ไอความร้อนแรกสัมผัสกระทบผิวกาย เมื่อแรกก้าวออกจากตัวเครื่องบินโดยสารจากประเทศไทยถึงรัฐอารันดา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายสมส่วนแห่งบุรุษเพศ
เรียวขาแข็งแกร่งดูทรงพลังเร่งฝีเท้าให้เข้าถึงตัวอาคารสนามบินอย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร ทำให้ชายหนุ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารใกล้เคียงในทันที
รูปร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์อยู่ในชุดกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนแค่ศอก สาบเสื้อที่ปลดค้างไว้ด้วยต้องการระบายความร้อนจากอากาศที่ได้รับเผยให้เห็นแผงอกบึกบึนที่มีขนอ่อนสีน้ำตาลทองขึ้นอยู่รำไร
ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าถูกรวบไว้หลวมๆ แนวคิ้วคมเข้มเฉียงขึ้นเล็กน้อยอย่างชายหยิ่งยโสไม่กลัวใคร จมูกโด่งงุ้มดั่งพญาเหยี่ยวกุมอำนาจ ริมฝีปากบางเฉียบแดงระเรื่อ ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ทุกเครื่องหน้าที่เปิดเผยนั้นบอกได้คำเดียวว่า
“หมอนี่หล่อได้ร้ายกาจมาก”
ฮาน่าบอกตนเองในใจ หลังลอบแอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าเธอมาตลอด 12 ชั่วโมงการบินจากประเทศไทยมายังรัฐอารันดา สำเนียงอังกฤษแท้ที่เขาใช้สื่อสารกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพาณิชย์นั้นยิ่งทำให้หญิงสาวเกิดความสนเท่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีกว่าชายต่างชาติคนนี้มาทำอะไรที่อารันดา
ผิวที่ขาวจัดอมชมพูเหมือนผิวของผู้หญิงและสำเนียงอังกฤษแท้ขนาดนี้ไม่น่าจะใช่คนรัฐอารันดาอย่างเธอแน่ “ชาวต่างชาติ” ฮาน่าบอกตนเองแบบนั้น “ชาติไหนกัน น่าจะเป็นคนไทยหรือไม่ก็ลูกครึ่ง”
เขายังคงขยับสาบเสื้อเชิ้ตไปมาเร็วๆ ไล่ความร้อนอบอ้าวและหวังจะส่งผ่านไอเย็นของเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ภายในที่พักผู้โดยสารให้แทรกซึมเข้าไปภายในตัวเสื้อเพื่อให้เขาคลายความร้อนได้บ้างอย่างเร็ว
“แจ็คกับลอย..พระเอกแฝดสุดเท่..จากไซเฟอร์ มีตัวตนจริงๆ หรือนี่”
ท่านหญิงแห่งรัฐอารันดารำพึงรำพันกับตนเอง การ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิตที่ทำให้เธอติดนักติดหนา การ์ตูนชุดที่แต่งขึ้นมานานแล้วจึงหาอ่านได้ยากมาก ฉบับไหนที่หาเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ เธอจำต้องขอยืมเพื่อนหญิงคนไทยอ่านอยู่บ่อยๆ
แรกๆ เพื่อนก็เต็มใจอ่านและแปลให้ฟัง แต่เธอเองนั้นกลับรู้สึกว่ามันช่างไม่ได้อรรถรสเสียเลย..สุดท้ายแล้วภาษาไทยจึงกลายเป็นภาษาที่ 6 สำหรับนักศึกษาภาษาศาสตร์อย่างเธอจนได้
สมองครุ่นคิดถึงภาพเปรียบเทียบทว่าดวงตาหวานยังเผลอมองกิริยาของเขาอย่างลืมตัว
ไอร้อนที่ได้รับเพียงเท่านี้ยังทำให้เขารู้สึกร้อนกายขนาดนี้หากเดินทางไปถึงไซด์งานจริงและต้องอยู่ประจำที่แท่นขุดเจาะน้ำมันแทนน้าชายอีก 3 เดือน เขาไม่แห้งตายซะก่อนหรือนี่ ครุ่นคิดพลางส่ายหัวไปมาด้วยจำนนในโชคชะตา
