สิ้นเสียงหวานในห้องพลันเงียบชวนอึดอัด"หากพระองค์ไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัว ทูลลาเพคะ" ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ก้าวออกไปก็โดนรั้งให้ตกอยู่ในวงแขนแกร่งด้านหลังเป็นโต๊ะ ส่วนด้านหน้าคือวรกายสูงใหญ่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่แตะจมูกทำให้นางถึงกับใจเต้นระรัว ร่างกายที่ตอนแรกนางก็ว่าสูงสง่ากว่าบุรุษทั่วไป พอมาอยู่ใกล้อกแกร่งผึ่งผายนางก็ดูเล็กลงถนัดตา นางสูงแค่เพียงอกของพระองค์เท่านั้น"พระองค์จะทำอะไรเพคะ" ว่าพลางใช้มือเล็กยันอกพระองค์ไว้หากใกล้กว่านี้นางอดใจไม่ไหวปล้ำพระองค์ขึ้นมาจะแย่ชินอ๋องก้มดูใบหน้าตื่นตระหนกของสตรีในอ้อมแขน ดวงตากลมโตที่พระองค์หลงใหลฉายแววกังวลสั่นระริก ริมฝีปากเล็ก เย้ายวนชวนลิ้มลองนั้นเม้มแน่น สูดกลิ่นหอมหวานละมุนเข้าเต็มปอด พลางกระซิบที่ใบหูเล็กขาวนวล"บุรุษมักมากหรือบุรุษบ้าตัณหา เปิ่นหวางจะเป็นแค่กับเจ้าคนเดียวดีหรือไม่ ลี่เอ๋อ" เสียงกระซิบแหบพร่าดึงสติที่มีน้อยนิดของเหมยลี่ให้แตกกระเจิง ตะลึงมองบุรุษตรงหน้าอย่างโง่งม ชินอ๋องเลยใช้โอกาสนี้ใช้มีข้างหนึ่งโอบแผ่นหลังบางส่วนอีกข้างจับรั้งท้ายทอยให้ร่างเล็กรับจุมพิตที่ฉกลงบนริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างแม่นยำบดเบือดริมฝีปากนุ่มอย่
ชินอ๋องที่เสด็จอย่างอารมณ์ดีเพื่อจะมุ่งไปรับซานเอ๋อที่จวนรองแม่ทัพอย่างมีแผนการอยู่ในหัวตอนนี้ยิ้มทักทายทุกคนที่เดินผ่านจนผู้คนต่างพากันคิดหนัก ว่าชินอ๋องหยางหมิงเฉิง ป่วยหรือไม่หรือศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน เพราะปกติใบหน้าหล่อเหลามักแสดงออกอยู่อย่างเดียวคือใบหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ยิ่งนัก พอมาหยุดอยู่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยมเจอหลงจู่ต้าเหลียนหลงจู่ประจำโรงเตี๊ยมก็ตรัสให้มีการแจกตำลึงบ่าวภายในโรงเตี๊ยมคนละถุง และในวันนี้กินฟรีไม่ต้องเก็บเงิน ทำให้ตอนนี้ในโรงเตี๊ยมชิงหลงครื้นเครงยิ่งนักชินอ๋องเสด็จมาเยือนจวนรองแม่ทัพด้วยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้ายิ่งขับให้ดูเหมือนเทพเซียน บ่าวไพร่หญิงในจวนถึงกับก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอียงอายเจ้าของจวนที่เดินเข้ามาหาแขกผู้สูงศักดิ์ถึงกับเอ่ยเย้าว่าชินอ๋องได้เจอเรื่องน่ายินดีอะไรมาเพราะแววตาช่างเต็มไปด้วยผู้ที่ตกลงไปในห้วงแห่งรัก"คุณหนูจางคงยอมแต่งเข้าจวนอ๋องแล้วกระมัง เสด็จพี่ของน้องถึงดูมีความสุขขนาดนี้" "ถ้านางยอมจริงๆ ดังเจ้ากล่าวพี่คงมีความสุขกว่านี้ หากเจ้าอยากให้พี่ชายคนนี้สุขแบบนี้ทุกวั
