อารัทธาเดินออกจากห้องสมุดส่วนตัวแห่งชี้คอารันดาด้วยความรู้สึกหนักศีรษะกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ สายตาคมเข้มมุ่งมั่นทอดมองสู่เบื้องหน้าทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนลดหลั่นเข้าสู่สวนสวย พลันสายตาก็ต้องชะงักกับภาพที่เคลื่อนไหวเบื้องหน้า
สตรีผู้หนึ่งผู้มีดวงตาที่งดงามดุจเดือนดารา นัยน์ตาสีทรายทองคู่นั้น ภายใต้ชุดประจำชาติที่ปกคลุมร่างบอบบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่ทว่ายังคงเว้นช่วงดวงตาหวานนั้นไว้ ดวงตาหวานที่ตราตรึงหัวใจแกร่งตั้งแต่เมื่อแรกสัมผัสเห็น
ไม่ต่างไปจากเจ้าของดวงตาหวาน หัวใจดวงน้อยตื่นตะลึงกับบุรุษสูงใหญ่ที่ยืนเด่นอยู่เบื้องหน้านี้ จวบจนฝ่ามือแข็งแกร่งนั้นแตะสัมผัสแก้มนวลที่กั้นไว้เพียงแพรผ้าบางเบาก็ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว
ฮาน่ามัวแต่ตื่นตะลึงจ้องมองบุรุษนั้น โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าร่างสูงนั้นเคลื่อนกายเข้าหาตั้งแต่เมื่อใด ด้วยความตกใจที่ถูกชายแปลกหน้าสัมผัสทำให้ท่านหญิงแห่งอารันดาเบี่ยงตัวและหันกลับในทันที แต่ทว่ายังช้าไปกว่าร่างสูงที่เข้าประชิดตัว
“ปะ..ปล่อยนะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้”
ฮาน่าสะบัดข้อมือที่ถูกยื้อยุดให้เดินตามอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าหล่อเหลาที่ลอยเด่นฉายแววล้อเลียนอยู่เต็มสีหน้า แต่ทว่าดวงตาคมเข้มนั้นหวานยิ่งนักยามทอดมองเจ้าของร่างบางตรงหน้านี้ แต่ก็ยอมที่จะปล่อยข้อมือน้อยๆ นั้นแต่โดยดี
ฮาน่าหันซ้ายขวากลัวเหลือเกินว่าจะมีใครมาเห็น โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่เธอดันเดินมาอยู่ตรงจุดกำแพงต้นไม้หนาทึบที่ถูกออกแบบและตั้งใจสร้างเพื่อกำบังสายตาจากภายนอกและตอนนี้เหมือนมันจะกลายเป็นภัยสำหรับเธอไปเสียแล้ว
ดวงตาหวานตื่นกลัว..กลัวดวงตาคมเข้มที่เอาแต่จ้องมองและกลัวกับประเพณีธรรมเนียมที่เคร่งครัดของอารันดา การสวมเสื้อคลุมตัวโคร่งยาวตั้งแต่คอจรดปลายเท้าและสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าและเรือนผมเป็นการป้องกันการเปิดเผยนั้นได้เป็นอย่างดี แต่..ขณะนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้เขาอยากรู้ ผู้ชายที่กระทำการหยามเกียรติประชิดตัวและถือวิสาสะแตะต้องกายตั้งแต่เพียงครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้า
“อืม..คุณสวยเหลือเกิน ภายใต้ผ้าบางๆ เหล่านี้ ซ่อนสตรีที่งดงามได้เพียงไหนกัน ผมอยากรู้นัก”
มือใหญ่เอื้อมใกล้หมายกระตุกผ้าคลุม
“อย่า!”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกตกใจอย่างที่สุดแต่เมื่อเห็นว่าเขาเพียงทำท่าแกล้งความโกรธกรุ่นจึงเข้ามาแทน ในระยะที่ใกล้กันเพียงลมหายใจรดริน
แพรผ้าบางเบานั้นแทบจะไม่สามารถอำพรางอะไรได้อาจจะเป็นเพราะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ คฤหาสน์แห่งชี้ค..การปิดบังจึงไม่ได้มิดชิดดั่งเช่นสตรีที่เห็นในเมือง..
