“ข้าเดินไม่ไหวค่ะ ไม่ใช่ว่าท่านจะต้องอุ้มข้าขึ้นไปอย่างนั้นหรือคะ ที่ข้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะท่านจงใจทำร้ายข้าแท้ๆ ..”
ได้คืบต้องเอาศอกสิ เธอจะต้องทำให้เขารู้สึกผิดเรื่องที่ทำร้ายเธอให้สาสมเลยคอยดู “เรื่องนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจ และข้ายินดีที่จะพาเลดี้ไปรักษาอาการเจ็บปวดเหล่านี้ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์..” เขาไม่พาเธอไปหาหมอแต่กลับพาเธอไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ อย่าบอกนะว่าคนผู้นี้คือคาดินันกาเล็ตที่จะมาฆ่าเมนของเธอน่ะ และเมื่อเขาอุ้มทารีน่าขึ้นมาจากพื้นเธอก็ใช้โอกาสนี้ดึงผ้าคลุมของเขาลง เส้นผมสีเงินยาวสลวยปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของเธอ แน่นอนแล้ว..ชายผู้นี้คือคาดินันกาเล็ตไม่ผิดแน่!! หรือว่าจะฉวยโอกาสนี้หยิบมีดขึ้นมาแทงทะลุหัวใจของเขาไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีไหมนะ เขาจะได้ไม่มาทำร้ายเมนของเธออีก “กำลังคิดหาทางทำร้ายข้าอยู่งั้นหรือ” “...” ในนิยายไม่เห็นบอกว่าเขาอ่านใจได้เลยนี่ “ชาที่เลดี้ส่งมาให้ข้าทุกวัน ข้าไม่ได้ดื่มมันเลยเพราะว่าในชานั้นมีพิษอยู่ หากว่าท่านอยากจะสังหารข้าก็คิดแผนการที่มันรัดกุมมากกว่านี้หน่อยเถิด” เดี๋ยวนะ ยัยทารีน่าทำแบบนั้นไปทำไมกัน วางยาคาดินันเนี่ยนะ โง่สิ้นดี “ข้าไม่ได้..” “วางใจ เพราะถึงแม้ว่าเลดี้จะพยายามสังหารข้า แต่ข้ารับปากท่านเอาไว้แล้วว่าข้าจะช่วยท่านข้าก็จะช่วย..หลับตาลงสิข้าจะพาท่านไปที่วิหาร” ทารีน่ากำลังพยายามค้นหาคำตอบเกี่ยวกับความขัดแย้งของนางร้ายอย่างทารีน่าและท่านคาดินันกาเล็ต ถึงแม้ว่าเธอจะอ่านนิยายมาแล้ว แต่ในเนื้อเรื่องไม่ได้ให้ความสำคัญกับปมหลังของทารีน่าสักเท่าไหร่นัก นางจะโผล่ออกมาแค่เฉพาะตอนที่ทำร้ายนางเอกอย่างอเดเรีย ส่วนเรื่องรายละเอียดยิบย่อยนั้น เธอไม่รู้เรื่องเลยให้ตายเถอะ.. นางวางยาฆ่าคนหล่อผู้นี้กันทำไมนะ? อดสงสัยไม่ได้เลยจริงๆ เพียงแค่ทารีน่ากระพริบตา บรรยากาศเบื้องหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อครู่เรายังเดินอยู่ในตลสดอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอน่าจะอยู่ในห้องสักห้องที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ ดูจากการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครนี้แล้ว ไม่น่าจะใช้คฤหาสน์อย่างแน่นอน เบื้องหลังของคาดินันกาเล็ตคือตู้หนังสือขนาดใหญ่และเขาวางเธอลงบนโซฟาตัวยาว “ข้ารู้ว่าไม่ควรกล่าวเช่นนี้เพียงแต่เลดี้จะต้องถอดชุดเดรสด้านนอกนี่ออกเพื่อให้ข้าได้สัมผัสกับบาดแผลของท่าน ข้าถึงจะสามารถใช้พลังเวทย์ในการรักษาได้ บ้าไปแล้วรึไง แผลของเธอมันอยู่ตรงสีข้างแถวๆ เอว หากถอดชุดเดรสออกเพื่อทำการกรักษามันก็ไม่แตกต่างอะไรกับแก้ผ้าเลยไม่ใช่เรอะ! “อะ..เอ่อ ข้าคิดว่าที่นี่น่าจะมีนักบุญหญิง..” สายตาของคาดินันกาเล็ตปรายตามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถอดกระดุมเสื้อของเธอออก แน่นอนว่าทารีน่าตกใจจนรีบใช้มือทั้งสองข้างของเธอจับเสื้อเอาไว้ “ท่านจะทำอะไรคะ” “ต่อให้เจ้าเปลื้องผ้านอนอยู่บนเตียงแบบที่เจ้าชอบทำ ข้าก็ไม่คิดกับเจ้าเชิงชู้สาวหรอกทารีน่า เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าในสายตาของข้าแล้ว ข้ารังเกียจเจ้ายิ่งเหนือสิ่งใด รีบถอดชุดนี่ออกข้าจะได้ทำการรักษา” เพราะว่าเธอสวมชุดเดรสแน่นอนว่าการถอดเสื้อก็คือการถอดทั้งชุดเลยนั่นเอง และเมื่อชุดเดรสแสนหรูหราที่สวมมาหลุดออกไปจากร่างกายของเธอเขาก็ใช้เสื้อคลุมของเขามาคลุมร่างกายด้านบนของเธอเอาไว้ ส่วนด้านล่างเขาใช้ผ้าห่มในการปกคลุม แน่นอนว่านอกจากความอายที่แผ่กระจายทั่วใบหน้าแล้ว สิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในหัวของเธอมันก็คือความสับสน.. ทารีน่าเคยแก้ผ้ายั่วยวนคาดินันกาเล็ตงั้นเรอะ เมื่อไหร่กัน? แล้วเรื่องที่แม่นั่นรักองค์รัชทายาทนักหนาจนหาทางกลั่นแกล้งนางเอกของเรื่องล่ะ ทำไมยิ่งเขาพูดออกมามันยิ่งมีเรื่องชวนให้เธอสงสัยเต็มไปหมดเลย ที่แผลของเธอรู้สึกเย็นเมื่อเขาวาดมือลงบนอากาศเพื่อทำการรักษาเธอ แน่นอนว่าเธอก็ยังไม่กล้าก้มไปดูเหมือนเดิมเพราะเธอหวาดกลัวเลือด ในใจของกาเล็ตมีคำถามากมาย สตรีเบื้องหน้าของเขาในยามนี้ใช่ท่ารีน่าตัวจริงอย่างนั้นหรือ? เหตุใดนางถึงได้ตกใจเรื่องที่เขากล่าวออกมาทั้งๆ ที่นางลับลอบมาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อมาเจอเขานับครั้งไม่ถ้วน กาเล็ตเลือกที่จะเก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะเขาไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้จะมาไม้ไหนอีก นางทั้งเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายปานนั้น เขาจะไว้ใจนางง่ายๆ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด “ไปทำเรื่องชั่วช้าใส่ใครเข้า ถึงได้ถูกแทงลึกเช่นนี้..” ทารีน่าเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของคาดินันกาเล็ต ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขามันจะบูดบึ้งแต่น่ามองยิ่งนัก ผมสีเงินที่เป็นสัญญาลักษณ์ที่เด่นชัดของราชวงศ์ คาดินันกาเล็ตคือองค์ชายของอดีตองค์จักรพรรดิ เขาเลือกที่จะรับใช้พระเจ้าเพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสงครามการแย่งชิงอำนางของพระราชวัง ฟังดูเท่ชะมัดเลยแฮะ ตอนที่อ่านเรื่องราวของเขา เธอไม่คิดว่าเขาจะเท่มากขนาดนี้มาก่อนเลย คิดว่าคงเป็นนักบุญหน้าจืด.. “ข้าไม่ได้ทำเรื่องชั่วช้าสักหน่อย ที่ถูกทำร้ายก็เพราะเรื่องเข้าใจผิดกัน..” “เหอะ หากสตรีเช่นเจ้าไม่ชั่วช้าเช่นนั้นดวงอาทิตย์คงขึ้นทิศตะวันตกแล้ว” ทารีน่ายื่นมือไปจับมือของคาดินันกาเล็ตเอาไว้ เธอช้อนสายตามองหน้าของเขาด้วยความตั้งใจทั้งหมดที่นี่ คนผู้นี้นอกจากความหล่อแล้วเขายังฉลาดอีกต่างหาก หากว่าเขาช่วยเธอแน่นอนว่าเรื่องที่เธอสงสัยเกี่ยวกับผู้สามร่างอาจจะได้รับคำตอบก็ได้ “ข้าจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าตื่นขึ้นมาก็พบท่านดยุคทารอนจับตัวข้าไป แผลนี้ก็ถูกเขาทำร้ายมา ท่านดยุคกล่าวว่าข้าล้มหัวกระแทกพื้นแล้วสลบไป พอตื่นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย..ท่านคาดินันข้าดูเหมือนสตรีที่สามารถทำร้ายผู้อื่นได้อย่างนั้นหรือคะ?” เธอเอียงคอถามด้วยแววตาที่สั่นระริก และไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย มีบางอย่างที่เขาสงสัยตั้งแต่อยู่ที่ย่านการค้าก็คือท่าทีของนาง หากว่าสตรีผู้นี้คือทารีน่าเช่นนั้นนางจะไม่มีทางร้องขอให้เขาอุ้มนางเป็นแน่เพราะต่อให้นางจะสนใจร่างกายของเขามากแค่ไหนแต่นางคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเองมาเป็นอันดับแรกเสมอ เขาเกลียดที่นางมองเขาเป็นเหมือนนักระบำของนางที่นางอยากกระทำเรื่องอย่างว่าเมื่อไหร่ก็เดินทางมาหาเขา แต่ความจริงแล้วนางกลับมอบหัวใจของนางให้กับองค์รัชทายาท.. แววตาของนางเปลี่ยนไปและมันคงเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เลวเท่าไหร่ในสายตาของกาเล็ต“แล้วเจ้ามาบอกกล่าวเรื่องนี้กับข้าทำไมกัน?”เอ้า..ก็เธอไม่อยากให้เขาเกลียดเธอโดยไม่มีเหตุผลอีกไง“เพราะว่าท่านคือคาดินันนี่คะ บางทีท่านอาจจะช่วยข้าเรื่องการสูญเสียความทรงจำได้”“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก แต่ข้ารับปากว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร แผลของเจ้า ข้ารักษาเรียบร้อยแล้วรีบสวมชุดสิข้าจะไปส่ง..”ต้องจากกันแล้วงั้นเหรอ?