วันนี้ร่างงดงามเย้ายวนเลือกสวมชุดโปร่งบางเบาสบายสีส้มอมแดง ยิ่งขับให้ผิวที่ขาวผ่องชวนมองอยู่แล้วแปร่งประกายให้ดูเย้ายวนขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัวนัก กำลังจะออกจากจวนท่านพ่อบ้านก็เข้ามารายงานเสียก่อนว่าฮูหยินจ้าวมาขอพบรออยู่ที่ห้องรับรองจึงรีบไปพบ"พี่สาวเซิน ขออภัยที่ให้รอเจ้าค่ะ""เป็นข้าที่มาโดยมิได้แจ้งล่วงหน้ามากกว่า""พี่สาวเซินมีอะไรหรือไม่เจ้าคะ ดูสีหน้าแล้วท่านมิใคร่สบายใจนัก"เมื่อสังเกตเห็นฮูหยินจ้าวสีหน้าฉายแววกังวลใจออกมาจึงเอ่ยปากถาม"แล้วนี่ท่านรองแม่ทัพมิได้มาด้วยหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงมิเห็น"" ท่านพี่มีเรื่องด่วน จึงต้องเดินทางไปเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน"กล่าวพร้อมแสดงสีหน้าลังเลใจออกมา" ท่านมีอันใดหรือไม่สามารถบอกข้าได้นะเจ้าคะ" "เมื่อเช้านี้บ่าวจากจวนอ๋องมาแจ้งว่าซานเอ๋อมิค่อยสบาย ร้องไห้งอแงจนข้านึกเป็นห่วง พอดีผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหาเจ้าเผื่อเจ้าจะไปดูซานเอ๋อด้วยกัน แต่หากเจ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แค่ลองแวะมาเท่านั้น เหมือนเจ้าเองก็กำลังจะออกไปข้างนอกข้าคงมาชวนเก้อแล้วกระมังเจ้าคงมีธุระ งั้นพี่สาวคงต้องขอตัวก่อน ร้อนใจนัก ซานเอ๋อมิเคยงอแงแบบนี้มาก่อนมิรู้จะป่วยไข้หนักหนาป
หลายวันมานี้เหมยลี่กับชินอ๋องต่างตัวติดกันนัก หากเห็นนางที่ใดเป็นต้องเห็นชินอ๋องที่นั่น จนคนรอบข้างต่างพากันอิจฉา ส่วนนายท่านจางก็ยิ้มหน้าบานเพราะช่วงนี้มีแต่เรื่องดีๆเข้ามา เห็นบุตรสาวมีความสุขก็รู้สึกยินดียิ่งนัก ส่วนพวกสหายของเขาที่พากันตีตัวออกห่างตอนเขาลำบากก็แวะเวียนเอาของขวัญของฝากมาให้ไม่ขาด หึ คงเห็นว่าเขากำลังจะเป็นถึงพ่อตาของชินอ๋องละสิท่า ส่วนเหมยลี่ที่ชินอ๋องเร่งวันว่าจะไปขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ได้แต่เอ่ยรั้งพระองค์ไว้ นางบอกว่าอยากจัดการเรื่องโรงเตี๊ยมให้เรียบร้อยก่อนถึงจะตบแต่งเข้าจวนอ๋อง ท่านพ่อของนางจะได้ดำเนินกิจการต่อไป นางจะได้ไม่ห่วงนักหากแต่งออกไปแล้วว่าคนของนางจะไม่มีงานมีการทำชินอ๋องที่กลายเป็นบุรุษคลั่งรักไปแล้วก็ได้แต่ตามใจนาง ถึงแม้ตอนนี้พระองค์อยากจะแต่งซะวันนี้เลยด้วยซ้ำ พระองค์ที่ไม่อยากทำให้นางต้องเสียหายก็ได้แต่อดทนรอให้ถึงวันมงคล กลัวนางจะหาว่าพระองค์ไม่ให้เกียรติได้แต่หอมแก้มนวลเท่านั้นเป็นกำลังใจให้พระองค์รอต่อไปและแล้วก็มาถึงวันที่เหมยลี่รอคอย วันเปิดให้บริการของโรงเตี๊ยมฟู่ ซึ่งผลตอบรับนั้นดีเกินคาดทำให้นางตอนนี้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คาดว่าโ
เมื่อเหมยลี่เดินกลับมาภายในห้องก็มีแค่รองแม่ทัพจ้าว ฮูหยินจ้าว ราชครูเว่ย เท่านั้น"ทุกคนไปไหนกันหมดเจ้าคะ" "พี่สาวให้พาเจ้าสามแสบไปพักผ่อนหนะ กินอิ่มแล้วก็จะหลับท่าเดียว" ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หางตาก็พลันเหลือบไปเห็นเงาร่างคุ้นตาเดินเข้ามา จึงเดินไปนั่งข้างฮูหยินจ้าว ตั้งใจมองข้ามร่างสูงอย่างจงใจ หันไปเห็นภาพวาดป่าเหมยที่วาดออกมาดังกับไปยืนอยู่ท่ามกลางป่าเหมยจริงๆ ดอกที่เสมือนจริงนั้นงดงามนัก ซึ่งเป็นภาพที่เห็นว่าราชครูถือเข้ามาในตอนแรกตอนนี้กลับไปแขวนอยู่บนผนังห้อง"ขอบคุณพี่หนานจิ้งสำหรับภาพนั้นข้าชอบมาก งดงามเหมือนของจริงนัก ผู้วาดคงมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่" ชินอ๋องปรายตามองภาพที่เหมยลี่กล่าวถึง พลางกำมือแน่น ทำไมเขาจะจำไม่ได้ มันคือภาพของสหายทรยศตรงหน้าที่ลงมือวาดด้วยตนเองจากครั้งที่ไปชมดอกเหมยบานสะพรั่งที่หุบเขาเร้นรักกันสามคน ภาพนี้เป็นภาพที่หนานจิ้งรักและหวงแหนมากถึงแม้พระองค์จะทุ่มสุดตัวก็ไม่ยอมยกให้ แต่วันนี้กลับนำมาเป็นของกำนันให้สตรีของพระองค์ มันจะหยามพระองค์ไปถึงไหนกันหรือต้องการแย่งของที่ต้องใจพระองค์ไปให้หมดทุกอย่างกัน จะแย่งอะไรก็แย่งเถิดแต่หากจะแย่งสตรีตรงหน้าที่พ
วันนี้เป็นวันที่เหมยลี่ตั้งใจแต่งกายให้สวยงามเป็นพิเศษ เมื่อคืนนี้นางนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะคิดหาคำพูดว่าจะง้อชินอ๋องอย่างไร และไม่รู้ว่าพระองค์จะหายโกรธหรือไม่ นางไม่เคยง้อใครเสียด้วยสิจึงรีบลุกขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง อาบน้ำแต่งตัวประทินโฉมนานกว่าปกตินัก แต่ก็คุ้มกับเวลาที่เสียไป ชิงชิงนี่ฝีมือในการแต่งหน้าสุดยอดไปเลยจริงๆ นี่ปกตินางก็งามมากอยู่แล้ว พอแต่งนิดเติมหน่อยยิ่งงามเย้ายวนจนชิงชิงที่แต่งให้นางเองกับมือยังมองนางอย่างโง่งม หากชินอ๋องไม่หายโกรธคุณหนูของนางก็ไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไรแล้วเหมยลี่ที่เดินมาขึ้นรถมาอดรู้สึกกระดากอายไม่ได้ นี่นางลงทุนถึงขนาดยั่วยวนชินอ๋องเลยหรือนี่ ยิ่งเข้าใกล้จวนอ๋องมากขึ้นเท่าไหร่ใจดวงน้อยยิ่งเต้นถี่รัวขึ้นเท่านั้น ฝ่ามือน้อยก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ พอรถม้ามาจอดลงหน้าจวนของชินอ๋อง นางถึงกับนั่งสงบจิตสงบใจอยู่เป็นนานกว่าจะก้าวลงจากรถม้าได้ เห็นประตูจวนที่ปิดสนิทมีองครักษ์เฝ้าอยู่จึงให้ชิงชิงไปถามว่าชินอ๋องอยู่หรือไม่ เพราะหากองครักษ์เห็นรถม้านาง ก็จะรีบเปิดประตูจวนทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งนางสามารถเข้าออกจวนอ๋องได้ตลอดเวลา แต่วันนี้นางจอดอยู่เป็นนานไม่เห็นประตู
"โอ๊ย" ดวงตาบวมช้ำกะพริบตาถี่ๆ พยายามลืมตาขึ้น รู้สึกปวดกระบอกตาอย่างมาก เมื่อประคองสติได้ร่างกายก็รู้สึกปวดร้าวนัก พยายามกระถดกายลุกขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียงอย่างอ่อนล้าพลางชันเข่าขึ้นเมื่อรู้สึกหนาวเหน็บนั่งคุดคู้กอดเข่าตัวเอง น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะเหลือแล้วก็ไหลออกมาอีกจนได้ พยายามกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตา อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะเช้าแล้ว จะให้ชิงชิงเห็นสภาพนางแบบนี้ไม่ได้พลางพยุงร่างกายที่ปวดร้าวแม้ร่างบางจะยังไม่ได้โดนล่วงล้ำแต่ก็บอบช้ำเกินทน