หลายวันมานี้เหมยลี่เอาแต่ขลุกอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่ตอนนี้ต่อเติมเสร็จตามที่นางต้องการจะเหลือก็แต่การตกแต่ง โรงเตี๊ยมแห่งนี้เดิมใหญ่โตอยู่แล้ว ตัวอาคารสูงสามชั้น ชั้นล่างสุดนางตั้งใจเปิดให้เป็นเหลาอาหารแบบโล่งๆ แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวประมาณหนึ่งเน้นการจัดตกแต่งโต๊ะเก้าอี้ที่นางสั่งทำขึ้นใช้ความแปลกใหม่ในการเรียกลูกค้า อารมณ์จะประมาณภัตตาคารหรูในภพก่อน ส่วนชั้นสองจะมีห้องที่เป็นส่วนตัวเน้นการตกแต่งค่อนข้างหรูหราอารมณ์จะคล้ายๆ ห้องวีไอพีสำหรับคนระดับเวอคลาส พูดง่ายๆ คือสำหรับคนเงินหนาโดยเฉพาะ ส่วนชั้นสามนางตั้งใจจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับดื่มชามีขนมที่นางคิดค้นขึ้นเอง ประยุกต์มาจากขนมของภพก่อน ใช้โต๊ะแบบโต๊ะญี่ปุ่นที่นางสั่งทำขึ้น มีเบาะรองนั่งและหมอนอิงสีสันสดใสหลากหลายรูปแบบที่นางสั่งตัดเย็บให้นุ่มเป็นพิเศษเพื่อเวลาเม้าท์มอยส์จะได้ไม่เมื่อย นางคิดว่าผู้หญิงทุกยุคไม่ว่าจะภพไหนมักมีเรื่องมากมายให้คุยกันเสมอการตกแต่งก็คล้ายๆ ร้านเบเกอรี่แนวหวานๆ นี่นางก็ว่าจะหาจิตรกรฝีมือดีมาวาดภาพแขวนตกแต่งฝาผนังให้ดูมีรสนิยมยิ่งขึ้น สำหรับชั้นนี้นางเอาไว้ไถเงินของเหล่าคุณหนูกระเป๋าหนักโดยเฉพาะ คิดถึงเม็ดเงินที
วันนี้เป็นอีกวันที่เหมยลี่ออกมาโรงเตี๊ยมตั้งแต่เช้า ไม่ได้ขยันหรอกนะแค่หาอะไรทำให้ยุ่งๆ เพื่อให้ไม่มีเวลาคิดถึงเจ้าตัวน้อย เดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมก็อดที่จะชำเลืองมองโรงเตี๊ยมชิงหลงไม่ได้ ป่านนี้เจ้าของโรงเตี๊ยมนั่นคงจะไประริกระรี้อยู่กับหญิงงามที่หอนางโลมที่ใดอยู่ละสิท่า ทำมาเป็นพูดดีหวังล่อลวงข้า พอพ้นหน้าจวนข้าไปคงจะไม่พ้นรีบไปซบอกสาวงามเป็นแน่ หึ คนมักมากเช่นนั้นไม่ได้เคี้ยวข้าหรอก ชิ คิดแล้วพลางสะบัดใบหน้างามล้ำเดินปั้นปึ่งเข้าโรงเตี๊ยมไป ชิงชิง.... อ้าว! คุณหนูข้าทำอันใดผิดกันยิ่งโรงเตี๊ยมใกล้เปิดตัวทุกคนยิ่งมีงานล้นมือ ตอนนี้นางต้องรับผิดชอบชีวิตคนในปกครองถึงยี่สิบกว่าชีวิตทั้งที่อยู่ในโรงเตี๊ยมและที่จวนจึงต้องคิดทุกอย่างอย่างรอบคอบ "คุณหนูเจ้าคะ เมื่อกี้บ่าวเห็นรถม้าของจวนรองแม่ทัพจ้าวจอดอยู่ จึงไปเลียบเคียงถามคนในโรงเตี๊ยมชิงหลงได้ความว่าท่านรองแม่ทัพพาฮูหยินกับบุตรมาทานอาหารที่โรงเตี๊ยมมีคุณชายน้อยมาด้วยเจ้าค่ะ" "จริงหรือชิงชิง" ร่างบางผุดลุกขึ้นด้วยความยินดี"ไปกัน" "ไปไหนเจ้าคะ"" ก็ไปหาหงเอ๋อหนะสิ"" จะดีหรือเจ้าคะ คุณหนู"" ดี เจ้าเชื่อมือข้าเถอะน่า"ว่าแล้วก็รีบลากแขน
