จินเฟยเทียนเมื่อพาหยางหมิงเซียนเดินมาถึงตู้บริจาคเขาก็หยิบเงินออกมาจากถุงเงินหกอีแปะ โดยแบ่งใส่มือหยางหมิงเซียนสามอีแปะ และใส่มือของตัวเองสามอีแปะ
“หมิงเซียน เจ้านำเงินนี้ไปอธิษฐานอุทิศผลบุญให้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นก็นำเงินใส่ลงไปในตู้บริจาคนะ”
จินเฟยเทียนพูดจบก็พนมมือหลับตาลงอธิษฐานก่อนจะนำเงินใส่ลงไปในตู้บริจาค
‘ข้าขอให้บุญกุศลที่ข้าได้ทำในครั้งนี้จงสำเร็จแก่บิดา มารดา น้องชายของข้า และก็ขอให้สำเร็จแก่มารดาของเจ้าของร่างนี้ หยงหม่า ไห่เฟิง และทุกท่านที่ล่วงลับไปด้วยเหตุการณ์ลอบฆ่าที่ผ่านมาด้วยเถิด’
หยางหมิงเซียนที่ได้รับเงินจากจินเฟยเทียนก็มองตามที่คนตรงหน้ากำลังทำ ก่อนจะลงมือทำตามอีกฝ่ายทันที
‘ข้าขอให้บุญกุศลที่ข้าได้ทำในครั้งนี้จงสำเร็จแก่บิดาของข้า และจงสำเร็จแก่ผู้ที่ติดตามของเฟยเกอที่ล่วงลับจากเหตุการณ์การไล่ฆ่าที่ผ่านมาด้วยเถิด’
&
“เกิดอะไรขึ้นอาเหมา?” ราชครูหลงจิ้นสิงเปิดม่านหน้าต่างรถม้า แล้วเอ่ยถามบ่าวคนสนิทที่ขี่ม้าเข้ามาเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ขบวนรถม้าก็หยุดวิ่งกระทันหัน ดีที่เขาประคองผู้เป็นภรรยาของเขาเอาไว้ได้ทัน “เรียนนายท่านมีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งขึ้นมาบนถนนตัดหน้าขบวนรถม้าขอรับ ดีที่อาชางดึงบังเหียนหยุดรถม้าเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ม้าจะชนเข้ากับตัวเด็กคนนั้นโดยตรงขอรับ แต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดจึงทำให้เด็กคนนั้นได้รับบาดเจ็บจากการโดนขาม้ากระแทกเข้าที่ตัวขอรับ และตอนนี้อาชางกำลังเข้าไปดูอาการของเด็กอยู่ขอรับ” เหมาอานรายงานผู้เป็นนายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าขอลงไปดูอาการเด็กที่ได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่เจ้าคะ?” จางเลี่ยงซูเอ่ยปากขอผู้เป็นสามี ด้วยความที่นางมีความรู้ด้านการแพทย์ และเมื่อได้ยินว่ามีคนบาดเจ็บนางจึงไม่สามารถนิ่งดูดายได้ “ได้สิ พี่ก็จะลงไปดูกับเจ้าด้วยซูซู” ราชครูหลงจิ้นสิงพูดพร้อมกับก้าวออกไปจากตัวรถม้า ก่อนจะยื่นมือรับผู้เป็นภรรยาที
ความจริงแล้วราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูสังเกตเห็นเด็กชายสองคนนี้ ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเดินเข้ามายังร้านบะหมี่ที่พวกเขากำลังนั่งกินอยู่ก่อนแล้ว อาจจะด้วยเพราะท่าทางการพูดจาและการปฏิบัติตัวกับคนรอบข้างของเด็กชายทั้งสองจึงทำให้พวกเขาที่คอยมองอยู่เกิดความรู้สึกเอ็นดูและรู้สึกว่าถูกชะตากับเด็กสองคนนี้เป็นอย่างมาก หรืออาจจะด้วยเพราะพวกเขายังไม่มีบุตรให้คอยอุ้มชู พอได้เห็นเด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูสองคนเดินจูงมือกันเข้าในอารามโดยไม่มีผู้ใหญ่มาด้วยแบบนั้น จึงทำให้พวกเขาเมื่อเข้าไปในอารามแล้วได้เจอกับเด็กชายทั้งสองอีกครั้ง เลยพาตัวเองเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับเด็กทั้งสองและคิดอยากจะเข้าไปพูดคุยและซักถาม แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าไปเอ่ยปากซักถามหรือพูดคุย ท่านเจ้าอาวาสก็ให้คนมาแจ้งว่าสามารถเข้าไปพบกับท่านได้เสียก่อน ราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูจึงเกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่น้อย หลังจากราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูเข้าพบกับท่านเจ้าอาวาสเรียบร้อยแล้ว จึงกลับมาพูดคุยเรื่องเด็กทั้งสองคนกันอีกครั้งบนรถม้า และด้วยอุบัติเหตุที่พวกเขาก็ไม่คาด
