เขาพยายามอดกลั้นเอาไว้ และตั้งใจว่าจะทำความรู้จักกับท่านทารีน่าคนใหม่ให้มากกว่านี้ แต่ยิ่งเขาอดกลั้น พร้อมกันนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากว่าความโหดร้ายที่งดงามคือความรัก เขาก็คงได้แต่ยอมปล่อยให้มันเข้ามาโดยไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย.. ทารีน่าอ้าปากค้าง เธอไม่คิดมาก่อนว่าท่านกาเล็ตจะสารภาพรักกับเธอเพราะว่าเขาได้พบเจอนางเอกของเรื่องนี้แล้วนี่ ตอนนี้เขาควรจะชอบอเดเรียแล้วทำไมถึงได้มาสารภาพรักกับเธอได้.. เส้นเรื่องหลักของนิยายเรื่องนี้ กำลังเปลี่ยนไปสินะ ด้วยฝีมือของผู้สวมร่างอย่างเธอและอเดเรีย “ช่างน่าเศร้าท่านกาเล็ต เพราะว่าข้าจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้เลย ข้าไม่สามารถดีใจได้ด้วยซ้ำที่ท่านมาสารภาพรักเช่นนั้น เพราะดูเหมือนว่าสตรีผู้นั้นที่ท่านกำลังหลงรัก นางไม่ใช่ข้า..” เขายื่นมือมาจับมือของเธอเอาไว้ “เรื่องนั้นข้าไม่ได้รีบร้อน..ข้าแค่อยากบอกกล่าวความในใจให้ท่านได้รู้ เราออกไปจากห้องนี้กันเถอะครับ” เพียงเธอสบตาเขามันก็ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน เขาจับจูงมือของเธอเพื่อพาเธอเดินออกมาด้านนอกโดยที่บนร่างกายของทารีน่ามีเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ของเขาคลุมทับอยู่ “ข้าเองก็อยากจะทำความรู้จักกับท่านทารีน่าคนใหม่เหมือนกัน ให้โอกาสข้าได้จีบท่านสักครั้งได้ไหมครับ?” เขาหยิบแว่นขึ้นมาสวมพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ แสงแรกของดวงตะวันสาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าของทารีน่า ใบหน้าหวานพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ “นะ..แน่นอนค่ะ” และเมื่อเราเดินมายังห้องโถงจัดเลี้ยงก็พบกับผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรออยู่ที่นั่น แต่ละคนใบหน้าไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่ บางคนก็กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ ส่วนบางคนก็มีรอยคล้ำใต้ตา “ดูเหมือนจะคู่รักพรหมลิขิตที่สามารถตามหากันเจอกลับมาเป็นคู่แรกแล้วนะ..” โอเรียยกแก้วไวน์ขึ้นมาทำท่าทางฉลองให้กับทารีน่าและคาดินันกาเล็ต ก่อนที่เธอจะขยิบตาให้เพื่อนรักที่เดินมาด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อ “บัตรเชิญตามคำสัญญา ไปเดทกันให้สนุกนะคะ” ทารีน่ากลอกตามองบน หากให้เธอเอาบัตรเชิญไปที่หอคอยเวทมนตร์นั้นน่าจะมีเพียงสองใบเท่านั้น โอเรียกำลังเล่นสนุกกับบรรดาชายหนุ่มที่ตามหาสตรีที่มีริบบิ้นสีเดียวกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อบัตรเชิญพวกนี้ “เอาล่ะ แยกย้ายกันไปนอนเถอะ เย็นวันนี้เราค่อยมาพบเจอกันใหม่” โอเรียดีดนิ้วเพื่อคลายเวทมนตร์ในเวลาไม่นานเหล่าสตรีที่ถุกซ่อนเอาไว้ก็ทยอยเดินออกมารวมกัน ทารีน่าเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคาดินันกาเล็ต “ข้า..ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับจัดเสื้อคลุมของตัวเองให้มันคลุมคลายหนาวให้เธอ “แล้วพบกันครับท่านทารีน่า” เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับไปยังห้องรับรอง แต่ทว่ายังไม่ได้เดินจากไปก็มีมือมาคว้าแขนของเธอเอาไว้อย่างแรง พร้อมๆ กับแรกกระชากเสื้อคลุมสีขาวออกไปจากร่างกายของเธอ ตอนนี้เธอกำลังซบลงที่อ้อมแขนของ..ท่านมาไคล์ เธอไม่ทันได้เห็นหน้าของเขาเพราะเขาดันศีรษะเธอให้แนบลงไปบนแผงอกแกร่งของตัวเอง มาไคล์กำลังโกรธ..