กิริยาทั้งหมดนั้นถูกบันทึกลงในความทรงจำของหญิงสาว ฮาน่าไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมต้องลอบมองชายหนุ่มแปลกหน้านี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ใช่ว่าหญิงสาวไม่เคยพบเจอผู้ชายรูปหล่อมาก่อนแต่ว่าเขาคนนี้ไม่เหมือนใคร ดูคุ้นเคย ดูรู้จัก และอยากสัมผัสชิดใกล้ “หรือนี่คือรักแรกพบ”
ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวามองหาผู้ที่น้าชายของเขาสั่งให้มารอรับ พลางสบถในใจ..เขาจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่นี่ใช้ภาษาใดเป็นภาษาราชการหรือหากใช้ภาษาอังกฤษแต่คนส่วนใหญ่ยังยึดติดกับภาษาถิ่นล่ะเขาจะทำยังไง นึกโทษน้าชายที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะให้เขาเตรียมตัวเรียนรู้ข้อมูลของประเทศนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ใส่ใจเองมากกว่า..ก็คนมันถูกบังคับ
ดวงตาคมฆ่าเวลาด้วยการสำรวจพื้นที่โดยรอบ อาคารสนามบินที่ทันสมัยนี้น่าจะบ่งบอกถึงความเจริญของอารันดาได้เป็นอย่างดี ดังนั้น..คงไม่น่ากลัวนัก
อารันดา..ประเทศที่เพิ่งค้นพบว่ามีสายธารน้ำมันดิบอยู่ทุกตารางนิ้วในพื้นที่ ทำให้ประเทศที่พัฒนาแล้วต่างแก่งแย่งที่จะเข้ามาขอสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันกันอย่างเต็มที่ น้าชายของเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันจากพื้นพิภพนี้ เมื่อเวลาเร่งเร้าเข้ามาน้าชายไม่สามารถเคลียตัวเองจากสถานีขุดเจาะจากประเทศใกล้เคียงได้ เดือดร้อนถึงเขาที่ต้องเข้ามาดูแลให้ชั่วคราว คงราวๆ ไม่เกิน 3 เดือนที่ต้องอยู่ที่นี่
ชายหนุ่มส่ายหัวไปมาด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน เมื่อไม่อยากมาแต่ถูกขอร้องแกมบังคับให้ต้องมา ข้อมูลที่ได้รับก็ยังมีเพียงแค่นั้น แถมยังต้องมายืนรอคนที่จะมารับเกือบชั่วโมง
ยกข้อมือขึ้นดูเวลาสายตาคมเข้มภายใต้แว่นตายี่ห้อดังส่อแววฉุนเฉียวไม่สบอารมณ์แต่พลันก็มีอันต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น แว่นตายี่ห้อดังถูกลดออกจากใบหน้าในทันที
สิ่งที่มองเห็นตรงหน้านี้คือสตรีผู้หนึ่งในเครื่องแต่งกายสีน้ำตาลเข้ม ชุดยาวตัวโคร่งปิดคลุมเรือนร่าง เส้นผม และใบหน้าอย่างมิดชิด จะมีเพียงแค่ดวงตากลมโตและงดงามชนิดที่ตั้งแต่เกิดมา อารัทธายังไม่เคยที่จะเห็นสตรีที่จะมีดวงตาที่สวยงามขนาดนี้มาก่อน
ดวงตากลมโตสุกสกาว นัยน์ตาสีทรายรับกับแพขนตางอนงามระยิบระยับ ยามเจ้าของนั้นกะพริบดั่งกับผีเสื้อน้อยขยับปีกโบยบิน เจ้าของดวงตางดงามนั้นมิได้หลบสายตาเอียงอายดั่งที่หญิงพึงจะเป็นแต่กลับจ้องมองตอบมา เหมือนดั่งกับว่าเธอเองก็จ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
