ะนี้ไม่ใช่หรือครับ" อ้ายเยว่บอกทุกคนด้วยใบหน้าชื่นบานก่อนจะคิ้วขมวดหันไปตอบคุณย่าเรื่องที่แม่ของเขาไม่เคยมานั่งร่วมโต๊ะเลยสักครั้งเพราะหากซูเม่ยมานั่งด้วยก็ถูกชิงเถาไล่ออกไปเสมอ และไม่ยอมให้เธอมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันให้เธอไปกินทีหลังทุกคนในครัว"อะไรนะค
บทที่ 10 ความจริงฝั่งด้านเฉาจื่อเมื่อออกมาจากห้องของซูเม่ยเขาได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินที่เธอเคยพูดไหนจะเรื่องที่เธอถูกคุณแม่ของเขาคอยรังแก หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงไม่ว่าจะพูดอย่างไรเธอก็ยังคงดึงดันคำพูดเดิมไม่หยุดหย่อน เรื่องนี้เขาจะต้องสืบความจริงให้ได้ว่าเธอเกลียดแม่ของเขามากจนเสียต้องใส่ร้ายหรือแม่ของเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ปรับสีหน้าของตัวเองให้ดีขึ้นก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนหาอ้ายเยว่ที่รอเขาอยู่"อ้ายเยว่พ่อมาแล้วขอเข้าไปด้านในได้มั้ย"เด็กชายกำลังนั่งเล่นของเล่นที่แม่ซื้อให้วันนี้เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อเด็กน้อยรีบวางของเล่นทันทีเดินออกมารับพ่อด้วยใบหน้าแจ่มใส"ได้ครับ พ่อไปหาคุณแม่มาแล้วใช่มั้ยครับผมดีใจจริง ๆ ที่ต่อจากนี้คุณพ่อคุณแม่อ้ายเยว่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา "ยิ่งเขาเห็นว่าลูกชายมีความสุขเขายิ่งอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมา"อ้ายเยว่ลูกอยากให้พ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าลูกต้องบอกความจริงพ่อแล้วล่ะ" เขาจูงมืออ้ายเยว่ไปที่เตียงพร้อมเอ่ยถามเรื่องของซูเม่ย"อ้ายเยว่ไม่เคยโกหกเพราะคุณแม่สอนเอ
บทที่ 20 หลงรักภรรยาฝั่งด้านเฉาจื่อเขาตื่นเช้าขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาเลือกที่จะเข้าไปที่สวนหลังบ้านพื้นที่ที่คุณแม่ใช้ปลูกผักมากมาย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ เขาจึงจัดการซ่อมแซมไม้ที่รกและของที่ผุพัง จนกระทั่งถึงตอนบ่ายเขากำลังนั่งพักก่อนที่จะทำต่อเนื่องจากแดดเริ่มร้อนระอุ จึงเอนกายนอนลงที่นั่งพักของสวนพักหูของเขาแว่วได้ยินเสียงเท้าที่เร่งรีบเดินมาใกล้ เขาคงไม่ต้องเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าคงเป็นซูเม่ย เขาจึงแกล้งหลับตาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอมาหาเขาทำไม“นี่!! ไม่ต้องทำมาเป็นนอนหลับเลยนะ ลืมตาลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เรื่องเมื่อคืนนี้ฉันรู้นะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรฉัน ที่คุณพาฉันไปที่ห้องคุณและแกล้งทำเป็นว่าเรานอนด้วยกัน เพราะคุณรู้แผนการณ์ของฉันใช่มั้ย เฮอะ! รู้แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจฉันจะเป็นจะตายตอนนี้ทำไมถึงไม่อยากหย่าขึ้นมาล่ะ คงไม่ได้พึ่งจะมารู้สึกกับฉันตอนนี้หรอกนะ นี่คุณได้ยินมั้ยตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ซูเม่ยพยายามปลุกเขาที่หลับปุ๋ยอยู่ จู่ ๆ เมื่อเธอพูดจบถูกเขากระชากแขนดึงร่างกายของเธอเข้าไปหาจนตอนนี้เธอนอนอยู่บนตัวของเขาและถูกเขาโ