จะว่าไปแผลของเธอมันไม่มีความรู้สึกเจ็บอีกแล้ว ดูเหมือนว่าพลังเวทย์ของเขามันจะใช้ได้ดีมากทีเดียว ทารีน่าก้มหน้าลงไปมองที่แผลของตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยจริงอยู่ที่มันไม่มีความเจ็บปวดอยู่แล้วแต่ทว่าเลือดสีดำกำลังไหลออกจากบาดแผล..“ข้าได้ขับเลือดเสียออกมา อีกไม่นานแผลจะหายสนิท..”ปกติแล้วเป็นนักบุญหรือว่านักเวทย์จะต้องรักษาแผลหายแบบหายวับไปจากร่างกายได้เลยนี่ แต่แล้วทำไม..แผลของเธอมันถึงไม่หายวับเหมือนที่เธอเข้าใจล่ะ“เพราะว่าก่อนหน้านี้เจ้าทำนิสัยแย่ๆ พอสมควร การที่ทิ้งบาดแผลนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้หายในทันทีถือเป็นการเตือนสติเจ้า..ทารีน่า!!!”เธอล้มลงในอ้อมแขนของเขาอีกครั้งและครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นลมไปเลย เพียงแค่เพราะมองแผลของตัวเองถึงกับเป็นลมล้มพับไปแบบนี้เ
เธอล้มตัวนอนบนเตียงก่อนจะเหลือบมองเสื้อคลุมสีขาวที่เธอสวมกลับมา ไม่น่าแปลกใจหรอกว่าทำไมเขาถึงได้เกลียดทารีน่าคนเก่ามากขนาดนั้นเพราะสิ่งที่ทารีน่าทำมันคือการบังคับจิตใจ นางชื่นชอบใบหน้าและร่างกายของกาเล็ตเพราะอย่างนั้นนางถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขายินยอมเป็นของเล่นให้นางถึงขนาดวางยาในน้ำชาของเขา และกาเล็ตเหมือนจะได้รับพิษไปเต็มๆ ในครั้งแรก ยาแก้พิษอยู่ที่ทารีน่าและนางจะส่งมอบยาถอนพิษให้เขาก็ต่อเมื่อกาเล็ตยอมนอนกับนาง..บ้าไปแล้ว ยัยนั่นมันเข้าขั้นโรคจิตขั้นสุดเลยนี่หว่า แบบนั้นที่กาเล็ตหลงรักอเดเรียคงเพราะนางเอกมาช่วยเขาเป็นแน่เมื่อรู้เรื่องแบบนี้แล้วเธอจะยังเสนอหน้านี้ไปหาเขาอีกได้ยังไงกัน ละอายใจชะมัดเลยขนาดเธอไม่ได้เป็นคนทำยังอดเสียใจไม่ได้ แล้วไม่รู้ว่ายัยทารีน่าตัวจริงสำนึกบ้างรึเปล่า?ริมฝีปากของเธอเม้มๆ คลายๆ สลับไปมาด้วยความชั่งใจ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆห้องนอนของเธอยามนี้มีแต่งชุดเดรสมากมายเต็มไปหมดเพื่อจัดเตรียมเอาไว้สำหรับงานในวันพรุ่งนี้ ท่านพ่อบ้านได้จัดการส่งชุดไปที่คฤหาสน์ทารอน และส่งชุดไปที่คฤหาสน์ทรอยของท่านพี่วินเทอร์ด้วยพรุ่งนี้คืองานวันชาติ และงานในวันพรุ
การที่เขาจะต้องมาแต่งกายคล้ายๆ ดยุคแห่งทารอนเป็นเรื่องที่วินเทอร์ไม่ค่อยชอบใจเอาซะเลย“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่ไม่ชอบใจ คิดว่าข้าชอบแต่งกายคล้ายเจ้ารึไงเคาน์ทรอย”วินเทอร์ยกยิ้มขึ้นมาจางๆ“หากว่าท่านดยุคไม่เต็มใจ โชคดียิ่งนักที่ในคฤหาสน์โรแกนมีชุดออกงานของบุรุษมากมายให้ท่านได้เปลี่ยน ข้าจะให้พ่อบ้านนำทางท่านไป”มาไคล์แสยะยิ้มออกมา“ทำไมข้าจะต้องเป็นคนเปลี่ยนเล่าเคาน์ทรอย เจ้าต่างหากที่จะต้องเป็นคนเปลี่ยน รู้จักทางที่นี่ดีไม่ใช่รึไง เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปเปลี่ยนชุดซะสิ รีบๆ ด้วยล่ะเพราะทารีน่าคงจะใกล้ลงมาแล้ว”“ข้าจะไปเปลี่ยนทำไมกัน ในเมื่อชุดนี้ก็เหมาะสมกับข้าอยู่แล้ว..”“นี่เจ้ากล้า..”“ใครจะเปลี่ยนชุดอย่างนั้นหรือคะ? มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”ทารีน่ายกชายกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เดินลงมาจากบันได นางส่งยิ้มให้กับท่านมาไคล์ก่อนจะหันไปมองท่านพี่วินเทอร์สลับกันปกติทารีน่าก็งดงามมากอยู่แล้ว วินเทอร์พึ่งรู้ว่านางสามารถงดงามเพิ่มมากขึ้นได้อีก“ไม่มีเลยรินา ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล..”วินเทอร์กล่าวพร้อมกับยื่นมือไปให้ทารีน่าจับ ในขณะที่เธอกำลังจะวางมือลงบนมือของเขา มาไคล์ก