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องก็เห็นสตรีรูปร่างบอบบางใบหน้างดงามอ่อนหวานในอ้อมแขนมีเด็กผู้หญิงตัวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก และเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ อายุประมาณห้าหนาวโตขึ้นคาดว่าคงจะหล่อเหลาเอาการ ส่วนในอ้อมแขนของแม่นมหลินที่นางจำได้ว่าไปกับชินอ๋องในวันนั้นเด็กน้อยตัวอ้วนกลมนั่น"หงเอ๋อ" เสียงหวานที่เอ่ยออกมาเรียกสายตาทุกคนให้หันมามองโฉมสะคราญที่เดินตามหลังท่านรองแม่ทัพมารวมทั้งรองแม่ทัพจ้าวเองด้วยเมื่อได้ยินนางเอ่ยเรียก นามของใครกัน เจ้าตัวเล็กเมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ส่งเสียง แจ้วแจ้ว พร้อมส่งไม้ส่งมือมาหาเจ้าของเสียงหวานๆ นั่น คิ้วเรียวงามได้รูปของฮูหยินจ้าวพลันขมวดโฉมงามนางนี้คือใครกัน รองแม่ทัพจ้าวเห็นดังนั้นจึงรีบอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฮูหยินตนฟัง แต่คิ้วเรียวงามก็ยังมิคลายออก ร้อนถึงโฉมงามผู้มากเล่ห์ นี่ข้าจะทำให้ผัวเมียเค้าตีกันหรือไม่ คิดพลางเหลือบตามองฮูหยินจ้าว ก็พบกับสายตาเคลือบแคลงสงสัย รู้เท่าทัน ดวงตาคู่นั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าอ่อนหวานนั่นเลยสักนิด ในแววตานั้นเหมยลี่สัมผัสได้ถึง ความฉลาดเฉลียว ความเด็ดขาด และมีความเยือกเย็นวาบผ่านทำให้เหมยลี่ถึงกับสะดุ้ง ไม่น่าเลย... ข้าไม่น่
"ช่างเป็นภาพครอบครัวสุขสันต์เสียจริง น่าประทับใจนัก" เสียงกล่าวที่ดังขึ้นทำให้ทั้งห้องที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพลันสงบเงียบนั่นไง!!! ว่าแล้ว ตายยากเสียจริง แผ่นหลังบอบบางพลันยืดขึ้นอัตโนมัติหึ พระองค์หรือสู้อุตส่าห์เฝ้าคิดถึงนางจนรีบเร่งทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อรีบกลับมากลัวว่าหากนางได้คำตอบแล้วจะไม่เจอพระองค์ แต่พอกลับมายังไม่ทันได้หยุดพัก คนของพระองค์ก็มาแจ้งว่านางไปปรากฏกายที่ โรงเตี๊ยมชิงหลง จึงรีบเสด็จมาที่นี่ แต่ดูจากเสียงหัวเราะของนางที่เงียบลงตั้งแต่พระองค์ปรากฏตัวพระองค์คงขัดความสำราญของนางแล้ว คิดแล้วน่าน้อยใจนักหากไม่ถูกเรียกตัวกลับเข้าวังด่วนพระองค์ไม่ปล่อยให้นางมานั่งหัวเราะกับบุรุษอื่นแบบนี้เป็นแน่ นี่นางยังไม่ล้มเลิกที่จะแต่งเข้าจวนตระกูลจ้าวอีกใช่หรือไม่ หึ สตรีโง่งม"เสด็จพี่หมิงเฉิง" "ถวายพระพรชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ" โฉมงามที่พระองค์ถวิลหาอยู่ทุกราตรีก็หันมายิ้มแห้งๆ อย่างเสียมิได้ มืดครึ้มมาเชียวโกรธใครมารึเปล่า"ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ" เสียงอ่อนหวานดังขึ้นเมื่อวรกายสง่างามนั่งลงทุกคนจึงนั่งตามอย่างอึดอัดโดยเฉพาะคนงามที่ไม่รู้ตัวว่าตนทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือไม่ถึงได้จ้