บทที่ 19 ผิดแผนไม่นานซูเม่ยได้กลับมาพร้อมถังและผ้าเธอคิดว่าเฉาจื่อจะดื่มแล้วเสียอีกแต่ทว่าเขายังอยู่ท่าเดิมส่วนยูร์เหยาดวงตาเริ่มเคลิ้มแล้ว เธอจึงรีบเก็บกวาดตอนนั้นสาวใช้ลงพาจากด้านบนพอดีจึงเป็นคนจัดการต่อ"ทำไมคุณไม่ดื่มละคะ ยูร์เหยาเอาอีกมั้ยฉันจะรินให้""ได้ค่ะ แต่ฉันขออีกแก้วก็พอนะคะฉันดื่มไม่ค่อยเก่งแถมตอนนี้รู้สึกง่วงนอนอย่างไรก็ไม่รู้" แค่ได้ยินอย่างนั้นซูเม่ยตื่นเต้นเหลือเกินแค่เพียงเฉาจื่อดื่มหมดแก้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบสิ้นลง"ได้สิ" ซูเม่ยลุกขึ้นไปรินให้ยูร์เหยาอีกแก้วเธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ยกแก้วขึ้นอีกครั้ง"มาดื่มพร้อม ๆ กันเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณก็กลับแล้ววันนี้ปลดปล่อยตัวเองหน่อยสิคะ" เฉาจื่อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมายิ้มกว้างให้ซูเม่ย"เอาสิแก้วนี้ฉันขอดื่มให้เธอแล้วกัน" เขาดื่มจนหมดไม่เหลือสักหยดซูเม่ยดีใจมาก ๆ จึงยกไวน์ในมือดื่มจนหมดเหมือนกัน ไม่นานนักยูร์เหยาได้สลบลงซูเม่ยรียเข้าไปประคองทันนี"ไม่คิดเลยว่าเธอจะคออ่อนอย่างนี้ฉันจะพาไปนอนตรงโต๊ะด้านนู้นนะ สาวใช้กลับมาจะให้ไปตามคนขับรถมาพาเธอกลับบ้าน ถ้ารู้อย่างนี้ฉันไม่ให้เธอมาดื่มด้วยหรอกเป็นความผิดของฉันแท้ ๆ "เมื่อเห็นอย่างน
บทที่ 18 ตลบหลังตอนเย็นมาถึงวันนี้ชิงเถาลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง จนถึงเวลากินอาหารให้สาวใช้ไปตาทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อทุกคนมานั่งประจำที่สาวใช้กำลังตักข้าวใส่จานเสียงรถยนต์ได้ขับเคลื่อนเข้ามาที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าใครมาเยือน“เย็นขนาดนี้ใครมากันนะ!” ชิงเถาพูดขึ้นอย่างสงสัย“คุณแม่นั่งกินเถอะครับเดี๋ยวผมจะออกไปดูเองว่าใครมา” เฉาจื่อลุกขึ้นเดินออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน ซูเม่ยแอบยิ้มมุมปาก‘มาถูกเวลาจริง ๆ ’วันนี้ยูร์เหยาดีใจมาก ๆ ที่จะได้พบกับเฉาจื่ออีกเธอจะทำทุกวิถีทางมัดใจของเขาให้ได้“พี่เฉาจื่อออกมารับฉันด้วย หรือว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่เมื่อวานทำตัวเหินห่างฉันกันนะ!! ดีเลยวันนี้ฉันจะใช้มารยาที่ฉันมีทั้งหมดใช้กับเขาเอง”เฉาจื่อเห็นคนที่เดินลงมาจากรถคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที เธอมาที่นี่อีกทำไมกันนะ!! หรือว่าคุณแม่จะเป็นคนเรียกเธอมาให้มากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อเขานึกย้อนไปเมื่อครู่คุณแม่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีคนมา หรือว่าจะเป็นซูเม่ยเพราะช่วงเช้าเขาเห็นเธออยู่ใกล้ ๆ โทรศัพท์แถมยังยิ้มเล็กยิ้มน้อย เมื่อครู่เขาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ หรือว่าเธอมีแผนการอะไรบางอ