นางลุกเก็บเสื้อนอนและเอี๊ยมบังทรงที่สภาพดูไม่ได้ไปซ่อนและฝืนตัวเองไปล้างเนื้อล้างตัวจัดการตนเองแล้วขึ้นมานอนลืมตาโพลง เกิดอะไรขึ้นกับนางและชินอ๋องกันแน่ ชีวิตที่ดูเหมือนจะดี ตอนนี้กลับพลิกตลบ เรื่องราวความรักของชินอ๋องในอดีตกำลังตามมาทำลาย บั่นทอนจิตใจทั้งพระองค์และนาง พระองค์ทรงกลัวโดนหักหลังดังอดีตหรือยังไม่อาจตัดใจจากอดีตรักครั้งเก่ากันแน่ เสียงเปิดประตูทำให้ร่างบางหลุดจากภวังค์หันหลังให้ชิงชิงที่เดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามา"ชิงชิง ข้าติดว่าข้าป่วยเสียแล้วละ เจ้าช่วยหายามาให้หน่อยเถอะไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติ เดี๋ยวข้าจัดการเอง" ร่างบางรีบเอ่ยทันที เมื่อร
โรงเตี๊ยมฟู่ ตอนนี้เปิดมาได้ย่างเข้าเดือนที่สี่แล้ว ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหมดแล้วแต่ก็ยังเป็นที่นิยมและผู้คนพากันหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสายสร้างความปีติยินดีให้นายท่านจวนตระกูลจางยิ่งนัก เหมยลี่ที่วันนี้ยอมก้าวเท้าออกจากจวนเพื่อมาดูการต่อเติมจวนกลางเก่ากลางใหม่ที่เจ้าของเดิมขายทิ้งเพื่อย้ายไปเมืองหลวง ถูกนางเอามาทำเป็นที่ผลิตเครื่องประทินผิวเพื่อส่งต่อให้ร้านค้าของราชครูเว่ยหนานจิ้งที่ผูกขาดแค่เจ้าเดียวเท่านั้น ด้วยเป็นคู่ค้าคนสำคัญและพี่ชายที่นางสนิท จนตอนนี้จวนของนางต้องเปลืองข้าวเปลืองน้ำค่อนข้างจะทุกวันเพราะท่านราชครูผู้ร่ำรวยแต่มาฝากท้องจวนผู้อื่นบ่อยเหลือเกิน วันนี้ยังจะตามมากินฟรีที่โรงเตี๊ยมของนางอีก บอกว่าเป็นค่าสินน้ำใจที่อุตส่าห์เป็นธุระหาจวนและช่างมาต่อเติมให้ ร่างบอบบางที่ดูซูบไปจากเดิมเล็กน้อยแต่ยังคงงดงามเย้ายวนดังเดิมเดินเคียงข้างมากับบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดูอบอุ่น เวลาส่งยิ้มให้สตรีข้างกายแต่ละทีทำเอาสตรีที่เดินผ่านไปมาเอียงอายเหมือนกับว่าส่งยิ้มให้ตนเองก็ไม่ปาน ทำให้โฉมงามข้างกายหัวเราะแล้วกล่าวกระเซ้าเย้าแหย่ ช่างเป็นภาพที่ชวนมองและชื่นชมของบรรดาผู้คนที่ทั้งสองเดินผ่าน
"นี่อ๋องหมิงยังไม่คิดที่จะกลับจวนเจ้าอีกหรือ ยาก็ได้ไปแล้วหนิ" ราชครูเว่ยที่กลับมานั่งทำงานต่อ แขกสูงศักดิ์ก็ยังตามมานั่งร่ำสุรา จนป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับจวนตัวเอง"นี่ข้าจะเข้านอนแล้วนะ" "ไปสิข้าจะกลับแล้ว คงจะสมควรแก่เวลาแล้วกระมัง" กล่าวพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลุกขึ้นราชครูเว่ยรู้ทันคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนัก พอคนอื่นทำบ้างมาว่าเขาซะงั้น"เจ้าก็ร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าเลย อ๋องหมิง" หึหึ เหมยลี่เมื่อได้ยินเสียงที่ดังอยู่หน้าห้องก็รู้ว่าท่านอ๋องทรงกลับมาแล้ว จึงรีบหลับตาลง คิดว่าหากพระองค์ทรงอยากรักนาง นางก็จะยอมตามใจ เสียงเปิดและปิดประตูดังแผ่วเบา ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาเงียบๆ จมูกนั้นได้กลิ่นสุราจากร่างสูง ทรงดื่มมา กับใครกัน สักพักเสียงก็เงียบไปเพราะท่านอ๋องได้เดินไปยังห้องอาบน้ำเสียแล้ว เหมยลี่จึงลืมตาขึ้นในอกรู้สึกถึงความจุกแน่นแล้ววูบโหวง ใจสั่น มือสั่นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนจะกระอัก มือบางกำแน่นอย่างพยายามระงับความรู้สึก เมื่อได้ยินเสียงร่างสูงออกมาจากห้องอาบน้ำก็พลิกกายนอนหันหลังให้คนร่วมเตียง ข่มตาหลับเก็บกักทุกความรู้สึกกลับเข้าไป เสียงขยับไหวของเตียงนอ
ยามซื่อแล้วแต่เหมยลี่ยังนอนลืมตาโพลงเพราะตอนนี้สามีตัวดียังไม่กลับมา เป็นข้าเองที่ผิด นางกำลังกลัวการนอกใจใช่หรือไม่พยายามที่จะไม่คิดแต่ไม่รู้ทำไมสมองนางถึงคิดวนไปวนมาและจะมาลงเอยตรงที่พระองค์จะต้องมีคนอื่น บุรุษที่มีความต้องการสูงอย่างท่านอ๋องจะทนได้อย่างไร ตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาหากไม่มีราชการหรือต้องเข้าวังด่วนพระองค์แทบจะไม่ไปไหนเลย จะไปไหนก็จะบอกกล่าวนางตลอดไม่เคยเงียบไปเฉยๆ แบบนี้มาก่อน คิดพลางน้ำตาเจ้ากรรมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ไหลออกมา การเป็นแม่และภรรยาที่ดีนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นี่ข้าต้องเป็นแม่พันธุ์ให้ท่านอ๋องใช่หรือไม่ ท่านอ๋องหยางหมิงเฉิง ตอนนี้ที่นั่งร่ำสุราอยู่ที่จวนราชครูเว่ยกำลังร้อนใจนัก พระองค์ที่ออกมาปรึกษาหนานจิ้งถึงเรื่องที่โดนชายารักยื่นคำขาด จนไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องออกมาหาตัวช่วย แต่ตัวช่วยผู้นี้นั้นพระองค์อยากฆ่าให้ตายนัก ที่ทำให้พระองค์จนมุมหมดสิ้นทางเลือก ย้อนไปหลังออกมาจากจวนก็ตรงมาจวนราชครูเว่ยทันที"วันนี้ลมอะไรหอบเอาท่านพ่อตาข้ามาหาข้าที่นี่ได้กัน"ใบหน้าหล่อเหลาส่งทั้งเสียงและรอยยิ้มยียวนมาให้แขกผู้มาเยือนที่ไม่มีมารยาทมาถึงก็ทำให้บ่าวไพร่ของเขาแตกตื่นสั่
ตอนนี้เจ้าก้อนแป้งคู่ย่างเข้าสามเดือนแล้ว จวนอ๋องนั้นทุกวันล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขต้าเก้อและเจี๋ยเจี๋ย ทั้งสองก็ช่างรู้ความนักช่วยดูแลน้องๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดูไม่ยอมออกห่างกันเลยทีเดียวหยางหมิงเฉิงที่ส่งสายตาอ้ออดอ้อนมาให้ชายารักแต่นางก็ไม่สนใจแล้วยังทำท่าปั้นปึ่งใส่พระองค์อีก แค่พระองค์มองหน้านางด้วยสายตาละห้อย นางก็จะเอ่ยอย่างรู้ทันข้าเหนื่อยบ้างละข้าเจ็บเจียนตายบ้างละหรือแม้กระทั่งท่านไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงอยากเห็นข้าเจ็บปวดอีกหยางหมิงเฉิงอยากจะร้องไห้นักตั้งแต่คลอดลูกแฝดครั้งนี้เหมยลี่รู้สึกกลัวการตั้งครรภ์นัก หากมีวิธีผ่าคลอดนางก็พอทนอยู่หรอก จึงได้ยื่นคำขาดให้สามี"หากท่านหาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ให้ข้าไม่ได้ก็อย่ามาเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด" ท่านอ๋อง ก็รีบผลุนผลันออกจากจวนไม่พูดไม่จา จนนางอดคิดมากไม่ได้ "จะไปไหนของเขากัน" หรือว่าจะไปหอนางโลมหรือแอบมีบ้านเล็กกันนะ"พระชายาเจ้าคะ" ซู่ซู่ที่เอ่ยเรียกพระชายาตนพร้อมกับหน้าแดงๆ " บ่าวมีอะไรจะบอกเจ้าค่ะ"" มีอะไรหรือ หรือว่าเจ้าไปรู้อะไรเกี่ยวกับท่านอ๋องมา" ถามพร้อมกับหันมองอย่างกดดัน"ไม่ใช่เจ้าค่