อารัทธาเผลอมองใบหน้างดงามที่มองเห็นได้อย่างรางๆ ผิวสีน้ำผึ้งดูงดงามอ่อนหวานละมุนละมัยยิ่งนัก จมูกโด่งรั้นน้อยๆ รับกับริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาคิดว่ามันคงจะให้สีแดงระเรื่อดั่งสตรีสุขภาพดี ทว่าดวงตางดงามคู่นั้นกลับฉายแววชิงชังเขาอย่างเห็นได้ชัด
“กรุณาหลีกทางไปซะ แล้วฉันจะถือว่าไม่เคยพบเจอคุณมาก่อน”
เสียงหวานต่ำลงอย่างสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ใจอยากจะร้องเรียกทหารยามให้มาจัดการแต่อีกความรู้สึกหนึ่งกลับค้านไม่ให้ทำ เพราะอะไรน่ะเหรอ..อาจเพราะกระแสบางอย่างที่เขาพยายามสื่อมันออกมาจากดวงตาคมเข้มคู่นั้นก็เป็นไปได้
“จะถือว่าไม่เคยพบได้อย่างไง ในเมื่อเราพบกันถึงสองครั้งสองหน..จำไม่ได้หรือครับ”
เขาที่ยื่นหน้าจนใกล้ทำให้ฮาน่าต้องผงะออกอย่างขวัญเสีย
“คุณ! อย่ามาทำกิริยาแบบนี้นะ ถ้าคุณไม่หลีกไป ฉันจะร้องเรียกให้คนมาช่วย”
เสียงตวาดที่ค่อยเสียจนกลัวคนอื่นได้ยินนั้นทำให้เขาต้องขำออกมา
“หึ.. เรียกมาเลยสิครับ แต่ดูท่าไม่น่าจะเรียกมาได้ง่ายๆ นะ เพราะ..คุณเองก็กลัว กลัวคนอื่นจะรู้ว่าอยู่กับผมเหมือนกัน จริงไหม?”
ไม่พูดเปล่าแต่เขากลับยิ่งเดินเข้าใกล้ ฮาน่าถอยหลังกรูแต่ต้องหยุดนิ่งเพราะกำแพงต้นไม้ที่สัมผัสแผ่นหลัง
“คุณ! บ้า! หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ชี้คฟีรอสไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ ถ้ารู้ว่าคุณทำอะไรอย่างนี้กับฉัน! หลีกไปเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงตวาดแหวแต่ยังคงไว้ด้วยน้ำเสียงระดับเดิมยิ่งทำให้อารัทธานึกสนุก ยิ่งเห็นเธอเต้นเร้าแถมยังอ้างชื่อชี้คฟีรอสมาปกป้อง เขายิ่งอยากแกล้งอย่างนึกสนุก เสือผู้หญิงอย่างฟีรอสไม่น่าหวงนางในฮาเร็มเพียงคนเดียว ดูท่าการมาอารันดานี้คงไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก เพราะดอกไม้ทะเลทรายที่เย้ายวนตานี้ให้ความเพลิดเพลินหัวใจเสียเหลือเกิน
“แต่ชี้คฟีรอสคงจะอนุญาตผม ให้..ทำอะไรก็ได้..ที่ผมอยากทำไม่เว้นแม้กระทั่ง..”
ดวงตาคมเข้มหลุบต่ำลงจ้องมองริมฝีปากอิ่มที่ดูจะสั่นเล็กน้อยเพราะอารมณ์โกรธที่เริ่มปะทุ
“คุณมันบะ..”