บทที่ 17 หยุดเถอะครับบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใหญ่มากสามคนนอนเบียดกันแน่นแต่ทว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอ้ายเยว่หลับปุ๋ยในอ้อมกอดทั้งสองคน ก่อนที่เขาจะนอนหลับได้จับมือของซูเม่ยกับเฉาจื่อให้กอดตัวเองสองมือประกบกันอยู่บนตัวของเด็กชาย เมื่อเห็นว่าอ้ายเยว่หลับสนิทเฉาจื่อรีบดึงมือออกมาจากตัวของอ้ายเยว่โดยเร็วและค่อย ๆ ลุกจากเตียงนอน ซูเม่ยเองเธอเคยเข้าฉากอย่างนี้มามากเพียงเท่านี้เธอไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิดเพราะคิดอย่างเดียวว่าทำเพื่ออ้ายเยว่แต่ใครจะไปคิดว่าเธอนอนไปเรื่อย ๆ จนเผลอหลับไปพร้อมอ้ายเยว่“ฟู่!!! ทำไมวันนี้อากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ ฉันคงนอนที่นี่ไม่ได้หรอก” เขาพูดพลางมองไปยังเตียงนอนเห็นซูเม่ยกับลูกชายนอนกอดกันแน่นหัวใจของเขาดังโครมครามมากกว่าเดิม“ทำไมถึงกล้าหลับทั้งที่ฉันอยู่ในห้องนี่ด้วยนะ แต่วันนี้เธอเองก็คงตกใจเหนื่อยมาทั้งวัน” เฉาจื่อห่มผ้าให้ทั้งสองพร้อมปิดไฟก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มเช้าวันต่อมาซูเม่ยลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเงาของเขาแล้วมีเพียงอ้ายเยว่ที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอด“นี่ฉันเผลอหลับไปหรือเนี่ย.. แล้วฉันไว้ใจเขาได้ยังไงกันนะ!!แม้เขาจะปกป้องและทำดีกับฉันก็เถอะ แต่
บทที่ 16 อ้ายเยว่ฝันดีเวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจผู้กองผู้ที่เป็นตำรวจใหญ่ที่สุดในย่านนี้ที่นี่เป็นสถานีไม่ได้ใหญ่นัก ใหญ่สุดก็คือผู้กองเท่านั้น ได้เดินทางมาถึงสีหน้าท่าทางรำคาญและโมโหที่ต้องถูกเรียกนอกเวลางาน"ไหน ๆ ไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ไหนทำให้ฉันต้องออกมาตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเย็นกับครอบครัว ""ต้องขอโทษด้วยนะครับท่านพอดีชายคนนี้ยืนยันอยากเจอท่านอย่างเดียว เขาอยู่ทางนั้นครับ" ตำรวจเวรรีบผายมือไปทางด้านของเฉาจื่อ"แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าตัวเองเป็นถึงท่านนายพลแต่ผมว่าน่าจะเป็นคนบ้ามากกว่าครับ "แต่ทว่าเมื่อสายตาของผู้กองจับจ้องไปยังเฉาจื่อใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีรีบเดินหาสั่งการให้ตำรวจเวรปลดกุญแจมือทันที"งานเข้าแล้วรีบไปปลดกุญแจมือเดี๋ยวนี้ แกนี่โง่จริง ๆ เลยหาเรื่องใหญ่มาให้ปวดหัวอีกแล้ว" เขากระซิบข้างหูของตำรวจเวร ยามนี้เขาเองต้องคิ้วขมวดกันอย่างสงสัยก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงโต ใบหน้าซีดเซียวไปอีกคนหรือว่าชายคนนี้จะเป็นท่านนายพลอย่างที่พูดจริง ๆ"ท่านนายพลจิ่นเฉาจื่อ ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะครับที่ทำเรื่องใหญ่วุ่นวายอย่างนี้ แฮะ ๆ ท่านเป็นคนใหญ่คนโตไม่มีใครที่ไม่รู้จัก อีกอย่างนายตำรวจ