ทารีน่าส่งยิ้มให้กับท่านมาไคล์ เธอรู้ดีว่าเกลือในยุคนี้สำคัญมากและรู้อีกด้วยว่าเขาจะเอาบ่อเกลือไปต่อรองกับองค์รัชทายาท เพราะหากประชาชนไม่มีเกลือใช้ จะวิกฤตอย่างแน่นอนแต่โรแกนไม่ได้มีบ่อเกลือเพียงบ่อเดียว การที่เขาจะเอาเรื่องการค้าเกลือไปต่อรองกับองค์รัชทายาทเรื่องนั้นเธอต้องช่วยเมนของตัวเองอยู่แล้ว แต่เธอจะไม่ยอมให้พวกชาวบ้านต้องเดือดร้อนไปด้วยหรอก..ท่านมาไคล์ที่รัก ฉันจะสนับสนุนในทุกแผนการของคุณ แต่จะไม่ยอมให้มีคนมาเดือดร้อนกับแผนการของคุณหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นฉันจะทั้งซับพอร์ตและปกป้องคุณไปในเวลาเดียวกันหากรู้แบบนั้นแล้วก็หลอกใช้ฉันเยอะๆ เลยนะคะที่เขาเข้าหาเธอ มันเดาได้ไม่ยากเลยว่าเขามีจุดประสงค์อะไร แต่ถึงจะรู้เธอก็ยินยอมให้เขาหลอกใช้..เมื่อฮาร์วีเดินเข้ามาในสนามประลองสายตาของเขาก็บังเอิญเห็นสตรีผมสีแดงที่แสนจะโดดเด่น นางกำลังอยู่ข้างๆ ดยุคทารอน สายตาของนางจับจ้องอยู่บนใบหน้าของหมอนั่นด้วยความหลงใหล..สายตาคู่นั้นของทารีน่าไม่มีแม้แต่จะเบนมาทางเขา ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศออกมาแล้วว่าราชวงศ์กำลังเดินทางเข้ามาในสนามประลองไม่ปกติ..“องค์รัชทายาทเพคะ ได้เวลาที่จะย้ายไปนั่งยังที่ประทับ
วินเทอร์หอมแก้มของทารีน่าเบาๆ และการกระทำของเขานั้นมันทำให้ทารีน่ายิ่งนิ่งอึ้งขึ้นมาหนักกว่าเดิม เธอยกมือขึ้นมาถูแก้ม ตรงบริเวณที่พึ่งจะถูกวินเทอร์หอมแก้มมา“ท่านดยุคยังทำได้แล้วเหตุใดข้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้”มาไคล์แสยะยิ้มขึ้นมาเมื่อเขาเห็นท่าทีหัวเสียของวินเทอร์ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้วินเทอร์รู้สึกไม่ดี แต่เขาก็อดรู้สึกสนุกไม่ได้เมื่อวินเทอร์โกรธเดิมทีเคาน์ทรอยนั้นเป็นพวกเก็บสีหน้าเก่ง เขาคิดว่าหมอนี่จะไม่รู้สึกอะไรแต่ผิดคาดแฮะ..“จากนี้ไปจะเริ่มการประลองที่คู่แรก กติกาการประลองคือนำผู้ที่ชนะแข่งขัน มาประลองกันไปเรื่อยๆ จนเหลือคนสุดท้ายก็จะได้ป้ายคำสั่งขององค์จักรพรรดิไปครอบครอง”ป้ายคำสั่งนั้นสามารถเดินทางเข้าออกในพระราชวังและประตูเมืองไหนก็ได้ในจักรวรรดินี้อ่า..รางวัลของผู้ที่ชนะ น่าสนใจเหมือนกัน แต่การประลองจะเริ่มต้นขึ้นแล้วเพราะอย่างนั้นเรื่องโรคกลัวเลือดของเธอ..จะรับมือยังไงดีทารีน่าจึงเบนสายตาเพื่อหันหน้าไปทางอื่น“เจ้าไม่ชอบการต่อสู้อย่างนั้นหรือ ให้ข้าพาลงไปด้านล่างดีไหม?”นี่คงเป็นข้อเสนอที่ดีไม่น้อยเลย ทารีน่ารีบหันไปหาท่านมาไคล์เพื่อจะกล่าวอำลาเขา“ลงไปนั่งรอด้านล่างก็ได
หลังจากนั้นองค์รัชทายาทฮาร์วีก็เดินออกไปจากห้องรับรองของเธอ ทำให้ตอนนี้มีเพียงแค่ทารีน่ากับคาดินันกาเล็ตที่กำลังยืนอยู่เธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยว่าจะได้พบเจอกันอย่างรวดเร็วปานนี้“ไปนอนต่อเถอะ ข้าจะไปแล้ว..”“ขอบคุณที่ช่วยข้านะคะ เพียงแต่ท่านเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”เขาชะงักกับคำถามที่ตรงไปตรงมาของเธอ กาเล็ตยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกระแอมเล็กน้อย“ข้าเพียงผ่านมาเท่านั้นเอง”ทารีน่าช้อนสายตามองหน้าเขา ถึงแม้ว่าในใจเธออยากจะมองส่วนอื่นมากกว่าหน้าก็เถอะ“ท่านกล่าวว่าข้าคือสตรีของท่าน มันจะไม่เป็นการทำให้ตำแหน่งคาดินันของท่านกาเล็ตเสียเกียรติอย่างนั้นหรือคะ”“อย่างห่วงเลย ข้าขอตัวก่อน”เขาจะไปแล้วเรอะ ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย“ข้า..สามารถไปหาท่านที่วิหารได้ไหมคะ?”เธอเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ และคำถามนั้นมันทำให้กาเล็ตที่กำลังสวมเสื้อผ้าให้เข้าที่รู้สึกแปลกๆ“เจ้าจะไปที่นั่นทำไม”“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ข้าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอะไรเลย..อ่า จริงสิข้ายังมีเสื้อคลุมของท่านที่ต้องนำไปคืน”มุมปากของกาเล็ตยกสูงขึ้น เขารับหันหลังให้ทารีน่าในทันที“หากเป็นเรื่องการคืนเสื้อคลุม เช่