เขาโกรธเมื่อเห็นเธอส่งยิ้มพร้อมกับกล่าวลาคาดินันกาเล็ตด้วยท่าทีสนิทสนม เขาพึ่งกลับมาเมื่อครู่นี้และเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำเพราะเขาต้องการตามหาเธอให้เจอ แต่ก็ไม่เจอ และมันเดาได้ไม่ยากเลยว่ายัยองค์หญิงอะไรนั่นเล่นไม่ซื่อ “กลับไปกับข้า” เขาจูงมือของเธอเดินออกมาจากตรงนั้น พร้อมกับโยนเสื้อคลุมของคาดินันกาเล็ตส่งคืนให้เจ้าของเดิม รสขมเฝื่อนผุดขึ้นมาในใจ เขากำลังไม่พอใจมากๆ และอยากจะพาทารีน่าไปที่ห้องนอนของเขาเพื่อไถ่ถามเรื่องของเธอกับคาดินันกาเล็ต ในไม่ช้าเราก็เดินมาจนถึงห้องรับรองของทารอน ห้องของเขามันกว้างมากกว่าห้องของเธอนิดหน่อย เมื่อทารีน่าเดินเข้ามาในห้องมาไคล์ก็จัดการลงกลอนประตูเพื่อไม่ให้มีใครมาขัดขวางการพูดคุยของเขาและเธอ “เมื่อคืนเจ้าอยู่กับเขางั้นเหรอ? หมอนั่นตามหาเจ้าเจอ?” เธอรู้สึกว่าท่านมาไคล์กำลังโกรธอยู่ แต่ทารีน่าไม่รู้ว่าเขาโกรธเธอด้วยเรื่องอะไร เรื่องที่เธออยู่กับท่านกาเล็ตทั้งคืนงั้นเหรอ? ทารีน่าฉุดรั้งแขนของเขาเพื่อให้ท่านมาไคล์นั่งลงบนเตียง หลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเพื่อนำมาเช็ดหน้าให้เขา ใต้ตาของเขามีรอยคล้ำเล็กน้อย ทารีน่าค่อยๆ เช็ดหน้าให้เขาอย่างเบามือ “ใช่ค่ะ คาดินันกาเล็ตเป็นคนหาข้าเจอ แต่เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เขาไม่ได้แตะต้องข้าแม้แต่ปลายนิ้ว..” เขาแค่จูบ..ใช่แล้วแค่จูบนิดหน่อยเท่านั้น “ใครสนใจว่าเจ้าจะทำอะไรกับเขา ข้าแค่ถามว่าเขาหาเจ้าเจอรึเปล่าเท่านั้น ตอบมาซะยืดยาวทำไม?” ทารีน่าหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เธอจะจุมพิตลงไปบนแก้มของเขาเบาๆ เมนของเธอเวลาเอาแต่ใจก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ “ข้าง่วงมากๆ เลยค่ะ..” เธอไม่ได้ง่วงสักนิดเดียว แต่เธอคิดว่าท่านมาไคล์น่าจะกำลังง่วงมาก เพราะเมื่อคืนเขาคงไม่ได้นอน “ง่วงก็นอนไปสิ มาบอกข้าทำไม” “ข้าอยากให้ท่านมานอนด้วยกันนี่คะ..ข้าคงจะหลับสนิทดีมากๆ หากว่าอยู่ในอ้อมแขนของท่าน” มาไคล์หันหน้าไปทางอื่นก่อนที่เขาจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อ “เจ้าเรียกร้องมากเกินไปแล้วนะทารีน่า ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าข้าแค่หลอกใช้เจ้า และเจ้าเป็นสตรีที่ข้าแค่เล่นสนุกด้วย อย่ามาเรียกร้องอะไรที่น่ารำคาญแบบนี้อีกข้าไม่ชอบ” หลังจากกล่าวจบเขาก็ถอดเสื้อออกแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วตรงเข้ามาที่ล้มตัวนอนลงข้างๆ เธอ ทารีน่ายกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าในโลกใบนี้ไม่มีใครรู้จักท่านมาไคล์ได้ดีเท่าเธออีกแล้ว เธอน่ะเป็นเมนเขามาตั้งนานหลายปีทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาน่าจะกำลังหวงเธอ.. แม้จะไม่ถึงคำว่าหึง แต่เขารู้สึกกับเธอมากกว่าการหลอกใช้อย่างแน่นอน ทารีน่าซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับนอนหนุนแขนอีกข้างของมาไคล์ “นอนเถอะค่ะ ข้าง่วงแล้ว..” “เห็นแก่ที่เจ้าง่วงหรอกนะ ข้าถึงได้ยอมให้เจ้านอนท่านี้” ยังไม่หายโกรธอีกงั้นเหรอ? ขี้งอนเหมือนกันแฮะฮาร์วีจุดซิการ์ในมือก่อนที่เขาจะสูบมันเข้าไปเต็มปอด ริมฝีปากที่เชิดรั้นอย่างเอาแต่ใจของเขาพ่นควันสีขาวจางๆ ออกมาด้วยท่าทางเยือกเย็น รังสีความอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างดวงตาดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองลงไปด้านล่างซึ่งเป็นสวนที่แสนสวยงามของพระราชวังโอเรียกำลังเล่นสนุกอยู่ และจุดมุ่งหมายของยัยนั่นคงเป็นการหาคู่ให้กับทารีน่าสตรีที่ยินยอมหมอบกราบแทบเท้าเขาเพื่อร้องขอความรัก สตรีที่วิ่งตามเขาอย่างบ้าคลั่งเพราะความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ บัดนี้นางกลับหันไปให้ความสนใจคาดินันกาเล็ต ไหนจะดยุคทารอนอีก..ไม่ดีแล้วแบบนี้ เพราะการที่นางไม่เห็นเขาในสายตามันหมายความว่าเวทมนตร์ที่เขาควบคุมนางเอาไว้กำลังเสื่อมลง ทารีน่า โรแกน จะต้องรักเขาสิ ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นองค์รัชทายาทที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอดได้อย่างไรกัน ความสามารถของทารีน่าคือการอยู่เหนือกว่าสตรีทุกนางในแวดวงสังคม และเขาจำเป็นที่จะต้องสร้างความนิยมนั้นอยู่เสมอ..ฮาร์วีลูบไล้บนขนนกสีดำสนิทของอีกา ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มที่แสนเย้ยหยันขึ้นมา“ไปสิอีกาตัวน้อย ไปหาสตรีที่เปล่งประกายที่สุดแล้วย้ำเตือนให้นางรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองว่าสิ่งที่นางควรจะมองคือดวงตะวันดวงนี