สิ้นเสียงหวานในห้องพลันเงียบชวนอึดอัด"หากพระองค์ไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัว ทูลลาเพคะ" ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ก้าวออกไปก็โดนรั้งให้ตกอยู่ในวงแขนแกร่งด้านหลังเป็นโต๊ะ ส่วนด้านหน้าคือวรกายสูงใหญ่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่แตะจมูกทำให้นางถึงกับใจเต้นระรัว ร่างกายที่ตอนแรกนางก็ว่าสูงสง่ากว่าบุรุษทั่วไป พอมาอยู่ใกล้อกแกร่งผึ่งผายนางก็ดูเล็กลงถนัดตา นางสูงแค่เพียงอกของพระองค์เท่านั้น"พระองค์จะทำอะไรเพคะ" ว่าพลางใช้มือเล็กยันอกพระองค์ไว้หากใกล้กว่านี้นางอดใจไม่ไหวปล้ำพระองค์ขึ้นมาจะแย่ชินอ๋องก้มดูใบหน้าตื่นตระหนกของสตรีในอ้อมแขน ดวงตากลมโตที่พระองค์หลงใหลฉายแววกังวลสั่นระริก ริมฝีปากเล็ก เย้ายวนชวนลิ้มลองนั้นเม้มแน่น สูดกลิ่นหอมหวานละมุนเข้าเต็มปอด พลางกระซิบที่ใบหูเล็กขาวนวล"บุรุษมักมากหรือบุรุษบ้าตัณหา เปิ่นหวางจะเป็นแค่กับเจ้าคนเดียวดีหรือไม่ ลี่เอ๋อ" เสียงกระซิบแหบพร่าดึงสติที่มีน้อยนิดของเหมยลี่ให้แตกกระเจิง ตะลึงมองบุรุษตรงหน้าอย่างโง่งม ชินอ๋องเลยใช้โอกาสนี้ใช้มีข้างหนึ่งโอบแผ่นหลังบางส่วนอีกข้างจับรั้งท้ายทอยให้ร่างเล็กรับจุมพิตที่ฉกลงบนริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างแม่นยำบดเบือดริมฝีปากนุ่มอย่
ชินอ๋องที่เสด็จอย่างอารมณ์ดีเพื่อจะมุ่งไปรับซานเอ๋อที่จวนรองแม่ทัพอย่างมีแผนการอยู่ในหัวตอนนี้ยิ้มทักทายทุกคนที่เดินผ่านจนผู้คนต่างพากันคิดหนัก ว่าชินอ๋องหยางหมิงเฉิง ป่วยหรือไม่หรือศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน เพราะปกติใบหน้าหล่อเหลามักแสดงออกอยู่อย่างเดียวคือใบหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ยิ่งนัก พอมาหยุดอยู่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยมเจอหลงจู่ต้าเหลียนหลงจู่ประจำโรงเตี๊ยมก็ตรัสให้มีการแจกตำลึงบ่าวภายในโรงเตี๊ยมคนละถุง และในวันนี้กินฟรีไม่ต้องเก็บเงิน ทำให้ตอนนี้ในโรงเตี๊ยมชิงหลงครื้นเครงยิ่งนักชินอ๋องเสด็จมาเยือนจวนรองแม่ทัพด้วยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้ายิ่งขับให้ดูเหมือนเทพเซียน บ่าวไพร่หญิงในจวนถึงกับก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอียงอายเจ้าของจวนที่เดินเข้ามาหาแขกผู้สูงศักดิ์ถึงกับเอ่ยเย้าว่าชินอ๋องได้เจอเรื่องน่ายินดีอะไรมาเพราะแววตาช่างเต็มไปด้วยผู้ที่ตกลงไปในห้วงแห่งรัก"คุณหนูจางคงยอมแต่งเข้าจวนอ๋องแล้วกระมัง เสด็จพี่ของน้องถึงดูมีความสุขขนาดนี้" "ถ้านางยอมจริงๆ ดังเจ้ากล่าวพี่คงมีความสุขกว่านี้ หากเจ้าอยากให้พี่ชายคนนี้สุขแบบนี้ทุกวั
วันนี้ร่างงดงามเย้ายวนเลือกสวมชุดโปร่งบางเบาสบายสีส้มอมแดง ยิ่งขับให้ผิวที่ขาวผ่องชวนมองอยู่แล้วแปร่งประกายให้ดูเย้ายวนขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัวนัก กำลังจะออกจากจวนท่านพ่อบ้านก็เข้ามารายงานเสียก่อนว่าฮูหยินจ้าวมาขอพบรออยู่ที่ห้องรับรองจึงรีบไปพบ"พี่สาวเซิน ขออภัยที่ให้รอเจ้าค่ะ""เป็นข้าที่มาโดยมิได้แจ้งล่วงหน้ามากกว่า""พี่สาวเซินมีอะไรหรือไม่เจ้าคะ ดูสีหน้าแล้วท่านมิใคร่สบายใจนัก"เมื่อสังเกตเห็นฮูหยินจ้าวสีหน้าฉายแววกังวลใจออกมาจึงเอ่ยปากถาม"แล้วนี่ท่านรองแม่ทัพมิได้มาด้วยหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงมิเห็น"" ท่านพี่มีเรื่องด่วน