สายตาที่สบกันนิ่งนั้นดั่งเวลาหยุดนิ่งเคลื่อนไหว อารัทธาเข้าใจในตอนนี้เองว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” นั้นเป็นอย่างไร สายตาต่างฉายแววพอใจในกันและกัน เครื่องหน้าอื่นภายใต้ผ้าบางปกบิดนั้นเล่าจะงดงามเพียงใด เขาคงไม่มีวันได้แลเห็นเพราะสตรีที่นี่ถือธรรมเนียมเคร่งครัดนัก จะไม่มีชายใดได้เห็นใบหน้าของเธอนอกจากสามีและคนในครอบครัวเท่านั้น ขนาดดวงตาของเธอยังงดงามเช่นเพียงนี้แล้วใบหน้าหวานละมุนนั้นจะงดงามแค่ไหน ฮาน่าเองก็รู้สึกเก้อเขินในสายตาของบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องหลบดวงตาคมเข้มที่สบมา เพราะหากหันหลังจากกันไปคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าของดวงตาที่คมเข้มทรงอำนาจนั้นได้อีกเป็นแน่ ในฐานะท่านหญิงแห่งอารันดาคงไม่มีชายใดจะได้ยลโฉมหรือแม้เฉียดกายเข้าใกล้แน่นอน แล้วเวลานี้จะต้องกลัวอะไรเล่า ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองนี้คือท่านหญิงของพวกเขา ขนบธรรมเนียมเห็นจะใช้ไม่ได้ในเวลานี้เสียแล้ว อะไรบางอย่างทำให้ฮาน่าบอกตนเองว่า “ชายต่างชาติผู้นี้ คือ คนที่ถูกส่งมาเพื่อเธอโดยแท้” “สวัสดีครับ มิสเตอร์อารัทธา... คุณอารมณ์ให้ผมม
“ฮาน่า! น้องกลับมาเองได้ยังไง ทำไมไม่บอกพี่ พี่จะให้คนไปรับ ทำแบบนี้.. ฮึ่ม... น้องนี่แย่มาก ไม่ห่วงเลยหรือว่า หากน้องไปพบกับพวก... พี่จะทำยังไง น้องนี่มัน..มัน..” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวจากเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในตัวตึกฝ่ายในอย่างร้อนรน แววตากราดเกรี้ยวเจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แม้ว่าคำพูดที่เอ่ยจะดูเหมือนตำหนิติเตียน แต่เจ้าของร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงด้วยแรงสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้น ทำให้ผู้เป็นพี่หัวใจอ่อนยวบลงในทันที ความคิดที่จะเข้ามาต่อว่าต่อขานมากมายที่คิดมาระหว่างทางที่วิ่งจากตึกหน้าเข้ามาที่ฝ่ายในนี้ ต้องกลืนหายเข้าไปในลำคอแห้งผากเมื่อคิดว่าจักต้องเสียน้องสาวเพียงคนเดียวไปเสียแล้วกับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของสตรีผู้งดงามหมดจดตรงหน้านี้ น้ำตาไหลอาบแก้มนวลที่ส่งมาพร้อมสายตาที่คิดถึงสุดชีวิตที่พี่น้องถ่ายทอดให้แก่กัน ทำให้ร่างบางโผเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นและพี่ชายก็กางแขนโอบกอดน้องนั้นแนบอกอุ่นเช่นเดียวกัน “ฮาน่า.. ทำไมทำอย่างนี้ น้องไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองเลยรึไง” “ห่วงสิคะ ถึงทำอย่างนี้ ถ้าน
“พี่คะ.. เรื่องนั้น พี่จะจัดการยังไงคะ” “รอเวลาก่อนฮาน่า ตอนนี้เรายังคงทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องรอให้วิศวกรที่คุมแท่นขุดเจาะนั้นเข้ามาแจ้งแผนและความคืบหน้าของการวางท่อน้ำมันก่อน พี่ถึงจะเตรียมการทำอะไรได้ เพราะคงต้องอาศัยความร่วมมือจากเขามากๆ เพราะเป้าหมายตอนนี้ที่ต้องระวังไม่ใช่เราแต่เป็นเขา