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หยางหมิงเซียนรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่งเสียงตอบกลับคนที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาในห้องได้ ราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูเข้ามาเยี่ยม มาใส่ยาและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้กับจินเฟยเทียน และยังคงพยายามชวนหยางหมิงเซียนพูดคุยเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่เด็กชายก็ยังคงถามคำตอบคำเหมือนเดิม ก่อนที่ท่านเจ้าของจวนทั้งสองจะพากันเดินออกจากห้องรับรองไป เมื่อเห็นราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูเดินออกจากห้องไปแล้ว หยางหมิงเซียนก็กลับลงมานั่งที่เก้าอี้และเอื้อมมือไปกุมมือของจินเฟยเทียนเอาไว้เหมือนเดิม แล้วหยางหมิงเซียนก็ก้มหน้าลงไปฟุบกับเตียงอย่างอ่อนแรง “หมิงเซียน...” หยางหมิงเซียนเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง แม้เสียงนั้นจะแผ่วเบาแต่กลับเป็นเสียงที่เขาคิดถึงเหลือเกิน “เฟยเกอ!” “เฟยเกอ...เฟยเกอท่านฟ
หลังจากท่านเจ้าของจวนทั้งสองออกจากห้องไปแล้ว หยางหมิงเซียนก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงแล้วเอื้อมมือไปจับมือของคนตรงหน้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของจินเฟยเทียน “เฟยเกอขอรับ ข้า...” หลายวันที่ผ่านมาตอนที่จินเฟยเทียนยังไม่ได้สติหยางหมิงเซียนมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับคนตรงหน้า แต่ทำไมพอตอนนี้ที่อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาแล้ว เขากลับไม่รู้ว่า...จะพูดอะไรดี “หมิงเซียนที่ผ่านมาลำบากเจ้าแล้ว เหนื่อยมากหรือไม่?” “ข้าไม่เหนื่อยขอรับเฟยเกอ ข้า...” “เก่งมากแล้ว...หมิงเซียนเด็กดี” จินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาที่ดูสับสน และคลอไปด้วยน้ำตาของเด็กชายตรงหน้า จากนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปลูบหัวและดึงแขนหยางหมิงเซียนให้ขึ้นมานั่งกับเขาบนเตียง แล้วเขาใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกอดปลอบเด็กชายตรงหน้าเบาๆ “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมา เจ้าอ่อนแอต่อหน้าข้าได้นะหมิงเซียน ข้าขอโทษ...ที่ปล่อยให้เจ้าต้องอ
จนถึงช่วงค่ำ ราชครูหลงจิ้นสิงพาจางเลี่ยงซูเข้ามาตรวจดูอาการให้จินเฟยเทียนและใส่ยา แต่ครั้งนี้ไม่ต้องพันผ้าปิดแผลอีกแล้ว เนื่องจากแผลของจินเฟยเทียนเริ่มแห้งและตกสะเก็ดบ้างแล้ว เมื่อจางเลี่ยงซูตรวจร่างกายของจินเฟยเทียนเสร็จนางก็หันไปพยักหน้าให้กับผู้เป็นสามี และพอราชครูหลงจิ้นสิงเห็นสัญญาณที่ผู้เป็นภรรยาส่งมาให้ เขาจึงเริ่มขอพูดคุยกับเด็กชายทั้งสองทันที “ฟางเฟยเทียน หยางหมิงเซียน ข้ามีเรื่องที่จะขอถามพวกเจ้าทั้งสอง” “ขอรับ/ขอรับ” “จากนี้พวกเจ้าทั้งสองคิดจะทำอะไร? แล้วไปที่ไหนกันต่อ?” “เรียนท่านราชครูและหลงฮูหยินตามตรง ข้าน้อยทั้งสองยังไม่รู้เลยขอรับ ตอนแรกข้าน้อยคิดว่าจะพาหยางหมิงเซียนเข้าไปพักในหมู่บ้านก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีขอรับ” “ฟางเฟยเทียนหยางหมิงเซียนอีกสองวันข้างหน้า ข้ากับฮูหยินจะต้องเดินทางกลับจวนที่เมืองเลี่ยหลิว(เมืองหลวงของแคว้นตง)แล้ว หลังจากวันนั้นที่พวกข้าได้ฟังเรื่องราวของพวกเจ้าทั้งสองคน ข้ากับ