มาไคล์สัมผัสได้ถึงความเศร้าที่อยู่ในดวงตาของทารีน่า เขาไม่ได้พูดออกไปว่าใครกันแน่คือผู้อยู่เบื้องหลัง แต่เขาคิดว่านางน่าจะพอเดาได้ว่านี่มันคือฝีมือของใคร ทารีน่าซุกใบหน้าโผเข้าหาอ้อมกอดของเขา..เธอเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของท่านมาไคล์ด้วยความแผ่วเบาราวกับว่าเขาคือที่พึ่งพิงเดียวของเธอในยามนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้..สนใจเธออะไรมากขนาดนั้น “ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ว่าแต่จะนอนไหม เพราะหากว่าเจ้าไม่นอนเราจะทำอย่างอื่น” สายตาของเขาที่กำลังมองมาที่เธอมันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ อันที่จริงตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสายมากแล้ว แต่เพราะว่าเมื่อคืนกว่างานเลี้ยงจะจบลงก็เป็นช่วงเกือบรุ่งสาง ทำให้ชนชั้นสูงทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็ไม่มีใครเปิดห้องรับรองออกมาเลยเพราะว่าทุกคนกำลังนอนหลับพักผ่อน อันที่จริงเธอไม่ได้ง่วง แต่คำว่าทำอย่างอื่นของท่านมาไคล์นั้น สายตาของเขามันชัดเจนมากยิ่งกว่าคำพูดเสียอีกว่าเขาจะทำอะไร “นะ..นอนค่ะ ข้าง่วงแล้วค่ะ” เขาอุตส่าห์ตั้งความหวังกับคำตอบของเธอ แต่คำตอบที่เธอกล่าวออกมามันชวนให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเลย เขาวางเธอลงบนเตียงก่อนจะโบกมือไปมาเพื่อปิดหน้าต่าง พร้อมทั้งปิ
“นายหญิงไม่ได้กลับมาที่นี่ค่ะท่านเคาน์ มีข้ารับใช้มาแจ้งว่านายหญิงพักอยู่กับท่านดยุคแห่งทารอน”มือของวินเทอร์พลันกำแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำกล่าวของเพอร์ร่าทารีน่าอยู่กับดยุคแห่งทารอน เหมือนว่าเขาจะช้าไปก้าวหนึ่งเสมอไม่ว่าเมื่อใดก็ตามแต่เขาจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนครั้งที่แล้วอีกแน่ วินเทอร์พาตัวเองมาที่เรือนรับรองของทารอน เขาชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านในแน่นอนว่ามันล็อกอยู่ เขาวาดมือไปมาเพื่อคลายกลอนประตูที่ปิดอยู่ และเมื่อประตูห้องนี้เปิดออก เขาก็เห็นใบหน้าของสตรีที่เขาอยากพบเจอนางมากที่สุดทารีน่าที่กำลังนั่งกินชูครีมอยู่ตกใจเล็กน้อยที่ประตูถูกเปิดออกและผู้ที่อยู่เบื้องหลังของประตูมันคือท่านพี่วินเทอร์“ไม่มีใครคอยสอนมารยาทให้ท่านเคาน์รึไง”มาไคล์กล่าวพร้อมกับกอดอกมองหน้าของวินเทอร์ ในขณะที่ทารีน่ายกมือขึ้นมาเพื่อตีเขาเบาๆ“มาร่วมทานน้ำชายามบ่ายด้วยกันสิคะ ข้ากำลังจะกลับหลังจากดื่มน้ำชากับท่านดยุคเสร็จ..”นัยน์ตาของวินเทอร์มีแววกังวลและห่วงใยคละเคล้ากัน เขายื่นมือไปปัดเส้นผมของเธอออกจากตาเพื่อจะได้มองเห็นใบหน้าของทารีน่าชัดๆ ว่าเธอไม่เป็นอะไร“เอาสิ..หากดื่ม