และพี่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้เรื่องปัญหาภายในอารันดาแค่ไหน” “อ้าว! อย่างนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้เลยสิคะ ต้องรอเขาอย่างเดียว” หน้างามง้ำลงไม่พอใจที่ทำไมต้องรอคอยคนคนนั้นด้วย ทั้งที่ชี้คฟีรอสน่าจะเร่งรีบดำเนินการเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม “พรุ่งนี้เขาจะเข้ามา เห็นว่าเป็นไข้แดดน่ะ คนต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่บ้านเราก็ย่อมจะไม่ชิน ยิ่งอากาศกลางทะเลทรายนั่นสูงกว่า 50 องศา ปรับตัวได้ไวแบบนี้ก็นับว่าอึดแล้ว” “เชอะ! ผู้ชายเสียเปล่าเป็นไข้ได้ไง จะมาทำงานที่นี่ก็ต้องศึกษาเรื่องของอารันดามาแล้วสิคะ เขาก็น่าจะรู้ว่าบ้านเราน่ะร้อน มาถึงก็ไม่สบายแล้วยังงี้จะทนอยู่ไหวหรือคะ มีหวังเราจะแห้วน่ะสิ” ชี้คฟีรอสขยี้เรือนผมนุ่มของน้องสาวช่างเจรจาไปมา เอ็นดูกับความช่า
อารัทธาเดินออกจากห้องสมุดส่วนตัวแห่งชี้คอารันดาด้วยความรู้สึกหนักศีรษะกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ สายตาคมเข้มมุ่งมั่นทอดมองสู่เบื้องหน้าทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนลดหลั่นเข้าสู่สวนสวย พลันสายตาก็ต้องชะงักกับภาพที่เคลื่อนไหวเบื้องหน้า สตรีผู้หนึ่งผู้มีดวงตาที่งดงามดุจเดือนดารา นัยน์ตาสีทรายทองคู่นั้น ภายใต้ชุดประจำชาติที่ปกคลุมร่างบอบบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่ทว่ายังคงเว้นช่วงดวงตาหวานนั้นไว้ ดวงตาหวานที่ตราตรึงหัวใจแกร่งตั้งแต่เมื่อแรกสัมผัสเห็น ไม่ต่างไปจากเจ้าของดวงตาหวาน หัวใจดวงน้อยตื่นตะลึงกับบุรุษสูงใหญ่ที่ยืนเด่นอยู่เบื้องหน้านี้ จวบจนฝ่ามือแข็งแกร่งนั้นแตะสัมผัสแก้มนวลที่กั้นไว้เพียงแพรผ้าบางเบาก็ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ฮาน่ามัวแต่ตื่นตะลึงจ้องมองบุรุษนั้น โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าร่างสูงนั้นเคลื่อนกายเข้าหาตั้งแต่เมื่อใด ด้วยความตกใจที่ถูกชายแปลกหน้าสัมผัสทำให้ท่านหญิงแห่งอารันดาเบี่ยงตัวและหันกลับในทันที แต่ทว่ายังช้าไปกว่าร่างสูงที่เข้าประชิดตัว “ปะ..ปล่อยนะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้” ฮาน่าสะบัดข้อมือที่ถูกยื้อยุดให้เดินตามอย่าง
อารัทธาเดินออกจากห้องสมุดส่วนตัวแห่งชี้คอารันดาด้วยความรู้สึกหนักศีรษะกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ สายตาคมเข้มมุ่งมั่นทอดมองสู่เบื้องหน้าทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนลดหลั่นเข้าสู่สวนสวย พลันสายตาก็ต้องชะงักกับภาพที่เคลื่อนไหวเบื้องหน้า สตรีผู้หนึ่งผู้มีดวงตาที่งดงามดุจเดือนดารา นัยน์ตาสีทรายทองคู่นั้น ภายใต้ชุดประจำชาติที่ปกคลุมร่างบอบบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่ทว่ายังคงเว้นช่วงดวงตาหวานนั้นไว้ ดวงตาหวานที่ตราตรึงหัวใจแกร่งตั้งแต่เมื่อแรกสัมผัสเห็น ไม่ต่างไปจากเจ้าของดวงตาหวาน