มาไคล์ยกมือขึ้นมาเสยผมที่ถูกเซ็ตเอาไว้อย่างดีของเขาไปด้านหลังอย่างลวกๆ งานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายยังไงก็ยังคงน่าเบื่อหน่ายแบบนั้นกว่าจะพูดคุยกับชนชั้นสูงที่ละโมบโลภมากพวกนั้นจบ เล่นเอาเขาเมื่อยปากมากทีเดียว เท้าที่กำลังก้าวเดินไปยังห้องรับรองของตระกูลทารอนพลันหยุดลงเมื่อเขามองเห็นห้องรับรองของตระกูลโรแกนสาวใช้คนสนิทของทารีน่านั่งอยู่ด้านหน้าประตู ในมือของนางกำลังปักผ้าเช็ดหน้าอยู่แสดงว่าทารีน่าคงจะตื่นแล้วสินะ เช่นนั้นเขาก็ควรจะเข้าไปเยี่ยมนางหน่อย เพียงแต่การเข้าไปเยี่ยมทางด้านหน้าประตูมันน่ารำคาญมากเกินไปเพราะว่าสาวใช้ของทารีน่าคงไม่ยอมให้เขาเข้าไปด้านในได้ง่ายๆแถมเขายังอยากเห็นใบหน้าที่ตื่นตกใจของทารีน่าในยามที่นางมองเห็นเขาด้วย มาไคล์เดินอ้อมมาที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะกระโดดเข้าทางหน้าต่างงานเลี้ยงวันชาติอะไรกัน นี่มันงานเลี้ยงจับคู่ชัดๆ จัดเตรียมที่พักให้ชนชั้นสูงเอาไว้อย่างดิบดีเช่นนี้ จะมีจุดประสงค์ใดได้อีก ทุกปีเขาเข้าร่วมแค่ตอนเช้าเท่านั้น หลังจากพิธีประลองจบลงแล้วเขาจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ แต่ปีนี้เขาเห็นทารีน่ากระตือรือร้นในการเข้าร่วมงาน เขาก็เลยอยู่ที่นี่กับนาง..เพราะว่า
ในขณะที่ทารีน่ากำลังห้ามใจตัวเองอย่างหนัก ลิ้นอุ่นของเขาก็เลียลงมาตรงยอดเชอร์รี่ชมพูระเรื่อ ก่อนดูดดึงหนักๆ สลับกับออกแรงงับเบาๆ ชวนให้ร่างกายของทารีน่าสะดุ้งเฮือกอ้อมแขนแกร่งของเขายังคงโอบกอดเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“ท่านมาไคล์..”“สำหรับตอนนี้เรียกข้าว่าไคล์ก็พอ..รินามากกว่านี้ไม่ได้งั้นเหรอ ทำไมจะต้องยกมือนี่ขึ้นมาเพื่อผลักไสข้า ไม่ใช่ว่าในใจของเจ้าชื่นชอบข้าอยู่งั้นหรือ.”ใบหน้าของเธอขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น และใบหน้าเช่นนั้นของทารีน่ามันทั้งงดงามและน่ารักมากจนหัวใจของเขาเผลอสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวความงามล้ำที่ไร้สตรีใดในจักรวรรดิจะเทียบเคียง ครั้งหนึ่งเขาเคยมองว่านางคือสตรีที่น่ารังเกียจและไร้ค่าเพราะนางเอาแต่วิ่งตามฮาร์วีไม่หยุดหย่อน แต่วันนี้เขากลับมองว่าเธอคือสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่สายตานี้เคยพบเห็นมาทำไมกันนะ..เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?จะดีแล้วอย่างงั้นเหรอ หากว่าเธอก้าวข้ามผ่านเส้นที่ขีดเอาไว้นี้ไปจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ เพราะเมื่อเริ่มความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งไปแล้วจะไม่สามารถถอยหลังได้อีกแน่นอนว่าในใจของเธอมันต้องการเข
ความวาบหวามแล่นริ้วขึ้นมาทันทีที่ปลายนิ้วของท่านพี่วินเทอร์สัมผัสร่างกาย ทารีน่าช้อนสายตามามองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ผมสีเหลืองทองสว่างถูกปล่อยสยายอย่างไม่ใส่ใจนัก และในยามนี้มันกำลังเปียกลู่ไปตามแผ่นหลังเพราะว่าเราต่างก็นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำเธอกำลังนั่งอยู่บนร่างกายของท่านกาเล็ต ผมสีเงินของเขาเปล่งประกายเมื่อต้องแสงจันทร์ในยามค่ำคืน เขาถอดแว่นที่ปกติมักจะสวมเอาไว้บนใบหน้าออกไป ทำให้จากใบหน้าที่เคร่งขรึมของคาดินันผู้ปกครองวิหารศักดิ์สิทธิ์ยามนี้หลงเหลือเอาไว้เพียงแค่ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้นเองริมฝีปากของกาเล็ตพรมจูบไปตามแผ่นหลังของทารีน่าเพื่อสร้างร่องรอยของความรักให้หลงเหลือเอาไว้ ส่วนมือทั้งสองข้างของเขากำลังบีบเคล้นเนื้อเนินอวบอิ่มคู่นั้นอย่างไม่ยอมลดละสัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากของท่านกาเล็ตกำลังทำให้เธอหลงมัวเมา ริมฝีปากของเขาทั้งเร่าร้อนและร้ายกาจในคราวเดียวกัน สติของเธอแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้วในร่างกายนี้การทำใจให้ชินกับบุรุษที่มีใบหน้าราวกับพระเจ้าทรงปั้นทั้งสองคนนี้ไม่ง่ายเลย และความอ่อนโยนจากสัมผัสของพวกเขาที่ถูกส่งมอบมาให้เธอพร้อมๆ กัน มันยิ่งทำให้ทารีน่า
อุณหภูมิข้างแก้มพลันร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของท่านพี่วินเทอร์ส่วนมือของท่านกาเล็ตก็กำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ กางเกงซับในของเธออยู่ทารีน่ารีบยกมือขึ้นมาเพื่อขัดขวางเขาเอาไว้“อ่า!..ขะ..ข้ายังคุยเรื่องสำคัญไม่จบเลยค่ะ”กาเล็ตหัวเราะเบาๆ เขาลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงกับทารีน่าพร้อมกับหอมแก้มเธอเบาๆ“ตามเจตนาของท่านทารีน่าแล้ว ท่านต้องการให้องค์รัชทายาทฮาร์วีลงจากตำแหน่งองค์รัชทายาทที่กำลังดำรงอยู่ มันอาจจะง่ายดายมากขึ้นหากว่าท่านเล็งเห็นถึงผู้ที่จะขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาทแทนฮาร์วี เพราะบุคคลผู้นั้นน่าจะยินดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือท่านทารีน่า..”เธอยื่นมือไปจับมือของคาดินันกาเล็ตเอาไว้“ท่านไงคะ ท่านกาเล็ตคือผู้ที่ข้ามองว่าท่านเหมาะสมที่สุดในการขึ้นเป็นองค์รัชทายาทและองค์จักรพรรดิ”กาเล็ตนิ่งอึ้งไปหลายนาที คำกล่าวของทารีน่าทำให้เขาแทบหยุดหายใจ“ท่านทารีน่า ข้าไม่สามารถเป็นองค์จักรพรรดิหรือว่าองค์รัชทายาทได้หรอกครับ ข้าหลบหนีมาก็เพราะว่าข้าไม่ต้องการแย่งชิงอำนาจในพระราชวัง และข้าเองก็คาดหวังอย่างยิ่งว่าลูกชายของข้าจะไม่ต้องแย่งชิงอำนาจจากใครทั้งนั้น” ทารีน่าส่งยิ้มหวานให้เขา มันเป
เดนิซาได้ยินทุกคำกล่าวและมองเห็นในทุกการกระทำที่องค์รัชทายาทฮาร์วีและเลดี้โรแกนกระทำในระเบียงชมวิวที่ชั้นสองของห้องโถงจัดเลี้ยงเขาเดินเข้ามาหาเลดี้โรแกนด้วยหัวใจที่รู้สึกสับสน นางมิได้มีทีท่าว่าจะฆ่าเขาเหมือนกับที่รับปากเอาไว้กับองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อยทารีน่าในยามนี้กำลังถูมือไปมาบนหน้าผากที่พึ่งจะถูกจุมพิตเมื่อครู่นี้ด้วยใบหน้าที่เหยเก“เลดี้โรแกน..”“อ่า ได้ยินแล้วใช่ไหมคะท่านเซอร์ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทผู้นั้นจะต้องการให้ข้าสังหารท่าน เหตุผลของพระองค์คงจะเป็นการที่ท่านทำตัวเด่นเกินไปในสายตาของว่าที่พระชายาอเดเรีย”ในใจของเดนิซานั้นเกิดคำถามขึ้นมามากมาย เขาทวนคำกล่าวของเลดี้โรแกนซ้ำๆ อีกครั้งในใจตระกูลของเขาภักดีต่อราชวงศ์มาโดยตลอด ชีวิตของเซอร์เดนิซาสามารถยกให้องค์จักรพรรดิก็ยังได้ แต่ทว่าองค์รัชทายาทกลับสั่งให้เลดี้ผู้หนึ่งมาสังหารเขา“แล้วเลดี้..ในยามนี้ต้องการดาบสักเล่มไหมครับ”ทารีน่าหัวเราะเบาๆ หลังจากที่เช็ดหน้าผากจนพอใจ เธอก็มองออกไปที่สวนในยามค่ำคืนของพระราชวัง“ข้าไม่คิดทำตามคำสั่งเขาหรอกค่ะ แต่อย่างน้อยในยามนี้ข้าคิดว่าข้ากำลังจะได้เพื่อนใหม่คนหนึ่งที่มีอุดมการณ์เดี
เมื่องานเลี้ยงล่วงเลยถึงเวลาเที่ยงคืน ทารีน่าที่ดื่มไปประมาณหนึ่งก็เริ่มที่จะยืนไม่ไหว“ข้าขอตัวไปรับลมก่อนนะคะท่านพี่”วินเทอร์จับมือของทารีน่าเอาไว้“ข้าว่าเรากลับกันเลยดีไหม? คาดินันกาเล็ตเองก็น่าจะใกล้เสร็จธุระแล้ว"“ข้า..ขอออกไปรับลมสักพักนะคะ”เธอส่งยิ้มให้กับท่านพี่วินเทอร์ และรอยยิ้มเช่นนั้นของทารีน่ามันหมายความว่านางกำลัง มีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ เขาเหลือบมององค์รัชทายาทฮาร์วีที่กำลังพูดคุยอยู่กับขุนนาง ก่อนจะยินยอมปล่อยมือจากทารีน่า“ข้าจะรออยู่ตรงนี้..”“ค่ะ ข้าจะรีบกลับมา”ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในงานเลี้ยงแห่งนี้ ความรู้สึกแรกของทารีน่ามันบอกว่าองค์รัชทายาทจะต้องหาทางเข้ามาพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน ตามนิสัยของพระเอกในนิยายแล้ว ฮาร์วีเป็นบุรุษที่เจ้าแผนการและชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ คนเช่นนั้นย่อมทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจและสตรีที่จะสามารถดึงความสนใจของเหล่าชนชั้นสูงมาที่เขาได้ก็คงจะหนีไม่พ้นทารีน่าผู้นี้..เพื่อให้ตัวเองเป็นที่นิยมชมชอบก็เลยเหยียบย่ำสตรีผู้หนึ่งขึ้นไปยังจุดนั้นสินะอ่า..คันมืออยากจะซัดใบหน้านั้นสักครั้งจังโว้ย!! นี่เธอโมโหเหมือนกับว่าเขากำลังหลอกใช้ตัวเ