เสียงหวานขาดหายไปเพราะอะไรบางอย่างที่ฉกประทับลงมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาหวานตื่นโพลง สัมผัสจาบจ้วงล่วงเกิน..เกินกว่าเธอจะยอมรับได้ แม้จะมีแพรผ้ากางกั้นแต่มันจะต่างอะไรในเมื่อความบางเบานั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการรุกรานเลยสักนิด
ฮาน่าที่รู้สึกมึนงงไปชั่วครู่พยายามที่จะเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมา แม้จะได้รับการศึกษาจากนานาประเทศแต่ก็ใช่ว่าจะรับเอาวัฒนธรรมเหล่านั้นมา อารันดา..ก็ยังคงเป็นอารันดา สัมผัสที่ได้รับนี้มีเพียงสามีที่จะมอบให้เท่านั้น ชายอื่น..ไม่มีสิทธิ
ไอความร้อนแรกสัมผัสกระทบผิวกาย เมื่อแรกก้าวออกจากตัวเครื่องบินโดยสารจากประเทศไทยถึงรัฐอารันดา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายสมส่วนแห่งบุรุษเพศ เรียวขาแข็งแกร่งดูทรงพลังเร่งฝีเท้าให้เข้าถึงตัวอาคารสนามบินอย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร ทำให้ชายหนุ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารใกล้เคียงในทันที รูปร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์อยู่ในชุดกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนแค่ศอก สาบเสื้อที่ปลดค้างไว้ด้วยต้องการระบายความร้อนจากอากาศที่ได้รับเผยให้เห็นแผงอกบึกบึนที่มีขนอ่อนสีน้ำตาลทองขึ้นอยู่รำไร ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าถูกรวบไว้หลวมๆ แนวคิ้วคมเข้มเฉียงขึ้นเล็กน้อยอย่างชายหยิ่งยโสไม่กลัวใคร จมูกโด่งงุ้มดั่งพญาเหยี่ยวกุมอำนาจ ริมฝีปากบางเฉียบแดงระเรื่อ ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ทุกเครื่องหน้าที่เปิดเผยนั้นบอกได้คำเดียวว่า “หมอนี่หล่อได้ร้ายกาจมาก” ฮาน่าบอกตนเองในใจ หลังลอบแอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าเธอมาตลอด 12 ชั่วโมงการบินจากประเทศไทยม
สายตาที่สบกันนิ่งนั้นดั่งเวลาหยุดนิ่งเคลื่อนไหว อารัทธาเข้าใจในตอนนี้เองว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” นั้นเป็นอย่างไร สายตาต่างฉายแววพอใจในกันและกัน เครื่องหน้าอื่นภายใต้ผ้าบางปกบิดนั้นเล่าจะงดงามเพียงใด เขาคงไม่มีวันได้แลเห็นเพราะสตรีที่นี่ถือธรรมเนียมเคร่งครัดนัก จะไม่มีชายใดได้เห็นใบหน้าของเธอนอกจากสามีและคนในครอบครัวเท่านั้น ขนาดดวงตาของเธอยังงดงามเช่นเพียงนี้แล้วใบหน้าหวานละมุนนั้นจะงดงามแค่ไหน ฮาน่าเองก็รู้สึกเก้อเขินในสายตาของบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องหลบดวงตาคมเข้มที่สบมา เพราะหากหันหลังจากกันไปคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าของดวงตาที่คมเข้มทรงอำนาจนั้นได้อีกเป็นแน่ ในฐานะท่านหญิงแห่งอารันดาคงไม่มีชายใดจะได้ยลโฉมหรือแม้เฉียดกายเข้าใกล้แน่นอน แล้วเวลานี้จะต้องกลัวอะไรเล่า ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองนี้คือท่านหญิงของพวกเขา ขนบธรรมเนียมเห็นจะใช้ไม่ได้ในเวลานี้เสียแล้ว อะไรบางอย่างทำให้ฮาน่าบอกตนเองว่า “ชายต่างชาติผู้นี้ คือ คนที่ถูกส่งมาเพื่อเธอโดยแท้” “สวัสดีครับ มิสเตอร์อารัทธา... คุณอารมณ์ให้ผมม