อุแว้ อุแว้เสียงทารกน้อยที่ร้องดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งจ้องตาฟาดฟันกันอยู่ด้านนอกผลุดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี"คลอดแล้ว คลอดแล้ว" "พระชายาคลอดแล้วคนหนึ่งเหลืออีกคนอดทนไว้เพคะ" "พวกเจ้ารีบป้อนยาให้พระชายาเร็วเข้า" ท่านหมอที่ทำคลอดให้เหมยลี่รีบเร่งให้ผู้ช่วยป้อนยาที่เตรียมให้เหม่ยลี่ เพราะการคลอดลูกแฝดนั้นถือว่าอันตรายหากเกิดมารดาสลบก่อนจะคลอด คงเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น " พระชายาคนแรกเป็นคุณชายน้อยเพคะ"ผู้ช่วยท่านหมอกล่าวขึ้น แล้วทำความสะอาดห่อด้วยผ้าอ่อนนุ่มอุ้มออกมาหาบิดาที่เดินส่งยิ้มมารับไปไว้ในอ้อมแขน"เป็นท่านอ๋องน้อยเพคะ" หยางหมิงเฉิง ยิ้มกว้างอย่างยินดีนัก"ซานเอ๋อ ซื่อเอ๋อ มาดูเจ้าก้อนแป้งน้อยสิลูก น่าชังนัก "หยางหมิงเฉิงนั่งลงให้บุตรทั้งสองเห็นน้องน้อย"เจ้าก้อนแป้งชื่ออะไรดีขอรับท่านพ่อ" ซานเอ๋อถามพลางเอานิ้วเล็กจิ้มแก้มขาวนวลเนียนดังซาลาเปา" พ่อยังไม่ได้คิดเลย รอน้องของเจ้าอีกคนก่อนดีหรือไม่" " ขอรับ""ตี้ตีของต้าเจี่ย ตัวนิดเดียว" คำกล่าวน่ารักน่าชังของซื่อเอ๋อเรียกเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูจากทุกคน โดยเฉพาะหนานจิ้งที่เห็นแล้วนึกเอ็นดูซื่อเอ๋อน้อยนัก แต่รู้สึกได้ถึงสายต
กรี๊ด"เจ้าคนชั้นต่ำ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง อยากตายหรืออย่างไร" "หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด เจ้ารู้หรือไม่ดูหมิ่นเบื้องสูงมีโทษสถานใด" เล่อคังที่พาบ่าวรับใช้มายังเรือนรับรองก็เห็นองค์หญิงอิ๋นลู่เสียน ยังคงนั่งสั่งให้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาเก็บข้าวของอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจว่าได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเจ้าของจวน จึงสั่งให้บ่าวไพร่ทำตามคำสั่งที่ได้รับจากเจ้านายตนโดยไม่สนใจความไม่ยินยอมของผู้อาศัยสูงศักดิ์จึงได้รับทั้งคำบริภาษทั้งเสียงกรีดร้องแต่ก็หาสะเทือนไม่สั่งบ่าวรับใช้ให้เก็บของทุกอย่างขององค์หญิงอิ๋นลู่เสียนใส่หีบอย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวและอย่าให้ของที่อยู่ในจวนอ๋องอยู่แล้วหลุดลอดออกไปเช่นกัน อันนี้อยู่นอกเหนือคำสั่งเพราะคิดว่าหากพระชายาผู้เป็นนายสามารถสั่งการเองได้จะต้องทำเช่นนี้แน่ เมื่อเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยเเล้วก็สั่งให้นำขึ้นรถม้าที่มารอรับเสด็จสมฐานะองค์หญิงเตรียมออกเดินทาง"ข้าไม่ไป เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าคนของข้ายังมาไม่ถึง" เล่อคังเห็นท่าทางไม่ยินยอมของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่าคงไม่ยอมออกไปเป็นแน่ จึงแจ้งรับสั่งของท่านอ๋อง"ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าให้พระองค์
