แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: ซีซีโหย่วอวี๋
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา หญิงสาวสวยหวานน่ารัก มองไปดูเหมาะสมกันอย่างมาก

ทว่างานแบบนี้ คนส่วนใหญ่ล้วนสวมชุดทางการ โดยเฉพาะผู้หญิง กระทั่งแข่งประชันชุดราตรีบนตัวกันด้วยซ้ำ

เมื่อมองเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนของหยางอวี่ถง ช่างไม่เข้ากันอยู่เล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่า ลู่ซานเหอกลับไม่ได้สนใจรายละเอียดพรรค์นี้เลย

แต่เมื่อมองไปที่ชุดราตรีสีเทาเงินพอดีตัวของหลินอี้เฉิง หยางอวี่ถงก็กัดริมฝีปากล่าง บนใบหน้างดงามปรากฏความน้อยใจและความอึดอัดสองสามส่วน

“เป็นอะไรไป?” ลู่ซานเหอก้มหน้าถามเธอ

หยางอวี่ถงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พวกเธอใส่ชุดทางการดี ๆ กันทั้งนั้น โดยเฉพาะหมอหลิน เดรสที่เธอใส่สวยจังเลยค่ะ”

ในแววตาที่เพิ่งชักกลับมาเมื่อครู่ของลู่ซานเหอ ยังแฝงไปด้วยความเย็นชาอยู่หลายส่วน

เขาเพิ่งเข้ามา ก็เห็นหลินอี้เฉิงกับเจียงจี้เชินพูดคุยหัวเราะคิกคัก

เจียงจี้เชินยังลูบผมของหลินอี้เฉิงด้วย

ให้เขาระวังรู้จักบันยะบันยัน แล้วเธอล่ะ?

หลินอี้เฉิงขมวดคิ้วมองลู่ซานเหอเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เพิ่งบอกให้เขาระวังรู้จักบันยะบันยัง ตอนนี้เขากลับกล้าพาคนมาอยู่ในสายตาของทุกคนอย่างโจ่งแจ้ง

โชคดีที่ เมื่อครู่เธอได้ยินลู่ซานเหอแนะนำให้คนอื่น บอกแค่ว่าหยางอวี่ถงเป็นผู้ช่วยพิเศษ

ผู้ช่วยพิเศษเป็นคู่ควงรับเชิญของบอสอยู่เป็นครั้งคราว ก็เป็นเรื่องปกติ

เมื่อเดินมาข้างหลินอี้เฉิง หยางอวี่ถงก็ปล่อยมือที่ควงลู่ซานเหอออก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “หมอหลิน”

ลู่ซานเหอมองประเมินหลินอี้เฉิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ยอมรับไม่ได้ หลินอี้เฉิงหน้าตาสะสวย รูปร่างก็ดี ชุดราตรีขับบุคลิกเย็นชากว่าปกติของเธอได้อย่างสมบูรณ์

เสื้อผ้าแบบนี้ต่างหากที่เหมาะกับเธอ

และไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่ก่อนหน้านี้ใช้อะไรมอง

เขาเอ่ยปากขึ้นโดยไม่แม้แต่จะชายตามองเจียงจี้เชิน “ชุดราตรีซื้อมาจากร้านไหน? ถ้าเธอสะดวก ก็พาถงถงไปซื้อสักสองสามตัวสิ”

หลินอี้เฉิงยังไม่ทันได้พูด หยางอวี่ถงก็รีบโบกไม้โบกมืออยู่ข้าง ๆ “ไม่ต้องค่ะ ๆ ฉัน ฉันซื้อไหวที่ไหนล่ะคะ”

ลู่ซานเหอมองเธอพลางฉีกยิ้ม “ยัยซื่อบื้อ ผมจะซื้อให้คุณเอง”

หยางอวี่ถงพลันฉีกยิ้มหวาน ในรอยยิ้มแฝงความเหนียมอายสองสามส่วน “นั่น นั่นจะมีหน้าไปให้คุณซื้อได้ยังไงล่ะคะ...

“คุณชอบก็ซื้อ” ลู่ซานเหอพูดจบก็ทอดตามองหลินอี้เฉิง “ถึงเวลานั้นค่อยรูดบัตรของผม”

“ขอโทษด้วยค่ะ” หลินอี้เฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เสื้อผ้าสั่งตัด ซื้อไม่ได้”

เพิ่งสิ้นเสียงเธอ ขอบตาหยางอวี่ถงก็แดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว

เธอดึงแขนเสื้อของลู่ซานเหอเบา ๆ “ประธานลู่ ช่างเถอะค่ะ ฉัน ฉันใส่เสื้อผ้าสั่งตัดได้ที่ไหน”

เจียงจี้เชินพูดขึ้นอยู่ข้าง ๆ “บางคนน่ะ ก็นับว่ายังรู้ตัวเองบ้าง”

ลู่ซานเหอมองเจียงจี้เชินอย่างเย็นชาทีหนึ่ง

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ลู่ซานเหอชักสายตากลับ แล้วมองไปที่หลินอี้เฉิง “สั่งตัดร้านไหน? คุณพาถงถง...ช่างเถอะ คุณบอกผมมา เดี๋ยวผมพาเธอไปเอง”

ปลายนิ้วที่ถือแก้วไวน์ของหลินอี้เฉิงสั่นระรัว ทว่าเธอก็ยังฉีกยิ้ม “เป็นดิไซเนอร์ส่วนตัวของฉัน เกรงว่าคุณคงจะซื้อไม่ได้จริง ๆ”

“ดิไซเนอร์ส่วนตัวของคุณ?” ลู่ซานเหอครุ่นคิด “จี้ซูเหยียนเหรอ?”

จี้ซูเหยียนเป็นเพื่อนสนิทของหลินอี้เฉิง ตอนนี้เป็นดิไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้า

หลินอี้เฉิงคาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จัก เธอพยักหน้า “ใช่”

“ในเมื่อเธอเป็นดิไซเนอ์ของคุณ งั้นก็เป็นดิไซเนอร์ของถงถงได้เหมือนกัน” ลู่ซานเหอพูดขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ เป็นอย่างมาก “คุณบอกเธอก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“ช่างเถอะค่ะ...” หยางอวี่ถงกัดริมฝีปากล่าง ขอบตาแดงระเรื่อเล็กน้อย “ประธานลู่คะ คุณอย่าทำให้หมอหลินลำบากใจเลยค่ะ ในเมื่อเธอไม่ยินดี...”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ลู่ซานเหอก็ย้อนถามหลินอี้เฉิงทันที “คุณไม่ยินดี? ทำเงินให้จี้ซูเหยียนได้ ทำไมคุณถึงไม่ยินดีล่ะ?”