“ข้า..ไม่อยากถูกควบคุมจิตใจอีกแล้วค่ะ”วินเทอร์ยกมือขึ้นมาก่อนที่เขาจะรวบทารีน่าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาจุมพิตลงไปบนเรือนผมของเธอเบาๆ“ในอ้อมกอดของข้าจะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเจ้าได้ทั้งนั้น”“แต่ข้าไม่อยากเป็นเพียงผู้ที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ฝ่ายเดียว ข้าอยากจะโต้กลับไปบ้าง..”อีกฝ่ายคือองค์รัชทายาทก็จริง แต่เธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิดเพราะทารีน่ามั่นใจว่าเธอสามารถโค่นเขาลงมาจากหอคอยสูงชันที่เขากำลังนั่งอยู่ได้“รินา นั่นมันอันตรายมากเลยรู้ไหม ไม่ใช่ว่าข้ากังวลจนเกินเหตุแต่หากว่าเจ้าจะโต้กลับละก็ พี่อยากให้เราวางแผนการอย่างรอบคอบมากกว่านี้”เธอหลับตาลงช้าๆ“ได้ค่ะ ข้าจะคิดอย่างรอบคอบในทุกย่างก้าวที่กำลังเดิน แต่ตอนนี้ท่านพี่ช่วยพาข้าไปหาคนผู้หนึ่งก่อนได้ไหมคะ”วินเทอร์พยักหน้า..ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองของวิหารศักดิ์สิทธิ์และเบื้องหน้าของเขาคือคาดินันกาเล็ต ชายผู้ที่ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ทุกครั้งที่พบเจอกับดยุคทารอนเขายังไม่รู้สึกด้อยกว่าเท่ากับคาดินันกาเล็ตเลย อาจจะเพราะว่าทารีน่าและท่านกาเล็ตมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากเกินที่เขาเข้าใจ..เมื่อเห็นสีหน้าของท่านพี่วินเทอร์ไม่ค่อยสู้ด
องค์หญิงโอเรียน่าค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาเมื่อแสงของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาในห้องนอน เธอปรายตามองไปรอบๆ ก็เห็นเหล่าอนุสามีมากมายที่กำลังนอนอยู่รอบๆ เตียงในสภาพเปลือยเปล่าอ่า..ช่างเป็นเช้าที่แสนสดใสซะจริงและเมื่อโอเรียน่ากำลังจะลุกขึ้นจากเตียงก็มีมือมาคว้าแขนของนางเอาไว้“องค์หญิง..จะไปจากกระหม่อมแล้วอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เธอยื่นมือไปสัมผัสเส้นผมที่นุ่มลื่นของบุรุษผู้นั้นเอาไว้ แม้จะจดจำชื่อของเขาไม่ได้ แต่ใบหน้าของเขานั้นถูกใจเธอยิ่งนัก..“ข้ามีงานที่ต้องทำ ที่ข้าลุกออกจากเตียงไม่ได้หมายความว่าข้าจะทอดทิ้งเจ้าสักหน่อย รอข้าอยู่ที่นี่หลังจากทำงานเสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”เธอจุมพิตลงไปบนหน้าผากของเขาเพื่อเป็นการกล่าวอำลา ส่วนอนุคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น เพราะแบบนั้นโอเรียน่าถึงได้เดินด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาออกมาจากห้องนอนของตัวเอง“องค์หญิงเพคะ เมื่อวานว่าที่พระชายาเสด็จไปบรรทมที่ห้องขององค์รัชทายาท หม่อมฉันจึงเข้าไปในพระราชวังของว่าที่พระชายาอเดเรีย ไม่มีอะไรน่าสงสัยนอกจากบันทึกเล่มนี้..”สาวใช้ส่งสมุดบันทึกเล่มหนาให้กับโอเรียน่า เธอรับมาถือเอาไว้โดยไม่ได้ปิดดูเนื้อหาด้านในเลยแม้แต่น้อย“นำมันไปมอ
มาไคล์พาตัวเองกลับมาที่คฤหาสน์ทารอน เขาเดินไปที่เรือนเล็กด้านหลังที่ถูกปิดตายเอาไว้เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจอภาพวาดของสตรีผู้หนึ่ง ปลายนิ้วของมาไคล์แตะลงไปเบาๆ บนภาพวาดนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด“ข้าขอโทษครับท่านอาจารย์ ข้าเผลอลืมเลือนท่านไปชั่วขณะ ข้ากลับมาหาท่านแล้วนะครับ ได้โปรดอย่างโกรธข้าเลย”ด้านหลังภาพวาดขนาดใหญ่นั้นคือร่างกายอันไร้วิญญาณของสตรีผู้หนึ่ง นางมีเรือนผมสีทองสว่างและกำลังนอนนิ่งในโล่งแก้วที่ดูผิวเผินเหมือนกับว่านางยังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่านางได้ลาลับจากโลกใบนี้ไปสิบปีแล้วสิบปีที่ยาวนานมากเหลือเกินของมาไคล์ เป็นสิบปีที่เขาเฝ้าพยายามตามหาทุกหนทางที่จะสามารถทำให้สตรีผู้นี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา“อีกไม่นานอเดเรียน่าจะรักฮาร์วีเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะนำเลือดหัวใจของนางมาฟื้นคืนชีพให้ท่านนะครับ..”..........งานวันที่สองของพระราชวัง ซึ่งเป็นงานวันชาติที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับวีรบุรุษสงครามวันนี้องค์รัชทายาทฮาร์วีเสด็จมาร่วมงานพร้อมๆ กับว่าที่พระชายาอเดเรีย พิธีอภิเษกได้กำหนดวันขึ้นมาแล้วเหลือเพียงรอคอยเวลาเท่านั้น อเดเรียก็จะได้เป็นพระชายาของฮาร์วีเขาจับมือพร้อมกับมองหน้าของอ