จึงต้องเดินทางไปเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน"กล่าวพร้อมแสดงสีหน้าลังเลใจออกมา" ท่านมีอันใดหรือไม่สามารถบอกข้าได้นะเจ้าคะ" "เมื่อเช้านี้บ่าวจากจวนอ๋องมาแจ้งว่าซานเอ๋อมิค่อยสบาย ร้องไห้งอแงจนข้านึกเป็นห่วง พอดีผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหาเจ้าเผื่อเจ้าจะไปดูซานเอ๋อด้วยกัน แต่หากเจ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แค่ลองแวะมาเท่านั้น เหมือนเจ้าเองก็กำลังจะออกไปข้างนอกข้าคงมาชวนเก้อแล้วกระมังเจ้าคงมีธุระ งั้นพี่สาวคงต้องขอตัวก่อน ร้อนใจนัก ซานเอ๋อมิเคยงอแงแบบนี้มาก่อนมิรู้จะป่วยไข้หนักหนาป
หลายวันมานี้เหมยลี่กับชินอ๋องต่างตัวติดกันนัก หากเห็นนางที่ใดเป็นต้องเห็นชินอ๋องที่นั่น จนคนรอบข้างต่างพากันอิจฉา ส่วนนายท่านจางก็ยิ้มหน้าบานเพราะช่วงนี้มีแต่เรื่องดีๆเข้ามา เห็นบุตรสาวมีความสุขก็รู้สึกยินดียิ่งนัก ส่วนพวกสหายของเขาที่พากันตีตัวออกห่างตอนเขาลำบากก็แวะเวียนเอาของขวัญของฝากมาให้ไม่ขาด หึ คงเห็นว่าเขากำลังจะเป็นถึงพ่อตาของชินอ๋องละสิท่า ส่วนเหมยลี่ที่ชินอ๋องเร่งวันว่าจะไปขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ได้แต่เอ่ยรั้งพระองค์ไว้ นางบอกว่าอยากจัดการเรื่องโรงเตี๊ยมให้เรียบร้อยก่อนถึงจะตบแต่งเข้าจวนอ๋อง ท่านพ่อของนางจะได้ดำเนินกิจการต่อไป นางจะได้ไม่ห่วงนักหากแต่งออกไปแล้วว่าคนของนางจะไม่มีงานมีการทำชินอ๋องที่กลายเป็นบุรุษคลั่งรักไปแล้วก็ได้แต่ตามใจนาง ถึงแม้ตอนนี้พระองค์อยากจะแต่งซะวันนี้เลยด้วยซ้ำ พระองค์ที่ไม่อยากทำให้นางต้องเสียหายก็ได้แต่อดทนรอให้ถึงวันมงคล กลัวนางจะหาว่าพระองค์ไม่ให้เกียรติได้แต่หอมแก้มนวลเท่านั้นเป็นกำลังใจให้พระองค์รอต่อไปและแล้วก็มาถึงวันที่เหมยลี่รอคอย วันเปิดให้บริการของโรงเตี๊ยมฟู่ ซึ่งผลตอบรับนั้นดีเกินคาดทำให้นางตอนนี้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คาดว่าโ
"นี่อ๋องหมิงยังไม่คิดที่จะกลับจวนเจ้าอีกหรือ ยาก็ได้ไปแล้วหนิ" ราชครูเว่ยที่กลับมานั่งทำงานต่อ แขกสูงศักดิ์ก็ยังตามมานั่งร่ำสุรา จนป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับจวนตัวเอง"นี่ข้าจะเข้านอนแล้วนะ" "ไปสิข้าจะกลับแล้ว คงจะสมควรแก่เวลาแล้วกระมัง" กล่าวพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลุกขึ้นราชครูเว่ยรู้ทันคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนัก พอคนอื่นทำบ้างมาว่าเขาซะงั้น"เจ้าก็ร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าเลย อ๋องหมิง" หึหึ เหมยลี่เมื่อได้ยินเสียงที่ดังอยู่หน้าห้องก็รู้ว่าท่านอ๋องทรงกลับมาแล้ว จึงรีบหลับตาลง คิดว่าหากพระองค์ทรงอยากรักนาง นางก็จะยอมตามใจ เสียงเปิดและปิดประตูดังแผ่วเบา ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาเงียบๆ จมูกนั้นได้กลิ่นสุราจากร่างสูง ทรงดื่มมา กับใครกัน สักพักเสียงก็เงียบไปเพราะท่านอ๋องได้เดินไปยังห้องอาบน้ำเสียแล้ว เหมยลี่จึงลืมตาขึ้นในอกรู้สึกถึงความจุกแน่นแล้ววูบโหวง ใจสั่น มือสั่นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนจะกระอัก มือบางกำแน่นอย่างพยายามระงับความรู้สึก เมื่อได้ยินเสียงร่างสูงออกมาจากห้องอาบน้ำก็พลิกกายนอนหันหลังให้คนร่วมเตียง ข่มตาหลับเก็บกักทุกความรู้สึกกลับเข้าไป เสียงขยับไหวของเตียงนอ
ยามซื่อแล้วแต่เหมยลี่ยังนอนลืมตาโพลงเพราะตอนนี้สามีตัวดียังไม่กลับมา เป็นข้าเองที่ผิด นางกำลังกลัวการนอกใจใช่หรือไม่พยายามที่จะไม่คิดแต่ไม่รู้ทำไมสมองนางถึงคิดวนไปวนมาและจะมาลงเอยตรงที่พระองค์จะต้องมีคนอื่น บุรุษที่มีความต้องการสูงอย่างท่านอ๋องจะทนได้อย่างไร ตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาหากไม่มีราชการหรือต้องเข้าวังด่วนพระองค์แทบจะไม่ไปไหนเลย จะไปไหนก็จะบอกกล่าวนางตลอดไม่เคยเงียบไปเฉยๆ แบบนี้มาก่อน คิดพลางน้ำตาเจ้ากรรมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ไหลออกมา การเป็นแม่และภรรยาที่ดีนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นี่ข้าต้องเป็นแม่พันธุ์ให้ท่านอ๋องใช่หรือไม่ ท่านอ๋องหยางหมิงเฉิง ตอนนี้ที่นั่งร่ำสุราอยู่ที่จวนราชครูเว่ยกำลังร้อนใจนัก พระองค์ที่ออกมาปรึกษาหนานจิ้งถึงเรื่องที่โดนชายารักยื่นคำขาด จนไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องออกมาหาตัวช่วย แต่ตัวช่วยผู้นี้นั้นพระองค์อยากฆ่าให้ตายนัก ที่ทำให้พระองค์จนมุมหมดสิ้นทางเลือก ย้อนไปหลังออกมาจากจวนก็ตรงมาจวนราชครูเว่ยทันที"วันนี้ลมอะไรหอบเอาท่านพ่อตาข้ามาหาข้าที่นี่ได้กัน"ใบหน้าหล่อเหลาส่งทั้งเสียงและรอยยิ้มยียวนมาให้แขกผู้มาเยือนที่ไม่มีมารยาทมาถึงก็ทำให้บ่าวไพร่ของเขาแตกตื่นสั่
ตอนนี้เจ้าก้อนแป้งคู่ย่างเข้าสามเดือนแล้ว จวนอ๋องนั้นทุกวันล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขต้าเก้อและเจี๋ยเจี๋ย ทั้งสองก็ช่างรู้ความนักช่วยดูแลน้องๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดูไม่ยอมออกห่างกันเลยทีเดียวหยางหมิงเฉิงที่ส่งสายตาอ้ออดอ้อนมาให้ชายารักแต่นางก็ไม่สนใจแล้วยังทำท่าปั้นปึ่งใส่พระองค์อีก แค่พระองค์มองหน้านางด้วยสายตาละห้อย นางก็จะเอ่ยอย่างรู้ทันข้าเหนื่อยบ้างละข้าเจ็บเจียนตายบ้างละหรือแม้กระทั่งท่านไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงอยากเห็นข้าเจ็บปวดอีกหยางหมิงเฉิงอยากจะร้องไห้นักตั้งแต่คลอดลูกแฝดครั้งนี้เหมยลี่รู้สึกกลัวการตั้งครรภ์นัก หากมีวิธีผ่าคลอดนางก็พอทนอยู่หรอก จึงได้ยื่นคำขาดให้สามี"หากท่านหาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ให้ข้าไม่ได้ก็อย่ามาเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด" ท่านอ๋อง ก็รีบผลุนผลันออกจากจวนไม่พูดไม่จา จนนางอดคิดมากไม่ได้ "จะไปไหนของเขากัน" หรือว่าจะไปหอนางโลมหรือแอบมีบ้านเล็กกันนะ"พระชายาเจ้าคะ" ซู่ซู่ที่เอ่ยเรียกพระชายาตนพร้อมกับหน้าแดงๆ " บ่าวมีอะไรจะบอกเจ้าค่ะ"" มีอะไรหรือ หรือว่าเจ้าไปรู้อะไรเกี่ยวกับท่านอ๋องมา" ถามพร้อมกับหันมองอย่างกดดัน"ไม่ใช่เจ้าค่