หลินอี้เฉิงวางแก้วไวน์ลง “โอเคค่ะ กลับไปฉันจะบอกเธอให้นะคะ”

“ชอบแบบไหน ถึงเวลานั้นก็บอกกับดิไซเนอร์ไปนะ” ลู่ซานเหอก้มหน้าบอกกับหยางอวี่ถิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

หยางอวี่ถงมองหลินอี้เฉิงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทีหนึ่ง ในตอนนี้เองถึงพูดขึ้นว่า “ฉันอยากได้...เหมือนกับชุดนี้ของหมอหลินเลยค่ะ ไม่ทราบว่าได้ไหม?”

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว...”

ลู่ซานเหอยังไม่ทันพูดจบ เจียงจี้เชินก็พูดขึ้นอีกว่า “ใส่เสื้อผ้าชนกันไม่ต้องกลัว ใครขี้เหร่ใครน่าอาย เฮ้อ ไม่รู้บางคนไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงอยากจะได้ชุดแบบเดียวกับคนอื่น”

ขอบตาของหยางอวี่ถงพลันแดงระเรื่อขึ้นทันที

ลู่ซานเหอ “เจียงจี้เชิน...”

หลินอี้เฉิงพูดแทรกลู่ซานเหอ “ชุดนี้ตัดสำหรับเฉพาะฉันคนเดียว มีแค่ชุดเดียว คุณให้เธอทำแบบอื่นก็ได้”

“ชุดราตรีของคุณเยอะนี่ กะอีแค่ชุดนี้ชุดเดียว ยกให้เธอจะเป็นไรไป?” ในน้ำเสียงของลู่ซานเหอแฝงความเดือดดาลเอาไว้ “ผมจำได้ว่าคุณไม่ใช่คนขี้งกขนาดนี้นี่”

ยกให้เธอ?

เสื้อผ้ายังยกให้ได้ งั้นก็ต้องยกผู้ชายให้ได้ด้วยใช่ไหม?

เจียงจี้เชินกำลังคิดจะพูดอะไรอีก ทว่าหลินอี้เฉิงดึงมือเขาเอาไว้

เธอฉีกยิ้ม “ได้สิ”

พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินจากไป

ลู่ซานเหอกำลังคิดจะย่างเท้าตามไป ทว่าหยางอวี่ถงคว้าแขนเขาเอาไว้ “ซานเหอ ฉัน ฉันอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย”

เจียงจี้เชินแสยะยิ้มอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะสาวเท้าอาด ๆ ตามหลินอี้เฉิงไป

ลู่ซานเหอชักสายตากลับ แล้วก้มหน้ามองหยางอวี่ถง “ในเมื่ออึดอัด งั้นเรากลับกันก่อนเถอะ”

หลังจากนั้นสองวัน หลินอี้เฉิงก็ไม่เห็นหน้าลู่ซานเหอเลย

เธอกลับบ้านไปรอบหนึ่ง

ในหวยเป่ย ตระกูลหลินก็เป็นครอบครัวแถวหน้าเช่นกัน

ไม่อย่างนั้นหลินอี้เฉิงไม่มีทางได้แต่งงานกับลู่ซานเหอแน่นอน

ฉะนั้นเธอถึงได้โตมากับลู่ซานเหอตั้งแต่เด็ก

จนใจ สองตระกูลไปมาหาสู่กันในด้านธุรกิจมาตลอด

แต่ก็แปลก ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไม่ค่อยถูกกับพวกเพื่อนของลู่ซานเหอ

ฝั่งหนึ่งมีเจียงจี้เชินกับเธอเป็นหัวโจก ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ก็มีลู่ซานเหอเป็นหัวโจก

ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากัน ตอนเด็ก ๆ อย่างเบาก็มีปากเสียงกัน อย่างหนักก็ต่อยตีกัน

โตแล้วถึงเลิกทะเลาะกัน ทว่าก็ยังเหม็นขี้หน้ากัน

ฉะนั้นเรื่องที่เธอแต่งงานกับลู่ซานเหอ ทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้านกันไม่น้อย

ทว่าสำหรับตระกูลหลินแล้ว การที่หลินอี้เฉิงแต่งงานเข้าตระกูลลู่ เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในแวดวงรุ่นที่สองแห่งหวยเป่ย ลู่ซานเหอคือบุคคลที่โดดเด่นอยู่เหนือกว่าระดับเดียวกัน

อันที่จริงหลินอี้เฉิงไม่ค่อยชอบกลับบ้านเท่าไรนัก

ตอนแรกที่เธอเลือกเรียนหมอ ก็เกิดความขัดแย้งกับคนในบ้านใหญ่โตทีเดียว

พ่อกับแม่ต่างคิดว่า เธอเกิดในตระกูลไฮโซ ต่อไปก็ต้องแต่งงานเข้าตระกูลไฮโซ

เป็นหมอทั้งลำบากทั้งเหนื่อย มิหนำซ้ำยังต้องทำโอทีอยู่บ่อย ๆ ไม่เคยได้ยินคุณหนูตระกูลไฮโซคนไหนเป็นหมอมาก่อน

และพ่อกับแม่ให้ความสำคัญกับกำไรขาดทุนของผลประโยชน์เป็นอย่างมาก

สรุปแล้ว โตขึ้นมาหลินอี้เฉิงก็ไปมาหาสู่กับพ่อแม่ค่อนข้างน้อย

หลังแต่งงานเข้าตระกูลลู่ จำนวนครั้งที่เธอกลับมาใช้นิ้วมือนับยังพอ

ครั้งนี้หลินโค่วชิงเป็นคนโทรเรียกให้เธอกลับมา ไม่ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร บอกแค่ว่าคนที่บ้านคิดถึงเธอ ให้เธอกลับมากินข้าวสักมื้อ

แต่หลินอี้เฉิงรู้ดีว่า หลินโค่วชิงง่วนอยู่กับการหาเงิน หลี่ว์เซ่าหว่านก็กระตือรือร้นอยู่กับสังคมคุณนาย น้อยมากที่ทั้งสองคนจะคิดถึงหลินอี้เฉิงจริง ๆ

เป็นอย่างที่คิด เมื่อกลับถึงบ้าน บนโต๊ะอาหาร ยังไม่ทันได้ถามไถ่กี่คำ หลินโค่วชิงก็เข้าประเด็นหลักเลย “เฉิงเฉิง ซานเหอยังยุ่งขนาดนั้นอยู่อีกเหรอ?”