ฉันเหนื่อยกับการทำงานมากจนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหมดแรงที่จะตื่นขึ้นไปทำงานวัยผู้ใหญ่ที่ฉันคิดเอาไว้มันไม่ใช่แบบนี้เลยนี่หว่า ทำไมเป็นผู้ใหญ่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ด้วยฟะ!!เหมือนกับว่าชีวิตจะต้องนอน ตื่นขึ้นไปทำงาน เหนื่อย หมดแรง นอน ตื่นไปทำงาน หมดแรง ร้องไห้...วนลูบแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจนวันหยุดฉันได้พบเจอกับนิยายเรื่องหนึ่ง ฉันเคยรู้ว่าการนอนจะทำให้พลังชีวิตของตัวเองกลับมา แต่มันไม่ใช่เลยเพราะเมื่อได้อ่านนิยายเรื่องนั้นมันทำให้ฉันมีแรงต่อสู้กับการทำงานตัวร้ายที่ทำเพื่อพระเอกของเรื่องและนางเอกแทบเป็นแทบตายคนนั้น..ชื่อว่ามาไคล์ท่านมาไคล์ในนิยายเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างน่าสงสาร เขาไม่มีใคร ไม่มีครอบครัว..แถมยังถูกองค์รัชทายาทพระเอกของเรื่องใส่ร้ายอีกต่างหากหลังจากนั้นชีวิตของฉันก็มีเป้าหมาย หลังจากทำงานกลับมาฉันจะมารอคอยคุณนักเขียนอัพนิยายทุกเย็น ก่อนนอนจะตามอ่านเรื่องของท่านมาไคล์ซ้ำๆฉันหวังว่าท่านมาไคล์ในตอนจบจะได้ออกไปจากเรื่องของพระเอกและนางเอก เขาอาจจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลทารอนของเขาหรือไม่ก็ไปอยู่ที่อื่นซะ หนีไปให้ไกลจากสองคนนั่นแต่ตอนสุดท้าย ท่านมาไคล์กลับตายด้วยฝีมือของค
ตระกูลทารอนเป็นตระกูลผู้ถูกสาปให้ไร้หัวใจ เด็กชายที่เกิดขึ้นมาในตระกูลนี้จะถูกคำสาปครอบงำ การจะได้มาซึ่งพลังอันแข็งแกร่งของซาตาน จะต้องสังหารสตรีอันเป็นที่รักยิ่ง แล้วนำเลือดหัวใจของนางมาเป็นเครื่องสังเวยให้กับซาตานในวันที่มาไคล์อายุสิบเจ็ดปี เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลก็จริง แต่ทว่าท่านพ่อต้องสังหารแม่ของเขาเพื่อให้ตัวเองได้พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นมา ทำให้ดยุคคนก่อนของทารอนเลือกที่จะหลบหนีออกไปจากตระกูลทารอนเงียบๆ เพราะเขาไม่อาจทนเห็นลูกชายที่เหมือนภรรยาไปทุกกระเบียดนิ้วอย่างมาไคล์ได้อีกต่อไปอีกทั้งพลังอำนาจที่มีคำกล่าวเล่าขานว่ายิ่งใหญ่นักหนา มันว่างเปล่าไปหมดเลย เมื่อไม่มีภรรยาอยู่ข้างกาย..ดยุคคนเก่าแห่งทารอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตระกูลทารอนถูกส่งมอบมาให้มาไคล์ และเขามีสตรีที่ผูกพันยิ่งกว่าสตรีใด นั่นก็คือท่านอาจารย์มอนเน่สตรีใบหน้าธรรมดาๆ นางมิได้งดงามจับใจเหมือนกับเลดี้ชนชั้นสูงในจักรวรรดิ แต่ทว่าท่านอาจารย์มอนเน่ก็อยู่เคียงข้างมาไคล์ทุกช่วงเวลาของชีวิต นางพร่ำสอนเขาเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในจักรวรรดิ เรื่องการนำพาทารอนให้กลับไปยิ่งใหญ่ และสอนเรื
ความวาบหวามแล่นริ้วขึ้นมาทันทีที่ปลายนิ้วของท่านพี่วินเทอร์สัมผัสร่างกาย ทารีน่าช้อนสายตามามองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ผมสีเหลืองทองสว่างถูกปล่อยสยายอย่างไม่ใส่ใจนัก และในยามนี้มันกำลังเปียกลู่ไปตามแผ่นหลังเพราะว่าเราต่างก็นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำเธอกำลังนั่งอยู่บนร่างกายของท่านกาเล็ต ผมสีเงินของเขาเปล่งประกายเมื่อต้องแสงจันทร์ในยามค่ำคืน เขาถอดแว่นที่ปกติมักจะสวมเอาไว้บนใบหน้าออกไป ทำให้จากใบหน้าที่เคร่งขรึมของคาดินันผู้ปกครองวิหารศักดิ์สิทธิ์ยามนี้หลงเหลือเอาไว้เพียงแค่ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้นเองริมฝีปากของกาเล็ตพรมจูบไปตามแผ่นหลังของทารีน่าเพื่อสร้างร่องรอยของความรักให้หลงเหลือเอาไว้ ส่วนมือทั้งสองข้างของเขากำลังบีบเคล้นเนื้อเนินอวบอิ่มคู่นั้นอย่างไม่ยอมลดละสัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากของท่านกาเล็ตกำลังทำให้เธอหลงมัวเมา ริมฝีปากของเขาทั้งเร่าร้อนและร้ายกาจในคราวเดียวกัน สติของเธอแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้วในร่างกายนี้การทำใจให้ชินกับบุรุษที่มีใบหน้าราวกับพระเจ้าทรงปั้นทั้งสองคนนี้ไม่ง่ายเลย และความอ่อนโยนจากสัมผัสของพวกเขาที่ถูกส่งมอบมาให้เธอพร้อมๆ กัน มันยิ่งทำให้ทารีน่า
อุณหภูมิข้างแก้มพลันร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของท่านพี่วินเทอร์ส่วนมือของท่านกาเล็ตก็กำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ กางเกงซับในของเธออยู่ทารีน่ารีบยกมือขึ้นมาเพื่อขัดขวางเขาเอาไว้“อ่า!..ขะ..ข้ายังคุยเรื่องสำคัญไม่จบเลยค่ะ”กาเล็ตหัวเราะเบาๆ เขาลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงกับทารีน่าพร้อมกับหอมแก้มเธอเบาๆ“ตามเจตนาของท่านทารีน่าแล้ว ท่านต้องการให้องค์รัชทายาทฮาร์วีลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาทที่กำลังดำรงอยู่ มันอาจจะง่ายดายมากขึ้นหากว่าท่านเล็งเห็นถึงผู้ที่จะขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาทแทนฮาร์วี เพราะบุคคลผู้นั้นน่าจะยินดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือท่านทารีน่า..”เธอยื่นมือไปจับมือของคาดินันกาเล็ตเอาไว้“ท่านไงคะ ท่านกาเล็ตคือผู้ที่ข้ามองว่าท่านเหมาะสมที่สุดในการขึ้นเป็นองค์รัชทายาทและองค์จักรพรรดิ”กาเล็ตนิ่งอึ้งไปหลายนาที คำกล่าวของทารีน่าทำให้เขาแทบหยุดหายใจ“ท่านทารีน่า ข้าไม่สามารถเป็นองค์จักรพรรดิหรือว่าองค์รัชทายาทได้หรอกครับ ข้าหลบหนีมาก็เพราะว่าข้าไม่ต้องการแย่งชิงอำนาจในพระราชวัง และข้าเองก็คาดหวังอย่างยิ่งว่าลูกชายของข้าจะไม่ต้องแย่งชิงอำนาจจากใครทั้งนั้น” ทารีน่าส่งยิ้มหวานให้เขา มันเป
เดนิซาได้ยินทุกคำกล่าวและมองเห็นในทุกการกระทำที่องค์รัชทายาทฮาร์วีและเลดี้โรแกนกระทำในระเบียงชมวิวที่ชั้นสองของห้องโถงจัดเลี้ยงเขาเดินเข้ามาหาเลดี้โรแกนด้วยหัวใจที่รู้สึกสับสน นางมิได้มีทีท่าว่าจะฆ่าเขาเหมือนกับที่รับปากเอาไว้กับองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อยทารีน่าในยามนี้กำลังถูมือไปมาบนหน้าผากที่พึ่งจะถูกจุมพิตเมื่อครู่นี้ด้วยใบหน้าที่เหยเก“เลดี้โรแกน..”“อ่า ได้ยินแล้วใช่ไหมคะท่านเซอร์ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทผู้นั้นจะต้องการให้ข้าสังหารท่าน เหตุผลของพระองค์คงจะเป็นการที่ท่านทำตัวเด่นเกินไปในสายตาของว่าที่พระชายาอเดเรีย”ในใจของเดนิซานั้นเกิดคำถามขึ้นมามากมาย เขาทวนคำกล่าวของเลดี้โรแกนซ้ำๆ อีกครั้งในใจตระกูลของเขาภักดีต่อราชวงศ์มาโดยตลอด ชีวิตของเซอร์เดนิซาสามารถยกให้องค์จักรพรรดิก็ยังได้ แต่ทว่าองค์รัชทายาทกลับสั่งให้เลดี้ผู้หนึ่งมาสังหารเขา“แล้วเลดี้..ในยามนี้ต้องการดาบสักเล่มไหมครับ”ทารีน่าหัวเราะเบาๆ หลังจากที่เช็ดหน้าผากจนพอใจ เธอก็มองออกไปที่สวนในยามค่ำคืนของพระราชวัง“ข้าไม่คิดทำตามคำสั่งเขาหรอกค่ะ แต่อย่างน้อยในยามนี้ข้าคิดว่าข้ากำลังจะได้เพื่อนใหม่คนหนึ่งที่มีอุดมการณ์เดี
เมื่องานเลี้ยงล่วงเลยถึงเวลาเที่ยงคืน ทารีน่าที่ดื่มไปประมาณหนึ่งก็เริ่มที่จะยืนไม่ไหว“ข้าขอตัวไปรับลมก่อนนะคะท่านพี่”วินเทอร์จับมือของทารีน่าเอาไว้“ข้าว่าเรากลับกันเลยดีไหม? คาดินันกาเล็ตเองก็น่าจะใกล้เสร็จธุระแล้ว"“ข้า..ขอออกไปรับลมสักพักนะคะ”เธอส่งยิ้มให้กับท่านพี่วินเทอร์ และรอยยิ้มเช่นนั้นของทารีน่ามันหมายความว่านางกำลัง มีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ เขาเหลือบมององค์รัชทายาทฮาร์วีที่กำลังพูดคุยอยู่กับขุนนาง ก่อนจะยินยอมปล่อยมือจากทารีน่า“ข้าจะรออยู่ตรงนี้..”“ค่ะ ข้าจะรีบกลับมา”ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในงานเลี้ยงแห่งนี้ ความรู้สึกแรกของทารีน่ามันบอกว่าองค์รัชทายาทจะต้องหาทางเข้ามาพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน ตามนิสัยของพระเอกในนิยายแล้ว ฮาร์วีเป็นบุรุษที่เจ้าแผนการและชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ คนเช่นนั้นย่อมทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจและสตรีที่จะสามารถดึงความสนใจของเหล่าชนชั้นสูงมาที่เขาได้ก็คงจะหนีไม่พ้นทารีน่าผู้นี้..เพื่อให้ตัวเองเป็นที่นิยมชมชอบก็เลยเหยียบย่ำสตรีผู้หนึ่งขึ้นไปยังจุดนั้นสินะอ่า..คันมืออยากจะซัดใบหน้านั้นสักครั้งจังโว้ย!! นี่เธอโมโหเหมือนกับว่าเขากำลังหลอกใช้ตัวเ