อุแว้ อุแว้เสียงทารกน้อยที่ร้องดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งจ้องตาฟาดฟันกันอยู่ด้านนอกผลุดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี"คลอดแล้ว คลอดแล้ว" "พระชายาคลอดแล้วคนหนึ่งเหลืออีกคนอดทนไว้เพคะ" "พวกเจ้ารีบป้อนยาให้พระชายาเร็วเข้า" ท่านหมอที่ทำคลอดให้เหมยลี่รีบเร่งให้ผู้ช่วยป้อนยาที่เตรียมให้เหม่ยลี่ เพราะการคลอดลูกแฝดนั้นถือว่าอันตรายหากเกิดมารดาสลบก่อนจะคลอด คงเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น " พระชายาคนแรกเป็นคุณชายน้อยเพคะ"ผู้ช่วยท่านหมอกล่าวขึ้น แล้วทำความสะอาดห่อด้วยผ้าอ่อนนุ่มอุ้มออกมาหาบิดาที่เดินส่งยิ้มมารับไปไว้ในอ้อมแขน"เป็นท่านอ๋องน้อยเพคะ" หยางหมิงเฉิง ยิ้มกว้างอย่างยินดีนัก"ซานเอ๋อ ซื่อเอ๋อ มาดูเจ้าก้อนแป้งน้อยสิลูก น่าชังนัก "หยางหมิงเฉิงนั่งลงให้บุตรทั้งสองเห็นน้องน้อย"เจ้าก้อนแป้งชื่ออะไรดีขอรับท่านพ่อ" ซานเอ๋อถามพลางเอานิ้วเล็กจิ้มแก้มขาวนวลเนียนดังซาลาเปา" พ่อยังไม่ได้คิดเลย รอน้องของเจ้าอีกคนก่อนดีหรือไม่" " ขอรับ""ตี้ตีของต้าเจี่ย ตัวนิดเดียว" คำกล่าวน่ารักน่าชังของซื่อเอ๋อเรียกเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูจากทุกคน โดยเฉพาะหนานจิ้งที่เห็นแล้วนึกเอ็นดูซื่อเอ๋อน้อยนัก แต่รู้สึกได้ถึงสายต
กรี๊ด"เจ้าคนชั้นต่ำ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง อยากตายหรืออย่างไร" "หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด เจ้ารู้หรือไม่ดูหมิ่นเบื้องสูงมีโทษสถานใด" เล่อคังที่พาบ่าวรับใช้มายังเรือนรับรองก็เห็นองค์หญิงอิ๋นลู่เสียน ยังคงนั่งสั่งให้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาเก็บข้าวของอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจว่าได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเจ้าของจวน จึงสั่งให้บ่าวไพร่ทำตามคำสั่งที่ได้รับจากเจ้านายตนโดยไม่สนใจความไม่ยินยอมของผู้อาศัยสูงศักดิ์จึงได้รับทั้งคำบริภาษทั้งเสียงกรีดร้องแต่ก็หาสะเทือนไม่สั่งบ่าวรับใช้ให้เก็บของทุกอย่างขององค์หญิงอิ๋นลู่เสียนใส่หีบอย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวและอย่าให้ของที่อยู่ในจวนอ๋องอยู่แล้วหลุดลอดออกไปเช่นกัน อันนี้อยู่นอกเหนือคำสั่งเพราะคิดว่าหากพระชายาผู้เป็นนายสามารถสั่งการเองได้จะต้องทำเช่นนี้แน่ เมื่อเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยเเล้วก็สั่งให้นำขึ้นรถม้าที่มารอรับเสด็จสมฐานะองค์หญิงเตรียมออกเดินทาง"ข้าไม่ไป เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าคนของข้ายังมาไม่ถึง" เล่อคังเห็นท่าทางไม่ยินยอมของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่าคงไม่ยอมออกไปเป็นแน่ จึงแจ้งรับสั่งของท่านอ๋อง"ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าให้พระองค์