หลินอี้เฉิงกินจนไม่เงยหน้า “ยุ่ง”

“กิจการใหญ่โตขนาดนั้น ไม่ยุ่งก็ไม่เป็นจริง แกก็เอาใจใส่เขาหน่อย ดูแลเขาให้เยอะ ๆ เข้าใจไหม?”

หลินอี้เฉิงขานรับอืมเสียงหนึ่ง

ในตอนนี้เองหลินโค่วชิงถึงพูดขึ้นว่า “ในมือเขามีโปรเจกต์ใหม่โปรเจกต์หนึ่ง บริษัทลูกของเราทำได้ กลับไปแกไปบอกเขาหน่อยนะ”

“พ่อ” หลินอี้เฉิงเงยหน้าขึ้น “หนูไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของบริษัทเขา”

“แกไม่ก้าวก่ายมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าแกพูดกับเขามันก็อีกเรื่องหนึ่ง” หลี่ว์เซ่าหว่านเอ่ยขึ้น “ความตั้งใจเดิมในการแต่งงานของทั้งสองตระกูลก็คือความร่วมมือแบบวิน ๆ ทั้งคู่ไม่ใช่หรือไง?”

“ใช่” หลินโค่วชิงพูดเสริม “ต้องเอาโปรเจกต์นี้มาอยู่ในมือให้ได้ แกอย่าลืมพูดกับเขาล่ะ”

“เขาไม่ฟังที่หนูพูดหรอก”

เมื่อเห็นท่าทีดื้อรั้นของหลินอี้เฉิง หลินโค่วชิงก็ซัดตะเกียบดังปัง “ฉันเก็บแกไว้จะมีประโยชน์อะไร! แกแต่งงานเข้าตระกูลลู่ ช่วงชิงผลประโยชน์อะไรให้ตระกูลหลินบ้าง?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 4

    หลินอี้เฉิงไม่เข้าใจเรื่องในสนามธุรกิจพวกนั้น แต่เธอเองก็รู้ว่า ตั้งแต่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลลู่ ความมั่งคั่งของตระกูลหลิน อย่างน้อยก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าและเพราะแบบนี้ หลินโค่วชิงจึงไม่พอใจหลินอี้เฉิงวางตะเกียบลงและลุกขึ้น “หนูกินอิ่มแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ พ่อกับแม่ค่อย ๆ กินไปนะคะ”หลินโค่วชิงตะคอกด้วยความเดือดดาลอยู่เบื้องหลังเธอ “อย่าลืมสิว่าย่าแกพูดอะไรกับแกก่อนจะเสีย!”แผ่นหลังของหลินอี้เฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง เธออึ้งอยู่หลายวินาที ทว่าก็ยังเดินออกไปเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้รับสายจากหยางอวี่ถงทีแรกเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ทั่วไป เธอยังไม่อยากรับ ทว่าโทรศัพท์ดังขึ้นไม่หยุด เธอจึงทำได้เพียงรับสายเมื่อรับสาย เสียงร่ำไห่ของหยางอวี่ถงก็แว่วดังขึ้นมา “หมอหลิน คุณรีบมาเร็ว ซานเหอได้รับบาดเจ็บ!”หลินอี้เฉิงมาถึงอย่างลุกลี้ลุกลน สุดท้ายพบว่ามือของลู่ซานเหอถูกพันแผลเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นหลินอี้เฉิง เขาก็ขมวดคิ้ว “คุณมาได้ยังไง?”หลินอี้เฉิงมองหยางอวี่ถงทีหนึ่ง เธอไม่ตอบ ได้แต่ถามว่า “ไปทำอะไรมา?”“ประธานลู่...ได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยฉัน...” หยางอว

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 5

    หลินอี้เฉิงดูโทรศัพท์ ยังไม่เที่ยงคืนซึ่งก็หมายความว่า ผู้ชายคนนี้เพิ่งขย่มตัวเธออย่างขยันขันแข็งเสร็จ ก็จะรีบเร่งไปโอ๋หยางอวี่ถงแล้วเขายุ่งมากจริง ๆหลินอี้เฉิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอได้ยินเพียงเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของหยางอวี่ถงหลังวางสายลู่ซานเหอก็เริ่มสวมเสื้อผ้าบนตัวหลินอี้เฉิงยังแฝงความอิ่มเอมและความปวดเมื่อยหลังสุขจนถึงจุดสูงสุด เธอพาดตัวอยู่บนเตียงมองลู่ซานเหอสวมกางเกง ปกปิดกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นชัดเจนเป็นก้อน ๆ เอาไว้เขาสวมไปด้วยพลางพูดไปด้วยว่า “น้องชายของถงถงประสบอุบัติเหตุ ผมจะไปดูหน่อย ถ้าร้ายแรง คุณช่วยติดต่อโรงพยาบาลให้ที...ช่างเถอะ คุณไปกับผมเลยแล้วกัน”หลินอี้เฉิงไม่กระดุกกระดิกเขากำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้ว เขามองมาพร้อมขมวดคิ้ว “ทำไมไม่ขยับอีกล่ะ?”“เหมือนฉันจะไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปช่วย...”เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อคิดคำที่ค่อนข้างเหมาะสมได้แล้วก็พูดต่อว่า “ช่วยน้องชายของชู้คุณหรือเปล่า?”“คุณเป็นหมอ ช่วยชีวิตคนใกล้ตายดูแลคนบาดเจ็บเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ” แววตาของลู่ซานเหอเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ “หลินอี้เฉิง คุณอย่าเลือดเย็นขนาดนี้สิ”หลินอี