ตระกูลทารอนเป็นตระกูลผู้ถูกสาปให้ไร้หัวใจ เด็กชายที่เกิดขึ้นมาในตระกูลนี้จะถูกคำสาปครอบงำ การจะได้มาซึ่งพลังอันแข็งแกร่งของซาตาน จะต้องสังหารสตรีอันเป็นที่รักยิ่ง แล้วนำเลือดหัวใจของนางมาเป็นเครื่องสังเวยให้กับซาตานในวันที่มาไคล์อายุสิบเจ็ดปี เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลก็จริง แต่ทว่าท่านพ่อต้องสังหารแม่ของเขาเพื่อให้ตัวเองได้พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นมา ทำให้ดยุคคนก่อนของทารอนเลือกที่จะหลบหนีออกไปจากตระกูลทารอนเงียบๆ เพราะเขาไม่อาจทนเห็นลูกชายที่เหมือนภรรยาไปทุกกระเบียดนิ้วอย่างมาไคล์ได้อีกต่อไปอีกทั้งพลังอำนาจที่มีคำกล่าวเล่าขานว่ายิ่งใหญ่นักหนา มันว่างเปล่าไปหมดเลย เมื่อไม่มีภรรยาอยู่ข้างกาย..ดยุคคนเก่าแห่งทารอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตระกูลทารอนถูกส่งมอบมาให้มาไคล์ และเขามีสตรีที่ผูกพันยิ่งกว่าสตรีใด นั่นก็คือท่านอาจารย์มอนเน่สตรีใบหน้าธรรมดาๆ นางมิได้งดงามจับใจเหมือนกับเลดี้ชนชั้นสูงในจักรวรรดิ แต่ทว่าท่านอาจารย์มอนเน่ก็อยู่เคียงข้างมาไคล์ทุกช่วงเวลาของชีวิต นางพร่ำสอนเขาเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในจักรวรรดิ เรื่องการนำพาทารอนให้กลับไปยิ่งใหญ่ และสอนเรื
ฉันเหนื่อยกับการทำงานมากจนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหมดแรงที่จะตื่นขึ้นไปทำงานวัยผู้ใหญ่ที่ฉันคิดเอาไว้มันไม่ใช่แบบนี้เลยนี่หว่า ทำไมเป็นผู้ใหญ่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ด้วยฟะ!!เหมือนกับว่าชีวิตจะต้องนอน ตื่นขึ้นไปทำงาน เหนื่อย หมดแรง นอน ตื่นไปทำงาน หมดแรง ร้องไห้...วนลูบแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจนวันหยุดฉันได้พบเจอกับนิยายเรื่องหนึ่ง ฉันเคยรู้ว่าการนอนจะทำให้พลังชีวิตของตัวเองกลับมา แต่มันไม่ใช่เลยเพราะเมื่อได้อ่านนิยายเรื่องนั้นมันทำให้ฉันมีแรงต่อสู้กับการทำงานตัวร้ายที่ทำเพื่อพระเอกของเรื่องและนางเอกแทบเป็นแทบตายคนนั้น..ชื่อว่ามาไคล์ท่านมาไคล์ในนิยายเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างน่าสงสาร เขาไม่มีใคร ไม่มีครอบครัว..แถมยังถูกองค์รัชทายาทพระเอกของเรื่องใส่ร้ายอีกต่างหากหลังจากนั้นชีวิตของฉันก็มีเป้าหมาย หลังจากทำงานกลับมาฉันจะมารอคอยคุณนักเขียนอัพนิยายทุกเย็น ก่อนนอนจะตามอ่านเรื่องของท่านมาไคล์ซ้ำๆฉันหวังว่าท่านมาไคล์ในตอนจบจะได้ออกไปจากเรื่องของพระเอกและนางเอก เขาอาจจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลทารอนของเขาหรือไม่ก็ไปอยู่ที่อื่นซะ หนีไปให้ไกลจากสองคนนั่นแต่ตอนสุดท้าย ท่านมาไคล์กลับตายด้วยฝีมือของค