หัวใจดวงน้อยตื่นตะลึงกับบุรุษสูงใหญ่ที่ยืนเด่นอยู่เบื้องหน้านี้ จวบจนฝ่ามือแข็งแกร่งนั้นแตะสัมผัสแก้มนวลที่กั้นไว้เพียงแพรผ้าบางเบาก็ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ฮาน่ามัวแต่ตื่นตะลึงจ้องมองบุรุษนั้น โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าร่างสูงนั้นเคลื่อนกายเข้าหาตั้งแต่เมื่อใด ด้วยความตกใจที่ถูกชายแปลกหน้าสัมผัสทำให้ท่านหญิงแห่งอารันดาเบี่ยงตัวและหันกลับในทันที แต่ทว่ายังช้าไปกว่าร่างสูงที่เข้าประชิดตัว “ปะ..ปล่อยนะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้” ฮาน่าสะบัดข้อมือที่ถูกยื้อยุดให้เดินตามอย่าง
“พี่คะ.. เรื่องนั้น พี่จะจัดการยังไงคะ” “รอเวลาก่อนฮาน่า ตอนนี้เรายังคงทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องรอให้วิศวกรที่คุมแท่นขุดเจาะนั้นเข้ามาแจ้งแผนและความคืบหน้าของการวางท่อน้ำมันก่อน พี่ถึงจะเตรียมการทำอะไรได้ เพราะคงต้องอาศัยความร่วมมือจากเขามากๆ เพราะเป้าหมายตอนนี้ที่ต้องระวังไม่ใช่เราแต่เป็นเขา และพี่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้เรื่องปัญหาภายในอารันดาแค่ไหน” “อ้าว! อย่างนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้เลยสิคะ ต้องรอเขาอย่างเดียว” หน้างามง้ำลงไม่พอใจที่ทำไมต้องรอคอยคนคนนั้นด้วย ทั้งที่ชี้คฟีรอสน่าจะเร่งรีบดำเนินการเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม “พรุ่งนี้เขาจะเข้ามา เห็นว่าเป็นไข้แดดน่ะ คนต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่บ้านเราก็ย่อมจะไม่ชิน ยิ่งอากาศกลางทะเลทรายนั่นสูงกว่า 50 องศา ปรับตัวได้ไวแบบนี้ก็นับว่าอึดแล้ว” “เชอะ! ผู้ชายเสียเปล่าเป็นไข้ได้ไง จะมาทำงานที่นี่ก็ต้องศึกษาเรื่องของอารันดามาแล้วสิคะ เขาก็น่าจะรู้ว่าบ้านเราน่ะร้อน มาถึงก็ไม่สบายแล้วยังงี้จะทนอยู่ไหวหรือคะ มีหวังเราจะแห้วน่ะสิ” ชี้คฟีรอสขยี้เรือนผมนุ่มของน้องสาวช่างเจรจาไปมา เอ็นดูกับความช่า
“ฮาน่า! น้องกลับมาเองได้ยังไง ทำไมไม่บอกพี่ พี่จะให้คนไปรับ ทำแบบนี้.. ฮึ่ม... น้องนี่แย่มาก ไม่ห่วงเลยหรือว่า หากน้องไปพบกับพวก... พี่จะทำยังไง น้องนี่มัน..มัน..” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวจากเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในตัวตึกฝ่ายในอย่างร้อนรน แววตากราดเกรี้ยวเจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แม้ว่าคำพูดที่เอ่ยจะดูเหมือนตำหนิติเตียน แต่เจ้าของร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงด้วยแรงสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้น ทำให้ผู้เป็นพี่หัวใจอ่อนยวบลงในทันที ความคิดที่จะเข้ามาต่อว่าต่อขานมากมายที่คิดมาระหว่างทางที่วิ่งจากตึกหน้าเข้ามาที่ฝ่ายในนี้ ต้องกลืนหายเข้าไปในลำคอแห้งผากเมื่อคิดว่าจักต้องเสียน้องสาวเพียงคนเดียวไปเสียแล้วกับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของสตรีผู้งดงามหมดจดตรงหน้านี้ น้ำตาไหลอาบแก้มนวลที่ส่งมาพร้อมสายตาที่คิดถึงสุดชีวิตที่พี่น้องถ่ายทอดให้แก่กัน ทำให้ร่างบางโผเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นและพี่ชายก็กางแขนโอบกอดน้องนั้นแนบอกอุ่นเช่นเดียวกัน “ฮาน่า.. ทำไมทำอย่างนี้ น้องไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองเลยรึไง” “ห่วงสิคะ ถึงทำอย่างนี้ ถ้าน