ตระกูลทารอนเป็นตระกูลผู้ถูกสาปให้ไร้หัวใจ เด็กชายที่เกิดขึ้นมาในตระกูลนี้จะถูกคำสาปครอบงำ การจะได้มาซึ่งพลังอันแข็งแกร่งของซาตาน จะต้องสังหารสตรีอันเป็นที่รักยิ่ง แล้วนำเลือดหัวใจของนางมาเป็นเครื่องสังเวยให้กับซาตานในวันที่มาไคล์อายุสิบเจ็ดปี เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลก็จริง แต่ทว่าท่านพ่อต้องสังหารแม่ของเขาเพื่อให้ตัวเองได้พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นมา ทำให้ดยุคคนก่อนของทารอนเลือกที่จะหลบหนีออกไปจากตระกูลทารอนเงียบๆ เพราะเขาไม่อาจทนเห็นลูกชายที่เหมือนภรรยาไปทุกกระเบียดนิ้วอย่างมาไคล์ได้อีกต่อไปอีกทั้งพลังอำนาจที่มีคำกล่าวเล่าขานว่ายิ่งใหญ่นักหนา มันว่างเปล่าไปหมดเลย เมื่อไม่มีภรรยาอยู่ข้างกาย..ดยุคคนเก่าแห่งทารอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตระกูลทารอนถูกส่งมอบมาให้มาไคล์ และเขามีสตรีที่ผูกพันยิ่งกว่าสตรีใด นั่นก็คือท่านอาจารย์มอนเน่สตรีใบหน้าธรรมดาๆ นางมิได้งดงามจับใจเหมือนกับเลดี้ชนชั้นสูงในจักรวรรดิ แต่ทว่าท่านอาจารย์มอนเน่ก็อยู่เคียงข้างมาไคล์ทุกช่วงเวลาของชีวิต นางพร่ำสอนเขาเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในจักรวรรดิ เรื่องการนำพาทารอนให้กลับไปยิ่งใหญ่ และสอนเรื
ฉันเหนื่อยกับการทำงานมากจนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหมดแรงที่จะตื่นขึ้นไปทำงานวัยผู้ใหญ่ที่ฉันคิดเอาไว้มันไม่ใช่แบบนี้เลยนี่หว่า ทำไมเป็นผู้ใหญ่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ด้วยฟะ!!เหมือนกับว่าชีวิตจะต้องนอน ตื่นขึ้นไปทำงาน เหนื่อย หมดแรง นอน ตื่นไปทำงาน หมดแรง ร้องไห้...วนลูบแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดจนวันหยุดฉันได้พบเจอกับนิยายเรื่องหนึ่ง ฉันเคยรู้ว่าการนอนจะทำให้พลังชีวิตของตัวเองกลับมา แต่มันไม่ใช่เลยเพราะเมื่อได้อ่านนิยายเรื่องนั้นมันทำให้ฉันมีแรงต่อสู้กับการทำงานตัวร้ายที่ทำเพื่อพระเอกของเรื่องและนางเอกแทบเป็นแทบตายคนนั้น..ชื่อว่ามาไคล์ท่านมาไคล์ในนิยายเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างน่าสงสาร เขาไม่มีใคร ไม่มีครอบครัว..แถมยังถูกองค์รัชทายาทพระเอกของเรื่องใส่ร้ายอีกต่างหากหลังจากนั้นชีวิตของฉันก็มีเป้าหมาย หลังจากทำงานกลับมาฉันจะมารอคอยคุณนักเขียนอัพนิยายทุกเย็น ก่อนนอนจะตามอ่านเรื่องของท่านมาไคล์ซ้ำๆฉันหวังว่าท่านมาไคล์ในตอนจบจะได้ออกไปจากเรื่องของพระเอกและนางเอก เขาอาจจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลทารอนของเขาหรือไม่ก็ไปอยู่ที่อื่นซะ หนีไปให้ไกลจากสองคนนั่นแต่ตอนสุดท้าย ท่านมาไคล์กลับตายด้วยฝีมือของค