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 6

    ขอบตาของหยางอวี่ถงพลันแดงระเรื่อ เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ หมอหลิน ขอโทษนะคะ...”พูดจบเธอก็ถอยหลังก้าวหนึ่ง แล้วค้อมตัวให้หลินอี้เฉิงไม่เพียงแค่ค้อมตัว เธอยังค้อมอยู่นานไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีกด้วยลู่ซานเหอพลันเดือดดาล “หลินอี้เฉิง นี่คุณทำอะไรน่ะ? ถงถงเธอยังเด็ก เรียกคุณว่าพี่มีปัญหาเหรอ?”“พ่อแม่ฉันมีฉันแค่คนเดียว ฉันเป็นพี่เธอไม่ได้” หลินอี้เฉิงกระตุกรอยยิ้มถากถางมุมปาก “พวกคุณต่อเถอะ”พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปลู่ซานเหอย่างเท้าเตรียมจะตามไปทว่าถูกคนดึงชายเสื้อเอาไว้เขาหันหน้ากลับไป หยางอวี่ถงมองเขาทั้งน้ำตาไหลพราก“ซานเหอ...”“รอผมอยู่ที่นี่ก่อนนะ”ลู่ซานเหอพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง ก่อนจะรีบตามออกไปฝ่ามือที่ว่างเปล่าของหยางอวี่ถง ค่อย ๆ กำหมัดขึ้น จนเล็บทิ่มเข้าไปในเนื้อเธอกันฟันกรอด สูดลมหายใจเข้าลึก บอกตัวเองว่าจะรีบร้อนไม่ได้ ค่อย ๆ ค่อย ๆลู่ซานเหอตามไปคว้าแขนของหลินอี้เฉิงเอาไว้ “คุณงอนอะไร?”“ฉันงอน?” หลินอี้เฉิงเดือดดาลจนโพล่งขำ “ฉันมีคุณสมบัติให้งอนด้วยเหรอ?”จู่ ๆ ลู่ซานเหอก็ถามเธอขึ้นว่า “เมื่อวานคุณ...จงใจใช่ไหม?”หลินอี้เฉิงฉงน “อะไร?”“ให้

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 7

    หลินอี้เฉิงไม่รู้ว่าทำไมอยู่แล้วจี้ซูเหยียนพูดต่อ “คืนนี้มีงานประมูลการกุศล เธอไปกับฉัน?”หลินอี้เฉิงถามขึ้น “พูดถึงหยางอวี่ถงอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนเรื่องแล้วล่ะ”จี้ซูเหยียนตอบกลับอย่างมีลับลมคมใน “ถึงเวลาเธอก็จะรู้เอง แต่ว่าก่อนไปงานเลี้ยงคืนนี้ เธอมาที่บ้านฉันก่อน ฉันจะให้คนแต่งหน้าทำผมให้เธอ”วันนี้หลินอี้เฉิงไม่มีผ่าตัด ตอนบ่ายจึงลาหนึ่งชั่วโมง แล้วไปบ้านของจี้ซูเหยียนหลังมาถึงก็ถูกจี้ซูเหยียนกดลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และเริ่มแต่งหน้าให้กับเธอช่างแต่งหน้าเป็นช่างที่มีชื่อเสียงในวงการ เคยแต่งหน้าให้กับดาราชั้นนำมาไม่น้อยเธอพูดขึ้นว่า “ผิวของคุณหลินดีจริง ๆ นี่สิถึงจะเป็นผิวเนียนนุ่มน่าถนอมของจริง อีกอย่างใบหน้าของคุณ ไม่เข้าวงการบันเทิงช่างน่าเสียดายจริง ๆ”หลินอี้เฉิงตอบ “ฉันทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ขืนไปก็คงเป็นได้แค่แจกัน”“บางคนน่ะ อยากจะเป็นแจกันยังเป็นไม่ได้เลยค่ะ”ช่างแต่งหน้าพูดคุยกับเธอไปด้วย พลางแต่งหน้าเบา ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิวและบุคลิกของเธอไปด้วยชุด เมคอัพ ทรงผม ต่างจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินอี้เฉิงลุกขึ้น แววตาของจี้ซูเหยียนเต็มไปด้วยความตกตะลึ

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 8

    ลู่ซานเหอไม่ชอบหลินอี้เฉิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นเธอพูดคุยอย่างเป็นกันเองขนาดนั้นกับผู้ชายคนอื่น เดาว่าคงยิ่งเกลียดเธอมากกว่าเดิมสินะ?หยางอวี่ถงพูดต่ออีกว่า “หมอหลินนี่เก่งจริง ๆ เลยนะคะ ไม่ว่ากับใครก็คุยดีด้วยได้หมด เหมือนฉันจะโง่มาก ไม่เคยกล้าคุยกับคนแปลกหน้าเลย โดยเฉพาะกับผู้ชาย...”ยังไม่ทันพูดจบ เธอก็ทอดถอนใจออกมาเสียงหนึ่งฝีเท้าของลู่ซานเหอยิ่งฉีกกว้างขึ้นกว่าเดิม ถูลู่ถูกังพาเธอเดินไปเบื้องหน้าเธอสวมรองเท้าส้นสูง แถมกระโปรงก็ไม่เอื้อกับการก้าวยาว ลู่ซานเหอไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด แทบจะลากเธอเดินไปข้างหน้าด้วยซ้ำหยางอวี่ถงต้องวิ่งเหยาะถึงจะตามเขาทัน สนใจความสง่าสูงส่งอะไรไหวเสียที่ไหนกันทั้งตัวเธอเหลือเพียงความกระอักกระอ่วนราวกับสายตาของทุกคนจับจ้องมาบนตัวเธอกระทั่งเธอยังได้ยินว่ามีคนกำลังแอบกระซิบกระซาบกัน“นั่นคือผู้ช่วยของประธานลู่? เห็นชุดราตรีที่เธอใส่นั่นไหม? ฉันเองก็ไปนิทรรศการภาพวาดก่อนหน้านี้มาเหมือนกัน เหมือนว่าหลินอี้เฉิงจะเคยใส่แบบเดียวกันเป๊ะ”“ใช่ เหมือนกันเป๊ะ ๆ จริง ๆ แต่ว่า ต้องดูว่าใครใส่ ไม่พูดไม่ได้ หลินอี้เฉิงใส่อะไรก็ส