สายตาที่สบกันนิ่งนั้นดั่งเวลาหยุดนิ่งเคลื่อนไหว อารัทธาเข้าใจในตอนนี้เองว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” นั้นเป็นอย่างไร สายตาต่างฉายแววพอใจในกันและกัน เครื่องหน้าอื่นภายใต้ผ้าบางปกบิดนั้นเล่าจะงดงามเพียงใด เขาคงไม่มีวันได้แลเห็นเพราะสตรีที่นี่ถือธรรมเนียมเคร่งครัดนัก จะไม่มีชายใดได้เห็นใบหน้าของเธอนอกจากสามีและคนในครอบครัวเท่านั้น ขนาดดวงตาของเธอยังงดงามเช่นเพียงนี้แล้วใบหน้าหวานละมุนนั้นจะงดงามแค่ไหน ฮาน่าเองก็รู้สึกเก้อเขินในสายตาของบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องหลบดวงตาคมเข้มที่สบมา เพราะหากหันหลังจากกันไปคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าของดวงตาที่คมเข้มทรงอำนาจนั้นได้อีกเป็นแน่ ในฐานะท่านหญิงแห่งอารันดาคงไม่มีชายใดจะได้ยลโฉมหรือแม้เฉียดกายเข้าใกล้แน่นอน แล้วเวลานี้จะต้องกลัวอะไรเล่า ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองนี้คือท่านหญิงของพวกเขา ขนบธรรมเนียมเห็นจะใช้ไม่ได้ในเวลานี้เสียแล้ว อะไรบางอย่างทำให้ฮาน่าบอกตนเองว่า “ชายต่างชาติผู้นี้ คือ คนที่ถูกส่งมาเพื่อเธอโดยแท้” “สวัสดีครับ มิสเตอร์อารัทธา... คุณอารมณ์ให้ผมม
ไอความร้อนแรกสัมผัสกระทบผิวกาย เมื่อแรกก้าวออกจากตัวเครื่องบินโดยสารจากประเทศไทยถึงรัฐอารันดา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายสมส่วนแห่งบุรุษเพศ เรียวขาแข็งแกร่งดูทรงพลังเร่งฝีเท้าให้เข้าถึงตัวอาคารสนามบินอย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร ทำให้ชายหนุ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารใกล้เคียงในทันที รูปร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์อยู่ในชุดกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนแค่ศอก สาบเสื้อที่ปลดค้างไว้ด้วยต้องการระบายความร้อนจากอากาศที่ได้รับเผยให้เห็นแผงอกบึกบึนที่มีขนอ่อนสีน้ำตาลทองขึ้นอยู่รำไร ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าถูกรวบไว้หลวมๆ แนวคิ้วคมเข้มเฉียงขึ้นเล็กน้อยอย่างชายหยิ่งยโสไม่กลัวใคร จมูกโด่งงุ้มดั่งพญาเหยี่ยวกุมอำนาจ ริมฝีปากบางเฉียบแดงระเรื่อ ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ทุกเครื่องหน้าที่เปิดเผยนั้นบอกได้คำเดียวว่า “หมอนี่หล่อได้ร้ายกาจมาก” ฮาน่าบอกตนเองในใจ หลังลอบแอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าเธอมาตลอด 12 ชั่วโมงการบินจากประเทศไทยม