บทที่ 15 เฉาจื่อโดนจับตำรวจรถไฟมองใบหน้าของชายสองคนอย่างสับสน ราวกับว่าเขารับส่วยจากคนพวกนี้ เฉาจื่อสังเกตเห็นสายตามี่จ้องมองก็พอเข้าใจ นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนรถไฟแน่นอนเรื่องนี้เขาจะไม่ปล่อยผ่านให้คนชั่วช้าพวกนี้ไปทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงคนอื่นอีกต่อไป“เรื่องที่คุณถูกลวนลามนั้นคนพวกนี้อาจจะทำผิดแต่ว่าสามีคุณลงมือฆ่าคนนี่คือเรื่องใหญ่ ฉันต้องใส่กุญแจมือเอาไว้ก่อนเมื่อรถไฟถึงสถานีทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ”“เอาสิฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ที่ฉันทำไปทั้งหมดเพราะป้องกันตัวเองทุกคนบนรถไฟเองก็เห็นว่าชายคนนี้ตั้งใจหันปลายมีดมาหาฉัน หรือว่าจะหลับหูหลับตาไม่ยอมพูดความจริงกันเพราะกลัวอำนาจแก๊งมังกรดำ ถ้าหากฉันไม่ป้องกันตัวเองคนที่นอนตายอยู่ตรงนี้ก็คงเป็นฉันหรือจะเป็นผู้หญิงที่ถูกย่ำยี เมื่อสมใจหวังก็โดนศพทิ้งระหว่างทางทำราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสินะ ฉันเคยได้ยินคร่าว ๆ ว่าปี1986เกิดเหตุการณ์หญิงสาวตกรถไฟตาย หรือว่านั้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นเหตุการณ์แบบนี้กัน” จู่ ๆ เฉาจื่อก็คิดถึงเรื่องที่เขาพอได้ยินมาจากหทารที่พากันพูดถึงเหตุการณ์นี้แต่ว่าแม่ของหญิงสาวเป็นเพียงหญ
บทที่ 14 เกิดเรื่องใหญ่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเครื่องจักยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องอ้ายเยว่ตื่นขึ้นมามองดูอากาศรอบ ๆ อย่างตื่นตาเช่นเคย"ดูอ้ายเยว่สักครู่นะเดี๋ยวฉันกลับมา ลูกอยู่กับแม่ก่อนนะพ่อขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่""พ่อครับผมเองก็อยากเข้าห้องน้ำขอไปด้วยได้มั้ย ""อย่างนั้นมาเถอะพ่อจะจับมือลูกไปเอง อยู่ได้ใช่มั้ย? " เขาจับมือของอ้ายเยว่ก่อนจะหันมาถามซูเม่ยที่ต้องนั่งคอยอยู่เพียงลำพัง"ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้" เฉาจื่อพาอ้ายเยว่ไปเข้าห้องน้ำระหว่างนั้นซูเม่ยทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดูดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนต่ำลง"สาวสวยอย่างนี้เดินทางคนเดียวคงเหงามากเลยสินะให้พวกฉันนั่งเป็นเพื่อนมั้ยรับรองว่าจะลืมความเหงาจนกว่ารถไฟจะหยุดที่สถานีเลย" เสียงของชายฉกรรจ์ดังขึ้นซูเม่ยหันขวับมามองใจเต้นแรงระรัว จ้องมองชายที่เดินเข้ามานั่งกับเธอถึงสามคนใบหน้าของแต่ละคนค่อนข้างน่ากลัวแถมร่างกายยังสักลายเต็มตัวอีกด้วย ความหวาดกลัวเริ่มก่อเกิดในใจยิ่งยุคนี้แล้วทุกคนช่างน่ากลัวจริง ๆ"ออกไปนะ ฉันไม่ได้มาคนเดียวสักหน่อยไม่ต้องการให้คนไม่รู้จักมานั่งเป็นเพื่อนด้วย”“แหมน้องสาวอย่าเล่นตัวนักเลยให้เรานั่งเป็นเพื่อนก