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหน้าเรือนคงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร"ท่านอ๋องเสด็จมาแล้วเจ้าค่ะพระชายา" ซู่ซู่รีบเอ่ยบอก แต่ต้องทำหน้าเหลอหลาเพราะพระชายาของนางแสร้งหลับตาเสียแล้วชิงชิงจึงเอ่ยว่า"ทรงแสร้งหลับตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว" เมื่อชินอ๋องก้าวเข้ามา มองไปยังร่างบอบบางก็รู้ว่านางตื่นแล้วแต่แสร้งหลับเลยโบกพระหัตถ์ให้ออกไป บ่าวทั้งสองจึงรีบถอยออกมาอย่างรู้หน้าที่"ลี่เอ๋อ ลืมตามาคุยกับพี่หน่อยเถิด" เงียบนางจะลืมตาได้ยังไง อาละวาดเสียปานนั้น ช่างน่าอับอายนัก" ลี่เอ๋อ เด็กดี" ว่าพลางสอดกายหนาลงไปนอนเคียงข้าง มือแกร่งกอดเอวเล็กก็รู้สึกได้ว่าหน้าท้องของนางนูนขึ้นเล็กน้อย ร่างบางพลันแข็งทื่อท่านอ๋องที่รับรู้ถึงปฏิกิริยาคนในอ้อมแขนก็กอดกระชับร่างบาง"พี่ขอโทษ" ได้ยินคำขอโทษจากร่างหนาที่แสนอบอุ่นนี้เหมยลี่น้ำตาไหลพราก รับรู้ได้ถึงความรักที่คนตรงหน้ามีให้ นางขอเพียงแค่นี้ แค่รักและซื่อสัตย์ต่อนาง ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว "ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ขอโทษที่ระแวงจนขาดสติ และขอบคุณท่านที่ไม่ถือโทษโกรธเคืองความไม่เอาไหนของข้า" เงยหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตามองใบหน้าหล่อเหลาเห็
หันมาจะอธิบายให้นางฟัง สตรีในอ้อมแขนก็ดึงพระองค์มาจุมพิต แล้วกัดที่ลำคอพระองค์อย่างแรง จึงรีบผลักนางออกเหมือนโดนของร้อน รีบหันไปหาร่างบางของชายา นางก็หันหลังจากไปเสียแล้ว"เจ้า ช่างไร้ยางอายนัก""ขอบคุณที่ชมเพคะ"นางกล่าวพร้อมยกยิ้มขึ้น ดึงกระโปรงจนถึงเข่าแล้วเอาแผ่นไม้บางๆ ที่รองเข่าออก"หม่อมฉันตัดสินใจแล้วก่อนจะจากไปถึงไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาแต่ต้องทำให้หญิงชั้นต่ำนั่น กระอักเลือดให้ได้ โทษฐานที่บังอาจมาแย่งวาสนาของหม่อมฉัน ขอให้ปรับความเข้าใจกันไม่สำเร็จนะเพคะ ทูลลา"กล่าวแล้วรีบหันหลังจากไปทันที"สตรีร้ายกาจ"ร่างหนารีบสาวเท้าไปยังเรือนของชายารักทันทีเหมยลี่ที่ตอนนี้สองตาแดงก่ำ ร่างบอบบางสั่นไปหมด ความรู้สึกนี้อีกแล้ว มันเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเจ็บหนักกว่าครั้งก่อนมากนัก ไหนบอกว่าหากนางสู้จะไม่แพ้อย่างไรเล่า"พระชายา พระชายาเจ้าค่ะ ทรงใจเย็นๆ นะเจ้าคะ"ชิงชิงที่ร้องไห้สงสารนายตนนักซู่ซู่รีบเอ่ยขึ้น"พระชายาจำไม่ได้หรือเจ้าคะว่าท่านราชครูเว่ยกล่าวว่าอย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นบางทีอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้"อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นหรือ ไม่เชื่อได้หรือ ไม่เชื่อได้หรือ