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 9

    หลินอี้เฉิงกลับมาในที่จัดงานประมูล เจียงจี้เชินประมูลสร้อยคอฝังเพชรอีกเส้นให้จี้ซูเหยียนแล้วส่วนลู่ซานเหอและหยางอวี่ถง ไม่ได้กลับมาอีกหลังการประมูลจบลง เจียงจี้เชินจะลากพวกเธอทั้งสองคนไปบาร์ให้ได้อันที่จริงไปบาร์ก็ดื่มไม่ได้อยู่ดี เพราะวันรุ่งขึ้นเธอกับเจียงจี้เชินต้องไปทำงานสุดท้ายเมื่อมาถึงบาร์ จี้ซูเหยียนได้รับสายจากลูกค้าสายหนึ่ง จากนั้นก็รีบลุกลี้ลุกลนออกไปเลยเจียงจี้เชินลากหลินอี้เฉิงมาดื่มน้ำผลไม้ ดูคนอื่นเต้นรำ หลินอี้เฉิงดื่มจนอยากอาเจียน ทว่าเขายังไม่อยากไปสุดท้ายหลินอี้เฉิงก็ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พี่ดื่มไปคนเดียวเถอะ ฉันขอตัวก่อน”ในตอนนี้เองเจียงจี้เชินถึงได้ลุกขึ้น บอกว่าจะไปส่งเธอกลับบ้านหลินอี้เฉิงมองออกว่าเขามีเรื่องในใจ เป็นอย่างที่คิด เมื่อถึงที่หมายเขาก็ดับรถ ทว่าไม่ยอมให้หลินอี้เฉิงลงจากรถ“ว่ามาสิ เป็นอะไรกันแน่” หลินอี้เฉิงเอ่ยขึ้น “พี่เป็นคนเงียบขรึมตั้งแต่เมื่อไร?”ตอนอยู่ที่บาร์ ไม่ว่าจะถามยังไงเขาก็ไม่ตอบเจียงจี้เชินเบือนตัวมองมา “หลินอี้เฉิง สามปีแล้ว เธอยังทนรับไม่พออีกเหรอ?”หลินอี้เฉิงมองไปนอกหน้าต่าง “ถ้าพี่ไม่เป็นอะไร ฉันก็จะกลับบ้านแล้

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 10

    เสียงคุ้นหูเป็นอย่างมาก เป็นหยางอวี่ถง?ลู่ซานเหอเดินไปตามเสียง ก่อนจะผลักประตูทั้งสองบานของทางหนีไฟออกโดยตรง“ซานเหอ!”ลู่ซานเหอก้มหน้ามองไป จากนั้นเป็นอันต้องขมวดคิ้วเป็นปมแน่นหลินอี้เฉิงหกล้มอยู่บนพื้น ใบหน้าน้อย ๆ ขาวผ่องเต็มไปด้วยสีหน้าของความเจ็บปวดเธอใช้มือจับข้อเท้าเอาไว้ กำลังเงยหน้ามองขึ้นมาพอดีลู่ซานเหอรู้มาโดยตลอดว่า หน้าตาของหลินอี้เฉิงงดงามเป็นอย่างมากทว่าสำหรับเขา การตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกเป็นการประเมินค่าความงามที่ต่ำที่สุดทว่าในวินาทีนี้ ดวงตาที่แยกตาดำตาขาวชัดเจนของหลินอี้เฉิงทั้งสองกะพริบตามองมาปริบ ๆ ในดวงตาแฝงไปด้วยหยาดน้ำตาโปร่งใสดุจคริสตัล ลู่ซานเหอพลันตกตะลึงไปในทันใด“ซานเหอ!”หยางอวี่ถงเรียกอีกครั้งทั้ง ๆ ที่เธอก็หกล้มอยู่ข้างหลินอี้เฉิง ทำไมสายตาของลู่ซานเหอถึงตกไปที่ตัวหลินอี้เฉิงคนเดียวล่ะ?เสียงของหยางอวี่ถงดึงสติของลู่ซานเหอกลับมาเขารีบมองไปที่หยางอวี่ถง จากนั้นก็เดินอาด ๆ ลงบันไดไป แล้วคุกเข่าลงข้างกายเธอ “เกิดอะไรขึ้น?”หยางอวี่ถงมองเขาทั้งน้ำตาที่กำลังหยดลงมา “ซานเหอ ฉันไม่ได้คิดจะยั่วโมโหพี่อี้เฉิงจริง ๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมพี่

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 11

    หลินอี้เฉิงอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกเจียงจี้เชินคนนี้ แม้ปกติจะดูปากคอเราะร้ายความคิดสุดโต่ง ทว่าตอนที่เขาทำงาน ความจริงแล้วตั้งใจและเคร่งครัดเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหมอสาวพยาบาลสาวถูกภาพลักษณ์ไม่ยุ่งเรื่องผู้หญิงและสุภาพจอมปลอมของเขาตกหรอกเมื่อพูดถึงลู่ซานเหอ นั่นยิ่งเป็นจ้าวแห่งความเฉยเมยเคร่งขรึม ต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยนสีหน้าเจียงจี้เชินต่อยตีขึ้นมาก็น่าประหลาดใจอยู่แล้ว ทำไมลู่ซานเหอถึงลงไม้ลงมือด้วยล่ะ?เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่ฝึกการต่อสู้ หมัดทีเท้าที เกิดเสียงลมพรึ่บ ๆกระบวนท่าหนึ่งการเคลื่อนไหวหนึ่ง มีมามีกลับหลินอี้เฉิงกระวนกระวาย ทว่าจะขยับก็ไม่ได้ “เลิกต่อยกันได้แล้ว! พวกคุณเลิกต่อยกันได้แล้ว! เจียงจี้เชิน! ลู่ซานเหอ! หยุดนะ!”หลินอี้เฉิงเดือดดาลแทบแย่ และเมื่อเห็นเจียงจี้เชินกำลังจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เธอก็ยิ่งร้อนใจเธอรู้ว่าลู่ซานเหอไม่มีทางฟังเธอแน่ จึงได้แต่เรียกเจียงจี้เชิน “อาเชิน! พี่จะทำให้ฉันโมโหจนตายเลยหรือไง? เลิกต่อยกันได้แล้ว รีบมาเร็ว!”“อาเชิน! พี่เชื่อฟังสิ! เลิกต่อยกันได้แล้ว!”“เจียงจี้เชิน!”“เชื่อไหมว่าฉันจะต