บทที่ 13 เริ่มวางแผน'คิดอะไรของเขากันนะ ไหนที่ในบันทึกว่าเขาเกลียดซูเม่ยไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้สายตาของเขาถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้ หรือว่าเขาเพียงแค่แสดงต่อหน้าอ้ายเยว่กันใช่ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน เฮอะ! คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงฉันเป็นนักแสดงนะย่ะ ' ซูเม่ยไม่ได้ใจเต้นแรงเพียงแค่คำพูดและการกระทำของเขาหรอกนะ เธอนะเป็นนักแสดงหากจะให้เล่นเป็นครอบครัวอบอุ่นเรื่องแค่นี้ง่ายมากสำหรับเธอ"พ่อครับที่นี่มันไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นัก หากวันหน้าอ้ายเยว่อยากมาจะมาได้มั้ยครับ ""ได้สิหากจะมาลูกก็บอกให้แม่พามาสิ""อ้ายเยว่กลัวคุณย่าไม่ให้คุณแม่พามานะสิครับ วัน ๆ คุณแม่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำคุณพ่อช่วยพูดเรื่องนี้กับคุณย่าให้หน่อยได้มั้ยครับ""ได้สิก่อนกลับพ่อจะจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยลูกวางใจเถอะนะจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก" เฉาจื่อลูบหัวอ้ายเยว่อย่างเอ็นดูและนึกสงสารลูกชาย"ไม่ยากหรอกหากอยากจัดการให้ถูกต้อง คุณเพียงแค่ไปอำเภอกับฉันและหย่าให้เรื่องเท่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อให้คุณบอกว่าคุณจะจัดการให้แต่เมื่อคุณกลับไปคิดหรือว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "จู่ ๆ เธอก็ได้พูดออกอย่างลื
บทที่ 12 ขนมอร่อยหลังจากที่ซูเม่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอเดินลงมาด้านล่างเห็นชิงเถากับยูร์เหยามานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นทั้งสองจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมากก่อนที่แม่สามีจะลุกเดินมาหาเธอ“แหม แหมแต่งตัวอย่างนี้คิดจะยั่วยวนให้เฉาจื่อลูกชายของฉันไม่ยอมหย่ากับเธอใช่ไหม ไหนปากบอกว่าจะหย่ากับลูกชายของฉันเมื่อเขากลับมาอย่างไรล่ะ”"ฉันเองก็อยากจะหย่ามาก ๆ ค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรลูกชายของคุณแม่ไม่ยอมหย่าสักที คุณแม่ไม่ลองพูดเรื่องนี้กับลูกชายเองละคะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าไม่ว่าจะแต่งแบบไหนถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่สามารถดึงดูดเขาได้หรอกคะ " ซูเม่ยพูดก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกเห็นท่าทางของชิงเถาที่อยากขับไล่เธออกจากบ้านเต็มทน จนเธอไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยไม่นานเฉาจื่อได้เดินลงมาด้านล่างพร้อมอ้ายเยว่เด็กน้อยเห็นคุณย่ารีบวิ่งไปหาเธอทั้งรอยยิ้ม"คุณย่าครับวันนี้คุณย่ามีแขกเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับอ้ายเยว่แต่คุณย่าไม่ต้องเสียใจไปนะครับเดี๋ยวผมจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากเอง " ชิงเถาที่ยืนอารมณ์เสียอยู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายเธอใบหน้ายิ้มแย้มทันที"โธ่ ๆ หลานชายของย่าทำไมถึงจิตใจดีอย่างนี้นะเที่ยวให้สนุกนะ " เธอล