ชินอ๋องที่กำลังทรงงานอยู่ในห้องหนังสือตลอดหลายวันที่ผ่านมา รู้สึกล้านัก หลายวันมานี้พระองค์ไม่มีเวลาให้ลี่เอ๋อเลย เพราะต้องเดินทางระหว่างจวนกับวังหลวงเป็นว่าเล่น ด้วยหัวเมืองสำคัญของแคว้นอีกเมืองหนึ่งกำลังเกิดน้ำท่วมจึงต้องส่งรายงานเรื่องการส่งเสบียงที่กองทัพพระองค์ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบส่งเสบียงอาหารลงไปช่วยผู้ประสบภัย เสร็จจากเรื่องคราวนี้หวังว่าจะไม่มีเรื่องใดมากวนพระทัยอีก พระองค์จะได้ใช้ชีวิตแบบสุขสงบกับชายาเสียที พระองค์ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มมาหลายราตรีแล้ว คิดพลางรีบเร่งทำงานตรงหน้าให้แล้วเสร็จ"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงอิ๋นลู่เสียนขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" เฮ้อ นี่ก็อีกเรื่อง พระองค์ใกล้จะหมดความอดทนกับองค์หญิงผู้นี้เต็มที หาเรื่องให้ลี่เอ๋อเข้าใจผิดพระองค์ได้ตลอด ถึงแม้นางจะเป็นฝ่ายที่.. เอ่อ ค่อนข้างที่จะดูไม่ได้เสียทุกครั้งที่ปะทะกันก็เถอะแต่นางก็หาหลาบจำไม่ ทั้งสองฝ่ายจะมีเรื่องมาให้พระองค์ตัดสินอยู่ตลอด ทั้งๆ ที่พระองค์ก็มีเรื่องยุ่งพออยู่แล้วอย่างเรื่องเมื่อสองวันก่อนที่ไม่รู้ว่าจะทรงขำหรือร้องไห้ดี เมื่อลี่เอ๋อนางนำสีผึ้งทาปากสินค้าทดลองของนางมาโอ้อวดถึงโต๊ะอาหารถึงสรรพคุณท
เหมยลี่ที่เดินมาถึงเรือนก็ตรงเข้าห้องนอนทันที"พระชายาไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ" ชิงชิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"ข้าไม่เป็นไรชิงชิง" ชิงชิงและซู่ซู่ที่เห็นสายตาขององค์หญิงจากแคว้นเหลียงก็นึกชังนัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านอ๋องจะไม่หลงกลมารยาผู้สูงศักดิ์ เหมยลี่กำลังคิดว่าจะรับมือกับองค์หญิงนั่นอย่างไรดี ดูท่าจะร้ายไม่เบา นางไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนด้วยสิ จะเคยก็แต่ดูในละครเท่านั้น หรือนางจะลองสวมบทตามละครดู แต่องค์หญิงนั่นจะมาไม้ไหนนะ จะทำตัวเป็นนางเอกผู้อ่อนหวานอ่อนแอ หรือ นางร้ายผู้มากเล่ห์เจ้าแผนการกัน แล้วสามีนางจะเป็นแบบพระเอกผู้โง่เง่าเหมือนในละครหรือไม่ นางคงต้องปรับตัวตามสถานการณ์เสียแล้ว นางจะไม่ยอมเดินจากมาแล้วอุ้มท้องคนเดียวอีกเด็ดขาดอย่างไรก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด"ลี่เอ๋อ" น้ำเสียงนุ่มนวลที่เอ่ยเรียกทำให้เหมยลี่หลุดจากภวังค์ หันมองสามีอย่างค้นหาความผิดปกติในแววตา แต่พบแค่เพียงแววตาที่มีแต่นางในนั้น จึงส่งยิ้มให้"ท่านพี่" ชินอ๋องที่ทรงมาหานางอย่างกลัวว่านางจะเข้าใจผิด เห็นร่างบางนั่งเหม่อเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มากมายจึงเดินเข้ามาสวมกอดร่างบางอย่างแสนรัก"คิดอะไรอยู่หรือ"