บทล่าสุด

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 40

    ในตอนนี้เองหลินอี้เฉิงถึงพูดขึ้นว่า “แสดงว่าคุณฟู่ไม่ได้มีความทุกข์ใจจากการถูกครอบครัวบีบให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สินะคะ”“ถูกบีบ? ทุกข์ใจ?” ฟู่ซือหนานตกตะลึงเป็นอย่างมาก “ถ้าคนที่ผมต้องแต่งงานด้วยเป็นนางฟ้าเหมือนอย่างเฉิงเฉิง จะมีความทุกข์ใจได้ยังไงกัน นี่มันของหวานที่ฟ้าประทานให้ชัด ๆ ผมคงสะดุ้งตื่นจากฝันเพราะยิ้มไม่หยุดด้วยซ้ำ!”ครั้งนี้หลินอี้เฉิงถูกเขาหยอกล้อจนโพล่งขำออกมาจริง ๆขณะลู่ซานเหอเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือหลินอี้เฉิงหัวเราะจนไหล่สั่นใส่ฟู่ซือหนานครั้งนี้มาปาร์ตี้รวมตัวกันที่นี่ เนื่องจากหลินอี้เฉิงเกิดอุบัติเหตุ ปาร์ตี้รวมตัวเองก็จบไปทั้งแบบนั้นเช่นกันธุระในเรื่องงานของเขาก็ใกล้จะจบลงแล้ว บรรดาเพื่อน ๆ จึงชวนให้เขามารวมตัวที่นี่อีกครั้งไม่คิดเลยว่าจะเจอหลินอี้เฉิงอีกครั้งครั้งนี้เธอกลับไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แต่เธอนั่งอยู่ตรงข้ามผู้ชายคนอื่น ปั้นหน้าฉีกยิ้มหวานแหวว ยิ่งขัดหูขัดตาเข้าไปใหญ่!ลู่ซานเหอทิ้งหยางอวี่ถงกับเพื่อนคนอื่น ๆ ไปเลย จากนั้นก็เดินอาด ๆ ไปทางหลินอี้เฉิงหยางอวี่ถงคิดจะตามไป ทว่าซือฉางไห่รั้งเธอเอาไว้ พร้อมส่ายหน้าใส่เธอหยางอวี่ถงพลันปั้นหน้า

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 39

    เมื่อจี้ซูเหยียนออกมา ลู่ซานเหอกับหยางอวี่ถงก็ออกไปแล้วจี้ซูเหยียนเห็นหลินอี้เฉิง ก็รีบถามขึ้นทันที “เฉิงเฉิง ทำไมเธอถึงชูป้าย?”ขณะดำเนินการเรื่องเอกสาร จี้ซูเหยียนไม่รู้ว่าฝ่ายผู้ซื้อเป็นใคร และเธอเองก็ไม่ได้ยินคนที่เสนอราคา เป็นลู่ซานเหอหลินอี้เฉิงฉีกยิ้มพลางตอบ “แน่นอนว่าเพราะชอบไงล่ะ ฉันคิดว่ามันคู่ควรกับราคานั้น”ที่หลินอี้เฉิงพูดเป็นความจริง เธอชอบชุดนี้จริง ๆ ฉะนั้นจึงไม่อยากให้มันไปอยู่บนตัวหยางอวี่ถงทว่าในท้ายที่สุด ลู่ซานเหอก็เป็นคนประมูลชุดไปการมาท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งนี้ นับว่าเป็นจุดสิ้นสุดแล้วจี้ซูเหยียนไม่รู้ว่าหลินอี้เฉิงไปเจอเหตุการณ์น่าหวาดผวาอะไรนอกบาร์มา ยังไม่ได้ดูการแสดงเนกไท เธอยังอยากไปอีกเธออารมณ์ดีมาก ๆ หลินอี้เฉิงไม่อยากทำให้ผิดหวัง ทั้งสองคนจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นเลยเพียงแต่ หลินอี้เฉิงคิดไม่ถึงว่า จะเจอฟู่ซือหนานที่บาร์เมื่อฟู่ซือหนานเห็นพวกเธอ ทั้งใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เฉิงเฉิง? พวกคุณก็มาเที่ยวเล่นที่นี่ด้วยเหรอ?”นับตั้งแต่ครั้งก่อนหลินอี้เฉิงพูดไปแล้ว พยายามสวมเขาให้ลู่ซานเหอ เมื่อดูฟู่ซือหนาน จี้ซูเหยียนรู้สึกว่าถูกชะตาที

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 38

    ชุดชุดนี้ ตกลงราคาประมูลในท้ายที่สุดที่สิบล้านเมื่อเดินออกมาจากที่จัดงานประมูล หลินอี้เฉิงก็ไปห้องน้ำ และฉวยโอกาสรอจี้ซูเหยียนไปดำเนินการเรื่องด้วยเธอออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นหยางอวี่ถงเติมเครื่องสำอางอยู่ด้านนอก“พี่อี้เฉิง” เธอเห็นหลินอี้เฉิงก็รีบฉีกยิ้มสดใสใส่ “คุณก็มาด้วยเหรอคะ งั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าซานเหอประมูลเสื้อผ้าของคุณจี้ชุดนั้นมาให้ฉันแล้วใช่ไหมคะ?”หลินอี้เฉิงเอ่ยขึ้นชืด ๆ “ยินดีด้วยนะ”“ก็ไม่ได้มีอะไร ฉันบอกแล้วว่าไม่เอา ซานเหอก็จะประมูลมาให้ฉันให้ได้”หลินอี้เฉิงนึกถึงอะไรบางอย่าง ก็พลันขำออกมา ก่อนจะถามว่า “ลู่ซานเหอซื้อแค่หยกให้คุณเหรอ? คุณไม่ได้ให้เขาซื้ออย่างอื่นให้?”เธอขอแล้ว แต่ลู่ซานเหอไม่ฟังเธอเลยตอนนี้หยางอวี่ถงยังไม่รู้ว่าทำไมหลินอี้เฉิงถึงเอาแต่จับประเด็นนี้ไม่ปล่อย ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆหยางอวี่ถงไม่ยอมให้ตัวเองเผยความอ่อนแอต่อหน้าเธอเป็นอันขาด หยางอวี่ถงจึงพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว ฉันอยากได้อะไร ซานเหอก็จะซื้อให้ฉัน”หลินอี้เฉิงตอบกลับ “งั้นก็ดีแล้ว แต่ว่า คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า ของที่ลู่ซานเหอซื้อให้คุณ ใช้สินสมรสที่มีร่วมกันของสามีภรร