“ฮาน่า! น้องกลับมาเองได้ยังไง ทำไมไม่บอกพี่ พี่จะให้คนไปรับ ทำแบบนี้.. ฮึ่ม... น้องนี่แย่มาก ไม่ห่วงเลยหรือว่า หากน้องไปพบกับพวก... พี่จะทำยังไง น้องนี่มัน..มัน..” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวจากเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในตัวตึกฝ่ายในอย่างร้อนรน แววตากราดเกรี้ยวเจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แม้ว่าคำพูดที่เอ่ยจะดูเหมือนตำหนิติเตียน แต่เจ้าของร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงด้วยแรงสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้น ทำให้ผู้เป็นพี่หัวใจอ่อนยวบลงในทันที ความคิดที่จะเข้ามาต่อว่าต่อขานมากมายที่คิดมาระหว่างทางที่วิ่งจากตึกหน้าเข้ามาที่ฝ่ายในนี้ ต้องกลืนหายเข้าไปในลำคอแห้งผากเมื่อคิดว่าจักต้องเสียน้องสาวเพียงคนเดียวไปเสียแล้วกับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของสตรีผู้งดงามหมดจดตรงหน้านี้ น้ำตาไหลอาบแก้มนวลที่ส่งมาพร้อมสายตาที่คิดถึงสุดชีวิตที่พี่น้องถ่ายทอดให้แก่กัน ทำให้ร่างบางโผเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นและพี่ชายก็กางแขนโอบกอดน้องนั้นแนบอกอุ่นเช่นเดียวกัน “ฮาน่า.. ทำไมทำอย่างนี้ น้องไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองเลยรึไง” “ห่วงสิคะ ถึงทำอย่างนี้ ถ้าน
“พี่คะ.. เรื่องนั้น พี่จะจัดการยังไงคะ” “รอเวลาก่อนฮาน่า ตอนนี้เรายังคงทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องรอให้วิศวกรที่คุมแท่นขุดเจาะนั้นเข้ามาแจ้งแผนและความคืบหน้าของการวางท่อน้ำมันก่อน พี่ถึงจะเตรียมการทำอะไรได้ เพราะคงต้องอาศัยความร่วมมือจากเขามากๆ เพราะเป้าหมายตอนนี้ที่ต้องระวังไม่ใช่เราแต่เป็นเขา และพี่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้เรื่องปัญหาภายในอารันดาแค่ไหน” “อ้าว! อย่างนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้เลยสิคะ ต้องรอเขาอย่างเดียว” หน้างามง้ำลงไม่พอใจที่ทำไมต้องรอคอยคนคนนั้นด้วย ทั้งที่ชี้คฟีรอสน่าจะเร่งรีบดำเนินการเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม “พรุ่งนี้เขาจะเข้ามา เห็นว่าเป็นไข้แดดน่ะ คนต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่บ้านเราก็ย่อมจะไม่ชิน ยิ่งอากาศกลางทะเลทรายนั่นสูงกว่า 50 องศา ปรับตัวได้ไวแบบนี้ก็นับว่าอึดแล้ว” “เชอะ! ผู้ชายเสียเปล่าเป็นไข้ได้ไง จะมาทำงานที่นี่ก็ต้องศึกษาเรื่องของอารันดามาแล้วสิคะ เขาก็น่าจะรู้ว่าบ้านเราน่ะร้อน มาถึงก็ไม่สบายแล้วยังงี้จะทนอยู่ไหวหรือคะ มีหวังเราจะแห้วน่ะสิ” ชี้คฟีรอสขยี้เรือนผมนุ่มของน้องสาวช่างเจรจาไปมา เอ็นดูกับความช่า