มาไคล์พาตัวเองกลับมาที่คฤหาสน์ทารอน เขาเดินไปที่เรือนเล็กด้านหลังที่ถูกปิดตายเอาไว้เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจอภาพวาดของสตรีผู้หนึ่ง ปลายนิ้วของมาไคล์แตะลงไปเบาๆ บนภาพวาดนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด“ข้าขอโทษครับท่านอาจารย์ ข้าเผลอลืมเลือนท่านไปชั่วขณะ ข้ากลับมาหาท่านแล้วนะครับ ได้โปรดอย่างโกรธข้าเลย”ด้านหลังภาพวาดขนาดใหญ่นั้นคือร่างกายอันไร้วิญญาณของสตรีผู้หนึ่ง นางมีเรือนผมสีทองสว่างและกำลังนอนนิ่งในโล่งแก้วที่ดูผิวเผินเหมือนกับว่านางยังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่านางได้ลาลับจากโลกใบนี้ไปสิบปีแล้วสิบปีที่ยาวนานมากเหลือเกินของมาไคล์ เป็นสิบปีที่เขาเฝ้าพยายามตามหาทุกหนทางที่จะสามารถทำให้สตรีผู้นี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา“อีกไม่นานอเดเรียน่าจะรักฮาร์วีเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะนำเลือดหัวใจของนางมาฟื้นคืนชีพให้ท่านนะครับ..”..........งานวันที่สองของพระราชวัง ซึ่งเป็นงานวันชาติที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับวีรบุรุษสงครามวันนี้องค์รัชทายาทฮาร์วีเสด็จมาร่วมงานพร้อมๆ กับว่าที่พระชายาอเดเรีย พิธีอภิเษกได้กำหนดวันขึ้นมาแล้วเหลือเพียงรอคอยเวลาเท่านั้น อเดเรียก็จะได้เป็นพระชายาของฮาร์วีเขาจับมือพร้อมกับมองหน้าของอ
องค์หญิงโอเรียน่าค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาเมื่อแสงของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาในห้องนอน เธอปรายตามองไปรอบๆ ก็เห็นเหล่าอนุสามีมากมายที่กำลังนอนอยู่รอบๆ เตียงในสภาพเปลือยเปล่าอ่า..ช่างเป็นเช้าที่แสนสดใสซะจริงและเมื่อโอเรียน่ากำลังจะลุกขึ้นจากเตียงก็มีมือมาคว้าแขนของนางเอาไว้“องค์หญิง..จะไปจากกระหม่อมแล้วอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เธอยื่นมือไปสัมผัสเส้นผมที่นุ่มลื่นของบุรุษผู้นั้นเอาไว้ แม้จะจดจำชื่อของเขาไม่ได้ แต่ใบหน้าของเขานั้นถูกใจเธอยิ่งนัก..“ข้ามีงานที่ต้องทำ ที่ข้าลุกออกจากเตียงไม่ได้หมายความว่าข้าจะทอดทิ้งเจ้าสักหน่อย รอข้าอยู่ที่นี่หลังจากทำงานเสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”เธอจุมพิตลงไปบนหน้าผากของเขาเพื่อเป็นการกล่าวอำลา ส่วนอนุคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น เพราะแบบนั้นโอเรียน่าถึงได้เดินด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาออกมาจากห้องนอนของตัวเอง“องค์หญิงเพคะ เมื่อวานว่าที่พระชายาเสด็จไปบรรทมที่ห้องขององค์รัชทายาท หม่อมฉันจึงเข้าไปในพระราชวังของว่าที่พระชายาอเดเรีย ไม่มีอะไรน่าสงสัยนอกจากบันทึกเล่มนี้..”สาวใช้ส่งสมุดบันทึกเล่มหนาให้กับโอเรียน่า เธอรับมาถือเอาไว้โดยไม่ได้ปิดดูเนื้อหาด้านในเลยแม้แต่น้อย“นำมันไปมอ
“ข้า..ไม่อยากถูกควบคุมจิตใจอีกแล้วค่ะ”วินเทอร์ยกมือขึ้นมาก่อนที่เขาจะรวบทารีน่าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาจุมพิตลงไปบนเรือนผมของเธอเบาๆ“ในอ้อมกอดของข้าจะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเจ้าได้ทั้งนั้น”“แต่ข้าไม่อยากเป็นเพียงผู้ที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ฝ่ายเดียว ข้าอยากจะโต้กลับไปบ้าง..”อีกฝ่ายคือองค์รัชทายาทก็จริง แต่เธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิดเพราะทารีน่ามั่นใจว่าเธอสามารถโค่นเขาลงมาจากหอคอยสูงชันที่เขากำลังนั่งอยู่ได้“รินา นั่นมันอันตรายมากเลยรู้ไหม ไม่ใช่ว่าข้ากังวลจนเกินเหตุแต่หากว่าเจ้าจะโต้กลับละก็ พี่อยากให้เราวางแผนการอย่างรอบคอบมากกว่านี้”เธอหลับตาลงช้าๆ“ได้ค่ะ ข้าจะคิดอย่างรอบคอบในทุกย่างก้าวที่กำลังเดิน แต่ตอนนี้ท่านพี่ช่วยพาข้าไปหาคนผู้หนึ่งก่อนได้ไหมคะ”วินเทอร์พยักหน้า..ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองของวิหารศักดิ์สิทธิ์และเบื้องหน้าของเขาคือคาดินันกาเล็ต ชายผู้ที่ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ทุกครั้งที่พบเจอกับดยุคทารอนเขายังไม่รู้สึกด้อยกว่าเท่ากับคาดินันกาเล็ตเลย อาจจะเพราะว่าทารีน่าและท่านกาเล็ตมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากเกินที่เขาเข้าใจ..เมื่อเห็นสีหน้าของท่านพี่วินเทอร์ไม่ค่อยสู้ด