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 37

    ก่อนหน้านี้ที่จี้ซูเหยียนออกแบบเสื้อผ้าแค่เล่น ๆ เท่านั้นที่บ้านเธอมีเงิน ไม่จำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยสิ่งยี้ เป็นแค่งานอดิเรกที่สนใจเท่านั้นทว่าเธอมีพรสวรรค์ในด้านนี้จริง ๆตอนหกขวบก็เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าระดับโลก ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นด้วยชุดราตรีสไตล์จีนที่ผสมผสานระหว่างยุคโบราณและสมัยใหม่เข้าด้วยกันทว่าหลังจากนั้นเธอก็หายไปจากสายตาของโลกการออกแบบเสื้อผ้า คนที่ไม่รู้เหตุการณ์ภายในมากมาย ยังบอกว่าเธอพรสวรรค์ถดถอย ไร้ความสามารถจึงไม่ได้รับความสนใจแต่ไม่รู้เลยว่า ตอนนั้นจี้ซูเหยียนใช้เวลามาเรียนมากขึ้นความคิดของเธอเรียบง่าย เสื้อผ้าที่ออกแบบออกมาราวกับก็แฝงความชัดเจนของความงามที่ชวนให้คนตาลุกวาวชุดราตรีในครั้งนี้ เรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง ทว่าความล้ำค่าและงดงามเด่นชัดมาจากรายละเอียดขณะประมูล เมื่อนางแบบออกมา คนที่ชูป้ายก็มีไม่หยุดหย่อนตามปกติ หากชุดชุดหนึ่งไม่ฝังอัญมณีที่ราคาค่อนข้างสูงลิ่ว ประมูลถึงราคาหลักหลายแสนหรือหลักล้าน ก็นับว่าเป็นราคาที่ดีมากแล้วหากตกแต่งด้วยอัญมณี ประมูลถึงหลายล้าน ก็มีให้เห็นมากมายทว่าชุดนี้ของจี้ซูเหยียน ไม่ได้ตกแต่งด้วยอัญม

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 36

    เดี๋ยวก็ช่วยเธอ เดี๋ยวก็ใส่ยาให้เธอลู่ซานเหอยกเท้าของเธอขึ้นช้า ๆ แล้วมองเฝือกที่ข้อเท้าเธอ “ผมบอกไปแล้วว่า ไม่มีเรื่องสมควรอะไรทั้งนั้น เพราะงั้น...คุณนายน้อยลู่ต้องพิจารณาสักหน่อยหรือเปล่า ว่าจะตอบแทนบุญคุณผมยังไง?”“อะไรนะ?” หลินอี้เฉิงอึ้ง “ตอบแทนบุญคุณอะไร?”“เขาว่ากันว่า บุญคุณช่วยชีวิต เอาอะไรมาตอบแทนไม่ได้...ข้างหลังว่ายังไงต่อแล้วนะ?”หลินอี้เฉิงตอบ “บุญคุณช่วยชีวิต เอาอะไรมาตอบแทนไม่ได้ ชาติหน้าเป็นทาสรับใช้ ตอบแทนบุญคุณประธานลู่ ได้ไหม?”ลู่ซานเหอยกมือขึ้นตีเธอ “หลินอี้เฉิง คุณตั้งใจหรือเปล่า?”หลินอี้เฉิงเตะเท้าออกไป “ถูกความใคร่ครอบงำ!”เธอก็ว่า ทำไมลู่ซานเหอถึงดีกับเธอขนาดนี้ที่แท้ก็มีเจตนาแอบแฝงนี่เอง“ธรรมชาติของมนุษย์คือเรื่องกินและเรื่องเพศ” ลู่ซานเหอคว้าเท้าน้อย ๆ ที่เตะคนของเธอข้างนั้นเอาไว้ ก่อนจะจูบลงบนหลังเท้าเล็กเรียวของเธอทีหนึ่ง “คุณนายน้อยลู่ ควรทำหน้าที่ของคุณได้แล้ว”หลินอี้เฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “แล้วหลายคืนมานี้ ไปนอนที่ไหนมา?”“หลินอี้เฉิง” ลู่ซานเหอยกเท้าของเธอพลางจูบไล่ขึ้นมาตามข้อเท้าของเธอ “คุณถามแบบนี้ เหมือนกำลังหึงอยู่เลยนะ”“

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 35

    หลินอี้เฉิงคิดเอาไว้แล้วว่า ถึงเวลานั้นถ้าคนเหล่านั้นมีตาแต่ไร้แวว ไม่เข้าใจความดีของเสื้อผ้าจี้ซูเหยียน เธอก็จะแอบประมูลมาลู่ซานเหอพูดเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ เงินที่เขาหามาได้ เธอเองก็ใช้ได้ตัดใจจ่ายเงินก้อนโตซื้อเครื่องประดับหยกให้ชู้ได้ เธอแค่ซื้อเสื้อผ้า ไม่เกินไปหรอกใช่ไหม?หลินอี้เฉิงตัดสินใจแล้ว พยายามใช้ราคาที่สูงที่สุด ประมูลเสื้อผ้าของจี้ซูเหยียนมาอีกอย่าง ชุดนั้นเธอก็ชอบจริง ๆถ้าไม่ได้เป็นเพราะข้อเท้าเธอได้รับบาดเจ็บ กระทั่งจี้ซูเหยียนยังคิดเอาไว้ว่า จะให้เธอขึ้นเวทีไปเป็นนางแบบจี้ซูเหยียนยังต้องแก้จุดรายละเอียดบางอย่าง หลินอี้เฉิงคิดจะลอบจัดการแผลด้วยตัวเอง จึงคิดจะไปห้องน้ำเดิมทีทั้งสองคนไม่ได้พักด้วยกัน ทว่าลู่ซานเหอไม่กลับมา จี้ซูเหยียนกลัวจะไม่มีใครดูแลหลินอี้เฉิง ฉะนั้นจึงให้หลินอี้เฉิงมาพักด้วยกันเธอกำลังคิดจะขยับ ก็ได้ยินเสียงประตูถูกเคาะดังขึ้นเธอเดินไปเปิดประตู พบว่าลู่ซานเหอยืนอยู่นอกห้องจี้ซูเหยียนถาม “ใคร?”“ลู่ซานเหอ” หลินอี้เฉิงตอบกลับประโยคหนึ่ง “ฉันออกไปเอง”พูดจบเธอก็ออกจากห้องไป แล้วปิดประตู“มีธุระอะไร?”ลู่ซานเหอเอาแต่มองเธอ ไม่ตอบอะไ