มาไคล์พาตัวเองกลับมาที่คฤหาสน์ทารอน เขาเดินไปที่เรือนเล็กด้านหลังที่ถูกปิดตายเอาไว้เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจอภาพวาดของสตรีผู้หนึ่ง ปลายนิ้วของมาไคล์แตะลงไปเบาๆ บนภาพวาดนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด“ข้าขอโทษครับท่านอาจารย์ ข้าเผลอลืมเลือนท่านไปชั่วขณะ ข้ากลับมาหาท่านแล้วนะครับ ได้โปรดอย่างโกรธข้าเลย”ด้านหลังภาพวาดขนาดใหญ่นั้นคือร่างกายอันไร้วิญญาณของสตรีผู้หนึ่ง นางมีเรือนผมสีทองสว่างและกำลังนอนนิ่งในโล่งแก้วที่ดูผิวเผินเหมือนกับว่านางยังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่านางได้ลาลับจากโลกใบนี้ไปสิบปีแล้วสิบปีที่ยาวนานมากเหลือเกินของมาไคล์ เป็นสิบปีที่เขาเฝ้าพยายามตามหาทุกหนทางที่จะสามารถทำให้สตรีผู้นี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา“อีกไม่นานอเดเรียน่าจะรักฮาร์วีเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะนำเลือดหัวใจของนางมาฟื้นคืนชีพให้ท่านนะครับ..”..........งานวันที่สองของพระราชวัง ซึ่งเป็นงานวันชาติที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับวีรบุรุษสงครามวันนี้องค์รัชทายาทฮาร์วีเสด็จมาร่วมงานพร้อมๆ กับว่าที่พระชายาอเดเรีย พิธีอภิเษกได้กำหนดวันขึ้นมาแล้วเหลือเพียงรอคอยเวลาเท่านั้น อเดเรียก็จะได้เป็นพระชายาของฮาร์วีเขาจับมือพร้อมกับมองหน้าของอ
องค์หญิงโอเรียน่าค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาเมื่อแสงของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาในห้องนอน เธอปรายตามองไปรอบๆ ก็เห็นเหล่าอนุสามีมากมายที่กำลังนอนอยู่รอบๆ เตียงในสภาพเปลือยเปล่าอ่า..ช่างเป็นเช้าที่แสนสดใสซะจริงและเมื่อโอเรียน่ากำลังจะลุกขึ้นจากเตียงก็มีมือมาคว้าแขนของนางเอาไว้“องค์หญิง..จะไปจากกระหม่อมแล้วอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เธอยื่นมือไปสัมผัสเส้นผมที่นุ่มลื่นของบุรุษผู้นั้นเอาไว้ แม้จะจดจำชื่อของเขาไม่ได้ แต่ใบหน้าของเขานั้นถูกใจเธอยิ่งนัก..“ข้ามีงานที่ต้องทำ ที่ข้าลุกออกจากเตียงไม่ได้หมายความว่าข้าจะทอดทิ้งเจ้าสักหน่อย รอข้าอยู่ที่นี่หลังจากทำงานเสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”เธอจุมพิตลงไปบนหน้าผากของเขาเพื่อเป็นการกล่าวอำลา ส่วนอนุคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น เพราะแบบนั้นโอเรียน่าถึงได้เดินด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาออกมาจากห้องนอนของตัวเอง“องค์หญิงเพคะ เมื่อวานว่าที่พระชายาเสด็จไปบรรทมที่ห้องขององค์รัชทายาท หม่อมฉันจึงเข้าไปในพระราชวังของว่าที่พระชายาอเดเรีย ไม่มีอะไรน่าสงสัยนอกจากบันทึกเล่มนี้..”สาวใช้ส่งสมุดบันทึกเล่มหนาให้กับโอเรียน่า เธอรับมาถือเอาไว้โดยไม่ได้ปิดดูเนื้อหาด้านในเลยแม้แต่น้อย“นำมันไปมอ
“ข้า..ไม่อยากถูกควบคุมจิตใจอีกแล้วค่ะ”วินเทอร์ยกมือขึ้นมาก่อนที่เขาจะรวบทารีน่าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาจุมพิตลงไปบนเรือนผมของเธอเบาๆ“ในอ้อมกอดของข้าจะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเจ้าได้ทั้งนั้น”“แต่ข้าไม่อยากเป็นเพียงผู้ที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ฝ่ายเดียว ข้าอยากจะโต้กลับไปบ้าง..”อีกฝ่ายคือองค์รัชทายาทก็จริง แต่เธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิดเพราะทารีน่ามั่นใจว่าเธอสามารถโค่นเขาลงมาจากหอคอยสูงชันที่เขากำลังนั่งอยู่ได้“รินา นั่นมันอันตรายมากเลยรู้ไหม ไม่ใช่ว่าข้ากังวลจนเกินเหตุแต่หากว่าเจ้าจะโต้กลับละก็ พี่อยากให้เราวางแผนการอย่างรอบคอบมากกว่านี้”เธอหลับตาลงช้าๆ“ได้ค่ะ ข้าจะคิดอย่างรอบคอบในทุกย่างก้าวที่กำลังเดิน แต่ตอนนี้ท่านพี่ช่วยพาข้าไปหาคนผู้หนึ่งก่อนได้ไหมคะ”วินเทอร์พยักหน้า..ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองของวิหารศักดิ์สิทธิ์และเบื้องหน้าของเขาคือคาดินันกาเล็ต ชายผู้ที่ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ทุกครั้งที่พบเจอกับดยุคทารอนเขายังไม่รู้สึกด้อยกว่าเท่ากับคาดินันกาเล็ตเลย อาจจะเพราะว่าทารีน่าและท่านกาเล็ตมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากเกินที่เขาเข้าใจ..เมื่อเห็นสีหน้าของท่านพี่วินเทอร์ไม่ค่อยสู้ด