ขบวนรถม้าของราชครูหลงจิ้นสิงเดินทางออกจากจวนพักผ่อนที่เมืองหมิงเจ๋อ และมาถึงจวนราชครูในเมืองเลี่ยหลิวปลายยามเซิน โดยระหว่างการเดินทางราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูได้เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ในเมืองหลวงให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนฟัง เมื่อขบวนรถม้ามาถึงจวนราชครู รถม้าก็วิ่งไปจอดหน้าเรือนใหญ่ ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูเดินลงจากรถม้า โดยมีบ่าวในจวนบางส่วนออกมายืนรอต้อนรับผู้เป็นนายอยู่หน้าเรือนจากนั้นทุกคนที่เดินทางมาจากเมืองหมิงเจ๋อก็ทยอยกันลงจากรถม้าราชครูหลงจิ้นสิงพาผู้เป็นภรรยาเดินเข้าเรือนใหญ่แล้วตรงไปยังห้องโถง จากนั้นท่านเจ้าของจวนทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ประมุขของจวน แล้วราชครูหลงจิ้นสิงก็ให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนที่เดินตามพวกตนมา ไปนั่งที่เก้าอี้สองตัวด้านขวามือของตนเอง จากนั้นราชครูหลงจิ้นสิงก็ให้พ่อบ้านหลี่ตามทุกคนในจวนมารวมกันที่ห้องโถง เมื่อเห็นทุกคนในจวนเข้ามาในห้องโถงกันครบแล้ว จึงเอ่ยแจ้งเรื่องสมาชิกใหม่ในจวนทันที “สองคนนี้คือ...ค
“หมิงเซียน ห้องข้างมันเป็นห้องเล็ก เอ่อคือ...เจ้าพักห้องใหญ่ดีแล้ว” ‘จะบอกอย่างไรดี ห้องข้างมักสร้างไว้ให้บ่าวคนสนิทไว้พัก เพื่อให้บ่าวคอยดูแลผู้เป็นนาย ยามได้ยินเสียงผิดปรกติภายในห้องผู้เป็นนาย...บ่าวคนสนิทจะได้เข้ามาดูแลนายของตนได้ทันที’ “ไม่ขอรับ! เฟยเกอพักห้องนี้นะขอรับ แล้วให้ข้าพักห้องเล็กข้างห้องเฟยเกอ เผื่อเฟยเกอเป็นอะไรตอนกลางคืนข้าจะได้เข้ามาดูแลเฟยเกอได้ทันทีเลยขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดจบก็หันมาใช้แววตาอ้อนวอนจินเฟยเทียน เขารู้สึกว่าเวลาเขามองอีกฝ่ายแบบนี้ คนตรงหน้ามักจะใจอ่อนให้เขา เหมือนตอนในห้องโถงที่เขาลองใช้แววตาแบบนี้มองคนตรงหน้า... เมื่อเห็นแววตาของใสซื่อของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนก็เริ่มใจอ่อน และพอหันไปมองพ่อบ้านหลี่ที่รอให้พวกตนตัดสินใจก็ให้อ่อนใจ “อืม…ก็ได้ งั้นก็เอาตามที่หมิงเซียนบอกขอรับพ่อบ้านหลี่ ให้บ่าวด้านนอกเข้ามาช่วยย้ายของได้เลยขอรับ” “ได้ขอรับ คุณชายฟาง” พ่อบ้านหลี่เอ่ยรับ
จินเฟยเทียนหลังจากดูแลตัวเองเสร็จ เขาก็เดินไปนั่งที่เตียงและกำลังจะเข้านอน แต่ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมาเสียก่อน จินเฟยเทียนจึงขานรับแล้วก็เห็นหยางหมิงเซียนเดินกอดหมอนหนุนเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่รอการอนุญาต “เฟยเกอขอรับ ข้านอนไม่หลับอีกแล้วขอรับ...คืนนี้ข้าขอนอนกับเฟยเกอนะขอรับ” พูดจบหยางหมิงเซียนก็เงยหน้าขึ้นมองจินเฟยเทียนทันที “อืม...ได้งั้นก่อนนอนเจ้าก็ดับไฟด้วยนะ” จินเฟยเทียนเอ่ยตอบรับและขยับเข้าไปนอนด้านในเว้นที่นอนด้านนอกให้หยางหมิงเซียนเหมือนเมื่อคืน “ขอรับ” หยางหมิงเซียนรับคำ แล้วเดินเข้าไปวางหมอนก่อนจะดับไฟ แล้วหันไปนอนกอดจินเฟยเทียนจากนั้นก็หลับตาลงทันที เช้าวันต่อมาหยางหมิงเซียนก็เข้ามาปลุกจินเฟยเทียนเหมือนเดิม และทั้งคู่ก็พากันไปรับสำรับที่เรือนใหญ่กับราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซู ราชครูหลงจิ้นสิงอยู่พูดคุยกับเด็กชายทั้งสองเล็กน้อยก่อนจะแยกตัวไปเข้าวัง จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนจึงอยู่เป็นเพื่อนค
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...