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหน้าเรือนคงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร"ท่านอ๋องเสด็จมาแล้วเจ้าค่ะพระชายา" ซู่ซู่รีบเอ่ยบอก แต่ต้องทำหน้าเหลอหลาเพราะพระชายาของนางแสร้งหลับตาเสียแล้วชิงชิงจึงเอ่ยว่า"ทรงแสร้งหลับตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว" เมื่อชินอ๋องก้าวเข้ามา มองไปยังร่างบอบบางก็รู้ว่านางตื่นแล้วแต่แสร้งหลับเลยโบกพระหัตถ์ให้ออกไป บ่าวทั้งสองจึงรีบถอยออกมาอย่างรู้หน้าที่"ลี่เอ๋อ ลืมตามาคุยกับพี่หน่อยเถิด" เงียบนางจะลืมตาได้ยังไง อาละวาดเสียปานนั้น ช่างน่าอับอายนัก" ลี่เอ๋อ เด็กดี" ว่าพลางสอดกายหนาลงไปนอนเคียงข้าง มือแกร่งกอดเอวเล็กก็รู้สึกได้ว่าหน้าท้องของนางนูนขึ้นเล็กน้อย ร่างบางพลันแข็งทื่อท่านอ๋องที่รับรู้ถึงปฏิกิริยาคนในอ้อมแขนก็กอดกระชับร่างบาง"พี่ขอโทษ" ได้ยินคำขอโทษจากร่างหนาที่แสนอบอุ่นนี้เหมยลี่น้ำตาไหลพราก รับรู้ได้ถึงความรักที่คนตรงหน้ามีให้ นางขอเพียงแค่นี้ แค่รักและซื่อสัตย์ต่อนาง ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว "ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ขอโทษที่ระแวงจนขาดสติ และขอบคุณท่านที่ไม่ถือโทษโกรธเคืองความไม่เอาไหนของข้า" เงยหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตามองใบหน้าหล่อเหลาเห็
หันมาจะอธิบายให้นางฟัง สตรีในอ้อมแขนก็ดึงพระองค์มาจุมพิต แล้วกัดที่ลำคอพระองค์อย่างแรง จึงรีบผลักนางออกเหมือนโดนของร้อน รีบหันไปหาร่างบางของชายา นางก็หันหลังจากไปเสียแล้ว"เจ้า ช่างไร้ยางอายนัก""ขอบคุณที่ชมเพคะ"นางกล่าวพร้อมยกยิ้มขึ้น ดึงกระโปรงจนถึงเข่าแล้วเอาแผ่นไม้บางๆ ที่รองเข่าออก"หม่อมฉันตัดสินใจแล้วก่อนจะจากไปถึงไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาแต่ต้องทำให้หญิงชั้นต่ำนั่น กระอักเลือดให้ได้ โทษฐานที่บังอาจมาแย่งวาสนาของหม่อมฉัน ขอให้ปรับความเข้าใจกันไม่สำเร็จนะเพคะ ทูลลา"กล่าวแล้วรีบหันหลังจากไปทันที"สตรีร้ายกาจ"ร่างหนารีบสาวเท้าไปยังเรือนของชายารักทันทีเหมยลี่ที่ตอนนี้สองตาแดงก่ำ ร่างบอบบางสั่นไปหมด ความรู้สึกนี้อีกแล้ว มันเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเจ็บหนักกว่าครั้งก่อนมากนัก ไหนบอกว่าหากนางสู้จะไม่แพ้อย่างไรเล่า"พระชายา พระชายาเจ้าค่ะ ทรงใจเย็นๆ นะเจ้าคะ"ชิงชิงที่ร้องไห้สงสารนายตนนักซู่ซู่รีบเอ่ยขึ้น"พระชายาจำไม่ได้หรือเจ้าคะว่าท่านราชครูเว่ยกล่าวว่าอย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นบางทีอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้"อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นหรือ ไม่เชื่อได้หรือ ไม่เชื่อได้หรือ