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 34

    ซือฉางไห่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉีกยิ้มอย่างมีเจตนาไม่แน่ชัดลู่ซานเหอไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มหลินอี้เฉิงลงมาแล้ววางเธอลงบนวีลแชร์เลยลู่ซานเหอกำลังคิดจะไปเข็น ทว่าหยางอวี่ถงรีบเดินเข้ามา “ฉันเข็นเองค่ะ”เธอเข็นวีลแชร์ไปพลางพูดกับลู่ซานเหอขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันไปส่งพี่อี้เฉิงเองค่ะ พี่รอฉันอยู่ที่โถง โอเคไหมคะ?”หลินอี้เฉิงเหนื่อยจนไม่อยากพูดอะไร แล้วแต่พวกเขาจะทำยังไงลู่ซานเหอมองหลินอี้เฉิงทีหนึ่ง ก่อนจะอืมออกมาหยางอวี่ถงเข็นหลินอี้เฉิงเข้าไปในลิฟต์หยางอวี่ถงรีบเอ่ยขึ้นว่า “พี่อี้เฉิง ฉันหวังว่าคุณจะไม่คิดมากนะ ซานเหอเป็นคนซื่อตรงยึดมั่นในความเป็นธรรมอยู่แล้ว เขาช่วยคุณ ไม่ได้แปลว่าเขาจะมีความรู้สึกกับคุณ”หลินอี้เฉิงแสยะยิ้มเสียงหนึ่ง “คุณเป็นชู้ แต่ยังมาทำตัวอยู่เหนือกว่าอีกเนี่ยนะ”สีหน้าของหยางอวี่ถงไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่งถึงเอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะแต่งงานกับซานเหอ ฉันจะรอเขา”หลินอี้เฉิงหลับตาลงหยางอวี่ถงพูดต่อว่า “ที่งานประมูลสองวันก่อน เขาประมูลเครื่องประดับหยกให้ฉันชุดหนึ่ง คุณรู้ไหมว่าเท่าไร?”หลินอี้เฉิงลืมตาขึ้นมา ก็เห็นความสะใจและความโอ้อวดในแววตาของหยางอวี่ถ

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 33

    หลินอี้เฉิงตอบ “ฉันรอเหยียนเหยียนอยู่”ลู่ซานเหอถามขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “เธอไปไหน? เธอทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียว?”หลินอี้เฉิงรู้ว่าลู่ซานเหอมีเจตนาจะพาลใส่จี้ซูเหยียนแต่เรื่องพรรค์นี้ โทษจี้ซูเหยียนไม่ได้อยู่แล้วเมื่อลู่ซานเหอเห็นเธอไม่ตอบ ก็หมุนวีลแชร์เลย “กลับไป!”บอกตามตรง ตอนนี้หลินอี้เฉิงยังนึกกลัวในภายหลังอยู่มาต่างประเทศ ความรู้สึกปลอดภัยไม่ได้มีมากมายเท่ากับในประเทศตัวเองอยู่แล้วแถมยังเกิดเรื่องแบบเมื่อครู่อีกเมื่อเห็นสีหน้าหลินอี้เฉิงซีดเผือด ลู่ซานเหอเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกขณะที่หลินอี้เฉิงส่งข้อความหาจี้ซูเหยียน ปลายก็นิ้วยังสั่นเทาอยู่ลู่ซานเหอเข็นวีลแชร์อยู่ ทีแรกสีหน้าหยางอวี่ถงไร้อารมณ์ จากนั้นเธอก็มาควงแขนของลู่ซานเหอ แล้วถามเขาว่า “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”ลู่ซานเหอส่ายหน้า “ผมไม่เป็นไร ทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว”ซือฉางไห่เองก็ตามไปด้วยส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้เขาจะไม่เห็น แต่ก็พอจะคาดเดาได้คงเป็นเพราะใบหน้านั้นของหลินอี้เฉิง ล่อเสือล่อจระเข้เข้ามาซือฉางไห่แสยะยิ้มอยู่ด้านหลังเสียงหนึ่งแม้เจอเรื่องแบบนี้ ต่อให้เป็นคนแป

  • ต่อรองรักกับนายปากไม่ตรงกับใจ   บทที่ 32

    ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นลู่ซานเหออยู่ในสายตาอยู่แล้วสุดท้ายก็ถูกเตะกระเด็นออกไปคนอื่นอีกสองสามคนเมื่อเห็นดังนั้น ก็เข้ามาห้อมล้อมทันที เหลือเพียงคนที่เข็นวีลแชร์หลินอี้เฉิงนั่น“ฉันแนะนำว่าแกแส่หาเรื่องให้มันน้อย ๆ หน่อยจะดีกว่า” คนที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น “ไม่อย่างนั้น ก็รับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”“ปล่อยเธอ!” สายตาของลู่ซานเหอเย็นเยียบ นัยน์ตาแฝงความเป็นกังวลที่ถูกคนสังเกตเห็นไม่ได้ง่าย ๆคนที่เป็นหัวหน้าทำสัญญาณมือไปทางวีลแชร์ คนที่เข็นวีลแชร์รีบเข็นหลินอี้เฉิงออกไปอย่างรวดเร็วลู่ซานเหอยอมให้เขาไปเสียที่ไหน ลู่ซานเหอก้าวเท้าเตรียมจะตามไป ทว่าถูกสองสามคนนี้รัดเอาไว้“หยุดนะ!” หลินอี้เฉิงกลัวจนใจเต้นรัว กลัวว่าสองสามคนนั้นจะทำให้ลู่ซานเหอบาดเจ็บ และกลัวว่าจะมีคนชักปืนออกมาถึงยังไงข่าวแบบนี้ก็พบเห็นอยู่บ่อยครั้งตอนอยู่ในประเทศทว่าคนคนนั้นกลับเข็นเธอออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ในใจของหลินอี้เฉิงตึงเครียด เธอกัดฟันแน่น แล้วกระโดดลงจากวีลแชร์โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ขาของตัวเองเลยเห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่า เธอจะกลิ้งลงไปจากวีลแชร์ เขาอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ทว่าปฏิกิริยา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status