อารัทธาเดินออกจากห้องสมุดส่วนตัวแห่งชี้คอารันดาด้วยความรู้สึกหนักศีรษะกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ สายตาคมเข้มมุ่งมั่นทอดมองสู่เบื้องหน้าทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนลดหลั่นเข้าสู่สวนสวย พลันสายตาก็ต้องชะงักกับภาพที่เคลื่อนไหวเบื้องหน้า สตรีผู้หนึ่งผู้มีดวงตาที่งดงามดุจเดือนดารา นัยน์ตาสีทรายทองคู่นั้น ภายใต้ชุดประจำชาติที่ปกคลุมร่างบอบบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่ทว่ายังคงเว้นช่วงดวงตาหวานนั้นไว้ ดวงตาหวานที่ตราตรึงหัวใจแกร่งตั้งแต่เมื่อแรกสัมผัสเห็น ไม่ต่างไปจากเจ้าของดวงตาหวาน หัวใจดวงน้อยตื่นตะลึงกับบุรุษสูงใหญ่ที่ยืนเด่นอยู่เบื้องหน้านี้ จวบจนฝ่ามือแข็งแกร่งนั้นแตะสัมผัสแก้มนวลที่กั้นไว้เพียงแพรผ้าบางเบาก็ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ฮาน่ามัวแต่ตื่นตะลึงจ้องมองบุรุษนั้น โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าร่างสูงนั้นเคลื่อนกายเข้าหาตั้งแต่เมื่อใด ด้วยความตกใจที่ถูกชายแปลกหน้าสัมผัสทำให้ท่านหญิงแห่งอารันดาเบี่ยงตัวและหันกลับในทันที แต่ทว่ายังช้าไปกว่าร่างสูงที่เข้าประชิดตัว “ปะ..ปล่อยนะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้” ฮาน่าสะบัดข้อมือที่ถูกยื้อยุดให้เดินตามอย่าง
“พี่คะ.. เรื่องนั้น พี่จะจัดการยังไงคะ” “รอเวลาก่อนฮาน่า ตอนนี้เรายังคงทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องรอให้วิศวกรที่คุมแท่นขุดเจาะนั้นเข้ามาแจ้งแผนและความคืบหน้าของการวางท่อน้ำมันก่อน พี่ถึงจะเตรียมการทำอะไรได้ เพราะคงต้องอาศัยความร่วมมือจากเขามากๆ เพราะเป้าหมายตอนนี้ที่ต้องระวังไม่ใช่เราแต่เป็นเขา และพี่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้เรื่องปัญหาภายในอารันดาแค่ไหน” “อ้าว! อย่างนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้เลยสิคะ ต้องรอเขาอย่างเดียว” หน้างามง้ำลงไม่พอใจที่ทำไมต้องรอคอยคนคนนั้นด้วย ทั้งที่ชี้คฟีรอสน่าจะเร่งรีบดำเนินการเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม “พรุ่งนี้เขาจะเข้ามา เห็นว่าเป็นไข้แดดน่ะ คนต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่บ้านเราก็ย่อมจะไม่ชิน ยิ่งอากาศกลางทะเลทรายนั่นสูงกว่า 50 องศา ปรับตัวได้ไวแบบนี้ก็นับว่าอึดแล้ว” “เชอะ! ผู้ชายเสียเปล่าเป็นไข้ได้ไง จะมาทำงานที่นี่ก็ต้องศึกษาเรื่องของอารันดามาแล้วสิคะ เขาก็น่าจะรู้ว่าบ้านเราน่ะร้อน มาถึงก็ไม่สบายแล้วยังงี้จะทนอยู่ไหวหรือคะ มีหวังเราจะแห้วน่ะสิ” ชี้คฟีรอสขยี้เรือนผมนุ่มของน้องสาวช่างเจรจาไปมา เอ็นดูกับความช่า
“ฮาน่า! น้องกลับมาเองได้ยังไง ทำไมไม่บอกพี่ พี่จะให้คนไปรับ ทำแบบนี้.. ฮึ่ม... น้องนี่แย่มาก ไม่ห่วงเลยหรือว่า หากน้องไปพบกับพวก... พี่จะทำยังไง น้องนี่มัน..มัน..” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวจากเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในตัวตึกฝ่ายในอย่างร้อนรน แววตากราดเกรี้ยวเจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แม้ว่าคำพูดที่เอ่ยจะดูเหมือนตำหนิติเตียน แต่เจ้าของร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นลงด้วยแรงสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้น ทำให้ผู้เป็นพี่หัวใจอ่อนยวบลงในทันที ความคิดที่จะเข้ามาต่อว่าต่อขานมากมายที่คิดมาระหว่างทางที่วิ่งจากตึกหน้าเข้ามาที่ฝ่ายในนี้ ต้องกลืนหายเข้าไปในลำคอแห้งผากเมื่อคิดว่าจักต้องเสียน้องสาวเพียงคนเดียวไปเสียแล้วกับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของสตรีผู้งดงามหมดจดตรงหน้านี้ น้ำตาไหลอาบแก้มนวลที่ส่งมาพร้อมสายตาที่คิดถึงสุดชีวิตที่พี่น้องถ่ายทอดให้แก่กัน ทำให้ร่างบางโผเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นและพี่ชายก็กางแขนโอบกอดน้องนั้นแนบอกอุ่นเช่นเดียวกัน “ฮาน่า.. ทำไมทำอย่างนี้ น้องไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองเลยรึไง” “ห่วงสิคะ ถึงทำอย่างนี้ ถ้าน
สายตาที่สบกันนิ่งนั้นดั่งเวลาหยุดนิ่งเคลื่อนไหว อารัทธาเข้าใจในตอนนี้เองว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” นั้นเป็นอย่างไร สายตาต่างฉายแววพอใจในกันและกัน เครื่องหน้าอื่นภายใต้ผ้าบางปกบิดนั้นเล่าจะงดงามเพียงใด เขาคงไม่มีวันได้แลเห็นเพราะสตรีที่นี่ถือธรรมเนียมเคร่งครัดนัก จะไม่มีชายใดได้เห็นใบหน้าของเธอนอกจากสามีและคนในครอบครัวเท่านั้น ขนาดดวงตาของเธอยังงดงามเช่นเพียงนี้แล้วใบหน้าหวานละมุนนั้นจะงดงามแค่ไหน ฮาน่าเองก็รู้สึกเก้อเขินในสายตาของบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องหลบดวงตาคมเข้มที่สบมา เพราะหากหันหลังจากกันไปคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าของดวงตาที่คมเข้มทรงอำนาจนั้นได้อีกเป็นแน่ ในฐานะท่านหญิงแห่งอารันดาคงไม่มีชายใดจะได้ยลโฉมหรือแม้เฉียดกายเข้าใกล้แน่นอน แล้วเวลานี้จะต้องกลัวอะไรเล่า ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองนี้คือท่านหญิงของพวกเขา ขนบธรรมเนียมเห็นจะใช้ไม่ได้ในเวลานี้เสียแล้ว อะไรบางอย่างทำให้ฮาน่าบอกตนเองว่า “ชายต่างชาติผู้นี้ คือ คนที่ถูกส่งมาเพื่อเธอโดยแท้” “สวัสดีครับ มิสเตอร์อารัทธา... คุณอารมณ์ให้ผมม
ไอความร้อนแรกสัมผัสกระทบผิวกาย เมื่อแรกก้าวออกจากตัวเครื่องบินโดยสารจากประเทศไทยถึงรัฐอารันดา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายสมส่วนแห่งบุรุษเพศ เรียวขาแข็งแกร่งดูทรงพลังเร่งฝีเท้าให้เข้าถึงตัวอาคารสนามบินอย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนสูงกว่า 180 เซนติเมตร ทำให้ชายหนุ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้โดยสารใกล้เคียงในทันที รูปร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์อยู่ในชุดกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนแค่ศอก สาบเสื้อที่ปลดค้างไว้ด้วยต้องการระบายความร้อนจากอากาศที่ได้รับเผยให้เห็นแผงอกบึกบึนที่มีขนอ่อนสีน้ำตาลทองขึ้นอยู่รำไร ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าถูกรวบไว้หลวมๆ แนวคิ้วคมเข้มเฉียงขึ้นเล็กน้อยอย่างชายหยิ่งยโสไม่กลัวใคร จมูกโด่งงุ้มดั่งพญาเหยี่ยวกุมอำนาจ ริมฝีปากบางเฉียบแดงระเรื่อ ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ทุกเครื่องหน้าที่เปิดเผยนั้นบอกได้คำเดียวว่า “หมอนี่หล่อได้ร้ายกาจมาก” ฮาน่าบอกตนเองในใจ หลังลอบแอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าเธอมาตลอด 12 ชั่วโมงการบินจากประเทศไทยม