ชินอ๋องที่กำลังทรงงานอยู่ในห้องหนังสือตลอดหลายวันที่ผ่านมา รู้สึกล้านัก หลายวันมานี้พระองค์ไม่มีเวลาให้ลี่เอ๋อเลย เพราะต้องเดินทางระหว่างจวนกับวังหลวงเป็นว่าเล่น ด้วยหัวเมืองสำคัญของแคว้นอีกเมืองหนึ่งกำลังเกิดน้ำท่วมจึงต้องส่งรายงานเรื่องการส่งเสบียงที่กองทัพพระองค์ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบส่งเสบียงอาหารลงไปช่วยผู้ประสบภัย เสร็จจากเรื่องคราวนี้หวังว่าจะไม่มีเรื่องใดมากวนพระทัยอีก พระองค์จะได้ใช้ชีวิตแบบสุขสงบกับชายาเสียที พระองค์ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มมาหลายราตรีแล้ว คิดพลางรีบเร่งทำงานตรงหน้าให้แล้วเสร็จ"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงอิ๋นลู่เสียนขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" เฮ้อ นี่ก็อีกเรื่อง พระองค์ใกล้จะหมดความอดทนกับองค์หญิงผู้นี้เต็มที หาเรื่องให้ลี่เอ๋อเข้าใจผิดพระองค์ได้ตลอด ถึงแม้นางจะเป็นฝ่ายที่.. เอ่อ ค่อนข้างที่จะดูไม่ได้เสียทุกครั้งที่ปะทะกันก็เถอะแต่นางก็หาหลาบจำไม่ ทั้งสองฝ่ายจะมีเรื่องมาให้พระองค์ตัดสินอยู่ตลอด ทั้งๆ ที่พระองค์ก็มีเรื่องยุ่งพออยู่แล้วอย่างเรื่องเมื่อสองวันก่อนที่ไม่รู้ว่าจะทรงขำหรือร้องไห้ดี เมื่อลี่เอ๋อนางนำสีผึ้งทาปากสินค้าทดลองของนางมาโอ้อวดถึงโต๊ะอาหารถึงสรรพคุณท
เหมยลี่ที่เดินมาถึงเรือนก็ตรงเข้าห้องนอนทันที"พระชายาไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ" ชิงชิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"ข้าไม่เป็นไรชิงชิง" ชิงชิงและซู่ซู่ที่เห็นสายตาขององค์หญิงจากแคว้นเหลียงก็นึกชังนัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านอ๋องจะไม่หลงกลมารยาผู้สูงศักดิ์ เหมยลี่กำลังคิดว่าจะรับมือกับองค์หญิงนั่นอย่างไรดี ดูท่าจะร้ายไม่เบา นางไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนด้วยสิ จะเคยก็แต่ดูในละครเท่านั้น หรือนางจะลองสวมบทตามละครดู แต่องค์หญิงนั่นจะมาไม้ไหนนะ จะทำตัวเป็นนางเอกผู้อ่อนหวานอ่อนแอ หรือ นางร้ายผู้มากเล่ห์เจ้าแผนการกัน แล้วสามีนางจะเป็นแบบพระเอกผู้โง่เง่าเหมือนในละครหรือไม่ นางคงต้องปรับตัวตามสถานการณ์เสียแล้ว นางจะไม่ยอมเดินจากมาแล้วอุ้มท้องคนเดียวอีกเด็ดขาดอย่างไรก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด"ลี่เอ๋อ" น้ำเสียงนุ่มนวลที่เอ่ยเรียกทำให้เหมยลี่หลุดจากภวังค์ หันมองสามีอย่างค้นหาความผิดปกติในแววตา แต่พบแค่เพียงแววตาที่มีแต่นางในนั้น จึงส่งยิ้มให้"ท่านพี่" ชินอ๋องที่ทรงมาหานางอย่างกลัวว่านางจะเข้าใจผิด เห็นร่างบางนั่งเหม่อเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มากมายจึงเดินเข้ามาสวมกอดร่างบางอย่างแสนรัก"คิดอะไรอยู่หรือ"